ログインความเงียบคือสิ่งแรกที่หวนกลับมาหลังจากเสียงคำรามทุ้มต่ำครั้งสุดท้ายของเขาและเสียงหวีดร้องที่แหบโหยของหล่อนจบลง
พายุอารมณ์อันป่าเถื่อนได้ผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังที่แหลกสลายใต้ต้นไม้ใหญ่ริมคันนา
ขวัญข้าวยังคงถูกตรึง แผ่นหลังที่ด้านชาแนบสนิทกับเปลือกไม้ที่หยาบกร้าน ร่างของสิงห์ยังคงทาบทับ
หล่อนรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะที่ไหลซึมอยู่ระหว่างเรียวขา มันปนเปไปกับเลือด ดิน และโคลน หล่อนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของเขาที่ทิ้งลงมากดทับจนหล่อนแทบไม่เหลือตัวตน
หล่อนได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่และรุนแรงของเขาที่พ่นรดอยู่ข้างแก้ม มันคือเสียงเดียวในโลกที่ยืนยันว่าทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นจริง
ส่วนหล่อน ขวัญข้าวไม่ได้ร้อง ไม่ได้ดิ้น หล่อนไม
หนึ่งปีผ่านไป... ในอาณาจักรไร่อ้อยและอู่รถบรรทุก เสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่คุ้นเคยคำรามลั่นมาแต่ไกล มันไม่ใช่เสียงที่ปลุกเร้าความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่ในวันนี้มันปลุกเร้าความหงุดหงิด ขวัญข้าวในชุดคลุมท้องผ้าฝ้ายเนื้อดี ยืนเท้าสะเอวมองลอดหน้าต่างบ้านหลังใหญ่ออกไป ร่างบางที่เคยสั่นเทาด้วยความกลัว บัดนี้กลับดูมั่นคงและเต็มไปด้วยอำนาจ เรือนร่างที่เคยบอบบางถูกเติมเต็มด้วยชีวิตใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก ท้องของหล่อนนูนเด่นขึ้นมาชัดเจนภายใต้ชุดราวห้าเดือนเห็นจะได้ หล่อนไม่ใช่ซากหรือของที่ไร้วิญญาณอีกต่อไปแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาหล่อนคือนายหญิงของที่นี่ คือเมียของสิงห์ และเป็นคนเดียวที่กล้าพยศใส่ราชสีห์เจ้าของอาณาจักร “บอกแล้วไม่เคยจำ! คนดื้อด้าน!” หล่อนสบถกับตัวเองเบา ๆ&nb
แสงคือสิ่งแรกที่ปลุกหล่อนเปรียบเสมือนการกระชากวิญญาณที่ล่องลอยหนีความเจ็บปวดไปตลอดทั้งคืนให้กลับเข้ามาในร่างที่รกร้าง แสงอาทิตย์ยามเช้าสีส้มอมม่วงสาดทะลุกระจกหน้ารถที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่นและซากแมลง มันอาบไล้ใบหน้าที่ชาด้านและมือที่เปื้อนดินของหล่อน ขวัญข้าวกะพริบตา เปลือกตาหนักอึ้งและบวมเจ่อ คอแห้งผากเหมือนมีทรายอัดอยู่ และความเจ็บมันก็ถาโถมกลับมา เจ็บที่ข้อเท้าซึ่งบวมเป่งจนแทบจะระเบิด ทุกแรงสั่นสะเทือนของรถมันส่งความปวดแล่นปราดขึ้นมาถึงสมอง เจ็บที่ข้อมือที่มีรอยช้ำสีม่วง เจ็บที่ผิวเนื้อทุกส่วนที่เสียดสีกับผ้าหยาบ ๆ ของเสื้อเขา และเจ็บที่แกนกลาง ความเจ็บที่ฉีกขาดที่บัดนี้มันกลายเป็นความด้านชา ทื่อหน่วง ตอกย้ำว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง รถยังวิ่ง เครื่องยนต์คำรามสม่ำเสมอ แรงสั่น
ความเงียบคือสิ่งแรกที่หวนกลับมาหลังจากเสียงคำรามทุ้มต่ำครั้งสุดท้ายของเขาและเสียงหวีดร้องที่แหบโหยของหล่อนจบลง พายุอารมณ์อันป่าเถื่อนได้ผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังที่แหลกสลายใต้ต้นไม้ใหญ่ริมคันนา ขวัญข้าวยังคงถูกตรึง แผ่นหลังที่ด้านชาแนบสนิทกับเปลือกไม้ที่หยาบกร้าน ร่างของสิงห์ยังคงทาบทับ หล่อนรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะที่ไหลซึมอยู่ระหว่างเรียวขา มันปนเปไปกับเลือด ดิน และโคลน หล่อนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของเขาที่ทิ้งลงมากดทับจนหล่อนแทบไม่เหลือตัวตน หล่อนได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่และรุนแรงของเขาที่พ่นรดอยู่ข้างแก้ม มันคือเสียงเดียวในโลกที่ยืนยันว่าทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นจริง ส่วนหล่อน ขวัญข้าวไม่ได้ร้อง ไม่ได้ดิ้น หล่อนไม
ไม่ต่างอะไรจากเสื้อนักศึกษา เสียงผ้าลูกไม้ที่บอบบางขาดติดมือเขาเหมือนกระดาษ ความอิสระที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดปะทะเข้ากับไอเย็น ยอดอกแข็งขืนหดเกร็งจากความหนาวและความตื่นตระหนก “สวย...” เขาคำราม แล้วก้มลง ขวัญข้าวหลับตาปี๋กรีดร้องเสียงที่ไม่มีใครได้ยินเมื่อความร้อนชื้นครอบครองยอดอก ดูดดึงขบเม้มจนหล่อนเจ็บ...เจ็บจน...เสียว ความรู้สึกแปลกปลอมที่น่ารังเกียจแล่นปราดจากยอดอกลงไปสู่เบื้องล่างที่เริ่มทรยศหล่อนอย่างสิ้นเชิง “ไม่...ไม่...พอแล้ว...สิงห์...ฉัน...ฉันยอมแล้ว...ยอมทุกอย่าง...แล้ว...” หล่อนสะอื้น นี่คือการยอมจำนน การสิ้นฤทธิ์ที่เขาต้องการ สิงห์เงยหน้าขึ้นจากอกที่ช้ำจากการถูกบดขยี้ ดวงตาแดงก่ำจ้องหญิงสาว เขารู้ว่าหล่อนได้แตกสลายแล้ว
ขวัญข้าวตัวสั่นสะท้านจากทั้งอากาศเย็นที่ปะทะร่าง รู้สึกถึงความอัปยศที่สุดในชีวิต สิงห์จ้องมองความขาวนวลตรงหน้าด้วยสายตาราวกับจะกลืนกิน ดวงตาสีนิลที่เคยดำมืดบัดนี้มันลุกโชน เปลวไฟแห่งตัณหาดิบที่เขาไม่แม้แต่จะคิดปิดบัง ลมหายใจของเขาหนักหน่วงรุนแรงขึ้น เนินอกที่เปลือยเปล่าตรงหน้าที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบมันคือเชื้อไฟที่ตัวหล่อนเองเป็นคนจุด “ไม่...ไม่นะ...กรี๊ดดดด!!!” สติที่ขาดผึงกลับคืนมา ขวัญข้าวหวีดร้องด้วยเสียงร้องที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิต “ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! อย่ามองนะ! อย่ามอง!!!” หล่อนยกมือที่สั่นเทาขึ้นพยายามจะดึงเศษเสื้อที่ขาดวิ่นมาปิด พยายามจะทุบตีเขา พยายามจะ
เขาชนะ เขาใช้เวลาสองสามวินาทีดื่มด่ำกับภาพนั้น “หมดแรงแล้วเหรอคุณหนู” เขาถามเสียงเรียบ ก้าวช้า ๆ เข้ามา ย่อตัวลง ขวัญข้าวถอยกรูด “อย่า...อย่าเข้ามา...ฉัน...ฉันยอม...” “หึ...” เขาหัวเราะในลำคอ “มึงน่าจะยอมตอนที่กูให้เลือกดี ๆ ตั้งแต่แรก” สิงห์ยื่นมือมากำรอบต้นแขนหญิงสาวกระชากโดยแรง ร่างของขวัญข้าวถูกลากไปกับพื้นดิน ข้อเท้าที่เจ็บครูดและปะทะกับลำต้นอ้อยไปตามทาง “กรี๊ด! เจ็บ! ฉันเจ็บ!” แม้จะกรีดร้องแค่ไหนสิงห์ก็ไม่สนใจ เขายังคงลากหล่อนเหมือนซากออกจากป่าอ้อยมาจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นเดียวอยู่ริ







