“ผู้ว่าการเมืองอวี้ชื่อว่าทังต่า เป็นลูกเขยของผู้อาวุโสลำดับสามสกุลหลี่”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเบากู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”บุรุษผู้นี้กำลังทำอะไรบางอย่างลับหลังนาง!ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มที่น่าเชื่อถือออกมา “ภรรยาของข้าอยากเปิดกิจการขนาดใหญ่ในเจดีย์หนิงกู่ ข้าจึงอยากช่วยอย่างสุดกำลัง”เขากล่าวพร้อมกับยื่นรายชื่อไปให้นางด้วยสายตาเอาใจ“นี่คือรายชื่อของขุนนางของเมืองอวี้ ในนั้นมีประวัติส่วนตัวของทุกคนเขียนไว้อย่างละเอียด”กู้หว่านเยว่เปิดดู หนึ่งในนั้นมีชื่อของผู้ว่าการทังด้วยเมื่อเงยหน้าขึ้นมองซูจิ่งสิง ในใจของนางก็พลันดีใจ “สามีของข้าพึ่งพาได้จริง ๆ”แต่ผู้ว่าการถังผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ หลังจากปิดรายชื่อลง กู้หว่านเยว่ก็ตัดสินใจไปเจออีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องที่กู้หว่านเยว่อยากเจอผู้ว่าการของเมืองอวี้และเมืองตู้เปียน ได้แพร่กระจายเข้าหูทุกคนแล้ว“กู้หว่านเยว่ผู้นี้เป็นใครกัน องค์ชายหลี่อยากเจอข้า ข้ายังคิดหนักว่าจะไปหรือไม่ไป สตรีอย่างนางอยากเจอข้าอย่างนั้นหรือ?”ผู้ว่าการทังยิ้มเยาะด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เขาไม่เคยเห็นกู้หว่านเยว่อยู่
ซูจิ่งสิงไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่เขากลับเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะสร้างความขุ่นเคืองให้ภรรยาของตน“ไม่เป็นไร เกิ่งกวงจะถึงเมื่อไหร่”กู้หว่านเยว่กวาดตามองตำราเรียนอย่างนิ่งสงบ ตั้งใจจะเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างสักหน่อย“พรุ่งนี้น่าจะถึงแล้ว”เกิ่งกวงมาพร้อมกับทหารระดับยอดฝีมือหนึ่งพันคน กู้หว่านเยว่กระตุกมุมปาก และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“ดูจากเวลาแล้ว ผู้ว่าการหลิวก็น่าจะถึงแล้วเช่นกัน เช่นนั้นหากผู้ว่าการทังไม่มา ก็ให้เกิ่งกวงไปลากตัวเขามาล่ะกัน”ในเมื่อนางได้ครอบครองเจดีย์หนิงกู่และเป็นเจ้าเมืองของเจดีย์หนิงกู่แล้ว ใครจะกล้าคัดค้านนางละ? รนหาที่ตายเสียเปล่า ๆ “ผู้ว่าการทังทำงานได้ดี ไว้ข้าจะคอยดู”กู้หว่านเยว่เปิดตำราอ่านต่อ เช้าวันรุ่งขึ้น เกิ่งกวงพาทหารระดับยอดฝีมือหนึ่งพันคนเข้ามาในเมืองอวี้ จากนั้นก็ตรงมาตั้งถิ่นฐานใกล้กับจวนโหว อำนาจบารมีของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนไม่น้อย“ยอดเยี่ยม เจดีย์หนิงกู่ของเรามีทหารม้าที่แข็งแกร่งและชุดเกราะอันประณีตงดงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ทหารยอดฝีมือหนึ่งพันคนหน้าประตูจวนโหวสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนไม่น้อยในความทรงจำของทุกคน เจดีย์ห
“สตรีที่ออกเรือนแล้วนางนี้คือใคร เหตุใดถึงมานั่งอยู่กลางโถง?”ผู้ว่าการอำเภอทังพูดกับกู้หว่านเยว่อย่างไม่เกรงใจผู้ว่าการอำเภอหลิวรออยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกโรง จึงรีบพูดว่า“บังอาจนัก เหตุใดถึงพูดจากับแม่นางกู้เช่นนั้น แม่นางกู้คือนายของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เหลือบมองผู้ว่าการอำเภอหลิว ผู้ว่าการอำเภอหลิวผู้นี้ต่างหากที่เป็นตัวตลก“นายหรือ? ฮ่า ๆ ข้ามีนายเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลี่โหวเหย”ผู้ว่าการอำเภอทังพูดอย่างจงใจ“แต่ว่า เวลานี้หลี่โหวเหยกำลังป่วยหนักอยู่บนเตียง ข้าไม่มีนาย”ทังฮูหยินก็ยังวางมาดเป็นผู้อาวุโส มองไปยังหลี่เฉินอันอย่างไม่พอใจ“องค์รัชทายาท หลี่โหวเหยป่วยหนักอยู่บนเตียง ถ้ารู้ว่าท่านได้มอบจวนโหวให้คนนอก เกรงว่าจะโมโหจนต้องฟื้นขึ้นมา”“ใครสองคนนี้มาจากไหนกัน มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งพ่อของข้า?”ข้างกายทังฮูหยิน เด็กชายวัยห้าหกขวบเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเด็กชายตัวน้อยมองไปยังผู้ว่าการอำเภอทัง สายตาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมสายตาของกู้หว่านเยว่หยุดอยู่ที่เด็กชายตัวน้อย รู้สึกขบขันเล็กน้อย “เจ้าคือทังเหวิน บุตรบุญธรรมของผู้ว่าการอำเภอทังใช่ไหม?”นางจ
ผู้ว่าการอำเภอทังตวาดเสียงลั่น“ไหนจะฮ่องเต้อีก ฮ่องเต้ทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากฮ่องเต้รู้ว่าท่านกล้าทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ มอบอำนาจศักดินาทั้งหมดให้กับสตรีนางหนึ่ง ต้องโกรธดั่งสายฟ้าฟาดเป็นแน่!”ภายใต้ความโกรธแค้นของผู้ว่าการอำเภอทัง ถึงกับยกฮ่องเต้มาอ้างผู้ว่าการอำเภอหลิวมองผู้ว่าการอำเภอทังเหมือนเห็นคนโง่ คนผู้นี้ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของซูจิ่งสิงสินะ?ในเมื่อสามีภรรยาคู่นี้กล้าสร้างความโกลาหลในเจดีย์หนิงกู่ คงไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาเป็นแน่อีกอย่างเจดีย์หนิงกู่ยังอยู่ห่างจากเมืองหลวงมากขนาดนั้น ต่อให้ฮ่องเต้ต้องการเข้าไปยุ่มย่าม ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่อาจเอื้อมถึงเช่นกัน“ผู้ว่าการอำเภอทัง ข้าขอแนะนำท่านว่า ผู้รู้สถานการณ์คืออัจฉริยชน”ผู้ว่าการอำเภอหลิวกล่าวเบา ๆ ประโยคหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่มิตรภาพระหว่างทั้งสอง เขาจะไม่พูดอะไรมากเด็ดขาดผู้ว่าการอำเภอทังยิ้มเยาะกล่าวว่า “ท่านรักตัวกลัวตาย แต่ข้าไม่กลัว เรื่องใดที่ท่านไม่อยากยุ่ง ข้าจะจัดการเอง ข้าเคยพูดเสมอว่า วันนี้ข้าจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ยอมรับสตรีมาเป็นนายของข้า”ความจริงพูดไป
“หุบปาก!”ดูเหมือนว่าผู้ว่าการอำเภอทังรู้ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร จึงรีบห้ามไว้อย่างร้อนใจ ขาที่ไขว่ห้างอยู่ก็วางลง“นางมาร เจ้าต้องการจะพูดอะไร อย่ามาปล่อยข่าวให้คนตกใจที่นี่”เหงื่อเย็นเยียบหยดลงมาจากหน้าผากของผู้ว่าการอำเภอทัง หรือว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผยเสียแล้ว?เป็นไปไม่ได้ แม้แต่คนของสกุลหลี่ก็ไม่รู้กู้หว่านเยว่บุ้ยปาก ราวกับเห็นหนูเที่ยวกระโดดโลดเต้นไปทั่ว“ข้ายังพูดไม่จบ ผู้ว่าการอำเภอทังก็ตื่นเต้นไปก่อนแล้ว”“ฮูหยิน พวกเราไปกันเถอะ”ยิ่งสบตากับกู้หว่านเยว่มากเท่าไหร่ ผู้ว่าการอำเภอทังก็ยิ่งประหม่ามากขึ้นเท่านั้น รีบดึงมือของทังฮูหยินและทังเหวินขึ้นมากำลังจะออกไป“ช้าก่อนท่านพี่”เมื่อครู่ทังฮูหยินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นผู้ว่าการอำเภอทังกำลังจะออกไป ในใจก็เริ่มสงสัยมากขึ้น“อย่าเพิ่งรีบร้อนออกไป ข้าอยากฟังว่าที่แม่นางกู้พูดมันหมายถึงอะไรกันแน่ เหตุใดเหวินเอ๋อร์ถึงไม่ใช่ลูกบุญธรรมของสกุลทัง”“ฮูหยิน อย่าไปฟังผู้หญิงคนนั้นพูดจาไร้สาระ”ผู้ว่าการอำเภอทังกระทืบเท้า“นางต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างเรา ที่พูดมาไม่มีความจริงสักประโยคเดียว เจ้าอย่าปล่อ
ตอนนั้นเพราะเรื่องนี้ ทังฮูหยินยังรู้สึกว่าตัวเองขี้ระแวงไปเรื่อย ทำให้นายอำเภอทังเสียหน้า รู้สึกผิดต่อเขาเป็นอย่างมากในเวลานั้นทังเหวินเข้าไปในจวน นายอำเภอทังจับความรู้สึกผิดของนางได้“ส่งคนไปที่ตรอกไป่ฮวา พาผู้หญิงคนนั้นมานี่”ทังฮูหยินสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากสงบสติอารมณ์ลง ก็หาเก้าอี้มานั่ง“ฮูหยิน ถ้ามีอะไรจะพูด เรากลับไปค่อยคุยกัน...”สีหน้าของนายอำเภอทังดูหม่นหมอง ทังฮูหยินเมินเฉยเขาอย่างสิ้นเชิงไม่นานหลังจากนั้น หญิงชราสองคนก็พาสตรีที่ออกเรือนแล้วแต่ยังพราวเสน่ห์เห็นแล้วก็หลงรักคนหนึ่งเข้ามา“ฮูหยิน ผู้หญิงคนนี้ชื่อหลิ่วเหนียง”“ทำไมต้องจับข้า ข้าทำผิดอะไร?” ทันทีที่หลิ่วเหนียงเข้ามาก็พูดด้วยความหวาดกลัวทังฮูหยินไม่พลาดจังหวะที่นายอำเภอทังเห็นนาง สายตาที่หวาดหวั่นนั้น แววตาของนางเผยความผิดหวังออกมาอย่างรุนแรงเดิมทีเคยคิดว่านางกับนายอำเภอทังมีความรักต่อกันอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่สุดท้ายปรากฏว่าตัวตลกกลับกลายเป็นนางเอง?คำนวณจากการตั้งครรภ์สิบเดือน หญิงผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาอย่างน้อยเจ็ดปีแล้ว“ท่านอยู่กับนางมานานแค่ไหนแล้ว”เมื่อยอมรับความจริงแล้ว
ทังเหวินจับมือผู้ว่าการอำเภอทังไว้ “ท่านพ่อ นางตีแม่ของข้า ท่านต้องจัดการให้ท่านแม่!”“เหวินเอ๋อร์ อย่าพูดจาเหลวไหล”สีหน้าของผู้ว่าการอำเภอทังดูแย่มาก ที่เขามีวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนพึ่งพาทังฮูหยิน“ฮูหยิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด...”“ทังต่า ท่านเห็นข้าเป็นคนโง่จริงหรือ?”ทังฮูหยินถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ“ท่านอยู่กับหญิงชู้นางนี้มานานแค่ไหนแล้ว ท่านจะไม่บอกข้าใช่ไหม ได้ ถงจือสวี่เจ้าพูดมา”ตอนแรกถงจือสวี่ปกปิดให้ผู้ว่าการอำเภอทัง ถึงทำให้นางคิดว่าหลิ่วเหนียงเป็นอนุของถงจือสวี่“ทังฮูหยิน ท่าน ทำไมพวกท่านต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วย”ถงจือสวี่เหงื่อแตกพลั่ก เขาไม่สามารถล่วงเกินผู้บังคับบัญชาหรือคนในสกุลหลี่ได้“ฮูหยิน เจ้าอย่าวุ่นวายอีกเลย นี่คือแผนยุแยงตะแคะรั่วของกู้หว่านเยว่”ถงจือสวี่ไม่พูด ทังฮูหยินก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น ผลักผู้ว่าการอำเภอทังที่เข้ามากอดนางออกไป“ไปให้พ้น ข้ารังเกียจความสกปรก แต่งงานมาหกปี ข้าคิดว่าท่านเสื่อมสมรรถภาพ ที่แท้ก็แค่เสื่อมสมรรถภาพกับข้า”ฮ่า ๆ เรื่องตลก เป็นเรื่องตลกระดับชาติจริง ๆ นางยังเข้าใจว่าทังต่าเสื่อมสมรรถภาพ
ทังต่าตะโกนลั่น ถูกคนของเกิ่งกวงลากลงไป“พวกท่านยังมีความเห็นต่างอะไรอีกหรือไม่?”กู้หว่านเยว่หันไปมองเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ทุกคนตัวสั่น รีบส่ายหน้า“ไม่มี”“พวกข้าทุกคนเชื่อฟังท่าน”“ฮูหยิน ท่านพูดอะไร พวกข้าจะทำตามทุกอย่าง”ใครกล้าเป็นปฏิปักษ์กับนาง แสดงว่าต้องการบ้านแตกสาแหรกขาด!ทหารชั้นยอดของเกิ่งกวงยังคงยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก พวกเขาเพิ่งเห็นทังต่าประสบหายนะด้วยตาตัวเอง แล้วจะกล้าต่อต้านได้อย่างไร“เมืองอวี้จะขาดผู้ว่าการอำเภอไม่ได้สักวัน ผู้ว่าการอำเภอนี้ ต้องเชื่อฟังผู้พิพากษาเจียง ท่านมาเป็นแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ชี้ไปที่ผู้พิพากษาเจียงที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน ไม่ได้พูดอะไรมากนักมาตลอดวันนี้ผู้พิพากษาเจียงเข้ามาที่จวนโหวด้วยตัวเอง กู้หว่านเยว่เคยตรวจสอบเขาแล้ว รู้ว่าคนคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรผู้พิพากษาเจียงตกใจ ไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่จะชี้มาที่เขา ใบหน้าที่ซื่อตรงแสดงความประหลาดใจออกมา รีบเอ่ยขึ้น“ขอบคุณแม่นางกู้ ต่อไปข้าจะพยายามทำเพื่อประชาชนของเมืองอวี้อย่างเต็มที่”“อืม”กู้หว่านเยว่จิบชา ผู้ว่าการอำเภอเจียงเชื่อฟังเช่นนี้ นางพอใจมาก“พวกท่านตามข้ามาที่ห้องหนังสือ ข้ามีบาง
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป