เพียงแต่สิ่งเดียวที่ยากก็คือ แม้ว่านางจะเคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อน แต่ในตัวยาถอนพิษกลับมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนักกู้หว่านเยว่นั่งลงข้าง ๆ มองดูใบหน้าที่ซีดเผือดของจ้านจ้านแล้วรู้สึกกลัดกลุ้มใจซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าของนางตอนแรกผ่อนคลายลง แต่แล้วก็กลับมาดูย่ำแย่อีกครั้ง จึงเอ่ยถามเสียงเบา “หรือว่ายาถอนพิษจะปรุงยาก?”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เป็นประกาย “ท่านช่างมีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก พิษนี้ถอนได้ไม่ยาก แต่ยาถอนพิษกลับหายากยิ่งนัก โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเราเคยไปที่ถ้ำพำนัก สมุนไพรมากมายในนั้น ข้ามีอยู่ในมิติทั้งหมด แต่มีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหญ้าอินหนิง ข้าไม่มีอยู่ในมิติ ท่านพี่ ท่านเคยได้ยินชื่อสมุนไพรชนิดนี้หรือไม่?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้าเดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องยาสมุนไพรอยู่แล้ว ที่รู้จักก็มีเพียงสมุนไพรทั่วไปไม่กี่ชนิด หลังจากได้อยู่กับกู้หว่านเยว่ ก็ได้เปิดหูเปิดตาขึ้นมาไม่น้อยแต่ขนาดสมุนไพรที่กู้หว่านเยว่ยังไม่เคยเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลย“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ พวกท่านเคยได้ยินชื่อหญ้าอินหนิงหรือไม่เพคะ?”จงเอ้าและเหยาเสวี่ยต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่เคยได้
“ใช่ ท่านพูดถูก พวกเราต้องรีบกลับไปทันที”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ไม่มีแม้แต่เวลาจะกล่าวลากับคนสกุลหลิน หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ก็รีบมุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองหลวงทันทีเนื่องจากต้องรีบเดินทาง ระหว่างทางกู้หว่านเยว่จึงไม่ได้เลือกขี่อินทรีสิงโต แต่ขับเฮลิคอปเตอร์โดยตรง จนมาถึงนอกเมืองหลวงได้ภายในครึ่งวันจากนั้นนางก็พาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตเข้าไปในพระราชวัง ตรงไปยังตำหนักบรรทมของพวกเขา“ท่านว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เพียงแค่สองสามวันสั้น ๆ จ้านจ้านถึงถูกวางยาพิษได้?”กู้หว่านเยว่พูดพลางเปิดประตูเดินออกไป ในใจร้อนรนดั่งไฟแผดเผาซูจิ่งสิงเดินอยู่ข้างกายนาง กุมมือนางที่ชื้นเหงื่อไว้แน่นเขาก็เป็นห่วงลูกชายเช่นกัน แต่เขารู้ว่าตนเองจะแสดงอารมณ์ออกมาไม่ได้ มิเช่นนั้น กู้หว่านเยว่คงจะสับสนวุ่นวายใจยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง เจ้าเชี่ยวชาญทั้งวิชาแพทย์และวิชาพิษ พิษในกายของจ้านจ้านเจ้าจะต้องถอนได้แน่นอน อย่ากังวลเกินไปเลย”อารมณ์ที่ตึงเครียดของกู้หว่านเยว่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าตาม“ท่านพูดถูก ข้ามีความรู้เรื่องพิษ พิษของจ้านจ้านข้าต้องมีวิธีจัดการได้แน่”แม้ว่าจะได้รับการปลอบใจจา
ผู้ว่าการอำเภอหลี่เรียกหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อหารือเรื่องต่าง ๆ กับเขาจากการพูดคุยกันในช่วงสั้น ๆ ผู้ว่าการอำเภอหลี่ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่า หัวหน้าหมู่บ้านเฉียนคนนี้เป็นคนที่ไว้ใจได้การมอบหมายเรื่องของหมู่บ้านซิงซิงให้เขาจัดการนั้น ไม่มีปัญหาแต่ถึงกระนั้น เขาก็จะไม่เชื่อใจหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนทั้งหมดอย่างแน่นอน ยังคงต้องใช้เวลาสังเกตการณ์อีกระยะหนึ่งระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน กู้หว่านเยว่ก็นั่งจิบชาอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เพียงแต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งทั้งสองคนคุยกันเสร็จ นางจึงลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับผู้ว่าการอำเภอหลี่“สตรีที่อยู่ข้างกายผู้ว่าการอำเภอหลี่เป็นใครกัน อายุน้อยถึงเพียงนั้น จะว่าเป็นลูกสาวก็ไม่น่าใช่” นางชิวเซียงพึมพำกับตัวเองหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนเป็นคนสายตาเฉียบแหลม เขาพ่นควันจากกล้องยาสูบแล้วเอ่ยขึ้น “อย่าพูดจาเหลวไหล สตรีผู้นั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ชาติตระกูลของนางอาจจะสูงส่งกว่าผู้ว่าการอำเภอหลี่เสียอีก”“สูงกว่าท่านผู้ว่าการอำเภออีกหรือ ให้ตายเถอะ นั่นต้องเป็นขุนนางตำแหน่งไหนกัน
“ล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ข้าก็ยังเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ในเมื่อพวกเขามาขอร้องถึงหน้าประตู ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นได้อย่างไร”“ท่านเป็นคนดีมีคุณธรรม พอมีคนมาหาท่านก็ช่วย แล้วท่านเคยคิดถึงข้ากับต้าหนิวบ้างหรือไม่? ภรรยาของต้าหนิวกำลังจะคลอดแล้ว หากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา ท่านจะให้ครอบครัวทำอย่างไร?”ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้นผู้ว่าการอำเภอหลี่ยืนฟังอยู่นาน มือที่ยกค้างอยู่นั้น จะเคาะต่อก็ไม่ได้ จะไม่เคาะก็ไม่ดีเขากระแอมเสียงดัง เพื่อขัดจังหวะการโต้เถียงข้างใน แล้วส่งสายตาให้นักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้าง ๆ นักการในศาลาว่าการจึงตะโกนเสียงดัง “หัวหน้าหมู่บ้านเฉียน ท่านผู้ว่าการอำเภอมาเยือน เหตุใดยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงกับตกตะลึง ทั้งสองคนยังตั้งตัวไม่ทัน“หา ผู้ว่าการอำเภอมา?” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านยืนตกตะลึงหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนก็งุนงงเช่นกัน ต้าหนิวที่กำลังให้อาหารไก่อยู่ข้าง ๆ เงยหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ท่านย่า ตอนเช้าข้าไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ ได้ยินมาว่าท่านผู้ว่าการอำเภอมา แล้วนาย
ผู้ว่าการอำเภอหลี่กลับไม่ค่อยมีความอยากอาหารเท่าไรนัก การได้ร่วมโต๊ะกับองค์หญิง ทำให้เขาไม่กล้าคีบกับข้าวอย่างนั้น ไม่กล้าคีบกับข้าวอย่างนี้ สรุปแล้วก็เลยกินไปได้ไม่มากหลังจากกินข้าวเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็พาผู้ว่าการอำเภอหลี่ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านซิงซิงระหว่างมื้ออาหาร กู้หว่านเยว่ได้ทราบมาว่า หมู่บ้านซิงซิงมีหัวหน้าหมู่บ้านอยู่คนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเบื้องบนเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ก็อายุสี่สิบกว่าปีแล้วแม้ว่านายท่านเหยาจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ในหมู่บ้าน แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังอาศัยความสามารถของตนเอง คอยปกป้องผู้คนไว้ได้ไม่น้อยเพียงแต่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านไปมีเรื่องขัดใจกับนายท่านเหยาเพราะเรื่องที่นา ก็ถูกคนเอาถุงคลุมหัวแล้วรุมทุบตี ช่วงนี้จึงได้แต่พักฟื้นอยู่ที่บ้านหลังจากกู้หว่านเยว่ฟังจบ ก็ตัดสินใจว่าจะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้ดูหากเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคนอื่นอีกทว่า เมื่อกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ เดินไปถึงหน้าประตูเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านที่เมื่อครู่ยังนั่งปอกหน่อไม้อยู่หน้าประตู รีบคว
กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะของนางอย่างให้กำลังใจ “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเติบโตให้ดีนะ”หลินเจากำหมัดแน่น “ข้าจะตั้งใจ ข้าจะรีบเติบโตให้เร็วที่สุด!”ผู้ว่าการอำเภอหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม “ในเมื่อองค์หญิงอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นให้ข้าน้อยรายงานเรื่องการบุกเบิกเส้นทางเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลินอิงใช้ข้ออ้างว่าในครัวต้องการคนช่วย รีบดึงตัวหลินเจาถอยออกไป แล้วปิดประตูลง“นายท่านเหยาทำเรื่องชั่วช้าไว้มากมายนัก คุกนี่ เขาคงไม่มีวันได้ออกมาอีกแล้ว” “ภูมิประเทศของหมู่บ้านซิงซิงแห่งนี้ เหมาะที่จะบุกเบิกเส้นทางเส้นหนึ่งผ่านใจกลางเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น แล้วลากยาวเข้าไปจนถึงป่าซิงโต้ว”“แต่ว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องมีผู้ที่มีคุณธรรมและเป็นที่เคารพนับถือในหมู่บ้านซิงซิงมาคอยประสานงาน”พวกเขาคงไม่สามารถคอยจับตาดูหน้างานได้ตลอดเวลาเรื่องนี้ จำเป็นต้องหาคนที่สามารถสั่งการชาวบ้านในหมู่บ้านซิงซิงได้มารับหน้าที่เดิมที สกุลเหยานั่นคือคนที่เหมาะสมที่สุด เขาเป็นคหบดีใหญ่ประจำท้องถิ่น มีประสบการณ์ในการจัดการคนอยู่แล้วแต่ตอนนี้คงต้องหาคนใหม่มาแทนคนหนึ่งแล้วเมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พ