นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ
สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล
ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด
แววตาหลี่ซือซือทอประกาย นางไม่กล้ายอมรับ ทั้งยังไม่อาจหักใจยอมรับ“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้า เป็นเจ้า...”กู้หว่านเยว่ไม่ใส่ใจนาง คนแกล้งหลับไม่มีวันปลุกให้ตื่นได้ นางถือยาไปทำแผลที่เข่าให้นางหยางและซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ยานี้ทาลงบนขาแล้วเย็นๆ สบายๆ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย!”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ยาทานี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เก็บสมุนไพรและบดไว้ใช้กับตนเองกระมัง ประสิทธิภาพดีเพียงนี้เชียว?“ดียิ่งกว่ายาจินฉวงที่ขายในร้านขายยาเสียอีก หากนำไปขาย จะต้องมีคนมากมายมาแย่งซื้อเป็นแน่”แม้ในมิติมียามากมาย กู้หว่านเยว่กลับไม่คิดนำออกไปขายเลยจริงๆ ถูกซูจินเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ความคิดนางก็ทำงานแล้วนักโทษถูกเนรเทศในเส้นทางนี้ นางนับดูแล้วมีราวสองร้อยกว่าคน รวมกับนักการแห่งศาลาว่าการก็เกือบสามร้อยคนนางไม่มีสายสัมพันธ์กับนักโทษเหล่านี้ เกิดเรื่องขึ้นยังกังวลว่าจะถูกพวกเขาใช้ดาบแทงหากนางดูอาการเจ็บป่วยให้ทุกคนระหว่างทาง เก็บสมุนไพรขายให้ทุกคน ก็สามารถครองใจคนได้อย่างน้อยที่สุด ระหว่างทางก็ไม่มีคนจ้องทำร้ายพวกเขาบ้านสาม มิหนำซ้ำยังกลายเป็นสหายของพวกเขาบ้า
ทว่าน่าเสียดาย ระหว่างเดินทางทุกคนล้วนรู้เรื่องระหว่างบ้านเดิมสกุลซูและบ้านสาม ไฉนเลยจะกล้ายื่นมือช่วยเหลือ ก็กลัวล่วงเกินกู้หว่านเยว่ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังจำได้อยู่นะ หมูป่าเป็นหลี่ซือซือล่อมาแล้วเพราะเหตุนี้ยามพวกเขาไปขอร้อง หลายบ้านที่คนในครอบครัวตายไป ถึงขั้นมอบสองเท้าให้คนบ้านเดิมสกุลซูอย่างมิอาจอดกลั้นไม่ว่าไปที่ใดก็ล้วนถูกปฏิเสธ ภายในบ้านเดิมสกุลซูแตกคอกันแล้ว ตำหนิสาปแช่งกันเองกู้หว่านเยว่ทางหนึ่งจัดการหมูป่า ทางหนึ่งมองความครึกครื้น อารมณ์ดีมากจัดการหมูป่าเป็นเรื่องซับซ้อน โชคดีซุนอู่เห็นแก่ทุกคนที่หนีเอาชีวิตรอด อนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืนมอบเวลาจัดการให้กู้หว่านเยว่ไม่น้อยกู้หว่านเยว่จุดไฟก่อนหนึ่งกอง ใช้ไฟย่างขนภายนอกของหมูป่าจนเกลี้ยงแล้ว ถัดมาใช้มีดใหญ่ที่ยืมมาจากนักการแห่งศาลาว่าการ ตัดหมูป่าออกเป็นแปดชิ้น นำไปที่ลำธารทางด้านข้างและล้างจนสะอาด“จื่อชิงจิ่นเอ๋อร์ พวกเจ้าไปเก็บฟืนมาเล็กน้อย จุดไฟทำตะแกรงย่างสักอัน”“ได้เลย!” ทั้งสองคนล้วนมิใช่คุณชายคุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจอีกต่อไปแล้ว มือขาคล่องแคล่วก็ตั้งตะแกรงจุดไฟได้แล้วซูจิ่งสิงใช้กริชลับแท่งไ
“แคกๆ แม่นางกู้ ขอปรึกษาเจ้าหนึ่งเรื่อง”ซุนอู่ยังต้องการรักษาศักดิ์ศรี พูดอย่างเก้อกระดาก“เรื่องใด?”กู้หว่านเยว่มองซุนอู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม อันที่จริงนางรู้เป้าหมายที่ซุนอู่มาแล้วเหตุที่มิได้เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน ก็เพราะนางต้องการสานสัมพันธ์กับนักการแห่งศาลาว่าการ แต่ก็ไม่สามารถรีบร้อนเกินไปได้หาไม่แล้วนานวันเข้า นักการแห่งศาลาว่าการยังคิดว่าพวกเขาบ้านสามรังแกง่ายภายภาคหน้าชี้นิ้วออกคำสั่งนาง มอบประโยชน์อันใดให้นักการแห่งศาลาว่าการก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว“เอ่อ...” ซุนอู่ลังเลเล็กน้อย “เนื้อหมูป่าของพวกเราย่างไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เจ้าช่วยไปดูๆ หน่อยเถอะ”กู้หว่านเยว่แสร้งตกตะลึง “ย่างไม่ดี? เหตุใดย่างไม่ดีเล่า ล้วนเป็นเนื้อมาจากหมูตัวเดียวกันนะ”พูดไป ชี้ไปที่เนื้อหมู “มิสู้ท่านรอเดี๋ยวหนึ่ง พวกเราเพิ่งเริ่มกินข้าว รอข้ากินเสร็จค่อยว่ากัน”ซุนอู่ได้ยินก็เผยสีหน้าตกตะลึง ถัดมาหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วระหว่างเดินทางเขาออกคำสั่งจนคุ้นชินแล้ว นี่เป็นคำรบแรกที่ได้เห็นนักโทษขวัญกล้าให้เขา “รอ” “นางกู้...” ซุนอู่เสียงหนักขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่คล้ายไม่ใส่ใจ ยังถามเขาคล้า
ซุนอู่เป็นผู้นำ เขาเป็นคนแรกที่กิน ทำตามวิธีของกู้หว่านเยว่ ห่อเนื้อย่างด้วยใบโหระพาแล้วใส่เข้าใส่ทันทีในตอนที่ได้กินเนื้อหมูป่า ไม่ว่าจะความขุ่นเคืองใดๆ ล้วนหายไปจนสิ้นซุนอู่พอใจจนตาหรี่เล็ก ใบหน้าเย็นชาเหลือไว้เพียงความเพลิดเพลิน“อร่อยๆ อร่อยเหลือเกิน! เหล่าสหาย พวกเจ้าลองดูสิ”หลังจากได้ยินคำสั่งของซุนอู่ ทุกคนที่หิวมานานก็ทนไม่ไหวอีกแล้วต่างก็หยิบมีดขึ้นมาแล่เนื้อหมูป่า ห่อด้วยใบโหระพาแล้วยัดเข้าปากหากบอกว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่พอใจกู้หว่านเยว่อยู่เล็กน้อย แต่หลังจากกินเนื้อหมูป่าแล้ว ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คุ้มค่ากับการรอคอยเทียบกับการรอเพียงเล็กน้อยนั่น อาหารที่แสนโอชะอยู่ในปากนี้ ทำให้เวลาที่เสียไปตอนนี้ไม่สำคัญเลย“แม่นางน้อยกู้ ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว!”“ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ากินเนื้อย่างที่อร่อยขนาดนี้ แม้แต่ลิ้นข้าก็อยากจะกลืนลงท้องไปด้วยแล้ว”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสุภาพเหตุผลที่เนื้ออย่างอร่อยเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณเครื่องปรุงรสของนาง โรยเครื่องปรุงรสเซาเข่า[footnoteRef:1]นี้ลงไป แม้แต่ผักป่าก็ยังมีกลิ่นหอม [1: บาร์บีคิว] “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนนะ
พูดหมดคำภายในลมหายใจเดียว ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลอย่างไรเสีย นางก็เสี่ยงชีวิตหาอาหาร หากเขาขอให้นางแบ่งอาหารให้ผู้อื่น เขาก็กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเครียดขึ้นมาผู้ใดจะรู้ว่ากู้หว่านเยว่ดีใจยิ่งนัก“ได้สิเจ้าคะ”นางก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้“รอทุกคนหลับไปแล้ว ข้าก็จะส่งเนื้อหมูป่าไปให้พวกเขา”“ขอบคุณ” ซูจิ่งสิงสีหน้าซับซ้อน“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรเสียข้าก็รื้อห้องใต้ดินของท่านเสียว่างเปล่าแล้ว”เนื้อหมูป่านี้เล็กน้อยนัก เทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ในห้องใต้ดินของซูจิ่งสิงดวงตาของซูจิ่งสิงขยับเล็กน้อย“ความจริง ข้าอยากรู้มาตลอดว่าเจ้าเอาในห้องใต้ดินไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว?”เขาพอจะเดาออกว่า กู้หว่านเยว่มีบางอย่างที่ผิดแผก แต่ไม่อาจอธิบายอย่างละเอียดได้กู้หว่านเยว่หรี่ตา ส่งรอยยิ้มอาบยาพิษออกไป“ไม่บอกท่านหรอก ให้ดีที่สุดท่านก็อย่าถามเลยเจ้าค่ะ”แม้ว่าตอนนี้นางจะมีความรู้สึกดีๆ ให้ซูจิ่งสิง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่เพียงพอให้นางกล้าเสี่ยง เปิดเผยเรื่องมิตินอกจากว่า สักวันหนึ่ง ซูจิ่งสิงได้รับการยอมรับจากนางอย่าง
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้