พันกว่าจริง ๆ เหรอ...
ฉันมองดูห้องที่คล้ายห้องพี่นธีทุกอย่าง ข้าวของเครื่องใช้มีครบ ในครัวมีอุปกรณ์ทำอาหารซึ่งห้องของพี่นธีไม่มี
"แม่บ้านเหรอคะ" ฉันขมวดคิ้วถามอีกครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมาเพราะเขาบอกว่าไม่ชอบพูดซ้ำ ถ้าพูดซ้ำนั่นแปลว่ากำลังหงุดหงิดแล้ว อันนี้ฉันเดาว่าน่าจะเป็นแบบนั้น
แล้วพี่นธีก็เดินกลับไปห้องของตัวเอง
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดฉันจึงไม่ต้องไปเรียนและไม่มีกิจกรรมรับน้องในวันนี้ เพราะรุ่นพี่แจกภารกิจและต้องทำให้เสร็จภายในห้าวัน
ภารกิจที่ฉันได้รับค่อนข้างจะง่ายถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่น เพราะรุ่นพี่แค่ให้ฉันบอกความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'รุ่น' เท่านั้น
ฉันจัดของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่อย่างให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปดูโซนครัวขนาดกะทัดรัดแต่มีของใช้เกือบทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น
ที่ชอบห้องครัวและชอบทำอาหารเพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีแม่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันโตมากับการมองดูท่านทำกับข้าวในแต่ละวันและเรียนรู้ทุกอย่างจากท่าน คนที่จากไปเมื่อสองปีก่อนและไม่มีวันกลับมา
ฉันยิ้มออกมากับตัวเองและมองดูพื้นที่ตรงนั้นเงียบ ๆ ก่อนไปทำงานต้องทำกับข้าวเลี้ยงพี่นธีสักมื้อเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วละ
ก๊อก ๆ
ฉันเคาะประตูห้องตรงข้ามสองสามที และรอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดออกมาพร้อมกับสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองตัวใหม่แล้วแต่ก็แนวเดิม นั่นคือกางเกงวอร์มแบรนด์แท้ราคาแพงกับเสื้อกีฬาสีแดงเลือดหมู (เสื้อคณะ)
"..." สายตาคมเข้มมองมาด้วยคำถามเหมือนรำคาญ ฉันคงรบกวนเวลานอนของเขาอีกแล้ว
อย่างหนึ่งที่รู้เกี่ยวกับตัวเขาตอนนี้คือชอบนอนตลอดเวลา ขี้เซาเป็นที่สุด
"เย็นนี้เนยจะทำกับข้าวเลี้ยงพี่นธี ไม่ต้องออกไปซื้อนะ"
"..." เขามองนิ่งก่อนจะพยักหน้านิด ๆ เปลือกตาแทบจะปิดเข้าหากัน
"พี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ"
"อะไรก็ได้" เขาตอบเสียงงัวเงียก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน "ฉันเกลียดการถูกวุ่นวายเวลานอน"
"ขอโทษค่ะ เนยไม่รบกวนแล้ว" ฉันบอกแล้วดึงประตูปิดให้เสร็จสรรพ
จากนั้นก็ลงไปซื้อของมาทำกับข้าว โชคดีที่มีร้านขายของสดพวกผัก เนื้อ ของทะเลอยู่ไม่ไกลมากแค่เดินไปราว ๆ สามร้อยเมตรก็ถึง
หลายชั่วโมงต่อมา
ก๊อก ๆ
ฉันคิดว่าอาจจะโดนไล่ออกจากที่นี่สักวันเพราะพี่นธีจะรำคาญนี่แหละ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาคงไม่ชวนฉันอยู่ห้องนี้แน่
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบทุ่ม ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้วและเตรียมตัวออกไปทำงาน
"..."
"เนยรบกวนไหม" ฉันรีบถามคำถามนี้เป็นอันดับแรกเพราะกลัวจะรบกวนเขาอีก
"..." พี่นธีไม่ตอบแต่มองดูฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเพราะตอนนี้ฉันใส่เดรสรัดรูปยูนิฟอร์มของร้านแต่สวมทับด้วยกางเกงยีนขาสั้นเอวสูงเอาไว้
"เนยจะไปทำงานค่ะแต่ชวนพี่กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวยกมาให้" ฉันบอกแล้วส่งยิ้ม ฝ่ายพี่นธีก็นิ่งเช่นเดิมไม่ได้เอ่ยอะไรแล้วเดินเข้าห้องโดยไม่ปิดประตู ฉันจึงหันหลังเข้าห้องตัวเองเพื่อเอากับข้าวมากินที่ห้องเขา
เรากินข้าวกันเงียบ ๆ เพราะคนตรงหน้าไม่ยอมพูดเลยสักคำ ฉันจึงไม่กล้าส่งเสียงใดรบกวนเขา
"แมวตัวนั้น" อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา แถมยังพูดถึงแมวเนี่ยนะ "เอามันขึ้นมาให้หน่อย"
"คะ ?" ฉันถามย้ำอีกครั้งอย่างลืมตัวและไม่ค่อยเข้าใจความคิดเขาเท่าไรนัก ก่อนจะรีบเอ่ยประโยคต่อมา "พี่หมายถึงให้เอาแมวตัวนั้นขึ้นมาที่ห้องเหรอ"
"อืม"
"ได้ค่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เนยไปดูมันนะ เราต้องเอามันไปตรวจร่างกายก่อน" ฉันบอกแล้วยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ เห็นนิ่ง ๆ แต่ใจจริงก็รักสัตว์เหมือนกันนะเนี่ย
"วันนี้ล่ะ" เขาถามแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน
"วันนี้เนยต้องไปทำงานแล้ว"
"..." เขาเงียบแล้วก็กินข้าวต่ออีกคำ "จ้างเอาแมวไปหาหมอ"
"หา ! ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ถ้าทำแบบนั้นเขาไล่เนยออกแน่" ฉันบอกปัดแต่ก็แอบหวั่นใจที่เป็นฝ่ายปฏิเสธเขา ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกกลัวที่จะปฏิเสธเขา หรือเพราะเขาทำดีกับฉันหลายอย่าง
"อืม" พี่นธีตอบสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ทิ้งให้ฉันนั่งสับสนอยู่คนเดียวพร้อมคำถามมากมายในหัวว่าเขากำลังโกรธเรื่องอะไร แต่ก็คิดไม่ออกเลย
คนอะไรเดาใจยากจัง
แล้วฉันก็เรียกรถมาทำงานตามปกติ ไม่ได้เจอพี่นธีอีกหลังจากที่เขาออกจากห้องไปก็เลยไม่รู้ว่าเขาไปไหนหรือโกรธอะไรฉันอยู่หรือเปล่า
"นิเนยวันนี้กลับดึกหน่อยนะ แขกวีไอพีมา" พี่ปายบอกฉันที่กำลังเตรียมตัวทำงาน
"ค่ะ" ฉันตอบแล้วส่งยิ้มให้เธอ จะทำยังไงได้ล่ะนอกจากตอบรับไปแบบนั้น ขืนมีปัญหาคงไม่ได้ทำงานที่นี่อีก
ร้านนี้เป็นร้านที่ใบเฟิร์นแนะนำให้มาทำเพราะรู้จักกับพี่เบส แต่ฉันกำชับมันแล้วว่าห้ามให้ใครรู้แม้กระทั่งญานิน เพราะฉันรู้จักนิสัยของญานินดี
ถ้ายัยนินรู้ว่าฉันลำบากแบบนี้จะต้องช่วยแม้กระทั่งเรื่องเงินแน่ ซึ่งฉันไม่อยากรบกวนมันเกินไป แล้วอีกอย่างฉันไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องครอบครัวของตัวเองด้วย เรื่องน่าอับอายแบบนั้นคงไม่ควรจะพูดให้ใครฟัง
"น้องเนยคนเมื่อวานมาอีกแล้ว จะเอาเหล้าไปให้เขาไหม" พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามฉัน เธอหมายถึงพี่นธีเหรอ
ฉันรีบสอดส่องสายตามองไปยังบริเวณที่ลูกค้ากำลังนั่งกันอยู่ ก่อนจะเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของใครบางคน
เขามาจริง ๆ ด้วย
"เดี๋ยวเนยบริการโต๊ะนั้นเองค่ะ" ฉันยิ้มให้เธอก่อนจะเดินไปหยิบเหล้าราคาแพงขวดเมื่อวานที่เขาทิ้งไว้ทั้งที่มันพร่องไปเพียงนิด
ฉันเลยแอบเก็บไว้เผื่อเขาจะกลับมาอีก จะเอากลับไปให้เขาข้างนอกก็อายสายตาพนักงานเดี๋ยวคิดว่าเราเอากลับไปดื่ม
"ชอบเราหรือเปล่าเนี่ย ดูรวยนะ พี่เชียร์" พี่ฝนพนักงานคนเดิมพูดขึ้น
"ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อน" ฉันรีบบอกไปเพื่อไม่ให้ใครเข้าใจผิด
"อ๋อ จ้า ๆ"
แล้วฉันก็เดินไปยังโต๊ะพี่นธีที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวพร้อมเหล้าขวดเดิม
"พี่ชอบมาร้านนี้เหรอ เนยไม่ค่อยเห็นเลย" ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามจากทางด้านหลังจนเจ้าตัวเผลอตกใจทางแววตาเล็กน้อย "อันนี้เหล้าพี่ เนยเสียดายเลยแอบเก็บไว้ให้ค่ะ"
ฉันบอกแล้ววางมันลงบนโต๊ะ
"..." เขาไม่ตอบอะไร เพียงแค่มองหน้าฉันไม่กี่วินาทีก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดสดฟุตบอลอยู่
"มาดูบอลเหรอคะ"
"อืม" เขาตอบแค่นั้นและไม่มองฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
"พรุ่งนี้เนยมีเรียนเช้า วันนี้ก็ต้องเลิกดึกด้วย ตอนบ่ายเนยจะรีบกลับมาพาน้องแมวไปหาหมอแล้วเอามันมาที่ห้องนะ" ฉันยิ้มแล้วชงเครื่องดื่มให้คนที่ตั้งใจดูถ่ายทอดสดฟุตบอลอยู่
"อยู่ห้องแล้ว" เขาบอกแล้วเอื้อมมือมาขยับเครื่องดื่มไปตรงหน้าก่อนจะยกขึ้นจิบ
"หา ! แต่มันไม่ได้ตรวจร่างกายนะคะ"
"..." พี่นธีเบือนหน้ามามองฉันเหมือนรำคาญแล้วพูดเสียงเรียบ "คิดว่ามันจะอยู่รอเธอพรุ่งนี้ ?"
"..." ฉันกัดปากด้านในด้วยความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก แปลว่าที่เขาหายไปตอนเย็นน่าจะไปหาน้องแมวแน่ ๆ "งั้นพรุ่งนี้เนยไปเล่นกับมันนะ"
"..." พี่นธีไม่พูดอะไรและหันกลับไปสนใจฟุตบอลต่อ ฉันจึงค่อย ๆ ถอยออกมา
"น้องเนย ดูแขกโต๊ะวีไอพีหน่อย" เมื่อเสียงของพี่ปายเรียกฉันจึงรีบหันหลังกลับไปและเดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่ว่านั้น
ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่อายุราว ๆ ห้าสิบกว่ากันแล้ว การแต่งตัวมีภูมิฐานและดูมีฐานะ
ฉันเดินเข้าไปสอบถามสิ่งที่ลูกค้าต้องการสั่งก่อนจะเดินออกมาและเตรียมของไปยังโต๊ะนี้พร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน
"..." ฉันหันไปมองพี่นธีซึ่งเขาก็มองมาพอดีจึงส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินไปที่โต๊ะวีไอพี จัดแจงวางเครื่องดื่มและชงให้พวกเขา
"นิเนยเธอรอบริการตรงนี้นะ"
ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วเพื่อนอีกคนก็เดินจากไป
โต๊ะวีไอพีจะต่างจากโต๊ะอื่นคือที่นั่งเป็นโซฟาและถูกกั้นด้วยกระจกใส จะต้องมีพนักงานยืนรอเพื่อบริการแขกอย่างน้อยหนึ่งคนเพื่อไม่ให้แขกระดับวีไอพีรอนาน
"อายุเท่าไรหนู ดูเด็กอยู่เลย" เสียงเข้มของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยทักแล้วมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
สายตาแทะโลมของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีและไม่ชอบเอาซะเลย ถึงแม้จะทำงานที่นี่มาเกือบเดือนและต้องเจอคนมองแบบนี้แต่มันก็ไม่ชินนักหรอก
หรืออาจเป็นเพราะฉันฝังใจกับเรื่องแบบนี้ก็ว่าได้ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกสำหรับงานในช่วงรับน้องแบบนี้เลย
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์