Share

การตัดสินใจของซือซิง(1)

“มู่หาน คุณรีบพาพ่อสามีไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ถ้าอาการท่านเป็นหนักมากกว่านี้จะยิ่งแย่เอาได้” ซูเหยาบอกกับสามีในนามด้วยความร้อนใจ

“ตะ..แต่เราไม่มีเงินเลยครับ” มู่อันก้มหน้าพูดออกมาด้วยความละอายใจ ซือซิงที่เห็นท่าทางสามีแบบนี้ก็กุมมือของเขาเพื่อเป็นการปลอบโยน

“คุณเอาเงินนี่ไป รีบพาท่านไปรักษา” ซูเหยาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นถุงเงินของเธอให้กับมู่หาน

“มันไม่มากเกินไปเหรอ” มู่หานเมื่อเปิดปากถุงเงินดู เขาถึงกับตกใจรีบถามละล่ำละลักกับซูเหยา

“เอาไปเถอะ คุณจ้างเกวียนในหมู่บ้านไปได้เลย อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่ายอย่าได้คิดมาก เงินทองสำคัญก็จริง แต่ชีวิตคนสำคัญกว่าจำไว้” ซูเหยาพูดย้ำกับมู่หานออกมา เพราะเธอกลัวว่าเขาจะประหยัดไม่เข้าเรื่อง

“น้องสามีไปด้วยก็แล้วกัน ส่วนน้องสะใภ้เข้าไปในครัวกับพี่เถอะ ไปกินข้าวไม่ต้องห่วงเขาทั้งสามหรอก” ซูเหยาพูดกับน้องสะใภ้ที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างลังเล

“ไปค่ะคุณอา อาหารที่คุณยายและน้าเหยาทำอร่อยมากๆ” เจ้าตัวน้อยพูดขึ้นพร้อมจับมืออาสะใภ้เล็กของตน

“คุณรอผมกลับมาอยู่ที่นี่นะ อย่ากลับบ้านไปก่อนเด็ดขาด” มู่อันที่เป็นห่วงภรรยาพูดออกมาอย่างกังวล

“น้องสามีไปเถอะ เรื่องของน้องสะใภ้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่จัดการเอง” ซูเหยาพูดออกมาเมื่อเธอเห็นความเป็นห่วงที่ มู่อันมีให้ภรรยาของเขา

“ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ค่ะ” ซือซิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หลังจากที่มู่หานกับมู่อันพามู่จางไปหาหมอแล้ว ซือซิงก็ได้เดินตามซูเหยา โดยมีมือเล็กของหลานชายและหลานสาวจับจูงให้เดินเข้ามาในห้องกินข้าวชั่วคราว

“นั่งลงเถอะ นั่งข้างเสี่ยวผิงก็ได้” ซูเหยาบอกกับน้องสะใภ้ที่ดูท่าทางเกร็งๆ อยู่ไม่น้อย

“ทำตัวตามสบายนะ” หว่านชิงที่เห็นอาการของซือซิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“กินข้าวกันเถอะค่ะ” ซูเหยาพูดขึ้นเมื่อเธอวางกับข้าวจานสุดท้ายลงบนโต๊ะแล้ว

ตอนนี้ซือซิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นอาหารของคนในครอบครัวนี้ เพราะมันช่างหรูหราเกินที่เธอคิดเอาไว้มากมาย

‘ไหนพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าครอบครัวนี้ตกอับไม่ใช่เหรอ คนที่กินอาหารที่มีจานเนื้อได้ถึงสองจาน ไหนจะไข่นึ่งอีกหนึ่งถ้วย ซุปปลาสีขาวที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนี่อีก จะเรียกว่าคนตกอับได้ยังไง’ ซือซิงคิดอยู่ในใจ อาการนิ่งของเธอ ก็ได้ทำให้คนที่นั่งอยู่ทุกคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียว

“อาสะใภ้คะ กินข้าวค่ะ” เสี่ยวผิงตัวน้อยผู้หิวโหย เรียกอาสะใภ้ที่นั่งนิ่งอยู่เสียงดัง

“อะขอโทษค่ะ” ซือซิงที่รู้สึกตัวได้กล่าวขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด

“ขอโทษทำไมกัน น้องสะใภ้ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย กินข้าวกันเถอะ” ซูเหยาพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“เสี่ยวเฟย เสี่ยวผิงตักเนื้อให้อาสะใภ้เล็กด้วยค่ะ” ซูเหยาบอกกับเด็กน้อยทั้งสอง เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าน้องสะใภ้ผู้นี้กินแต่ข้าวเป็นส่วนใหญ่

“พอแล้วจ้ะ อาจะกินไม่หมดเอาได้” ซือซิงบอกกับเด็กน้อยที่สลับกันตักอาหารจานนู้นบ้างจานนี้บ้างมาให้เธอไม่หยุด

“กินเข้าไปเถอะ เธอผอมจะแย่แล้ว” ซูเหยาพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของซือซิง

ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอซานซี ตอนนี้มู่หานและมู่อันกำลังรอผลการตรวจของมู่จางอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาค่อนข้างมีความเป็นกังวลเป็นอย่างมาก

และผลการตรวจก็ออกมา พ่อของเขามีภาวะปอดอักเสบ โชคดีที่มาหาหมอทันเวลา หากช้าไปกว่านี้ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

หมอจึงได้ให้มู่จางนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เพื่อรอดูอาการและให้ยา เมื่อทั้งสองได้ยินสิ่งที่หมอบอกพวกเขาก็รู้สึกตัวชาวาบด้วยความกลัว

“พี่รอง ขอบคุณมากนะครับ ที่พี่ยอมเสียเงินรักษาพ่อ” มู่อันกล่าวขอบคุณมู่หานทั้งน้ำตา เพราะตอนนี้มู่หานจ่ายเงินไปมากกว่าห้าสิบหยวนแล้ว

“คนที่นายควรขอบใจต้องเป็นซูเหยาต่างหาก เงินพวกนี้หล่อนเป็นคนคิดวิธีหามาทั้งนั้น” มู่หานยกความดีความชอบไปให้ภรรยา

ฮัดชิ้ว ซูเหยาที่อยู่ในครัวจามออกมาเสียงดัง ‘ใครนินทาเธอกันอย่าให้แม่รู้นะ’ ซูเหยากล่าวคาดโทษในใจ

“ภรรยาผมกลับมาแล้วครับ” มู่หานบอกซูเหยาที่อยู่ในครัวเสียงหวาน

ซูเหยาแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง จนถึงกับต้องแคะหูของตนเลยทีเดียวว่าเธอได้ยินอะไรผิดไป ‘ไหนพระเอกผู้เงียบขรึม นี่มันไม่ใช่แล้ว หรือคนนี้จะเป็นตัวปลอม’ ซูเหยาคิดอย่างวุ่นวาย

“ภรรยาคุณเป็นอะไรไป ผมบอกว่าผมกลับมาแล้ว ไม่เห็นคุณถามอะไรผมสักคำ” มู่หานพูดขึ้นอย่างน้อยใจ

‘เฮ้ย! นี่มันอะไรกันมีน้อยใจด้วย ตัวปลอมแน่ๆ’ ซูเหยามโนไปไกล

“คุณใช่มู่หานตัวจริงหรือเปล่า” ซูเหยาถามผู้ชายที่กำลังยืนคอตกออกมาอย่างระแวง

“คุณถามอะไรแปลกๆ ใครจะมาปลอมเป็นผมจนเหมือนซะขนาดนี้” มู่หานพูดออกมาอย่างประชดประชัน เมียเขานี่ก็ช่างคิดเสียจริง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   การตัดสินใจของซือซิง(2)

    “มันก็จริงนะ ว่าแต่พ่อคุณกับน้องชายไม่ได้กลับมาด้วยเหรอคะ” ซูเหยาถามสามีออกมาด้วยความสงสัย“ผมต้องขอบคุณ คุณมากๆ เลย ที่ให้เงินผมพาพ่อไปหาหมอตอนนี้พ่อต้องนอนอยู่โรงพยาบาล มู่อันก็เลยอาสาเฝ้าไข้ที่นั่นครับ” มู่หานกล่าวกับภรรยาออกมาด้วยความซึ้งใจในระหว่างที่สามีกับภรรยากำลังสนทนากันอยู่ด้านใน ด้านนอกห้องครัวก็ได้มีเสียงแหลมสูง ซึ่งซูเหยาจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร เธอจึงได้ดึงมือมู่หานเดินออกมาอย่างรวดเร็ว“นังสะใภ้ตัวดี แกคิดว่าหลบอยู่ที่นี่แล้วฉันจะลากแกกลับไปทำงานไม่ได้หรือไง” เสียงแหลมสูงของฉินเจียวพูดขึ้น พร้อมกับใช้นิ้วชี้หน้าซือซิงด้วยความโมโห“สะใภ้ใหญ่ไปลากตัวมันกลับบ้านไปทำงานเดี๋ยวนี้ มันอยู่ในบ้านมู่ก็ต้องทำงานให้บ้านมู่ จะมาหลบอู้อยู่ที่นี่ได้ยังไง” ฉินเจียวส่งเสียงแสดงความมีอำนาจของตนสั่งสะใภ้คนโปรด“หยุดเดี๋ยวนี้ หากใครเข้าไปใกล้น้องสะใภ้อีกก้าวเดียวอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” เสียงซูเหยาตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง (เอาเซ่คิดว่าเสียงดังเป็นคนเดียวหรือไง ว่าแล้วก็เริ่มจะเจ็บคอ)&ldqu

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-10
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอน การตอบโต้ของสะใภ้ผู้ไร้เสียง(1)

    ค่ำคืนนั้นซือซิงเพิ่งจะได้รู้ว่าการนอนหลับอย่างเป็นสุขนั้นมีอยู่จริง โดยที่เธอยังไม่รู้ว่ายามเช้าหลังจากที่เธอลืมตาตื่น ไม่ทันที่ฟ้าจะสว่าง ได้มีมารมาผจญถึงหน้าบ้าน“ออกมาเดี๋ยวนี้นังสะใภ้ตัวดี หนอยแกกล้ามากเลยนะปีกกล้าขาแข็งนักใช่ไหม คอยดูฉันจะให้ลูกชายฉันหย่ากับแก ดูสิถ้าแกถูกหย่าแกจะถูกตราหน้าว่ายังไง” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของฉินเจียวดังแผดร้องอยู่ด้านนอกประตูบ้านซือซิงตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน และตอนนี้เธอได้ตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงเสียแล้วซือซิงนั่งกอดผ้าห่ม โดยมือของเธอขยุ้มผ้าห่มจับแน่นอยู่ที่อกอย่างหวาดหวั่น ใบหน้าของเธอในยามนี้ไร้ซึ่งสีเลือดเพราะความวิตกเหงื่อมากมายไหลรินตั้งแต่หน้าผากไหลลงมาตามลำคอ ภายในเสื้อของเธอที่ทำมาจากผ้าป่าน ที่เก่าแล้วเก่าอีกเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ‘เธอควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะหลีกเลี่ยงเสียงที่เธอได้ยินแบบนี้ได้กัน เธอไม่อยากกลับไปบ้านหลังนั้น ที่เป็นเหมือนนรกสำหรับเธออีกแล้ว’ ซือซิงคิดวนไปวนมาอย่างว้าวุ่นใจ‘วันนี้พี่อาจจะปกป้องเธอ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   การตอบโต้ของสะใภ้ผู้ไร้เสียง(2)

    “ชื่อเสียงอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่ต้องการหรอก ฉันต้องการแค่กินอิ่ม นอนหลับ ทำงานให้ได้เงินที่สามารถเก็บเอาไว้ได้เองไม่ต้องส่งให้ใคร” ซือซิงร้องไห้พร้อมกับพูดในสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อีกคำรบด้วยอาการสะอึกสะอื้น“พวกคุณคงได้ยินสิ่งที่น้องสะใภ้ของฉันพูดแล้วนะคะ ฉันหวังว่าพวกคุณคงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกอ๋อคุณสามารถถามลูกชายของคุณได้เลยว่าจะเอายังไง” ซูเหยาที่มากับครอบครัวได้สักพักแล้ว เดินเข้ามายืนข้างซือซิงแล้วพูดออกมา“ผมไม่หย่า แล้วผมก็ต้องการจะแยกบ้านด้วย” มู่อันที่ได้พยุงพ่อของตนเดินเข้ามาพร้อมกับมู่หานที่พยุงพ่อของตนอยู่อีกด้านพูดขึ้นเสียงดัง“แก.. แกมันเป็นหมาป่าตาขาว เห็นเมียดีกว่าแม่ ได้ถ้าแกอยากแยกแกก็ออกไปแต่ตัว ข้าวของอะไรฉันก็จะไม่แบ่งให้ แล้วพวกแกก็อย่าซมซานกลับมาก็แล้วกันอ๋อแล้วก็เอาพ่อขี้โรคของแกไปด้วย หนอยมีเงินพากันไปหาหมอ แต่ไม่นึกถึงคนที่บ้านว่าจะมีกินไม่มีกิน” ฉินเจียวพูดเสียงดังอย่างคนเห็นแก่ตัว“มันจะเกินไปแล้วนะฉินเจียว มู่จางนั่นเป็นสามีของหล่อนนะ ห

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   หย่าขาดและแยกบ้านอีกครั้ง(1)

    มู่หาน มู่อัน ได้พามู่จางเดินมาถึงบ้านผู้ใหญ่ฉีอัน ทางด้านฉินเจียวก็ได้ให้จิวเหลียนไปตามมู่ปิงมาเป็นพยานในครั้งนี้ด้วยจิวเหลียนผู้ที่ชื่นชอบเห็นหายนะของผู้อื่น เธอจึงได้รีบเดินพุงกระเพื่อมกลับบ้านไปตามคำสั่งของแม่สามีตนทันที“สามีคุณอยู่ที่ไหนคะ” เสียงจิวเหลียนที่ดัดเรียกสามีของตนเพื่อให้ดูอ่อนหวานได้ดังขึ้นเมื่อเธอได้เดินเข้าไปในบ้านที่แบ่งเป็นตะวันออกและตะวันตกบ้านหลังนี้เป็นบ้านดินก็จริง แต่จัดว่าเป็นบ้านที่ใหญ่และดีกว่าผู้คนในหมู่บ้าน เนื่องจากสมัยก่อนพ่อของมู่จางเป็นชาวประมงที่หาของทะเลยากๆ ได้เขาจึงได้นำเงินมาซื้อที่ดินและปลูกบ้านห้าห้องหลังนี้เอาไว้ ส่วนที่ดินก็แบ่งให้กับลูกทั้งสอง โดยที่ดินและบ้านมอบให้กับมู่จาง เนื่องจากแม่ของมู่จางไม่พอใจลูกชายคนโตที่หัวแข็ง“คุณมีอะไร เรียกผมทำไม คนกำลังจะนอน” เสียงอันเกียจคร้านดังขึ้นจากคนที่นั่งบนเก้าอี้ไม้โยก ที่หันหน้าไปทางต้นแปะก๊วยที่ใบกำลังร่วงหล่น“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นนะสิคะ แม่สามีให้ฉันมาตามคุณไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน” จิวเหลียนก็จีบปากจีบคอพูดออกมาอีก

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   หย่าขาดและแยกบ้านอีกครั้ง(2)

    ด้านนอกที่ติดกับลำธารเล็กๆ กลุ่มของซูเหยาได้นำเสื่อผืนใหญ่มาปูอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอย่างร่มรื่น อากาศในช่วงนี้มีความเย็นอยู่บ้างในช่วงเช้า แต่พอช่วงบ่ายก็จะมีแดดออก ทำให้อากาศแปรเปลี่ยนเป็นอุ่นสบาย“น้องสะใภ้นี่ฝีมือดีจริงๆ อย่างนี้ตัดเสื้อผ้าขายได้สบายเลย” ซูเหยาพูดชมซือซิงออกมาจากใจ หลังจากที่เธอได้วาดแบบเสื้อผ้าประยุกต์ เพื่อที่จะเข้ากับคนยุคนี้ออกมาให้ซือซิงเย็บ“พี่สะใภ้กล่าวชมเกินจริงไปแล้วค่ะ นั่นเป็นเพราะแบบที่พี่เอาออกมาให้ฉันดูต่างหาก ก็เลยทำให้เสื้อตัวนี้ออกมาสวย“เธอไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก ตามที่อาเหยาว่าไว้ไม่ผิดหรอกจ้ะ ฝีเข็มของเธอสวยงามและยังเท่ากันด้วย แล้วยังเย็บเร็วอีกต่างหาก” ฟางหรงพูดชมออกมา พรางลูบเสื้อที่สำเร็จตัวนี้ด้วยความหลงไหล“ใช่ฉันเองก็เห็นด้วยกับทั้งสองคนนะ ต่อให้แบบสวยถ้าคนทำไม่มีความละเอียดประณีตความงามก็จะขาดไป” ลี่มี่ก็กล่าวออกมาบ้างเช่นกันหว่านชิงที่ได้เห็นลูกสาวและลูกสะใภ้เข้ากันได้ เธอก็ถึงกับน้ำตาซึม ‘ขอบคุณนะคะเจ้าแม่ ที่ช่วยให้อาเหยาได้กลายเป

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   วันนี้วันเฮง เจอแต่ขาใหญ่ให้เหยาเกาะ(1)

    “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพ่อว่าเราไปสร้างบ้านให้กับมู่อันก่อนก็แล้วกัน ในระหว่างสร้างบ้านก็ล้อมรั้วไปด้วยเลย ทุกคนมีความเห็นว่ายังไง” ซูป๋อถามกับคนที่นั่งอยู่ด้วยกันหลังกินข้าวกลางวัน“พ่อคะ พรุ่งนี้ฉันว่าจะพาน้องสะใภ้และน้องสามีไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลค่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พ่อก็สร้างบ้านของพ่อหรือพี่ใหญ่ พี่รองไปก่อนก็ได้ดีไหมคะ” ซูเหยาบอกกับทุกคน“พี่สะใภ้ครับผมไม่ได้ป่วยอะไรนะครับ หรือว่าซือซิงจะป่วย” มู่อันถามขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับหันมองไปทางซือซิงด้วยสายตาแห่งความเป็นห่วง“ฉะ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่พี่สะใภ้บอกว่าให้ไปตรวจร่างกายว่าระ..เราจะมีลูกได้ไหม” ซือซิงพูดเสียงเบาออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำจากการเขินอาย“อะ..เอ่อ” มู่อันอึกๆ อักๆ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ ตัดกับใบหน้าคล้ำแดดของเขา‘คนยุคนี้น่ารักกันจริงๆ แฮะ พูดเรื่องเกี่ยวกับในห้องหับแบบนี้ก็ถึงกับหน้าแดงกันเสียแล้ว’ ซูเหยาที่มองท่าทางทั้งสองคนคิดในใจ“ซูเหยาผมขอบคุณคุณมากนะครับ ที่ใส่ใจเรื่องของน้องชายและน้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   วันนี้วันเฮง เจอแต่ขาใหญ่ให้เหยาเกาะ (2)

    “ไม่ทราบว่าคุณตัดขายหรือเปล่าคะ เอ่อคือขอโทษค่ะคุณพอจะไปหาที่นั่งคุยกับฉันหน่อยได้ไหม ฉันชื่อซิวหลาน แซ่ลู่ค่ะ” ซิวหลานรีบแนะนำตัวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม‘แซ่ลู่ ชื่อซิวหลาน นะ ...นี่ไม่ใช่ว่าเธอจะเป็นภรรยาของท่านนายพลมาเฟีย จ้าวเจียง ผู้ที่เป็นบุคคลลึกลับเบื้องหลังตลาดมืดตามที่นิยายได้กล่าวไว้หรอกหรือโอ้เหยาหนอเหยาครั้งนี้เธอช่างได้กำไรอย่างมหาศาล เธอจะต้องรีบผูกสัมพันธ์เมียของลาสบอสของเรื่องให้ได้’ ซูเหยายืนนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อได้ยินชื่อของหญิงสาวคนนี้“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ฉันชื่อซูเหยา” ซูเหยากล่าวแนะนำตัวเองออกมาอย่างแย้มยิ้มเมื่อสองสาวต่างแนะนำตัวเองกันเรียบร้อย พวกเขาจึงได้พากันมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้สาธารณะที่สวนของโรงพยาบาล“เสี่ยวเหยา เธอมีแบบให้พี่ดูไหมจ๊ะ” ซิวหลานถามกับซูเหยาออกมาด้วยความสนิทสนม เมื่อพวกเธอคุยกันไปได้สักพักแล้วได้รู้ว่าซูเหยาอายุน้อยกว่าตนถึงห้าปี“มีสิคะพี่ วันนี้ฉันพกมาแค่สองสามแบบเท่านั้น ซึ่งเป

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   สำหรับซูเหยาทุกสิ่งจะต้องเป็นไปได้(1)

    คุณหมอเฉินได้ทำการตรวจให้กับสามีภรรยาคู่นี้อีกครั้ง ฝ่ายสามียังไม่เท่าไหร่ แต่กับภรรยาถ้าอยากตั้งครรภ์มันค่อนข้างจะยากลำบากเล็กน้อย กับสถาณการณ์ที่อาหารยังไม่ค่อยมีพอหมอเฉินแม้จะทราบถึงอาการภายในของหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าตนตรงหน้าเป็นอย่างดี แต่เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหนักใจหรือวิตกกังวลอะไรออกมาให้คนไข้เห็น“คุณทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อนนะคะ แล้วฉันรบกวนคุณช่วยเรียกพี่สะใภ้ของคุณเข้ามาด้วย” หมอเฉินกล่าวกับคนทั้งสองอย่างสุภาพที่เธอเรียกซูเหยาเข้ามานั้น เป็นเพราะเธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะช่วยหาของบำรุงน้องสะใภ้ของตนได้“สวัสดีค่ะหมอเฉิน คุณหมอต้องการคุยกับฉันเรื่องน้องสะใภ้ใช่ไหมคะ” ซูเหยาเมื่อเดินเข้าห้องตรวจมาแล้วเธอก็ถามขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อมทันที“ใช่ค่ะ โชคดีที่น้องสะใภ้ของคุณอายุยังน้อยอยู่ แต่ว่าปัญหาภายในและเรื่องของการขาดสารอาหารรุนแรงก็มีผลมากเช่นกันถ้าอยากให้เธอตั้งครรภ์ คุณจะต้องหาสิ่งเหล่านี้มาบำรุงหล่อน ที่ฉันไม่ได้บอกกับน้องสะใภ้ของคุณไปตามตรง ก็เพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11

Bab terbaru

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่หก สามหนุ่มหล่อแห่งเมืองหลวงผู้แตกต่าง

    หนุ่มน้อยคนเล็กของครอบครัวเทียนที่ตอนนี้ได้ก้าวเท้าเข้าสู่การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจตามที่ตัวเองต้องการ เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายคนโตของซูหลงที่ต้องการจะเป็นพ่อครัวอันดับหนึ่งตามรอยเท้าของคนเป็นพ่ออีกหนึ่งก็คือบุตรชายคนโตของครอบครัวเจียงสามที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่สมาชิกครอบครัวนี้ก็มีเพียงเจียงเจ๋อที่มีครอบครัว ซึ่งตอนนี้เจียงฮวนได้มีน้องสาวน้องชายมาเพิ่มอีกอย่างละหนึ่งทั้งสามคนมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ยังคงสนิทกัน เนื่องจากทั้งสามมีอายุไล่เลี่ยกันเกิดก่อนหลังห่างกันไม่มากทำให้ได้อยู่ปีเดียวกันเทียนหยุนนั้นเป็นเหมืนเมฆตามชื่อล่องลอยอย่างอิสระ แต่ในเรื่องความรับผิดชอบเขามีเต็มร้อยเนื่องจากได้รับการฝึกฝนมาจากผู้เป็นแม่และพ่อในการทำงานซูตงที่แม้จะมีบุคลิกหนาวเหน็บตามชื่อแต่เมื่อไหร่ที่ได้ทำอาหารหรือขนมชายหนุ่มผมยาวผู้นี้จะมีความอ่อนโยนดุจสายน้ำคนสุดท้ายเจียงฮวนชายหนุ่มผู้มีความนิ่งมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาก็มักจะทำตัวนิ่งอยู่เสมอต้นเสมอปลาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว2

    ชายหนุ่มที่โดนหญิงสาวคนนี้กอดขาของตนเขาก็ตกใจ แต่เมื่อเห็นอาการอันสั่นเทาของหญิงสาวฮุ่ยหมิ่นก็รู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ทำให้เขาก้มตัวลงไปจับไหล่บางของหญิงสาวด้วยมือทั้งสองข้าง“สหายตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” เสียงอันอ่อนโยนของชายหนุ่มปลอบหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาด้วยความเห็นใจเมื่อหญิงสาวผมสั้นได้ยินเสียงอันทุ้มนุ่มที่อยู่เหนือศีรษะของตนหญิงสาวก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พร้อมกับลืมตามองสิ่งที่ตัวเองกอดอยู่ก็เห็นเป็นกางเกงสีเขียวของทหารฉินเซียวซานเมื่อเห็นแบบนี้หล่อนจึงได้ผละตัวออกทันทีก่อนที่ตัวเองเกือบจะนั่งลงไปกับพื้นหิมะโชคดีที่ว่าชายหนุ่มจับไหล่ของเธอเอาไว้ ทำให้หล่อนไม่นั่งจ้ำเบ้าลงไปบนพื้นอันเย็นเฉียบ“สหายระวัง” ฮุ่ยหมิ่นกล่าวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจที่หญิงคนนี้อยู่ ๆ ก็ผละออกจากเขากะทันหันหญิงสาวผมสั้นเมื่อได้ยินเสียงของคนพูดหล่อนจึงได้แหงนหน้าของตนมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ดวงตากลมโตของเธอสบกับดวงตาเรียวคมดุของคนเบื้องหน้าที่กำลังมองเธออยู่เช่นกันในช่วงเวลาที่คนทั้งสองกำลังสบตากั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว1

    หิมะตกหนักท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายของปีที่ภัยพิบัติได้มาเยือนในเขตภาคเหนือของประเทศทำให้ทหารต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อันห่างไกลการเดินทางไปช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้มู่ซือกับฮุ่ยหมิ่นที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปด้วยกันเป็นทีมแรก ท่ามกลางหิมะกองสูงพวกเขาจะต้องเดินฝ่าเพื่อไปยังหมู่บ้านเบื้องหน้าที่มีคนติดต่อมาว่าได้ถูกหิมะถล่มหลังคา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากและยังมีอีกหลายชีวิตที่ติดอยู่ภายใต้ซากหลังคาที่ถล่มทำให้หน่วยงานของพวกเขาจำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่การเดินทางฝ่าหิมะไม่ใช่เรื่องง่ายในระหว่างที่ทหารในกลุ่มของสองพี่น้องกำลังเดินทางพวกเขาก็ได้ยินเสียงของสุนัขป่าเห่ากรรโชกเสียงดังเหมือนข่มขู่อะไรบางอย่างด้านหน้าห่างจากพวกเขาไม่มากนัก ทำให้คนในกลุ่มพากันเร่งฝีเท้าของพวกตนให้เร็วขึ้น ท่ามกลางฝูงหมาป่าหกตัวที่ล้อมหญิงสาวสองคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่สองพี่น้องย่อมจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี“เจินเจินพวกเราจะทำยังไงกันดีจะไปตามคนมาช่วยดันจะมากลายเป็นอาหารหมาป่าเข้าเสียได้” เสียงหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกล่าวกับเพื

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 2

    ภายนอกถ้ำที่โจรทั้งหกนั่งรอบกองไฟที่พวกมันก่อ บัดนี้ได้มีทหารกลุ่มหนึ่งกำลังโอบล้อมพวกมันตามที่เทียนเฉินได้คาดการณ์เอาไว้“ผู้กองหานพวกเราจะรอถึงเมื่อไหร่ครับ” มู่ซือถามกับครูฝึกของตนด้วยความร้อนใจ เนื่องจากเป็นห่วงน้องชายที่อาสาเป็นตัวประกัน“เกือบได้เวลาแล้วนายก็ใจเย็นลงสักหน่อยเถอะ นายต้องเชื่อใจเทียนเฉินสิ” คนที่เป็นทั้งครูฝึกและกำลังจะเป็นน้องเขยของคนตรงหน้ากล่าว“ผมทราบครับแต่นั่นน้องชายผมนะครับ หากผมใจร้อนป่านนี้ผมบุกเข้าไปแล้ว” คนเป็นว่าที่พี่เมียแย้งพวกเขาซุ่มดูพวกมันมาจะครึ่งคืนแล้วไม่เห็นวี่แววว่าโจรร้ายพวกนี้จะหลับสักที หานจ้านจึงได้นึกถึงสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำให้คนสลบออกมา“มู่ซือนายเอาเจ้านี่ไปเผาให้ควันไปทางพวกมันนะรับรองพวกมันหลับแน่ ไม่หลับก็อาจจะสะลึมสะลือใช้ระวังหน่อยก็แล้วกันผลงานน้องสาวนายเลยนะ” คนเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจมู่ซือแม้อยากจะพูดอะไรแต่เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมดังนั้นเขาจึงได้นำสหายร่วมรบไปกับตนอีกสองคนเพื่อไปทำตามคำสั่ง

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 1

    ยามเย็นย่ำท่ามกลางป่าใหญ่ที่ปราศจากเสียงร้องของสัตว์ เทียนเฉินผู้ที่ได้ปลอมตัวเป็นหนึ่งในตัวประกันที่ถูกผู้ร้ายค้าอาวุธเถื่อนจับตัวมาพร้อมกับกลุ่มคนอีกสี่คนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวใบหน้ากลมดวงตาเรียวเล็กอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เทียนเฉินคิดว่าเด็กคนนี้บางทีน่าจะเป็นเด็กวัยมัธยมที่ถูกเจ้าชั่วพวกนี้จับมา“ลูกพี่อีกนานไหมกว่านายใหญ่จะมา” เสียงของหนึ่งในพ่อค้าอาวุธดังขึ้นขัดความคิดของเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ตอนนี้แต่งตัวเหมือนคนทำงานในหน่วยงานวิจัยขององค์กรบางอย่างที่คนร้ายพวกนี้ต้องการตัว“นายก็รอหน่อยเถอะอีกไม่นานเจ้านายก็น่าจะมาแล้ว ว่าแต่ทำไมตัวประกันของเราถึงมีเด็กมาด้วยวะ” ชายหน้าบากที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ถามกับลูกน้องที่มีอาวุธปืนอยู่ในมือหลังจากที่มองไปยังหญิงสาวร่างเล็กใบหน้ากลม“ก็ฉันเห็นว่าหล่อนอยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนี้ก็เลยจับมาทั้งหมด แต่พี่ว่าหล่อนยังเป็นนักเรียนอยู่เหรอ หรือว่าจะปล่อยหล่อนไปเด็กขนาดนี้คงจะบอกตำรวจหรือทหารอะไรได้ไม่มากหรอก” คนพูดเป็นชายที่มีลูกสาวอยู่ในวัยมัธยมถามความเห็นกับลูกพี่ใหญ่“แกจะบ้าเหรอห

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 2

    มิเชลรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความฝันที่ไม่ใช่ความจริงหากเป็นความฝันหญิงสาวก็ไม่คิดอยากจะลืมตาตื่นชายหนุ่มที่ฉุดหญิงสาววิ่งมาไกลแล้วจึงได้รู้สึกเบาใจว่าไม่น่าจะมีคนตามพวกเขามาทัน เขาจึงได้ปล่อยข้อมือของหญิงสาวคนนี้ลง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หลังจากที่เขาปล่อยมือของตนแล้วชายหนุ่มก็มองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้แม้จะยังสวมแว่นตาอยู่แต่ด้วยการที่พวกเขาวิ่งกันมาไกลก็ยังพอเห็นใบหน้าอันแดงเรื่อจากแสงไฟทำให้ใบหน้านั้นดูน่ารักเทียนเฟยรู้สึกตกใจความคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อยนี่เขาชมคนอื่นนอกจากน้องสาวของตน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังรู้สึกเขินอายได้มองเห็นอาการเลิ่กลั่กของชายหนุ่มมาดนิ่งหล่อนก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบชายที่อยู่ในความทรงจำออกไป“ฉันไม่เป็นไรค่ะแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยหอบตามที่ตนพูดไปจริง ๆ“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ คุณพักอยู่ที่ไหนให้ผมไปส่งเถอะผู้หญิงเดินคนเดียวยามค่ำคืนน่าเป็นห่วง” เทียนเฟยกล่าวตามที่ตัวเองรู้สึก“คือฉันพักอยู่ที่...มันจะสะดวกสำหรับพี่หรือเปล่าคะ” หล่อนแทนตัว

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 1

    “ผมขอโทษครับคุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” เสียงอันอ่อนนุ่มของเทียนเฟยกล่าวกับหญิงสาวผมทองร่างบางสวมแว่นตากรอบหนาออกมาอย่างรู้สึกผิด“ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณเช่นกันที่เดินมาชนคุณก่อน” หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความเสียใจไม่แพ้กันเทียนเฟยหลังจากที่เก็บหนังสือเรียนของตัวเองแล้ว เขาก็ได้มาช่วยหญิงสาวคนนี้เก็บของที่กระจัดกระจายเพื่อส่งคืนให้เจ้าของ“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” หญิงสาวผมทองกล่าวตอบชายหนุ่มเสียงเบาด้วยความอาย“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ ถ้าหากว่าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมขอตัวก่อน” เทียนเฟยบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วใกล้ถึงเวลาเรียนของตนหญิงสาวผมทองจึงได้แต่มองตามทุกการก้าวเดินของชายหนุ่มต่างสัญชาติด้วยความประทับใจ ที่คนผู้นั้นอาจจะจำหล่อนไม่ได้จากเหตุการณ์หลายวันก่อนที่เธอได้ถูกคนรังแกในขณะที่เธอกำลังจะตอบโต้คนพวกนั้น แต่ว่าได้มีชายหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วยเอาไว้ก่อนมิเชลไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้งด้วยความบังเอิญ เธอรู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะสมกับเขาไม่ว่าจะเป็นด้วยรูปลั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 2

    ส่วนมู่ฟางก็ได้เจอกับพี่ชายของตนที่มาพร้อมกับชายหนุ่มที่เธอเป็นคนตรวจร่างกายให้เป็นคนสุดท้ายก่อนพัก“สหายกับพี่ชายของฉันสนิทกันอย่างนั้นหรือคะถึงได้มาด้วยกัน” คนเป็นน้องสาวถามกับชายคนนี้ออกมาหลังจากที่เธอเดินมาหาพี่ชายของตนแล้ว“คือว่าใช่ครับพวกเราสนิทกันมาก” คนเป็นครูฝึกโอบไหล่นักเรียนของตนแน่นก่อนตอบหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของพี่ชาย ชื่อมู่ฟาง” หญิงสาวที่อายุน้อยกว่ากล่าวพร้อมก้มหัวของ ตนลงทางด้านเทียนเฉินที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับน้องสาวและว่าที่น้องเขย เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มมองไปทางพี่สาวพี่ชายอย่างอารมณ์ดี“พี่ชายฉันสงสัยอยู่เล็กน้อยทำไมสหายทหารถึงเรียกพี่มู่ฟางว่าพี่สะใภ้กันคะ” เทียนผิงที่รู้สึกสงสัยจึงได้ถามกับพี่ชายของตนออกมาตงหยางกับสหายที่นั่งอยู่ด้วยกันอีกสองคนที่กำลังกินข้าวอยู่แสดงสีหน้าประหลาดออกมาพลางเฉไฉทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนี้อย่างพร้อมเพรียง“คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...” เทียนเฉินเอามือป้องปากกระซิบไปที่หูของน้องน้

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 1

    ภายในโรงพยาบาลทหารที่เป็นสถานที่ทำงานของสองสาวเทียน มู่ ทั้งสองสาวต่างก็จัดว่าเป็นดอกไม้งามของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ทุกคนต่างก็เป็นที่รู้กันดีว่าคุณหมอเทียนผิงนั้นมีคู่หมายเป็นผู้กองหน้าน้ำแข็งประจำหน่วยพยัคฆ์ทำให้หล่อนหมดความสนใจจากทหารคนอื่นไปทั้งหมด ยกเว้นมู่ฟางที่มักมีทหารหนุ่มต่างหาคนมาเป็นแม่สื่อ เพื่อต้องการติดต่อกับหญิงสาว แต่หญิงสาวคนนี้ก็ถูกคนเป็นพี่ชายหวงอยู่ไม่น้อย“อาซือ นายว่าฉันเป็นคนยังไงพอจะเป็นน้องเขยของนายได้หรือเปล่า” หนึ่งในสหายร่วมรบถามขึ้นกับเพื่อนของตนหลังฝึกซ้อมช่วงเย็น“ฉันเห็นนะไม่สำคัญหรอกเพราะคนที่จะต้องตัดสินใจคือน้องสาวของฉัน นายก็เห็นว่าวัน ๆ น้องของฉันทำแต่งานเคยมองใครที่ไหนกัน” คนเป็นพี่ชายพูดแบ่งรับแบ่งสู้“นายหวงน้องสาวก็บอกมาเถอะ แต่ว่านายก็เห็นพวกเราอยู่ทุกวัน นายไม่เลือกหนึ่งในพวกเราเป็นน้องเขยจริง ๆ เหรอ” สหายอีกคนที่อยู่ด้วยกันกล่าวพร้อมเสนอตัวเอง“พวกพี่ชายก็อย่าตื้อพี่ซือมากเลยครับ พี่สาวฟางของผมยังไม่ชอบใครต่างหาก ถ้าหากว่าเธอถูกใจพวกพ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status