หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท

หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท

By:  ม่านฝันจันทราUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
30Chapters
210views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

[มิติ + นางเอกเก่ง + หมอเทวดา + อ่านแล้วสะใจ + สร้างเนื้อสร้างตัว + เนรเทศลี้ภัย + ขวัญใจทุกคน] มู่หนิง ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่กำลังจะตายไปพร้อมกับลูกในท้องของโม่จิ่นยวน ขุนพลผู้เกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์ เพิ่งจะรักษาชีวิตน้อย ๆ ไว้ได้ไม่ทันไร ก็ดันมาเจอเรื่องอีก เพราะตระกูลโม่มีคุณงามความดีสูงส่งจนเกินหน้าเกินตา จึงถูกฮ่องเต้หวาดระแวงและใส่ร้ายป้ายสี จนต้องถูกยึดทรัพย์และเนรเทศ มู่หนิงจึงตัดสินใจเปิดใช้มิติ ขนคลังสมบัติของศัตรูจนเกลี้ยง ระหว่างทางเนรเทศ นางก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระและสุขสบาย แถมยังถือโอกาสช่วยรักษาโรคระบาด บรรเทาภัยพิบัติ ขจัดเภทภัยต่าง ๆ ที่เกิดจากมนุษย์ และยังให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงสุดน่ารักคู่หนึ่ง ขณะเดียวกันนางก็ยังค้นพบว่า เพียงแค่ได้แนบชิดกับสามี มิติก็จะสามารถอัปเกรดได้ไม่จำกัด เฮ้~ ระหว่างทางเนรเทศ นางบังเอิญช่วยคนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุใดจึงกลายเป็นรัชทายาทของแคว้นเพื่อนบ้าน แถมยังถูกตามตื๊อไม่เลิกอีก แค่ให้ซาลาเปา ทว่าคนที่นางช่วยให้อิ่มท้องนั้นคือตัวร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลสุดท้ายเขาดันกลับตัวกลับใจ กลายมาเป็นแฟนบอยของนางในทันที ส่วนชายคนที่ถูกนางใช้ดาบแทงจนเกือบตาย ก็ดันกลายเป็นราชาพิษหน้าปีศาจอีก เมื่อไปถึงดินแดนที่ถูกเนรเทศ มู่หนิงก็ทำการค้าสารพัด จนชีวิตเจริญรุ่งเรือง อยู่มาวันหนึ่ง เหล่าแฟนบอยก็พากันมาท้าทายใครบางคน “ตาเฒ่า ถ้าข้าชนะท่าน ข้าก็จะได้แต่งงานกับพี่สาวใช่หรือไม่” พี่สะใภ้ทั้งหกคนก็ชักดาบออกมา “ใครกล้าคิดไม่ซื่อกับน้องสะใภ้เจ็ด ผ่านด่านพวกเราไปให้ได้ก่อน” แม่สามีหันไปมองใครบางคน “กล้ามาแย่งลูกสะใภ้ข้า ถ้าไม่ซัดพวกเขาให้หมอบ ก็อย่าพูดว่าเป็นสายเลือดของตระกูลโม่” หลายปีต่อมา กองทัพกบฏบุกเข้าเมือง ฮ่องเต้ชั่วเห็นว่าชีวิตของตนกำลังจะไม่รอดแล้ว จึงส่งราชโองการสิบเอ็ดฉบับติดต่อกัน เพื่ออ้อนวอนให้แม่ทัพเจิ้นกั๋วกลับเมืองหลวงเข้าควบคุมสถานการณ์ โม่จิ่นยวนฉีกราชโองการทิ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องหญิงบอกว่า ลูกชายข้ามีดวงชะตาเป็นถึงฮ่องเต้ ขอโทษด้วย ข้ากลับเมืองหลวงคราวนี้ เพื่อมาก่อกบฏต่างหาก”

View More

Chapter 1

บทที่ 1

แคว้นต้าโจว

ณ จวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว

“คุณหนูเจ้าคะ! ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ”

สาวใช้ประคองถ้วยยาขับทารก ส่งไปให้สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ท้องโตซึ่งอยู่ข้างกายนาง

สตรีผู้นั้นรับถ้วยยามาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“ดื่มไม่ได้นะ!”

ทันใดนั้น สตรีหลายคนที่สวมอาภรณ์เรียบง่าย ก็รีบพุ่งเข้ามาปัดถ้วยยาขับทารกในมือของนางทิ้งไป

หนึ่งในนั้นไม่ทันระวังบังเอิญชนนางเข้า ทำให้ศีรษะของสตรีมีครรภ์กระแทกเข้ากับตู้ที่อยู่ด้านข้าง

“น้องเจ็ด! เห็นแก่ที่เด็กในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ทั้งยังเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของจวนแม่ทัพ ขอร้องล่ะ อย่าทำแท้งเขาเลยนะ”

เด็ก?

จวนแม่ทัพ?

มู่หนิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการรับความทรงจำของร่างนี้เข้ามา

เจ้าของร่างเดิมคือบุตรีภรรยาเอกของจวนอัครเสนาบดี มีชื่อนามสกุลเดียวกับนาง เนื่องจากบิดาหลงอนุภรรยาแล้วทอดทิ้งภรรยาเอก หลังจากมารดาเสียชีวิตไป นางก็ถูกนายหญิงคนปัจจุบันที่จิตใจโหดเหี้ยม ขับไล่ไปอยู่ที่เรือนหลังที่ถูกทิ้งร้าง ใช้ชีวิตแย่ยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก

จนกระทั่งเมื่อหกเดือนก่อน แม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋วโม่จิ่นยวนถูกคนวางแผนลอบวางยา และได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางหนึ่งคืนจนเรื่องราวอื้อฉาวไปทั่ว

แม้จะรู้ดีว่านางเป็นเพียงบุตรีภรรยาเอกที่ไม่เป็นที่โปรดปราน แต่หลังจากที่จวนแม่ทัพรับนางเข้ามาเป็นสะใภ้แล้ว ก็ยังคงทะนุถนอมนางราวกับแก้วตาดวงใจ เมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ ก็ยิ่งดูแลประคบประหงมราวกับบรรพบุรุษ ทว่านางกลับโง่เขลา หลงเชื่อคำยุยงของสาวใช้ จนเกือบจะดื่มยาขับทารกเข้าไป

“หนิงหนิง! ตระกูลโม่จงรักภักดีต่อบ้านเมืองมาหลายชั่วอายุคน บัดนี้บุรุษในตระกูลได้สละชีพไปจนเหลือจิ่นยวนเป็นทายาทเพียงคนเดียวแล้ว อีกทั้งเมื่อเดือนก่อนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ หมอหลวงบอกว่าในอนาคตเขาจะไม่สามารถมีทายาทได้อีก หากเจ้าทำแท้งเด็กคนนี้ ก็เท่ากับตัดหนทางสืบสกุลของจวนแม่ทัพเรา แม่ขอร้องเจ้าล่ะ เหลือทายาทไว้ให้ตระกูลโม่เถิด”

การคุกเข่าของฮูหยินผู้เฒ่าโม่ ดึงสติของมู่หนิงที่กำลังซึมซับความทรงจำกลับมา

“ท่านแม่! ท่านรีบลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ”

มู่หนิงรีบประคองฮูหยินผู้เฒ่าให้ลุกขึ้น

นางลูบหน้าท้องที่ป่องขึ้นเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะทะลุมิติมาเป็นภรรยาของโม่จิ่นยวน แม่ทัพผู้เกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังตั้งครรภ์ลูกของเขาอีกด้วย

ใครจะไปคิดว่า วินาทีก่อนเพิ่งจะประมูลหยกแขวนโบราณจากโรงประมูลได้สำเร็จ วินาทีต่อมากลับถูกโคมไฟระย้าหล่นทับจนทะลุมิติมายังแคว้นต้าโจวเมื่อพันปีก่อน

เดี๋ยวนะ

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ ภรรยาของเขาเสียชีวิตพร้อมกับบุตรในครรภ์อายุหกเดือนที่จวนแม่ทัพ ดูเหมือนว่าสาเหตุจะมาจากการดื่มยาขับทารก

มู่หนิงมองสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า แล้วเหลือบมองครรภ์หกเดือนของตนเอง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว

กำลังจะตายแล้ว

สิ่งที่พูดมานั่น มันคือตอนนี้นี่นา

“มู่หนิง! พี่สะใภ้ใหญ่คุกเข่าให้เจ้าด้วย เห็นแก่ที่พวกเราไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีเลย นับตั้งแต่เจ้าแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพ โปรดเก็บเด็กคนนี้ไว้เถิดนะ”

สตรีที่เอ่ยขึ้นคือพี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่าน นางคุกเข่าลงอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา

“พวกเราก็ขอร้องเจ้าด้วย”

เมื่อพี่สะใภ้คนอื่น ๆ อีกห้าคนเห็นเช่นนั้น ก็พากันคุกเข่าลงอ้อนวอน

มู่หนิงมองพี่สะใภ้ทั้งหกด้วยความรู้สึกปวดใจ พวกนางล้วนเป็นสตรีที่อาภัพนัก แต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพยังไม่ทันได้มีทายาท สามีก็สละชีพเพื่อบ้านเมืองไปเสียหมด

ขณะที่นางกำลังจะประคองเหล่าพี่สะใภ้ที่คุกเข่าอยู่ให้ลุกขึ้น น้ำเสียงเย็นเยียบจนเสียดกระดูกก็ดังขึ้นจากนอกห้องโถงใหญ่อย่างกะทันหัน

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สี่ พี่สะใภ้ห้า พี่สะใภ้หก พวกท่านรีบลุกขึ้นเถิด”

โม่จิ่นยวนก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เดินเข้าไปประคองพวกนางให้ลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ

จากนั้นก็หันกลับมามองมู่หนิงด้วยดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากบางที่ดูเย้ายวนกลับซีดขาว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจน้ำแข็ง “ไยต้องใช้เด็กในท้องมาเป็นเครื่องมือให้ท่านแม่และเหล่าพี่สะใภ้ต้องคุกเข่าให้เจ้าด้วย หากเจ้าต้องการหนังสือหย่าร้าง ข้าก็จะให้เจ้า นับจากนี้ วาสนาต่อกันสิ้นสุด ฟ้าดินมีมืดมีสว่าง คนเรามีพบก็ต้องมีจาก”

เขาเคยตั้งตารอคอยการมาถึงของเด็กคนนี้มากถึงเพียงใด น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พบกับคนที่ใช่

มู่หนิงจ้องมองสามีที่อยู่ตรงหน้า คิ้วคมดุจกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดั่งดวงดาว ช่างหล่อเหลางดงามยิ่งกว่าภาพที่เอไอสร้างขึ้นจากโครงกระดูกของเขาในยุคหลังเสียอีก

เดิมทีเขาสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ควรจะมีท่วงท่าที่สง่างาม แขนขาแข็งแรง ทว่าใบหน้ากลับซีดขาวเนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี

ทันใดนั้น มู่หนิงก็จับมือของโม่จิ่นยวนขึ้นมา วางเบา ๆ ลงบนครรภ์ที่ป่องขึ้นของนาง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “เขาไม่ใช่แค่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน แต่ยังเป็นลูกของข้าด้วย ใครบอกว่าจะทำแท้งเขากัน?”

การทำแท้งก็เท่ากับตายทั้งแม่และลูก นางไม่ใช่คนโง่

“ไม่อยากทำแท้งเด็ก เช่นนั้นเมื่อครู่เหตุใดเจ้าถึงคิดจะดื่มยาขับทารก?”

ทุกคนมองไปยังเศษถ้วยที่แตกกระจายและยาต้มบนพื้น เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของนาง

โม่จิ่นยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบชักมือกลับ ราวกับกลัวว่าวินาทีต่อมาจะตัดใจจากลูกไม่ได้

เขาหันหลังให้แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องเสแสร้งหลอกลวง ในเมื่อข้าตกลงจะหย่าแล้ว ก็จะไม่กลับคำ”

มู่หนิงรู้ว่าพวกเขาคงไม่เชื่อใจง่าย ๆ จึงอธิบายอีกครั้ง “ไม่ได้หลอกลวง ข้าเพิ่งพูดไปว่าเขาไม่ใช่แค่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแม่ทัพ แต่ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าด้วย คนเป็นแม่จะใจร้ายฆ่าเขาลงได้อย่างไร”

“จริงหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอีกครั้ง ทุกคนต่างมองนางด้วยความยินดี

“จริงแท้แน่นอน”

มู่หนิงพยักหน้ารัว ๆ ราวกับกำลังปกป้องชีวิตของตนเอง

ทว่าหงอิงสาวใช้ข้างกายนาง เมื่อได้ยินดังนั้น กลับหันไปรินยาขับทารกมาอีกถ้วยหนึ่ง เดินมาอยู่ตรงหน้านางแล้วกล่าวยุยง “คุณหนู! อย่าไปสนใจคำขอร้องของพวกแม่ม่ายพวกนี้เลยเจ้าค่ะ รีบทำแท้งเด็กแล้วหย่ากับคนไร้ประโยชน์ผู้นี้เสีย อย่าได้ใจอ่อนถูกคนในบ้านนี้ถ่วงไว้เลยเจ้าค่ะ”

สายตาของนางฉายแววตื่นเต้น คล้ายกับกำลังดีใจที่แผนการชั่วร้ายบางอย่างเป็นไปตามที่วางไว้

“เพียะ~”

มู่หนิงได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด สะบัดฝ่ามือฟาดไปบนใบหน้าของนางทันที

“คุณหนู! เหตุใดท่านจึงตบข้าเจ้าคะ?”

หงอิงโดนตบอย่างไม่ทันตั้งตัว มองนางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

มู่หนิงเหลือบมองนาง สายตาเย็นเยียบจนเสียดกระดูกราวกับลมหนาวในเดือนสิบสอง แล้วตวาดลั่น “เจ้าเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ กล้าดีอย่างไรถึงไม่แทนตัวเองว่าบ่าวต่อหน้าผู้เป็นนาย โม่จิ่นยวนคือแม่ทัพเจิ้นกั๋วแห่งต้าโจวของเรา เขาสร้างผลงานการรบมากมายปกป้องบ้านเมือง เพียงเพราะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก็หาว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ อย่าว่าแต่ตบเจ้าเลย ต่อให้ฆ่าเจ้าก็ไม่นับว่าเกินไป”

หงอิงคือสาวใช้ที่ฮ่องเต้ประทานให้เป็นสินสมรสในวันแต่งงานโดยใช้ชื่อของบิดาชั่วของนาง ภายนอกดูเหมือนจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าของร่างเดิม แต่ความจริงแล้วมีหน้าที่สอดแนมจวนแม่ทัพ และคอยเป่าหูปลูกฝังความคิดที่บิดเบี้ยวให้นาง

เป้าหมายก็คือหลังจากที่แผนการสำเร็จ ก็จะใช้เรื่องการทำแท้งทำให้นางตายทั้งแม่และลูก

เช่นนี้ไม่เพียงแต่จะกำจัดหมากโง่ ๆ อย่างนางไปได้ ยังทำให้จวนแม่ทัพต้องสิ้นทายาทโดยสมบูรณ์

หากนางจำไม่ผิด พรุ่งนี้เช้าโม่จิ่นยวนจะถูกเรียกเข้าวัง และถูกใส่ร้ายว่าขโมยของในท้องพระคลัง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี แต่ก็ยังถูกโบยด้วยกระบองทหารหนึ่งร้อยครั้ง จนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน แล้วถูกหามกลับมายังจวนแม่ทัพเพื่อกักบริเวณ

วันต่อมา ก็จะมีราชโองการในข้อหากบฏ ให้ยึดทรัพย์สินทั้งจวนและเนรเทศคนในตระกูล อีกครึ่งเดือนต่อมา ก็จะมีข่าวว่าโม่จิ่นยวนเสียชีวิตเพราะอาการบาดเจ็บสาหัสที่ยังไม่หายดี

ช่างเป็นแผนการที่โหดเหี้ยม เป็นกลอุบายที่ชั่วร้ายนัก

ทว่าเหตุการณ์ที่พลิกผันหลังจากนี้ จะทำให้ฮ่องเต้แห่งต้าโจวต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป

โม่จิ่นยวนเห็นนางเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วเพียงนี้ ก็จ้องมองนางอย่างล้ำลึก

นี่ยังใช่มู่หนิงคนนั้นที่เขารู้จักหรือ?

หงอิงได้สติกลับมา สายตาฉายแววเย็นชาและชั่วร้าย ลุกขึ้นไปประคองถ้วยยาขับทารกมาอีกครั้ง แล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อม “คุณหนู! ข้าขอเตือนท่านว่ารีบดื่มยาขับทารกเข้าไปเสียเถิด ท่านเสนาบดีบอกว่า ขอเพียงท่านทำแท้งเด็กและหย่ากับโม่จิ่นยวน ฝ่าบาทก็จะทรงแต่งตั้งท่านเป็นพระชายารองขององค์ชายสาม”

“เพียะ~”

คราวนี้มู่หนิงใช้แรงเต็มที่ ตบจนนางล้มลงไปกองกับพื้น

นางมองหงอิงจากมุมสูงด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยวและน่าเกรงขาม “ข้าจะทำอะไร ยังไม่ถึงคราวที่ให้สาวใช้เช่นเจ้ามาสั่งสอน ใครอยู่ข้างนอก~ หงอิงเหิมเกริมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คิดจะทำร้ายนายน้อยที่ยังไม่เกิด ลากตัวนางออกไปโบยจนตายเดี๋ยวนี้!”

ชิ~ ยังคิดว่านางเป็นมู่หนิงคนเดิมที่โง่เขลา ถูกล้างสมองจนอยากจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงอยู่อีกหรือ?

อย่าว่าแต่พระชายารองเลย ต่อให้เป็นพระชายารัชทายาทนางก็ไม่ต้องการ

คนในจวนแม่ทัพเห็นภาพนี้ ต่างก็พากันตกตะลึงจนไม่อยากจะเชื่อ

ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ นางถึงได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน หงอิงคือสาวใช้คนโปรดของนางเชียวนะ บัดนี้บอกจะตบก็ตบ บอกจะฆ่าก็ฆ่า?

“ท่านฆ่าข้าไม่ได้”

หงอิงกุมใบหน้าที่บวมเป่งของตนเอง มองมู่หนิงด้วยสายตาข่มขู่ ราวกับจะบอกว่า ข้าเป็นคนของฝ่าบาทเชียวนะ เจ้ากล้าแตะต้องข้าก็ลองดู

มู่หนิงไม่แม้แต่จะชายตามองนาง ชี้ไปยังบ่าวชายสี่ห้าคนที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วสั่งการด้วยเสียงเย็น “มัวยืนบื้ออะไรอยู่? เจ้า เจ้า เจ้า แล้วก็เจ้า พวกเจ้าสี่คนรีบลากนางออกไป”

คิ้วที่ดูองอาจของโม่จิ่นยวนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง

ท่าทางที่น่าเกรงขามของมู่หนิงเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้อย่างแน่นอน

“ขอรับ บ่าวรับบัญชา”

บ่าวชายหลายคนก้าวไปข้างหน้า หิ้วปีกหงอิงลากออกไปราวกับสุนัขที่ตายแล้ว

ฟู่~ เมื่อเห็นดังนั้น มู่หนิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

กำจัดหงอิงไปได้แล้ว ต่อไปขอแค่ไม่ทำแท้ง ก็จะไม่ต้องตายทั้งแม่และลูกแล้ว

ต้องรู้ไว้ว่า ในประวัติศาสตร์นั้น ชื่อเสียงของโม่จิ่นยวนยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นที่รักของปวงประชาอย่างหาได้ยาก หลังจากที่ทุกคนรู้ว่านางเป็นคนสังหารทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลโม่

แม้เวลาจะผ่านไปนับพันปี สุนัขที่เดินผ่านป้ายหลุมศพของนาง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะยกขาขึ้นฉี่รดเพื่อแสดงความรังเกียจ

มู่หนิงรู้สึกโชคดีที่ทะลุมิติมาในช่วงเวลาที่พวกพี่สะใภ้เข้ามาปัดถ้วยยาขับทารกทิ้งไปพอดี จึงสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้

ทว่าในวินาทีต่อมา

“เจ้าไม่ใช่มู่หนิง เจ้าเป็นใคร?”

ลำคอขาวเรียวระหง พลันถูกโม่จิ่นยวนบีบเอาไว้แน่น นัยน์ตาสีดำที่ลึกล้ำราวกับบ่อน้ำเย็นที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งนั้น ช่างเย็นเยียบเสียดกระดูก ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัว

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
30 Chapters
บทที่ 1
แคว้นต้าโจวณ จวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว“คุณหนูเจ้าคะ! ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ”สาวใช้ประคองถ้วยยาขับทารก ส่งไปให้สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ท้องโตซึ่งอยู่ข้างกายนางสตรีผู้นั้นรับถ้วยยามาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“ดื่มไม่ได้นะ!”ทันใดนั้น สตรีหลายคนที่สวมอาภรณ์เรียบง่าย ก็รีบพุ่งเข้ามาปัดถ้วยยาขับทารกในมือของนางทิ้งไปหนึ่งในนั้นไม่ทันระวังบังเอิญชนนางเข้า ทำให้ศีรษะของสตรีมีครรภ์กระแทกเข้ากับตู้ที่อยู่ด้านข้าง “น้องเจ็ด! เห็นแก่ที่เด็กในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ทั้งยังเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของจวนแม่ทัพ ขอร้องล่ะ อย่าทำแท้งเขาเลยนะ”เด็ก?จวนแม่ทัพ?มู่หนิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการรับความทรงจำของร่างนี้เข้ามาเจ้าของร่างเดิมคือบุตรีภรรยาเอกของจวนอัครเสนาบดี มีชื่อนามสกุลเดียวกับนาง เนื่องจากบิดาหลงอนุภรรยาแล้วทอดทิ้งภรรยาเอก หลังจากมารดาเสียชีวิตไป นางก็ถูกนายหญิงคนปัจจุบันที่จิตใจโหดเหี้ยม ขับไล่ไปอยู่ที่เรือนหลังที่ถูกทิ้งร้าง ใช้ชีวิตแย่ยิ่งกว่าสุนัขเสียอีกจนกระทั่งเมื่อหกเดือนก่อน แม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋วโม่จิ่นยวนถูกคนวางแผนลอบวางยา และได้มีความส
Read more
บทที่ 2
“ท่าน... ท่านปล่อย... ปล่อยข้า”มู่หนิงอ้าปาก แต่กลับไม่ได้รับอากาศเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งพลันแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะเลือดคั่งเรี่ยวแรงของเจ้าหมอนี่ช่างมหาศาลนัก คิดจะฆ่านางหรืออย่างไร?“บอกมา เจ้าเป็นใคร”สายตาที่เย็นเยียบของโม่จิ่นยวน ราวกับต้องการจะมองทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณของนางมู่หนิงทุบตีไปที่มือของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วชี้ไปที่ลำคอของตนเอง ส่งสัญญาณให้เขาปล่อยมือก่อนนางถึงจะพูดได้ทว่าคนบางคนกลับทำเหมือนพวกสมองทึบ ยังคงบีบลำคอขาวเนียนและบอบบางของนางไว้เช่นเดิมมู่หนิง “...”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เห็นดังนั้น ก็ตกใจจนแทบสิ้นสติสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่พวกนางอุตส่าห์อ้อนวอนให้มู่หนิงเก็บไว้ จะมาให้เขาบีบคอจนสิ้นใจไปไม่ได้เด็ดขาดเมื่อคิดได้ดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ก็ยกไม้เท้าในมือขึ้น ฟาดลงไปอย่างแรงบนแขนของโม่จิ่นยวนที่กำลังบีบคอมู่หนิงอยู่ “จิ่นยวน! เจ้ารีบปล่อยหนิงหนิงเดี๋ยวนี้ หากหลานของแม่เป็นอะไรไป แม่ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!” “น้องเจ็ด รีบปล่อยน้องสะใภ้เร็วเข้า”พี่สะใภ้ทั้งหกต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก พากันเข้ามาแกะมือของเขาออกแม้ว่าโม่จิ่
Read more
บทที่ 3
มู่หนิงตีเขาไปทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าข้าแค่ฝันไป อีกอย่าง บุตรสาวที่ไม่เป็นที่รักอย่างข้า จะมีความสามารถอันใดที่จะไปได้ยินเรื่องราวบางอย่างจากท่านอัครเสนาบดีได้”โม่จิ่นยวนเห็นสีหน้าจริงใจของนาง ไม่มีทีท่าว่ากำลังโกหกแม้แต่น้อยเรื่องบางอย่าง ก็ใช่ว่าจะไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ เลย เขาก็พอจะมีลางสังหรณ์อยู่บ้างแล้ว“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”โม่จิ่นยวนกลัวว่านางจะเป็นกังวล จึงเผลอเอ่ยปากปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ข้ารู้สึกว่าท่านจะต้องถูกโบยด้วยกระบองทหาร หากท่านเชื่อข้า ในช่วงเวลาคับขันก็จงแอบกินยานี่เข้าไปก่อน มันจะช่วยลดความเจ็บปวดทั้งหมดได้ชั่วคราว และช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเล็กน้อยได้ในทันที”มู่หนิงกล่าวจบ ในมือก็พลันปรากฏยาเม็ดสีขาวหนึ่งเม็ดขึ้น นางยัดมันใส่ในมือของโม่จิ่นยวน แล้วกำชับอีกครั้ง “อีกอย่าง หากตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ข้าแนะนำว่าท่านแกล้งสลบไปก็ได้”ในประวัติศาสตร์ ฮ่องเต้สั่งโบยเขาด้วยกระบองทหารมากกว่าร้อยครั้ง เห็นว่าเขาใกล้ตายแล้วจึงไว้ชีวิตลมหายใจสุดท้ายให้หามกลับมาหวังว่าสมองเขาจะไม่ดื้อด้านเกินไป
Read more
บทที่ 4
“คารวะฮูหยินเจ็ดขอรับ”บ่าวรับใช้สองคนที่ยืนเฝ้าคลังสมบัติอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนาง ก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม“เปิดคลังสมบัติ ข้าจะเข้าไปเอาเงินสักหน่อย”มู่หนิงแสดงท่าทีหยิ่งผยอง จงใจแสร้งทำตัวเป็นเจ้าของร่างเดิมที่อวดดีจองหองคนนั้น“ขอรับ”บ่าวรับใช้ไม่ได้ขัดขวาง เปิดประตูให้นางเข้าไปโดยตรงตอนนี้ในจวนแม่ทัพใครบ้างจะไม่รู้ว่านางกำลังตั้งท้องคุณชายน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าและเหล่าฮูหยินน้อยยังได้กำชับไว้เป็นพิเศษว่า หากนางต้องการเอาสิ่งใดก็ให้นางเอาไป ห้ามขัดขวางใด ๆ ทั้งสิ้นณ ห้องโถงใหญ่จวนแม่ทัพฮูหยินผู้เฒ่าโม่และเหล่าลูกสะใภ้เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็พบว่าโม่จิ่นยวนนอนคว่ำอยู่บนเปลหาม ถูกทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่ไยดี ด้านหลังของเขายังเต็มไปด้วยเลือด“จิ่นยวน”ฮูหยินผู้เฒ่าเดินโซเซเข้าไปข้างหน้า ทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อดูอาการบาดเจ็บของโม่จิ่นยวนด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง แต่ก็กลัวว่าจะไปสัมผัสโดนบาดแผลของเขา จึงได้แต่ชักมือที่สั่นเทากลับมา“น้องเจ็ด”พี่สะใภ้หลายคนมองโม่จิ่นยวนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในใจพลันลุกโชนไปด้วยความโกรธ“พวกเจ้ายืนบื้ออยู่ทำอะไร ยังไม่รีบไปตามหมออี
Read more
บทที่ 5
“ใต้เท้า! พวกข้าน้อยได้ตรวจค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบจริง ๆ ขอรับ”ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบกลับอย่างหนักแน่นอีกครั้งเจ้ากรมเฉินขมวดคิ้ว มองไปยังสตรีหลายคนที่เฝ้าอยู่ข้างกายโม่จิ่นยวนด้วยความสงสัยเขาที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังอยู่แล้ว จึงสงสัยขึ้นมาทันทีว่าคนตระกูลโม่อาจจะค้นพบอะไรบางอย่าง แล้วย้ายของออกไปก่อนที่พวกเขาจะมาตรวจค้นแต่ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้มู่หนิงลุกขึ้น ทำท่าทางเป็นห่วงโม่จิ่นยวนอย่างมาก เอ่ยถามอย่างร้อนรน “เจ้ากรมเฉิน ในเมื่อตรวจไม่พบของจากท้องพระคลัง เช่นนั้นพวกเราสามารถไปเชิญหมอมารักษาท่านแม่ทัพได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่น้อย ตอนนี้เพียงแค่อยากให้หมอมาดูอาการบาดเจ็บของบุตรชาย ไม่รอให้เจ้ากรมเฉินเอ่ยปาก นางก็เริ่มสั่งการสาวใช้และบ่าวชายข้างกาย “รีบไปเชิญหมอ ไปเชิญหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาให้หมดทุกคน”“บังอาจ หากไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท ห้ามใครไปเชิญหมอทั้งนั้น”เจ้ากรมเฉินไม่อนุญาตให้คนออกจากจวนเขามองไปยังกลุ่มแม่ม่ายของตระกูลโม่ มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชา “แม้ว่าคนของเราจะไม่พบหลักฐานในจวน แต่ก็ยากที่จะรับประก
Read more
บทที่ 6
ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ยืนขึ้น มองไปยังเหล่าลูกสะใภ้ที่ดีของนาง พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาโม่จิ่นยวนเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “พี่สะใภ้ทุกท่าน ข้ากับท่านแม่หวังว่าพวกท่านจะฉีกทำลายหนังสือสมรสทิ้งเสีย ฉวยโอกาสที่ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ถูกตัดสิน รีบออกจากจวนแม่ทัพไปในยามดึก”พูดจบเขาก็หันไปมองมู่หนิง สายตาจับจ้องไปที่ท้องนูน ๆ ของนางอย่างอาลัยอาวรณ์ “มู่หนิง! เจ้ากำลังตั้งท้อง ยิ่งไม่สามารถติดตามข้ากับท่านแม่ไปตกระกำลำบากระหว่างทางเนรเทศได้ ในบรรดาพี่สะใภ้ของเจ้า นอกจากพี่สะใภ้สี่ที่ไม่มีวรยุทธ์แล้ว คนอื่น ๆ ก็พอมีวิชาอยู่บ้าง การจะพาเจ้าแอบหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ ยังพอทำได้”“ท่านแม่ ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ได้โปรดอย่าขับไล่พวกเราไปเลย ก็แค่การเนรเทศมิใช่หรือ ต่อให้พรุ่งนี้ต้องขึ้นแท่นประหารตัดศีรษะ ข้าก็จะไม่ฉีกทำลายหนังสือสมรสเด็ดขาด”พี่สี่พอได้ยินดังนั้น ก็รีบคุกเข่าลงมองฮูหยินผู้เฒ่าโม่พลางร้องไห้อ้อนวอนแม้ว่านางจะขี้ขลาด แต่กลับไม่กลัวความลำบากแม้แต่น้อย ยิ่งไม่กลัวความตาย“ท่านแม่! แม้ว่าข้าจะไม่เก่งกาจองอาจเหมือนท่านพี่ แต่ข้าก็ขออยู่ร่วมเป็นร่วมตายกั
Read more
บทที่ 7
อีกทั้งรูปทรงของหยกแขวนชิ้นนี้ เหตุใดถึงได้คุ้นตานัก มันเหมือนกับลวดลายบนประตูบานที่ยังไม่เคยเปิดออกในมิติของนางอย่างยิ่ง“ไม่ใช่ของที่ซื้อมา แต่เป็นหยกแขวนที่ข้าแกะสลักขึ้นเองจากหยกไขมันแพะ” โม่จิ่นยวนเห็นนางมีปฏิกิริยามากถึงเพียงนี้ ก็นึกว่านางชอบหยกแขวนชิ้นนี้แล้ว “หากเจ้าชอบ ก็ยกให้เจ้าก็แล้วกัน”“คิดไม่ถึงว่าท่านยังมีฝีมือด้านนี้ด้วย ขอบคุณแล้วกัน เห็นแก่ที่ท่านมอบหยกแขวนให้ข้า เรื่องที่เมื่อวานท่านบีบคอข้า ข้าจะไม่ถือสาหาความกับท่านแล้ว”มู่หนิงเก็บมันเข้าไปในมิติผ่านแขนเสื้ออย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็กำชับอีกครั้ง “รีบนอนลงบนเตียงได้แล้ว บาดแผลบนหลังของท่านหากยังไม่ทายาอีก ระหว่างทางเนรเทศคงได้ลำบากแน่”โม่จิ่นยวนได้ยินนางกล่าวขอบคุณ ความรู้สึกไม่คุ้นเคยก็พลันเกิดขึ้นมาในใจเขาหันกลับไปนอนคว่ำบนเตียง ปล่อยให้มู่หนิงใช้ยาทาลงบนบาดแผลโม่จิ่นยวนสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลในการทายาของนาง ช่างระมัดระวังถึงเพียงนั้น หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มู่หนิงคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ใคร ๆ ต่างก็มีความลับ เจ้าไม่อยากพูดข้าก็จะไม่ซักไซ้ ขอเพียงเจ้าไม่ท
Read more
บทที่ 8
“ถ้าข้าจับได้นะ ข้าจะอัดมันให้ฟันร่วงหมดปากเลย”เพราะโกรธมากเกินไป หลังจากเข้ามานางก็ไม่ได้เหลือบมองไปทางโม่จิ่นยวนเลยแม้แต่น้อยโม่จิ่นยวนได้ยินดังนั้น ลูกกระเดือกที่ดูเย้ายวนก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย กลืนคำพูดที่คิดจะพูดเมื่อครู่กลับลงไปในทันทีเขามองไปที่ซากแกนสาลี่ที่กินเหลือซึ่งห่อด้วยผ้าวางไว้ข้างเตียง รีบใช้จิตสำนึกเก็บมันเข้าไปในมิติมู่หนิงที่กำลังโมโหอยู่แล้ว สัมผัสได้ว่าในมิติมีของเพิ่มเข้ามาอย่างกะทันหัน ก็นึกว่าเจ้าหัวขโมยที่แอบกินเมื่อครู่ รู้จักตอบแทนด้วยการใส่ของกลับเข้ามาบ้างแล้วพอสัมผัสได้ว่าเป็นซากแกนสาลี่ที่กินเหลือ ใบหน้าของนางก็พลันเขียวคล้ำมู่หนิงโกรธจนตบโต๊ะเสียงดังปัง “เกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ ”โม่จิ่นยวนเพิ่งจะลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงนางบ่นพึมพำด้วยความเกรี้ยวกราดอาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าผิด แม้แต่เขาที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน ในชั่วขณะนี้ก็ยังรู้สึกใจคอไม่ดีอยู่บ้างโม่จิ่นยวนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินเข้ามาอย่างใจเย็น นั่งลงข้าง ๆ นางแล้วเอ่ยปลอบ “อย่าโกรธไปเลย โกรธมากไม่ดีต่อร่างกาย เจ้าชอบกินสาลี่ ต่อไปข้าจะหาเงินมาซื้อสาลี่ให้เจ้ากินทุกวัน”“เหตุใดข้าถึ
Read more
บทที่ 9
แม่ทัพหลัวเห็นหัวหน้าขันทีกลับวังไปรายงาน ชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็กระไรอยู่ด้วยความอับจนหนทาง เขาจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ที่นี่อย่างแห้งแล้ง“ท่านพี่! ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไป?”มู่หนิงย่อตัวลง ยื่นมือออกไปหยิกที่แขนของโม่จิ่นยวนอย่างแรงทีหนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “พี่สะใภ้ ท่านพี่สลบไปอีกแล้ว พวกท่านรีบพยุงเขากลับไปที่ห้องเร็ว”โม่จิ่นยวนก้มหน้าลง มุมปากกระตุกอย่างรุนแรงผู้หญิงคนนี้ จงใจทำอย่างแน่นอนจะเตือนให้เขาแกล้งสลบ นางก็หยิกเบา ๆ หน่อยก็ได้แต่นางกลับใช้แรงเต็มที่ ราวกับอยากจะหยิกเขาให้ตาย“น้องสะใภ้เจ็ดอย่ากังวลไปเลย พวกเราจะรีบพยุงน้องเจ็ดกลับห้องไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านปลอบโยนนาง จากนั้นก็ประคองแขนคนละข้างกับพี่สะใภ้รองฟางเหวิน พาเขากลับไปยังเรือนข้างริมฝีปากสีชมพูของมู่หนิงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย มองดูแผ่นหลังของโม่จิ่นยวนที่ถูกประคองจากไป ในใจพลันรู้สึกเหมือนได้แก้แค้นสำเร็จใครใช้ให้ท่านมาบีบคอข้าดังนั้น วันนี้ท่านก็ลองลิ้มรสชาติการถูกข้าหยิกแขนดูบ้างมู่หนิงไม่อยากอยู่ในห้องโถงใหญ่ต่อ เตรียมจะไปหาโ
Read more
บทที่ 10
หัวหน้าขันทีก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว รับภาพอักษรนั้นมาแล้วกระซิบเสียงเบา “ฝ่าบาททรงหมายความว่า มู่หนิงผู้นี้เป็นตัวปลอมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ เจ้าไปสืบดูก่อน หากพบสิ่งใดไม่ชอบมาพากล ก็อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รีบกลับมารายงานข้าก่อนแล้วค่อยวางแผน”“พ่ะย่ะค่ะ บ่าวรับพระบัญชา”หัวหน้าขันทีพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไปด้วยท่าทีชั่วร้ายฮ่องเต้หรี่พระเนตรลงเล็กน้อย ตั้งแต่ตอนที่องครักษ์ลับมารายงานเรื่องการตายของหงอิง เขาก็เริ่มระแวงแล้วมู่หนิงผู้นี้ ตกลงว่าเมื่อก่อนนางแสร้งทำเป็นโง่เขลาได้แนบเนียนเกินไป หรือว่าถูกสับเปลี่ยนตัวไปนานแล้ว?ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน นางก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่เพื่อคลอดทารกในครรภ์ออกมาได้...เรื่องที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนการเนรเทศออกไป หัวหน้าขันทีก็รีบกลับมาแจ้งข่าวที่จวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นแม่ทัพหลัวก็นำคนกลับไปครึ่งหนึ่ง เหลือไว้อีกครึ่งหนึ่งเพื่อกักบริเวณคนในจวนแม่ทัพต่อไปยามค่ำคืนหลังจากที่ทุกคนดับไฟเข้านอนแล้ว มู่หนิงและโม่จิ่นยวนก็สวมใส่ชุดสีดำทั้งตัว ปิดบังตนเองอย่างมิดชิด แล้วมุ่ง
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status