LOGIN“สามีของข้าต้องการรับเจ้าเป็นภรรยาเพิ่ม และข้าก็ยินดี เจ้าก็น่าจะดีใจ อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว สิบแปดปีแล้วกระมัง อายุขนาดนี้ยังไม่มีสามีนับว่าน่าอดสูยิ่งนัก แล้วยิ่งถ้าเคยมีสามีมาแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่อัปยศเป็นที่สุด”ซิ่วอิงเว้นระยะเพื่อปรายตามองลี่เหยาถิงอย่างดูแคลน แล้วเอ่ยต่อเสียงดังคล้ายข่มขู่กัน“เจ้าก็รีบๆ รับคำเถิด ก่อนที่ข้าและสามีจะเปลี่ยนใจ โอกาสอันดีเช่นนี้ มิใช่ว่าจะหาได้ง่ายหรอกนะ”ลี่เหยาถิงยืนเงียบงัน สีหน้าเรียบนิ่งเริ่มปรากฏความหม่นเศร้า แต่ยังไม่ทันที่นางจะตอบโต้อันใดกลับไป ฝ่ามือน้อยๆ พลันอุ่นวาบ ข้างกายพลันรู้สึกกระแสอบอุ่นสายหนึ่งชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงเย็นชาเอ่ยเนิบช้า “นางเป็นภรรยาของข้า ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาพานางไปจากอกข้าทั้งนั้น”สิ้นเสียงนั้น ลี่เหยาถิงถึงกับหันขวับแล้วเบิกตาโตจางเหว่ยและซิ่วอิงพลันเบิกตาโพลงเจ้าของประโยคคือบุรุษหนุ่มรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่ องอาจผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ท่าทางคล้ายนักรบ แผ่กลิ่นอายมืดครึ้มไปทั่วบริเวณซิ่วอิงถึงกับใจเต้นโครมครามจ้องมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยดวงตาไหวระริก จางเหว่ยผู้เป็นสามีของนาง นับว่าหล่อเหลามาก
จางเหว่ยคิดด้วยหัวใจพองโต เขาเคยคิดจะหาโอกาสเข้าหาลี่เหยาถิงหลายครั้งแล้ว แต่ติดตรงที่หาจังหวะเหมาะสมยังมิได้เพราะว่าบางครา ท่านหมอเทวดาพำนักอยู่มิได้เดินทางไปที่ใด และในหลายครายังมีภรรยาที่บ้านถลึงตาใส่ ไม่ยอมให้เขาได้หายตัวไปที่ใด หากแต่วันนี้ช่างสบโอกาสยิ่ง!ท่านหมอไม่อยู่ และภรรยาของเขาก็กำลังตั้งครรภ์ จนไม่สะดวกร่วมเตียง นางจึงยอมรับเรื่องที่เขาจะรับภรรยาเพิ่ม“ว่าอย่างไร ให้ข้าไปส่งแล้วนั่งคุยกันสักคืนเป็นไร”เสียงทุ้มนุ่มยังคงเอ่ยเกี้ยวกันอย่างเปิดเผยไม่มีเกรงใจลี่เหยาถิงได้ยินคำว่าจะไปส่งและอยู่ด้วยทั้งคืนจึงชะงักเท้าหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองจางเหว่ยนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็น“ซิ่วอิงของเจ้าอนุญาตแล้วหรือไร ถึงได้กล้ามาเกี้ยวข้า”หญิงสาวใช้ถ้อยวาจาตรงไปตรงมาตามวิสัย หาได้ต้องเกรงใจใครไม่จางเหว่ยเองก็หาได้สะทกสะท้านที่ถูกคนงามตรงหน้าเอ่ยถึงภรรยา เขาคลี่ยิ้มกว้างปากเอ่ยหยอกเย้าว่า“เหยาถิงคนงาม ยามนี้ข้าร่ำรวยนัก เงินทองล้นเหลือ ภรรยาข้าย่อมเต็มใจให้สามีรับภรรยามาปรนนิบัติเพิ่ม ข้าจะรับเจ้าเป็นภรรยาอีกคน ให้ฐานะเทียมกัน บุรุษใจกว้างเยี่ยงข้าไม่มีอีกแล้ว”ลี่เหยาถิงได้ฟังถึงกับกลอ
นอกเรือนไร้โรคาตรงหน้าลานตากสมุนไพรเสียงหวานแหลมของลี่เหยาถิงถามย้ำเซียนเซียนอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจอันใดทั้งสิ้น“เขาคือสามีของข้าจริงๆ หรือ?”“อืม...”เซียนเซียนพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น“จริงแท้และแน่นอน ฝีมือการสืบเสาะของข้าเชียวนะ อ่อนด้อยที่ใด”หญิงสาวตบอกตนเองกล่าวอย่างมั่นใจเพราะนอกจากความเก่งกาจของนางแล้วยังได้สายลับทมิฬแห่งยุทธภพช่วยเหลือเช่นนี้ คำว่าพลาดย่อมไม่มีและนางเองก็คุกเข่าขอร้องอาจารย์ให้เป็นผู้ประสานติดต่อ จนกระดูกเจ็บร้าวไปหมด แทบจะเดินมิได้หากไม่ได้ความ ก็ปาดคอนางได้เลย“เขามีนามว่าเหอหย่งหมิง เป็นสามีของพี่และพ่อของลูกในท้องของพี่ พวกพี่แต่งงานกันได้เพียงสองเดือนก็เกิดเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันเกือบสองปี” เซียนเซียนย้ำอีกครา โดยเว้นเรื่องราวทุกข์ระทมให้ไกลห่างลี่เหยาถิงได้แต่ยืนนิ่งรับฟังอย่างเงียบงันแน่นอนว่านางย่อมเชื่อถืออีกฝ่าย ไร้ซึ่งคำโต้แย้งใดๆนางไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องปฏิเสธ เพราะนางตกหน้าผามาบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนจะตาย ก็ได้คนตรงหน้าช่วยเหลือจนรอดมาได้ และการแท้งลูกของนางล้วนบ่งบอกได้ดี ว่านางมีสามีแล้วนางมีคนรัก และรักกันมาก จนได้แต่งงานกันแล้วก็
เบื้องหน้าหลุมศพของลูกน้อยนอกจากเรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสีครามที่คุกเข่านิ่งงันไม่ไหวติงใดๆ ยังมีเรือนร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวยืนอยู่ที่ด้านหลังอยู่เงียบๆเนิ่นนานผ่านไปเหวินเต๋อร์จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าขอกล่าวอีกเล็กน้อย”ใบหน้าหล่อเหลาของเหอหย่งหมิงยังคงนิ่งขรึมไร้คลื่นอารมณ์อันใดปรากฏ มีเพียงดวงตาคมกริบที่หม่นแสงขีดสุด“เหยาถิงจำอดีตไม่ได้เลย และแน่นอนว่าความรักที่มีต่อท่านเมื่อครั้งนั้น นางก็ลืมไปแล้วจนสิ้น แต่ข้าก็ยังหวังว่าท่านจะทำให้นางรักท่านได้อีกครั้ง ข้าอยากให้ท่านปรับความเข้าใจกับนางเสีย เพราะว่านางคือภรรยาของท่าน นางแต่งงานกับท่านด้วยสมรสพระราชทานประการหนึ่ง อีกประการคือนางรักท่านจากใจจริง ทั้งยังต้องการช่วยเหลือท่านจากเพ่ยจี ถึงแม้เพ่ยจีจะได้เป็นภรรยาคนที่สองของท่าน แต่นางมิได้รักท่าน การแต่งงานก็เพียงเพื่อแก้แค้น เติมเต็มแรงริษยา ต้องการทรัพย์สินเงินทอง ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือคิดฆ่าท่านเพื่อคบชู้ หยามเกียรติท่านทุกวิธี ท่านลองตรองดูเถิด”สิ้นประโยคของเหวินเต๋อร์ เส้นเสียงทุ้มต่ำเย็นชาจึงดังออกมาจากเหอหย่งหมิง“ที่ท่านเอ่ยมา ล้วนเป็นดั่งที่ใจข้าคิด และภรรยาของข้า
เหอหย่งหมิงได้แต่เงียบงัน มิได้ต่อคำอันใดทั้งสิ้น ในขณะที่เหวินเต๋อร์ยังเอ่ยปากเรียบเรื่อย ถึงเรื่องราวที่สืบมาได้ ว่าเพ่ยจีมารยาสาไถยเพียงใด เสแสร้งแค่ไหน เลือดเย็นเยี่ยงปีศาจอย่างไร ท่าทางอ่อนหวานที่แสนจะอ่อนโยนใสซื่อบริสุทธิ์จริงใจนั้น ล้วนเคลือบไปด้วยยาพิษร้ายแรง จนกระทั่งเหยาถิงต้องเกือบจบชีวิตอย่างอนาถเช่นไรเขาสืบรู้กระทั่งว่า เพ่ยจีพยายามเข้าหาเหอหย่งหมิง เพื่อแก้แค้นเหยาถิงหมายสนองตอบความริษยาของตนเอง นางทำเรื่องชั่วช้ากระทั่งว่าจ้างอันธพาลกับโจรป่าให้ทำร้ายเหอหย่งหมิงเพื่อสร้างความประทับใจจอมปลอม หมายคบหาเพื่อตัดหน้าเหยาถิง คิดแย่งชิงชายในดวงใจรวมทั้งเรื่องราวหลังจากนั้นทั้งหมดทั้งมวล แม้กระทั่งสาเหตุที่เพ่ยจีรบเร้าแต่งงานกับเหอหย่งหมิง เพราะต้องการเงินและกินดีอยู่ดีในตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพ เขายังสืบรู้ได้ไม่ยากเย็นการมีภรรยาเป็นหญิงชาวยุทธ์ผู้เก่งกาจก็ดีเช่นนี้แลเหอหย่งหมิงได้ฟังก็ยิ่งมีใบหน้าดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆเขาหลับตาลงอย่างช้าๆ รับรู้เพียงว่าหัวใจปวดร้าวราวกับกำลังถูกรุมฉีกออกจนเป็นแผลกว้าง สร้างความปวดร้าวยิ่งนักเหวินเต๋อร์ยังกล่าวย้ำซ้ำเติมอีกครั้งว่า “เหยาถิงรักท่านจ
เมื่อเหอหย่งหมิงมองตามลี่เหยาถิงจนเห็นชัดจากประตูที่เปิดอ้าว่านางกำลังยืนคุยกับสตรีที่วิ่งตามไปอยู่นอกห้อง โดยที่นางมิได้วิ่งไปที่ใดไกลกว่านั้น สีหน้าของนางบ่งบอกได้ว่าตระหนกตกใจ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่อาจเชื่ออันใดตลอดเวลานางมองมาทางเขาลอดช่องของประตูมา ด้วยสายตาความหมายว่าไม่รู้จักเขาริมฝีปากแดงระเรื่อของนางขยับเล็กน้อย หากเขาอ่านปากนางไม่ผิด นางคงกำลังพูดว่า ‘เขาเป็นใครกันแน่?’เหอหย่งหมิงถึงกับใจกระตุกรุนแรง ในโพลงอกราวกับถูกมีดคว้านเอาก้อนเนื้อออกมานอกอกกระนั้นชั่วอึดใจเขาจึงละสายตาคมปลาบกลับมามองชายตรงหน้าแทนเหอหย่งหมิงจำได้ ว่าคนผู้นี้คือคนที่เพ่ยจียืนกุมมือในวันที่เกิดเรื่องก่อนที่เขาจะถูกตีจนสลบไปทว่า...ประเด็นนั้นเขามิได้สนใจเรื่องที่เขาใส่ใจล้วนเกี่ยวกับเรื่องราวในยามนี้ สถานที่แห่งนี้ และลี่เหยาถิงเหวินเต๋อร์สังเกตเห็นสายตาคมดำที่มากไปด้วยคำถาม จึงเอ่ยแนะนำตัวโดยไม่มีเสียเวลามานั่งมองหน้ากันไปมา“ข้ามีนามว่าเหวินเต๋อร์” กล่าวจบก็ยกยิ้มมากเสน่ห์ยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมพรั่ง หากเป็นสตรีเห็นก็คงหลงใหลทันใด ทว่าคนตรงหน้ามิใช่สตรี ทั้งยังเป็นบุรุษที่กำลังแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบ“







