กงซุนหงเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น พร้อมกับรำลึกความหลัง“ผลสุดท้าย ทุกคนต่างถูกสั่งสอน หลังจากนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่าท่านพ่อพูดถูก”กงซุนเสว่รีบเอ่ยขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้ายังจำศิลาจารึกที่อยู่ใต้ล่างหอบรรพบุรุษของสกุลกงซุนของพวกเราได้หรือไม่ บนศิลาจารึกมีภาพวาดอยู่ น้องสี่ ครั้งที่แล้วข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ารู้สึกว่าคนในภาพวาดนั้นเหมือนแม่นางกู้”“ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นนาง!”นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่จะสามารถทำให้หงส์เพลิงยอมรับเป็นนายได้อย่างเต็มใจล่ะ?“ไป พวกเราไปช่วยกัน”พี่น้องทุกคนต่างพากันหยิบนกหวีดออกมาจากอก ฝูงสัตว์ก็สงบลงแล้วฝูงสัตว์ร้ายกลับสู่สภาพเดิม ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น พวกมันที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ก็พากันวิ่งกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองกู้หว่านเยว่มองดูทั้งหมดนี้ สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้“นายหญิง แย่แล้ว”เวลานี้ ชิงเหลียนก็รีบเข้ามา“พวกเราพบร่องรอยของมู่หรงอวี้”“มู่หรงอวี้?!”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นยิ้มออกมาทันทีจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้ แต่ฆ่ามู่หรงอวี้ได้ก็ไม่เลว“มู่หรงอวี้ดูเหมือนจะค้นพบถ้ำแล้ว ตอนนี้กำ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น มู่หรงอวี้ก็เห็นท่าไม่ดีเมื่อหันหน้าไป เผชิญกับกู้หว่านเยว่ที่มีรอยยิ้มอันคลุมเครือ ก็ยิ่งเหงื่อตกอย่างฉับพลันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปยังซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีสภาพบาดเจ็บตรงไหน“เจ้าโง่ รีบหนีไป!”คนรับใช้จับผิดข้อความอย่างเห็นได้ชัดมู่หรงอวี้ขี่ม้าหนีไปโดยไม่ลังเลเคยมีประสบการณ์ทำหลุดจากมือไปแล้วในคราวก่อน เวลานี้ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร ก็จะไม่ปล่อยให้มู่หรงอวี้หนีรอดไปได้“ท่านพี่ ไล่ตามไป”กู้หว่านเยว่นำอุปกรณ์ติดตามออกมาจากมิติ ซูจิ่งสิงโอบตัวนางไว้ ก่อนจะเหาะเหินขึ้นไปตามไล่ล่า“พวกเจ้าเข้าไปในถ้ำเพื่อปกป้องคนอื่น ๆ”เล็งอุปกรณ์ติดตามไปที่หลังของมู่หรงอวี้ แล้วปล่อยมันออกไปไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ใด กู้หว่านเยว่ก็สามารถไล่ตามเขาได้“ซวยแล้ว”มู่หรงอวี้กำลังรีบรุดอยู่ข้างหน้า เขาพอจะรู้สึกได้ว่า ครั้งนี้มันอันตรายมากคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ แสดงว่าฝ่ายหญิงลึกลับนั้นพ่ายแพ้ไปแล้วเขาวิ่งไปที่หลินซีโข่วโดยไม่ลังเลใด ๆ วางแผนที่จะหลบหนีออกจากเขตซีเป่ยโดยทันทีกู้หว่านเยว่อ่านเจตนาของเขาออก ไล่
“ครั้งหนึ่งข้าเคยมีความฝันที่เหมือนจริงมาก” เว่ยเฉิงเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา“ในความฝันข้าสนับสนุนให้มู่หรงอวี้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่เขากลับคุมขังครอบครัวของข้าทั้งหมด เพราะกลัวว่าข้าจะรู้เรื่องราวในอดีตของเขามากเกินไป ฆ่าลูก ๆ ของข้า ข่มเหงภรรยาผู้เป็นที่รักของข้า...”ดวงตาของเว่ยเฉิงแดงก่ำ เมื่อเห็นดังนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นสะท้านมีเพียงกู้หว่านเยว่เท่านั้นที่รู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝันทั้งหมดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในโลกของหนังสือต้นฉบับ“ไม่ใช่ เจ้าฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ?” มู่หรงอวี้เหมือนได้ยินเรื่องตลกระดับชาติเขาดูเหมือนจะยอมรับไม่ได้ “เพียงเพราะความฝันเดียว เจ้าก็จะเป็นปฏิปักษ์ต่อข้างั้นหรือ? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”“ตอนแรกข้าน้อยก็คิดเช่นนี้ ว่านั่นเป็นเพียงความฝัน” เว่ยเฉิงยิ้มเยาะจนกระทั่งเรื่องราวที่อยู่ในความฝันได้กลายเป็นจริงทีละน้อย เขาได้รู้จักกับมู่หรงอวี้ โรคระบาดในเมืองตงโจว...สิ่งเดียวที่แตกต่างจากความฝัน ก็คือคู่สามีภรรยากู้หว่านเยว่ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต้น เว่ยเฉิงจึงเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขา“แม่นางกู้ ได้โปรดให้โอกาสนี้แก่ข้า”เว่ยเฉิงรีบรุดมายังเ
“มาพึ่งบารมีพวกข้าหรือ?” กู้หว่านเยว่อ้าปากค้าง ผลลัพธ์เช่นนี้นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนสายตาของเว่ยเฉิงเผยความศรัทธาออกมา “ท่านทั้งสองปฏิรูปเจดีย์หนิงกู่อย่างไร ความจริงข้าก็รู้”เขาหลุบตาลง “เว่ยเฉิงเป็นเพียงผู้คงแกเรียน อุตสาหะร่ำเรียนแม้จะยากลำบาก หนึ่ง ไม่ทำให้พ่อแม่ลูกเมียต้องผิดหวังสอง หวังเพียงผู้คนทั่วโลกจะอยู่เย็นเป็นสุข”ทันใดนั้นเขาก็เหลือบมองซูจิ่งสิง แววตาวิบวับ “พี่ซูคงรู้ภูมิหลังของตัวเองแล้วใช่ไหม?”เรื่องภูมิหลังของซูจิ่งสิง เว่ยเฉิงก็ได้รู้มาจากความฝันเช่นกัน“พี่ซูอยู่ในรัชสมัยต้าฉี พวกท่านสองผัวเมียก่อสร้างเจดีย์หนิงกู่ขึ้นมาได้ดีเช่นนี้ ข้าจึงอยากติดตามพวกท่าน”เว่ยเฉิงพูดจบก็ลุกพรวดขึ้นมาเขาเลิกเสื้อคลุมขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสอง“หากท่านทั้งสองไม่รังเกียจ จากนี้ไปท่านทั้งสองคือนายของเว่ยเฉิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเป็นที่สุดหลังจากเรียกสติกลับมา นางก็รีบประคองเว่ยเฉิงขึ้นมา“ใต้เท้าเว่ยรีบลุกขึ้นเร็ว”ในหนังสือต้นฉบับ ความเก่งกาจของเว่ยเฉิงเป็นสิ่งที่แม้แต่กู้หว่านเยว่ก็ยังเลื่อมใสถ้าไม่มีเขา มู่หรงอวี้ก็ไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้เลยยิ่งไปกว่านั
สำหรับผู้ถูกเนรเทศเหล่านั้น นางไม่ปฏิเสธใครก็ตามที่เข้ามาประการที่หนึ่ง สามารถช่วยให้ประชาชนไม่ต้องซัดเซพเนจรอยู่ข้างนอก ประการที่สอง จะได้มีแรงงานในการก่อสร้างเจดีย์หนิงกู่อีกด้วยเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายรถม้ากลับมาถึงหมู่บ้านโซว่หวาง เวลานี้ผู้คนในถ้ำได้ออกมาแล้วกงซุนเสว่และพวกเก็บกวาดความยุ่งเหยิงในหมู่บ้านโซว่หวางใกล้เสร็จแล้ว เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่กลับมา ก็รีบเข้ามาต้อนรับ“ฮูหยิน ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว พอไม่เห็นพวกท่าน พวกข้ายังนึกว่าพวกท่านตกอยู่ในอันตราย”กงซุนเสว่เป็นห่วงมากตอนนี้นางคิดว่ากู้หว่านเยว่สำคัญกว่าตัวเองเสียอีก เพราะอย่างไรเสียถ้าไม่ได้กู้หว่านเยว่ พวกเขาก็คงไม่สามารถกลับมาที่หมู่บ้านโซว่หวางได้ง่ายดายเช่นนี้“ใช่แล้ว พวกข้าจัดการทุกอย่างในหมู่บ้านโซว่หวางใกล้เสร็จแล้ว แค่รอให้ท่านกลับมาควบคุมดูแลสถานการณ์โดยรวม”กงซุนหงยิ้มออกมานางไม่ลืมคำสัญญาครั้งก่อน จากนี้ไปหัวหน้าหมู่บ้านโซว่หวางจะเป็นกู้หว่านเยว่“นี่คือใต้เท้าเว่ย ในหลายวันนี้เขากับพวกท่านจะร่วมกันบูรณะเขตซีเป่ยขึ้นมาใหม่”กู้หว่านเยว่ลูบคางในเมื่อต่อไปเขตซีเป่ยจะเป็น
หลังจากกลับมาที่หมู่บ้านโซว่หวาง กู้หว่านเยว่ก็หยิบหีบสีเทาออกมา “ท่านพี่ ท่านดูสิว่านี่คืออะไร”ซูจิ่งสิงมองดูอย่างถี่ถ้วน “สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นหีบบรรจุเถ้ากระดูก”ด้านนอกหีบสีเทาไม่มีตัวอักษรใด ๆ นี่คือสิ่งที่หญิงลึกลับทิ้งไว้ เดิมทีกู้หว่านเยว่วางแผนที่จะศึกษาอย่างละเอียดพอยินมาว่ามันคือหีบบรรจุเถ้ากระดูก จึงชักมือกลับอย่างไม่พอใจ“ทำไมนางถึงเอาของสิ่งนี้ไปวางไว้ในศาลบรรพบุรุษของหมู่บ้านโซว่หวาง?”“น้องหญิง ขอข้าดูก่อน”ซูจิ่งสิงไม่อยากให้หีบใบนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจ จึงเอื้อมมือไปเปิดหีบออกโชคดีสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่เถ้ากระดูก แต่เป็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ตัวหนึ่ง“ระวังจะมีพิษ”กู้หว่านเยว่ยื่นถุงมือให้คู่หนึ่ง ซูจิ่งสิงสวมถุงมืออย่างเชื่อฟัง แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา“มันเป็นเสื้อผ้าของผู้ชาย ดูเก่ามาก มีอายุพอสมควร”หีบสีเทานี้ชัดเจนว่าเป็นหีบบรรจุเถ้ากระดูก แต่ข้างในกลับเป็นเสื้อผ้าตัวหนึ่ง”เป็นไปได้สูงมากที่เสื้อผ้าตัวนี้จะเป็นของใครบางคนที่มีความสำคัญกับหญิงลึกลับเนื่องจากไม่มีเถ้ากระดูกของอีกฝ่าย จึงทำได้เพียงเก็บเสื้อผ้าตัวนี้ไว้ระลึกถึงกู้หว่านเยว่คาดเดาว่า “หญิ
เรื่องนี้เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับสกุลกงซุน นี่คือคำสั่งของฮ่องเต้ แรกเริ่มที่ยกทัพไปปราบหนานหลีอ๋อง พวกเขาสกุลกงซุนเพียงแค่จัดหาม้าศึกให้เท่านั้น“อย่างที่ท่านพูด หรือว่าจะเป็นคนของหนานหลีอ๋อง ที่กำลังแก้แค้นให้เขางั้นหรือ?”จะมีเสื้อผ้าที่พอดีตัวขนาดนี้ได้ ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับหนานหลีอ๋องแน่ “หรือว่าจะเป็นชายาหนานหลีอ๋อง?”กงซุนหงส่ายหัว พูดอย่างยิ้มแย้ม “ท่านไม่รู้อะไรเลย หนานหลีอ๋องไม่เคยเสกสมรส ไม่เคยมีชายา ยิ่งกว่านั้นฮ่องเต้ก็จิตใจโหดร้าย ตอนนั้นนอกจากฮองเฮาแล้ว ผู้คนในจวนหนานหลีอ๋องล้วนตายกันหมด”“พูดแบบนี้ หรือว่าจะเป็นฮองเฮา?”ฮองเฮาเป็นน้องสาวของหนานหลีอ๋อง การแก้แค้นให้หนานหลีอ๋อง ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลซูจิ่งสิงเตือนความจำ “ฮองเฮาร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยหลายโรค หมอหลวงในวังต้องคอยตรวจดูอาการอยู่เสมอ”และหญิงลึกลับผู้นั้นสวมชุดสีขาว เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ไม่มีทางจะเป็นฮองเฮาไปได้เบาะแสขาดหายไปอีกแล้วสองสามีภรรยาขบคิดแทบตายก็หาคำตอบไม่ได้กู้หว่านเยว่จึงเก็บเสื้อผ้ากลับมา อันที่จริงของสิ่งนี้ก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ววันหลังยังมีเวลาเสมอที่จะได้เผชิญหน้ากับหญิงลึกล
เขายกถ้วยยาเข้ามา “เจ้าไม่จำเป็นต้องมาดูแลด้วยตัวเองจริง ๆ ข้าจัดการเองก็ได้”“ท่านช่วยข้าไว้” แก้มของกงซุนซวงแดงระเรื่อสองตาที่มองชายผู้นั้นเป็นประกายน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านล่อคนเหล่านั้นไป ข้าก็ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในทางลับได้”เจียงหลินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรทำแล้ว ข้ารับปากกับผู้อาวุโสโซว่หวางเอาไว้ ว่าจะปกป้องลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี”“ใต้เท้าเจียง ท่านให้ข้าได้ดูแลท่านบ้างเถอะ”ไม่ยากเลยที่จะมองออกว่า ดวงตาของกงซุนซวงเต็มไปด้วยความชื่นชมน่าเสียดายที่เจียงหลินไม่มีอารมณ์จะพูดจาในตอนนี้ นอนอยู่บนเตียงบ่ายเบี่ยงว่าไม่สบายเนื้อตัว แล้วไล่กงซุนซวงออกไปกงซุนซวงถอนหายใจ กังวลว่าหากฝืนอยู่ที่นี่ต่อ จะทำให้เจียงหลินรู้สึกรังเกียจ จึงเดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์“น้องหญิงห้า เจ้าบอกข้าทีว่า ตอนนี้หมู่บ้านต้องการการบูรณะใหม่ ทำไมเจ้าถึงเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ผู้ชาย?”กงซุนหงเข้มงวดเพื่อหวังให้ดีขึ้นน้องหญิงห้าเป็นคนฉลาดเรื่องความรัก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางเห็นอีกฝ่ายออกมาจากห้องของเจียงหลินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว“เขาคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า ข้าแค่
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป