“ฟิ้ว….ฟิ้ว…ฟิ้ว ๆๆ” “อ๊ากกก!!! ลูกพี่ หูข้า!!…” “อ๊าก!! ตะ…ตาของข้า ผู้ใดกัน!!” “ผู้ใดกัน ช่างกล้าเหิมเกริมต่อต้านข้างั้นหรือ เผยตัวออกมา!!” ไป๋ซูเม่ยเพียงแค่เดินกลับมาที่อาหยงอยู่และสลัดถั่วที่เหลือในมือไปทางจางอู่ เสื้อผ้าของเขาก็ฉีกขาดจนถูกถอดออกจนหมดเป็นที่น่าอับอายต่อหน้าชาวเมืองหลวงอีกทั้งดวงตาทั้งสองก็ถูกถั่วที่เหลือพุ่งเข้าไปอย่างตรงเป้าหมาย จางอู่ล้มเสียงดังสนั่นท่ามกลางความสะใจของชาวบ้านโดยรอบที่ไม่มีผู้ใดสนใจจะช่วยพวกมันเลยสักคนอีกทั้งยังพากันโยนข้าวของและดึงเอาเงินที่ถูกเก็บไปคืนกลับมา “นิ้วเท้าหายไปนิ้วหนึ่งแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะทำเช่นไรเสวียนอวี่” นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ติดตามเส้นทางการล้างแค้นของไป๋ซูเม่ย ความสะใจผสมผสานกับการรับมือการรุกของซื่อจื่อ “ข้าอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว” “ข้ามีอยู่ที่หนึ่งหากเจ้าอยากแช่ตัวอาบน้ำสักหน่อย รับรองว่าไม่มีผู้ใดรบกวน” “ที่ใดงั้นหรือ” “น้ำตกด้านหลังนี่เอง แต่น้ำจะเย็นนิดหน่อย” “ข้าอยากไปนะเจ้าคะ” “เจ้า….เจ้า…” “เฟิงหรง…ท่านชวนข้าเองนะ”
View More“หากข้ามีโอกาสหวนคืนอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่าน!!”
เขาลั่วซาง นอกเมืองหยางโจว
“เฮือก….แคก แคก….ที่นี่….คือที่ใด”
“คุณหนู!! ท่านอยู่ที่นี่เองหรือเจ้าคะ ตายจริง!! ท่านถูกงูกัดหรือเจ้าคะ”
“งูกัด? คุณหนูงั้นหรือ เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“คุณหนูเจ้าคะ นี่ข้าเองอาหยงอย่างไรเจ้าคะ คุณหนูท่านช่างใจแข็งนัก แม้ว่าท่านจะมีปากเสียงกับนายท่านแต่ก็ไม่ควรใจร้อนหนีมาอยู่ในป่านี้เพียงลำพังนะเจ้าคะ ข้าแอบหนีตามท่านออกมาเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าท่านจะมีสภาพเป็นเช่นนี้ นี่พึ่งจะสิบวันเองที่ท่าน….”
“โอ๊ย!! อย่าพึ่งพูด พยุงข้าก่อนแล้วค่อย ๆ เล่า”
“ไป๋ซูเม่ย” รู้สึกว่าขานางได้รับบาดเจ็บแต่ในตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาแล้ว แม้ว่าจะยังจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้ แต่ดูจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในยามนี้ …..นางทำสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้
“อิ่นหลง ยอมแพ้เสียเถอะเจ้าไม่มีทางรอดแล้ว”
“พวกเจ้าเคยเป็นคนของข้า!!….เหตุใด…..”
“ขออภัย เงินผู้ใดให้มาข้าก็รับใช้คนผู้นั้น “อิ่นหลง” ต้องโทษที่เจ้ารักคนที่ไม่ควรรักจึงทำให้เกิดเรื่อง หากว่าเจ้ายังอยู่ องค์ชายสี่ไม่มีทางมีความสุข”
“แต่ข้า!! ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเขา เป็นองครักษ์ข้างกายที่ซื่อสัตย์ของเขามาโดยตลอด ทำไม…ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะ….”
นางถูกตัดแขนข้างที่ใช้ดาบได้ไปแล้ว บัดนี้ตรงหน้าคือนักฆ่าที่นางฝึกมากับมือและพาเข้าวังเพื่อเป็นองครักษ์ติดตามขององค์ชายสี่ ด้านหลังคือหน้าผาสูงชันความลึกมิอาจคาดเดาได้
“หากว่าข้าจะต้องตาย ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าทำได้ พวกเจ้ามัน…ไม่มีค่าพอ”
“อิ่นหลง!!”
นางได้ยินเสียงที่เรียกนางเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่จะทิ้งร่างที่เหลือลงไปในเหวลึก ความเย็นของม่านหมอกที่ปกคลุมร่างของนางแทบจะไร้ความรู้สึก
"หากเป็นไปได้ ถ้าสวรรค์จะเมตตาข้าอีกสักคราถ้าหากข้ามีโอกาสได้กลับมา ข้าจะแก้แค้นพวกเจ้าให้หมดทุกคน “องค์ชายสี่เสวียนอวี่” ….ข้าจะไม่มีทางอภัยให้ท่านเป็นอันขาด!!”
กระท่อมไม้ไผ่
นางเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือนางกระโดดหน้าผา แต่กลับตื่นขึ้นมาในร่างของสตรีที่บอบบางแต่ดูมีความรู้เพราะสิ่งที่นางทิ้งไปเป็นเพียงวิญญาณแต่ความรู้ความสามารถของนางยังอยู่
“อิ่นหลง” นักฆ่าและองครักษ์ที่เก่งที่สุดในแดนมืดแห่ง “หอหลัวต๋า” สำนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่มาสวมร่างของสตรีบอบบางในตอนนี้กำลังมองไปยังใบหน้าของสาวใช้อายุน้อยอีกคนที่พยายามเช็ดตัวและทำแผลให้กับนางอยู่
“นึกไม่ถึงว่านายท่านจะใจร้ายถึงเพียงนี้ ให้ท่านมาอยู่ที่นี่เพียงแค่จะรับอนุคนใหม่ ฮือ…คุณหนู ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะต่อไปอาหยงจะอยู่กับคุณหนูเอง”
“เจ้า…เอ่อ อาหยง เจ้าบอกว่าข้า….”
อาหยงเล่าให้นางฟังว่านางคือ “ไป๋ซูเม่ย” เป็นบุตรสาวของท่านหมอหลวง “ไป๋เหลียน” นางเป็นทั้งสาวงามอันดับหนึ่งในหยางโจว อีกทั้งมีความรู้ความสามารถรอบด้านทั้งเรื่องการรักษาที่เก่งไม่ต่างกับบิดา ครั้งนี้นางกับบิดาทะเลาะกันอย่างรุนแรงเรื่องที่เขาจะรับอนุเข้ามาในจวน นางจึงตัดสินใจออกจากจวน
“เช่นนั้นเขาก็มิได้ไล่ข้าออกมา เป็นข้าที่ออกมาเอง”
“ที่นี่…เป็นที่ที่ท่านร่ำเรียนวิชาแพทย์สมุนไพรกับอาจารย์หมอเทวดาเมื่อสามปีก่อนเจ้าค่ะ ท่านจำไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ เจ้างูนี่มีพิษทำให้ท่านความจำเสื่อมหรือไม่เจ้าคะ”
“เอ่อ....อาจจะเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าอาจจะทำให้ข้าหลงลืมบางเรื่อง ว่าแต่ที่นี่คือนอกเมืองหยางโจวงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ แม้จะอยู่นอกเมืองค่อนข้างไกลแต่ก็ยังมิใช่เมืองฉินโจว เมืองหลวงของแคว้นฉินเจ้าค่ะ”
“แล้วที่นี่มีผู้ใดปกครองอยู่ เมืองหยางโจว…หรือว่าจะเป็น…ท่านอ๋อง “เว่ยฉางรุ่ย” ผู้เป็นหนึ่งในสามแม่ทัพรักษาแคว้นฉิน”
“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูท่านไม่เคยสนใจเรื่องในราชสำนัก ท่านรู้จักท่านอ๋องเว่ยได้เช่นไรเจ้าคะ”
“อ่อ…เอ่อ…เคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงน่ะ”
“นายท่านเป็นห่วงคุณหนูแต่ก็ไม่ออกตามหา เหตุใดพวกท่านไม่คุยกันดี ๆ เจ้าคะ ข้าเองก็รู้ว่านายท่านเป็นห่วงมิเช่นนั้นคงมิทำเป็นหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นว่าข้าตามคุณหนูออกมา”
นางไม่ได้ฟังที่สาวใช้พูดเลย “อิ่นหลง” ในร่างของ “ไป๋ซูเม่ย” กำลังเดินวนไปมาและคิดทบทวนบางอย่าง นางตายแล้วครั้งหนึ่ง แขนขวานางถูกตัดก่อนตายแต่บัดนี้แขนนางยังมีอยู่ครบทั้งสองข้าง เช่นนั้นแล้ววรยุทธ์ของนางเล่า….
“เพล้ง!!”
“กรี๊ด!! มีหนูแน่ ๆ คุณหนูข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”
อาหยงคว้าไม้กวาดที่ปลายบานแล้วขึ้นมาด้วยตัวที่สั่น แม้ว่านางจะกลัวแต่ก็พยายามปกป้องคุณหนูของนางอย่างเต็มที่จนทำให้อิ่นหลงอดขำกับท่าทีน่าเอ็นดูนั้นมิได้ ในชาติก่อนนางไม่มีเพื่อนที่เป็นสตรีเลยแม้แต่คนเดียว
“อาหยง ไม่มีอะไรหรอกขวดนั่นตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง พอโดนลมพัดมันจึงตกแตกก็เท่านั้นเจ้าแค่เก็บกวาดไปก็พอ”
“จะ…เจ้าค่ะ”
แม้ว่าจะเป็นสตรีแต่อิ่นหลงก็อุ่นใจที่มีอาหยงมาอยู่เป็นเพื่อนในยามนี้เพราะนางแทบจะไม่รู้เรื่องของไป๋ซูเม่ยผู้นี้เลย ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางที่จะกลับมา เช่นนั้นนางจะไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป
“คุณหนู นั่นท่าน…จะไปที่ใดเจ้าคะ”
“ข้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย ที่นี่ก็ฝากเจ้าเก็บกวาดและทำความสะอาดเสียหน่อยนะ เจ้าก็เห็นว่าข้าทำได้ไม่ดีเท่าใดนัก”
“รับทราบเจ้าค่ะคุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้านำผักและอาหารมาอีกมากมายเลยข้าทำความสะอาดตรงนี้เสร็จแล้วจะรีบทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านกินเจ้าค่ะ”
“อืม ลำบากเจ้าแล้ว”
“คุณหนูเจ้าคะ!!”
อาหยงเรียกนางด้วยน้ำเสียงตกใจ ไป๋ซูเม่ยหันไปมองหน้านางที่ยืนตัวสั่นหน้าซีดอยู่ด้านหลัง
“มีอะไรงั้นหรือ”
“นะ…นั่น…นั่นมัน….มะ…มะ…แมงมุม….”
ซูเม่ยหันไปเห็นแมงมุมพิษสีดำที่น่าจะหลุดมาจากที่ไหนสักที่ในห้องนี้ เป็นปกติเพราะมันชอบอยู่ตามที่รกร้างเช่นนี้ ไป๋ซูเม่ยใช้นิ้วนี้ชี้ไปที่มัน พลังปราณของนางทำให้แมงมุมพิษนั่นแข็งทื่อไปในทันที มันตกลงพื้นและแน่นิ่งไปจนสาวใช้กรีดร้อง
“เจ้าไม่ต้องร้อง มันตายแล้ว”
“ตะ…ตายแล้ว…เป็นไปได้เช่นไรเจ้าคะเมื่อครู่นี้มันยังไต่อยู่ที่ด้านหลังของคุณหนู….”
“ไม่เชื่อเจ้าก็ดูสิ”
อาหยงหันไปมองแมงมุมที่แน่นิ่งหงายท้องแต่นางกลับแปลกใจมากกว่านั้นคือการที่ไป๋ซูเม่ยที่ปกติแล้วกลัวแมงมุมทุกชนิดเดินเข้ามาและใช้ผ้าจับแมงมุมนั้นขึ้นมา
“ทะ…ท่าน…คุณหนู ท่านไม่กลัวมันหรือเจ้าคะ”
“อ้อ…เอ่อคือ….การอยู่ด้วยตัวเองทำให้ข้า…เลิกกลัวน่ะ แมงมุมนี่พิษร้ายกาจนัก เอามาปรุงยาพิษได้เอาขวดโหลมาเก็บมันเอาไว้ก่อน”
“ยะ…ยาพิษงั้นหรือเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะเราปรุงแต่ยารักษาโรคมิใช่หรือเจ้าคะเหตุใด….”
“อาหยง….บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงยาที่เอาไว้รักษาโรคอย่างเดียวหรอกนะที่ช่วยผู้อื่นได้ ยาพิษก็ช่วยคนได้เช่นกัน”
“ช่วยได้งั้นหรือเจ้าคะ ช่วย….เช่นไรเจ้าคะ”
“ก็….ช่วยให้พวกเขาตายเร็วขึ้น จะได้ไม่ทรมานอย่างไรเล่า”
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก
อารามหย่งหลินเว่ยเฟิงหรงและไป๋ซูเม่ยขึ้นเขามาเพื่อเยี่ยมอาจารย์ตงหยวนซึ่งนั่งสวดมนต์อย่างสงบอยู่ในวิหาร เมื่อทั้งสองเข้าไปอาจารย์ก็เอ่ยทักทายขึ้นมาโดยที่ยังไม่ทันได้หันมามองทั้งคู่“พวกเจ้ามาเยี่ยมข้าเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะ”""คารวะอาจารย์""“อืม…ตามสบายเถิดเว่ยซื่อจื่อ ท่านหญิง”“อาจารย์ ท่านทราบ!!”“เสด็จพ่อของเว่ยซื่อจื่อและฝ่าบาทมาปรึกษาข้าก่อนหน้านี้ ถึงไม่ได้อยากรู้แต่อย่างไรก็ต้องรู้ ฮ่า ๆ วันนี้มาหาข้าได้ ดูแล้วท่านหญิงคงจะหายดีแล้วสินะ”“ศิษย์มาที่นี่เพื่อกราบขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะที่ช่วยศิษย์เอาไว้ครั้งก่อน หากว่ามิได้อาจารย์ไปช่วยเหลือศิษย์คงไม่รอด”“เรื่องนั้นที่จริงไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เพียงแต่ว่าคนของเจ้า….ดูเหมือนจะไม่มีสติเอาเสียเลยข้าจึงไปเพื่อเรียกสติเขาเท่านั้น”ไป๋ซูเม่ยมองมาที่เว่ยเฟิงหรงและลอบขำ เฟิงหรงถึงกับหันไปค้อนให้นางที่กล้าขำเขาต่อหน้าเช่นนี้“เม่ยเอ๋อร์ ไว้หน้าข้าหน่อยก็ดีนะ นี่ต่อหน้าอาจารย์เชียวนะ”“ท่านพี่ คงยากแล้วล่ะเจ้าค่ะ ทั้งท่านพ่อ พี่หญิงเฟยหย่า องค์รัชทายาทหรือแม้แต่ท่านอ๋องต่างก็นำเรื่องนี้มาพูดกับข้าหมดแล้ว ก็ยังมีอาจารย์นี่แหละเจ้าค
เว่ยเฟิงหรงกระซิบบอกจนนางต้องเบือนหน้าหนี นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดนี้แล้วเขายังหึงอยู่ ไป๋ซูเม่ยเดินไปที่อุทยานหลวงตามที่เขาบอก นางเดินไปพบคนผู้หนึ่งซึ่งวันนี้เขาสวมชุดสีดำที่ดูแปลกตา“มาแล้วหรือ….คุณหนูไป๋”“อี้เสี่ยวฟาน เจ้า….เหตุใดจึงได้แต่งชุดนี้”นางมองไปยังชุดที่ดูแปลกตาสีเข้มที่ทำให้อี้เสี่ยวฟานดูดีและเหมาะสมกับเขามากกว่าชุดองครักษ์ที่เขามักจะสวมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับเสวียนอวี่“นี่น่ะหรือ นี่เป็นเครื่องแบบของแม่ทัพกองทัพอินทรีย์ทองขององค์รัชทายาทน่ะ เป็นอย่างไรมันเหมาะกับข้าหรือไม่”“ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเป็น….ยอดเยี่ยมมากเลยไม่เห็นมีผู้ใดบอกข้ามาก่อนหน้านี้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นถึงแม่ทัพของนักรบเกราะทองนั่น ข้ายินดีด้วย ข้า…เอ่อ…”“เราอยู่กันสองคน อิ่นหลงเจ้าบอกเรื่องของเจ้ากับเว่ยซื่อจื่อไปแล้วสินะ เขาถึงได้ยอมให้เจ้ามาพบข้าในวันนี้”ไป๋ซูเม่ยเงยหน้ามองสหายรักที่ในที่สุดเขาก็กล้ายอมรับนางแล้วว่านางคืออิ่นหลง สหายของเขา นางมองเขาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา“ใช่แล้วล่ะ ข้าบอกเฟิงหรงไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ข้าถูกเสวียนอวี่ฆ่าและอยู่ในร่างของไป๋ซูเม่ย คู่หมั้นของเขา”“สวรรค์คงเห็นความดีในต
“ที่จริงข้าก็คิดจะชวนเจ้าไปเช่นกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วเราก็แวะไปหาอาจารย์ก่อนก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านใส่ใจ”“ข้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าอยากจะทำสิ่งใด เจ้าเป็นภรรยาของข้าแค่มองตาเจ้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าคงไม่อนุญาตให้เจ้าไปร่วมพิธีของเสวียนอวี่หรอกนะ”“ข้าไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วเจ้าค่ะ เรื่องนั้นมิได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ว่าแต่พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“พระราชาทานรางวัลที่ช่วยปราบกบฏ ประทานยศใหม่และพระราชทานงานสมรส”“นี่พวกเรา…ต้องสมรสในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาทที่อยากจะตอบแทนเจ้าและสกุลเหยียนน่ะ เสด็จพ่อบอกข้ามาเมื่อคืนก่อนครั้งนี้เห็นทีจะเลี่ยงยากเพราะว่าฝ่าบาทตั้งใจประทานรางวัลนี้ให้กับพวกเราและยัง…แต่งตั้งเจ้าเป็นท่านหญิงอีกด้วย”“ท่านหญิงหรือเจ้าคะ แต่ว่าข้า…เหตุใดจึง…”“เรื่องนี้เป็นใต้เท้าเหยียนสองพ่อลูกเป็นผู้เสนอ และฝ่าบาทเองก็นึกขอบใจเจ้าหากว่าคืนนั้นกองทัพสกุลเหยียนและกององครักษ์หลวงของเยียนจินสือมาไม่ทันคงเกิดความเสียหายมากกว่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท เสด็จพ่
Comments