“ต้าชาน ไร้มารยาท!”ท่านป้าจ้องมองลูกชายตาเขม็ง จากนั้นก็จัดเตียงให้กู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะนำบะหมี่มาให้อีกหลายชาม“เดินทางกันมาหลายวันคงหิวกันมากแล้ว ทว่าที่บ้านยากจน ไม่ค่อยมีอะไรนัก กินบะหมี่กันไปก่อนแล้วกันนะ”สีหน้าของต้าซานยิ่งแย่ลงไปอีก พึมพำคำไม่น่าฟังออกมา กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาจากหางตา แล้วยิ้มให้ท่านป้าตรงหน้า“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ พวกข้าจะจ่ายค่าที่พักให้นะเจ้าคะ”พวกนางไม่คิดจะมาอยู่เปล่ากินเปล่าอยู่แล้ว“ไม่เป็นไรหรอก จากบ้านมาด้านนอก ใครบ้างที่ไม่มีเรื่องไม่สบายใจ? ช่วยได้ก็ช่วยกันไปลูกชายของข้าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เพียงทว่าปากเปราะไปสักหน่อย”ท่านป้าเอาน้ำร้อนมาให้ อธิบายด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้วก็ปิดประตูเดินออกไปซูจิ่งสิงจ้องมองไปที่ต้าซาน ลูบปลายนิ้วเล็กน้อย “ต้าซานคนนั้นผิดปกติ”“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่เลย”หลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในหมู่บ้าน นางรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนทุกครอบครัวจะซ่อนความลับบางอย่างไว้“คืนนี้ข้าจะรอดูหน่อย”ซูจิ่งสิงส่งซูจื่อชิงและเมี่ยชิงหว่านไป
ต้าซานกล่าวเสริมว่า “หากพวกเขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้เฒ่าไปเล่า? ท่านอ๋องผู้เฒ่าต้องเป็นอันตรายแน่”ท่านป้ามยังคงกังวลเล็กน้อย “แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขาเลยนะ!”“ท่านแม่ ท่านเห็นข้าเป็นคนเช่นไรไปแล้ว? ข้าเพียงวางยาสลบพวกเขาไป พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”ต้าซานสีหน้าไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านคอยดูพวกเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาอาหารไปให้ท่านอ๋องกับคนอื่นๆ”กู้หว่านเยว่เกือบจะขยับอยู่แล้ว แต่นางก็ต้องตกใจแน่นิ่งไปเสียก่อน หนานหยางอ๋องซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งหมู่บ้านจะระวังตัวแจเช่นนั้น ราวกับว่าพวกเขากำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว เสียงฝีเท้าในหูของนางค่อยๆ หายไป ท่านป้ากระซิบขอโทษพวกเขา หันหลังกลับ แล้วปิดประตูออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาอีก กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว“ตามเขาไป!” ทั้งสองพูดพร้อมกัน!โชคดีที่ต้าซานไม่ได้เดินเร็วนัก ทั้งยังแบกอาหารไว้บนหลัง หลังจากที่ทั้งสองออกจากบ้าน พวกเขาก็เดินตามต้าซานอยู่ไกลๆ มองเห็นชาวบ้านที่อายุน้อยและแข็งแกร่งอีกหลายคนเ
มองคนไม่อาจมองจากภายนอก กู้หว่านเยว่ที่คิดว่าต้าซานอาจไม่ได้มีนิสัยดีนัก ยามนี้ไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้กู้หว่านเยว่อดคิดไม่ได้ว่า สาเหตุที่ชาวบ้านพวกนี้เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา เพราะหนานหยางอ๋องรักประชาดุจบุตรตนจริงๆ“สหายต้าซาน ไม่ได้เด็ดขาด!” แม่ทัพหลี่รีบห้ามเขา “ถ้าท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องไม่ใช้ยาพวกนั้นแน่”หนานหยางอ๋องเป็นคนเที่ยงธรรม ไหนเลยจะยอมให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อเขาได้อย่างไร?“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้ท่านอ๋องรู้สิ” ดวงตาของต้าซานฉายแววแน่วแน่ มองไปรอบๆ มองหาสถานที่ทำร้ายตัวเองกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกวัดพังๆ เมื่อเห็นเข้าก็รู้ว่าถึงเวลาที่พวกตนควรปรากฏตัวแล้ว นางรีบดึงซูจิ่งสิงออกมา แล้วเดินเข้าประตูไป“ช้าก่อน”เมื่อชาวบ้านเห็นทั้งสองคนก็สะดุ้งทันที มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงดังสนั่น คล้ายขึ้นมาค้างเติ่งอยู่ในลำคอต้าซานกระโดดออกมาด้วยความตกใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้วางยาสลบพวกเจ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เมื่อดูการปรากฏตัวของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาก็ตกใจแทบตายเขาสอดธูปสลบเข้าไปแน่แล้
กู้หว่านเยว่จุดไฟแล้วเดินไปดูบาดแผล จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น“อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ง่ายแค่การตกหน้าผา”ตกหน้าผาแบบปกติ ไม่มีทางติดเชื้อได้ขนาดนี้แน่!“แม่นางน้อยกู้หลักแหลม ท่านอ๋องกับข้าตกลงมาจากหน้าผาด้วยกัน ด้านล่างมีแม่น้ำรองรับ จริงอยู่ที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนัก แต่ที่สำคัญคือบาดแผลบนไหล่ของท่านอ๋อง เกิดจากศรธนูเปื้อนอุจจาระ...”ศรที่เปื้อนอุจจาระ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นี่เป็นวิธีการต่อสู้ทั่วไปในสนามรบแม่ทัพหลี่กัดฟัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งท่านอ๋องผู้เฒ่าจะหลงกลอุบายของตนเองกู้หว่านเยว่เก็บเลือดมาหยดหนึ่งแล้วรีบโยนเข้าไปในหอแห่งโอสถเพื่อตรวจสอบจากนั้นก็สวมถุงมือ ตรวจดูทุกส่วนของร่างกายของหนานหยางอ๋อง ดูว่ามีการแตกหักหรือบอบช้ำตรงที่ใดหรือไม่ก่อนจะพบว่าหนานหยางอ๋องมีอาการกระดูกไหปลาร้าและซี่โครงหักอย่างรุนแรง ต้องรับการผ่าตัดทันที“แม่ทัพหลี่อย่าตกใจไป ตอนนี้ท่านอ๋องผู้เฒ่าอาการสาหัส ข้าต้องรีบช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่พร้อมจะช่วยชีวิตคน แต่นางก็ต้องทำให้กฎที่มีชัดเจนขึ้นมาก่อน“ท่านพาคนถอยออกไปนอกวัด ระหว่างที่ข้ารักษา ไม่อนุญาตให้ใค
กู้หว่านเยว่เตือนด้วยน้ำใจว่า “แม่ทัพหลี่ ท่านเองก็บาดเจ็บ ต้องระวังสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ”แม่ทัพหลี่มองดูขาที่หักของตนอย่างไม่แยแส โบกมือว่า “ขอบคุณแม่นางน้อยกู้ที่ที่ห่วงใย แต่บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไร ขอแค่ท่านอ๋องฟื้นตัว ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”“แม่ทัพหลี่ ข้าพูดจากใจจริง ถ้าท่านไม่พักขาให้ดี ขาของท่านจะขาดเอาได้จริงๆ”กู้หว่านเยว่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง เพราะนางเกลียดคนไข้ที่ไม่ฟังคำแนะนำของหมอ“เมื่อครู่ข้าลองมองดู ขาของท่านตอนนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน อาจจะไม่สามารถเชื่อมกลับมาได้อีก” แม่ทัพหลี่กังวลเรื่องหนานหยางอ๋องอยู่เต็มอีก เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่ดุก็เริ่มรู้สึกตัว“ขาของข้ายังรักษาได้หรือ?”แม่ทัพหลี่ย่อมไม่อยากกลายเป็นคนพิการ โดยเฉพาะเมื่อที่ตนมีฐานะเป็นแม่ทัพเช่นนี้“แน่นอนเจ้าค่ะ หากท่านใส่ใจมันมากกว่านี้”กู่หว่านเยว่จึงให้แม่ทัพหลี่หาที่นั่ง ไม่เดินไปมาอีกนางหยิบไม้สองสามอันมาดามขาเขาให้แน่น ก่อนจะเอายาบรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบออกมาให้เขา“ท่านกินด้วยกันกับท่านอ๋องผู้เฒ่า วิธีการใช้ยาข้าเขียนใส่ไว้ในห่อยาแล้ว”แม่ทัพหลี่รับไปดู
เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่แลดูเหนื่อย ท่านป้าจึงพูดอย่างใส่ใจ“ดึกมากแล้ว แม่นางน้อยคงเหนื่อยมาก ไม่สู้กลับไปพักผ่อนกันก่อนเล่า?”กู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธ นางเหนื่อยมากจริงๆ“ขอบคุณท่านป้า เช่นนั้นข้าไปพักก่อนนะเจ้าคะ หากมีเรื่องอะไร พรุ่งนี้เช้าค่อยมาคุยกัน”ซูจิ่งสิงประคองกู้หว่านเยว่เข้าไปในห้อง“เจ้าพักผ่อนไปก่อน ข้าจะออกไปดูด้านนอกสักหน่อย”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หันกลับมาแล้วเข้าไปในมิติ หาผลไม้มากินเติมพลังงาน และอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว จึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากซูจิ่งสิงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน“ข้าไปหาจื่อชิงและคนอื่นๆ มา วางใจเถอะ แม้ว่าพวกเขาจะถูกวางยา แต่ตอนนี้ต่างก็สบายดี”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ดวงตาตกลงไปที่มือของซูจิ่งสิง“ท่านได้บะหมี่มาจากไหนกัน?”“ท่านป้าทำมาให้ กลัวว่าพวกเราจะหิว”“ท่านป้าช่างเป็นคนดีนัก” กู้หว่านเยว่แอบทิ้งเศษเงินไว้ใต้หมอนหลังจากกินบะหมี่แล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปีนขึ้นไปบนเตียง หลับใหลไปทันทีส่วนต้าซานกำลังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องอยู่ในห้องครัว เล่าให้ท่านป้าฟังเกี่ยวกับการช่วยเหลือหนานหยางอ๋องของกู้หว่านเยว่“แม่นางน้อย
หนานหยางอ๋องฟื้นแล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาคล้ายว่าแก่กว่าเดิมไปเป็นสิด้วยเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัด ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ หนานหยางอ๋องจึงนั่งประสานมือให้กู้หว่านเยว่ ขอบคุณนาง“ขอบคุณฮูหยินกู้และคุณชายซูมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ น้ำใจครั้งนี้ ชีวิตนี้ยากจะตอบแทน”แตกต่างจากการถอนพิษครั้งล่าสุด หนานหยางอ๋องรู้สึกว่าพวกเขาอย่างไรก็ต้องการความคุ้มครองอยู่บ้าง จึงหวังเพียงว่าความขุ่นเคืองจะได้รับการให้อภัยแต่คราวนี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่จำเป็นต้องช่วยเขาทำเรื่องลวกๆ ให้พ้นผ่านเป็นเรื่องง่าย แต่การให้ความช่วยเหลือเมื่อถึงเวลานั้นเป็นเรื่องยาก!กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงครั้งนี้ เรียกได้ว่าส่งถ่านกลางหิมะกู้หว่านเยว่เดินไปหาหนานหยางอ๋องและพูดว่า “ท่านอ๋องผู้เฒ่าไม่ต้องเกรงใจไป พบเห็นคนใกล้ตาย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย”ความจริง นางยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว ทนไม่ได้ที่จะมองดูเมี่ยชิงหว่านต้องลงเอยอย่างน่าเศร้าเหมือนในต้นฉบับหวังปี้รีบพูด “เสี่ยวสวี่ไปหาข้าที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้มาพร้อมกับพวกเราด้วย”หนานหยางอ๋องรีบถาม “เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ท่า
หนานหยางอ๋องมองตาม พลันตกตะลึงทันที“ปานดอกท้อ เป็นปานดอกท้อจริงๆ หรือ?!”เมื่อเห็นว่าหนานหยางอ๋องตกใจ กู้หว่านเยว่จึงเริ่มกล่าวว่า “ครั้งก่อนเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่าเชื่อคนง่ายจึงมีภัยถึงตัว ครั้งนี้ เพราะความปลอดภัย ข้าสามารถทดสอบทั้งสองด้วยผงสายสัมพันธ์ได้”“เหมือน เหมือนกันเหลือเกิน ทั้งยังมีปานนี้อีก...” หนานหยางอ๋องพึมพำกับตัวเองความจริงแล้ว เขาแทบไม่ต้องทดสอบอะไรพวกนั้นเลย อาศัยเพียงสองสิ่งนี้ เขาก็เกือบจะแน่ใจแล้วว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกของตนแม่ทัพหลี่นึกขึ้นมาได้ พูดว่า “แม่นางน้อยกู้ นี่ไม่ใช่สหายของท่านหรอกหรือ? ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนเคยเจอนางที่โรงเตี๊ยมมาก่อน”ในเวลานั้น แม่ทัพหลี่ก็ยังนึกแปลกใจ เมี่ยชิงหว่านเหมือนฮูหยินผู้ล่วงลับไปอย่างยิ่งเพียงแต่เขาไม่ทันนึกให้ดี ทั้งยังไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด เพียงแค่คร่ำครวญว่าบนโลกนี้มีคนสองคนที่คล้ายกันมากเช่นนี้อยู่ด้วยกู้หว่านเยว่พยักหน้าและอธิบายว่า “ความจริงแล้ว ตอนนั้น ข้าเองก็เริ่มสงสัยว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกสาวท่านหายตัวไปของท่านอ๋องเพียงแต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็ได้พบกับคุณหนูรองตัวปลอม ข้าจึงไม่ได้บอกเรื่องนี
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้