ขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสข้าได้รักเจ้าในอีกครา ขอบคุณฟ้าที่เมตตาต่อเราสอง นับจากนี้ขอเพียงเจ้าให้ตัวข้าได้ประคอง ข้ารับรองจักครองรักเพียงเจ้าแต่ผู้เดียว… *** ครั้งหนึ่งเขาตามืดบอด จึงไม่เห็นนางที่รักเขาอยู่ในสายตา แต่เมื่อวันนี้เขารักนางแล้วจนหมดใจ ใครหน้าไหน เขาก็ไม่สนใจทั้งสิ้น!
View Moreสมรสที่ไม่ต้องการ
แสงไฟจากโคมสีแดงสดที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคลสาดส่องไปทั่วบริเวณ
บรรยากาศรอบจวนแม่ทัพเหอจึงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นด้วยแขกเหรื่อมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่คู่บ่าวสาวนั้น ทุกคนล้วนแสดงออกถึงความปิติเป็นอย่างมาก และชื่นชมไม่ขาดปากว่าบ่าวสาวในวันนี้ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก ไม่แคล้วเป็นกิ่งทองใบหยก
อาจจะเป็นเพราะว่าการแต่งงานครั้งนี้มิใช่การแต่งงานธรรมดา หากแต่เป็นงานแต่งที่เกิดขึ้นจากสมรสพระราชทาน อันได้รับพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากไทเฮาผู้เป็นพระมารดาที่รักยิ่งของเจ้าแห่งแผ่นดิน
หรืออาจจะเรียกได้ว่า การแต่งงานครั้งนี้ เกิดจากความเห็นชอบจากเจ้าเหนือหัวถึงสองพระองค์แห่งแคว้นต้าเจี้ยนเลยก็ว่าได้ นับได้ว่าไม่เคยมีปรากฏการเช่นนี้มาก่อนเลยในหลายรัชศก
โดยฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นเป็นถึงแม่ทัพหนุ่มรูปงามทั้งยังสนิทสนมกับฮองเต้ตั้งแต่ยังเยาว์ เขามีนามว่า เหอหย่งหมิง ส่วนฝ่ายเจ้าสาว นางเป็นถึงหลานรักขององค์ไทเฮา มีนามว่า ลี่เหยาถิง
ท่ามกลางแขกเหรื่อที่ร่วมยินดีกันอย่างคับคั่ง หากแต่ เหอหย่งหมิง ผู้เป็นเจ้าบ่าว กลับไร้ซึ่งอารมณ์ปิติแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย เบื้องลึกในแววตากำลังข่มกลั้นความขุ่นเคืองเอาไว้ ในอกรัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
เวลาตามพิธีการแห่งมงคลสมรสล่วงเลยผันผ่าน จนในที่สุดก็ถึงเวลาเข้าหอ
ตามทางเดินจากห้องจัดเลี้ยงจนถึงห้องหอที่มีเจ้าสาวนั่งรออยู่ เหอหย่งหมิงเดินหน้านิ่ง ร่างสูงสง่าตั้งตรง ท่าทางเย่อหยิ่งถือตัวมาจนสุดทาง
กระทั่งถึงหน้าประตูห้องหอ เขาก็กระแทกประตูเปิดออกอย่างไม่ใยดี ยังผลให้คนที่อยู่ด้านในถึงกับสะดุ้งตกใจจนอาภรณ์วาบไหว แต่กระนั้นนางก็ยังคงรักษาอาการสงบได้ดีเยี่ยม
นางลุกขึ้นยืน เชิดหน้า แล้วหันมาทางเขา
เหอหย่งหมิงแค่นเสียงในลำคอคราหนึ่ง ไม่ต้องเปิดผ้าคลุมหน้าออกก็รู้ได้ว่าเจ้าสาวของเขามีหน้าตาเป็นเช่นไร งดงามปานใด หากแต่ความสะคราญโฉมของนางนั้น ช่างสวนทางกับนิสัยยโสเอาแต่ใจได้อย่างร้ายกาจ
มีอย่างที่ใด ทั้งๆ ที่นางก็รู้ว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว แต่กลับใช้อำนาจที่มีทูลขอต่อองค์ไทเฮาว่ารักเขามาเนิ่นนาน ต้องการแต่งงานกับเขาเท่านั้น
มีสตรีที่ใดไร้ยางอายเช่นนางบ้าง!
กล้าบอกรักบุรุษต่อหน้าพระพักตร์เต็มปากเต็มคำ ทั้งยังกล้าขู่บังคับให้แต่งงานด้วย และที่สำคัญยังแย่งชายคนรักของหญิงอื่นอย่างหน้าไม่อาย
เหอหย่งหมิงให้นึกโกรธแค้นและชิงชัง เพลิงโทสะโหมกระหน่ำอยู่ในโพรงอก เส้นเลือดตรงหน้าผากนูนขึ้นให้เห็นเด่นชัด สองมือกำหมัดแน่น
เพราะการแต่งงานนี้ ทำให้เพ่ยจี หญิงคนรักของเขาต้องคิดสั้น หากเมื่อสองวันก่อนเขาไปหานางไม่ทันการณ์ เห็นทีนางคงก้าวเท้าไปเยือนปรโลกแล้ว
ภาพใบหน้าอ่อนหวานที่ซีดเซียว ข้อมือเล็กเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงที่ตัดพ้อต่อว่าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาเอ่อคลอนองสองข้างแก้ม บาดลึกเข้าไปในใจเขาจนเกิดบาดแผลเหวอะหวะ
เขาพาเพ่ยจีเข้าจวนมารักษาอาการบาดเจ็บ ปลอบประโลมให้นางคลายใจอย่าได้ฟุ้งซ่านคิดสั้นอีก หากแต่สตรีตรงหน้าเขา กลับตามเข้ามาถึงในจวนของเขาอย่าถือวิสาสะ ด้วยถือตนว่าเป็นว่าที่เจ้าสาว แล้วเอ่ยวาจาร้ายกาจกับคนรักของเขา ใช้อำนาจที่มีพร้อมกับพระเสาวนีย์ขององค์ไทเฮา ลากเพ่ยจีออกไปจากอ้อมอกเขา
งานแต่งวันนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่เบา มีผู้แทนพระองค์มาคอยคุมเชิงเขาอย่างเหนียวแน่น
“คงสมใจเจ้าแล้วล่ะสิ!” เหอหย่งหมิงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเฉยชา เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้เจ้าสาวของเขา แล้วจับกระชากผ้าคลุมหน้าออกอย่างแรง จนร่างระหงสะดุ้ง
ทว่าวงหน้างดงามโดดเด่นปานเทพธิดาของคนตรงหน้าหาได้สะทกสะท้านให้ได้เห็น เหอหย่งหมิงยืนนิ่งมองนางอย่างเย็นชา ประกายในแววตาคมหาได้ซ่อนเร้นความนึกคิดชิงชังภายในจิตใจ
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขากับนางยืนประจันหน้ากัน และทุกครั้งที่เจอกัน ล้วนแล้วแต่เป็นนางที่เข้ามาขัดจังหวะเขากับเพ่ยจี
“แน่นอนข้าสมใจมาก!” นางเอ่ยตอบด้วยเสียงแหลมเล็ก มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาทอประกายชั่วร้ายวาบผ่าน นางกล่าวเน้นย้ำใส่ใบหน้าเขาอีกว่า
“คนอย่างลี่เหยาถิง อยากได้อะไรก็ย่อมได้ ข้ารักท่าน ข้าย่อมต้องได้ท่านมาครอง แปลกที่ใด?”
นางยืนกอดอกเชิดหน้ากล่าวเน้นคำอย่างไม่อาย
“ข้า-รัก-ท่าน”
เหอหย่งหมิงได้ฟังให้รู้สึกจุกอยู่กลางอก รู้สึกขมฝาดอยู่ในลำคอไปหมด ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกไปทั่ว สายตาคมจับจ้องนางอย่างมิอาจทำสิ่งใดได้มากไปกว่านี้ นางคือสตรีที่ขวางทางรักของเขาอย่างร้ายกาจ อาวุธร้ายแรงของนางก็คือคำบอกรักคำนี้ แน่นอนว่าเขาไม่เคยรู้สึกยินดี เพราะว่ามันทำลายเกียรติยศของเขาจนสิ้น บุรุษเช่นเขาต้องถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์ต่อหญิงคนรัก วาจาที่เคยพร่ำสัญญาว่าจะแต่งงานเพ่ยจี อย่างสมเกียรติและมีนางเป็นภรรยาคนเดียวพลันมลายหายไป กลายเป็นเพียงลมปากที่ทำร้ายกันได้อย่างสาหัส
“อ้อ...” เจ้าสาวตรงหน้าลากเสียงยาวอย่างจงใจยั่วเย้า ไม่สนใจสายตาคล้ายก้อนไฟของเจ้าบ่าวเช่นเขาเลยสักนิด
“ข้าแต่งงานกับท่านแล้ว และต้องได้เป็นภรรยาของท่านแต่เพียงผู้เดียวด้วยนะ อย่าลืม!”
กล่าวจบก็คลี่ยิ้มเฉิดฉัน เลิกคิ้วยียวน
เหอหย่งหมิงถึงกับขบกรามแน่น เขาแค่นเสียงหนักอย่างไม่สบอารมณ์ “ฝันไปเถอะ!”
จบคำก็สะบัดชุดสีแดงเสียงดังพึ่บ แล้วเดินออกนอกประตูห้องหอมา ได้ยินเพียงเสียงตวาดแหลมตามหลังว่า
“ท่านจะไปไหน กลับมาดื่มเหล้ามงคลเดี๋ยวนี้นะ!”
ชายหนุ่มถึงกับต้องหลับตาข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน รู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก มิรู้ได้ว่าเป็นเวรกรรมอันใดที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับสตรีนางนี้
เพ่ยจีสร้างสถานการณ์ทำทีบังเอิญเจอกับเหอหย่งหมิงบ่อยๆ ใช้ความอ่อนโยนอ่อนหวานกิริยางดงามเข้ามัดใจ แม้แต่ความอ่อนแอเพื่อให้บุรุษปกป้อง นางก็นำมาใช้ชายชาตินักรบที่มีนิสัยหยาบกระด้างเติบโตมากับค่ายทหารจนอายุยี่สิบปี ไม่เคยได้สัมผัสมารยาแห่งสตรีวังหลังอย่างเหอหย่งหมิงจึงหลงกลโดยง่ายกระทั่งไม้ตายที่จักทำให้เขากลายเป็นคนรักนางก็สามารถทำได้ไม่ยากเย็นเพ่ยจีทำตัวเองให้บาดเจ็บและอยู่ในภาวะอ่อนแอเพื่อให้เหอหย่งหมิงเข้าช่วยเหลือโดยบังเอิญ ก่อเกิดสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่าคนคุ้นเคยกัน เนื่องจากบังเอิญเจอกันบ่อยเหลือเกินต่อมาหญิงสาวยังว่าจ้างอันธพาลที่เห็นแก่เงินให้ติดต่อกับโจรป่าเข้ามาทำร้ายเหอหย่งหมิง ยามที่นางกับเขาได้เจอกันตรงเชิงเขาอันมีทิวทัศน์งดงามในแผนนั้นนางแสร้งทำเป็นตัวถ่วงให้เขา ด้วยการกระโดดกอดขาเขา กอดแขนเขา ยามที่เขากำลังต่อสู้จนกระทั่งเขาพลาดท่าแล้วบาดเจ็บ นางก็ดูแลเขาอย่างดี ไม่ทิ้งกันไปที่ใดจนเขาซาบซึ้งใจ นางจึงบอกรักเขาและขอคบหาเพื่อดูใจอย่างเปิดเผยเรื่องนี้หากไม่บอกต่อก็ไม่สนุก!เพ่ยจีจึงได้บอกกล่าวกับลี่เหยาถิงทุกเรื่องราวหลังจากที่ได้คบหากับเหอหย่งหมิงแล้วเป็นที่เรียบร้อยเป
บนเชิงเขาที่กำลังมีหญิงสาวสองคนยืนจ้องหน้ากันด้วยสายตาดุเดือดปะทะกันกลางอากาศหนึ่งคือสตรีรูปโฉมงดงามมั่นใจในตนเอง ท่าทางสูงส่งไม่เคยลงให้ใคร กับอีกหนึ่งเป็นเพียงสตรีรูปร่างธรรมดาแต่ท่าทางอ่อนหวานแลดูอ่อนโยนจริงใจทั้งสองยืนมองกันด้วยประกายตาคล้ายมีขุมพายุโหมกระหน่ำที่บ่งบอกได้ว่าเป็นศัตรูกันมาเนิ่นนานเหตุที่เป็นเช่นนี้ สืบเนื่องมาจากทั้งสองเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กในพระตำหนักของไทเฮา และยิ่งสนิทสนมเมื่ออยู่นอกเขตพระราชฐาน ยามดำเนินมายังวังข้างนอกเพื่อไหว้พระและเชิงเขาแห่งนี้ พวกนางก็เคยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพ่ยจีเป็นบุตรสาวของนางกำนัลคนสนิทของไทเฮาที่พระนางทรงรักดั่งน้องสาว พระนางจึงมอบพระเมตตาให้มารดาของเพ่ยจีแต่งงานกับชายคนรักได้อย่างใจกว้างเมื่อถึงวัยเพียงยี่สิบปีซึ่งเดิมทีตามกฎแล้วนางกำนัลจักได้ออกไปแต่งงานได้นั้น ต้องอายุยี่สิบห้าปีแต่กระนั้นชีวิตคู่กลับไม่ราบรื่น มารดาของเพ่ยจีถูกชายคนรักนอกใจทิ้งกันไปหลงใหลเพียงภรรยาใหม่ หลายวันที่หายหน้าเขากลับมาพร้อมหญิงแพศยา ทั้งๆ ที่สามารถรับเป็นอนุหรือภรรยารอง หากแต่นังนั่นกลับไม่พอใจ ต่อมาสามียังรวมหัวกับภรรยาใหม่คิดไม่ซื่อต
พระราชพิธีพระศพของไทเฮาผ่านพ้นไปแล้วจนสิ้นหากแต่ลี่เหยาถิงยังคงเศร้าสลดไม่เจือจาง นางยังคงโหยหาท่านยายทุกวัน ครั้นนึกขึ้นได้ว่าชีวิตมิได้มีเพียงเท่านี้ นางจึงพาร่างของตนเองมายืนทอดอารมณ์คิดคำนึงถึงบุคคลสำคัญในชีวิตยังเชิงเขาชายป่านอกเมือง ที่ซึ่งนางมักจะแอบหนีมาเล่นซน จนท่านยายทนไม่ไหวต้องลอบเสด็จตามมาเที่ยวด้วยกันหลายปีมาแล้วที่เชิงเขาแห่งนี้ยังงดงามไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือตัวบุคคลที่โรยราตามวัยส่วนตัวนางที่เคยเป็นเพียงเด็กน้อย ก็เติบใหญ่เป็นสาวงามสะพรั่งประโยคนี้ล้วนเป็นท่านยายที่พูดให้นางฟังท่านยายบอกว่า ยามที่นางยังเป็นเด็ก นางมีส่วนคล้ายท่านพ่อ แต่เมื่อโตขึ้นจนอายุสิบห้านางกลับเหมือนท่านแม่ความงดงามที่ล้ำเลิศนี้ ทำบุรุษมากหน้าต่างหมายปอง แต่ทว่าด้วยใจที่ยึดติดไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิด จึงทำให้นางเฝ้ารอเหอหย่งหมิงมาโดยตลอดลี่เหยาถิงไม่เคยคิดว่าตนเองทำผิด ที่นางปักใจรักใคร่ชายผู้นี้ตั้งแต่นางจำความได้และรับรู้เรื่องราวของลุงเหอผ่านท่านยายที่เล่าให้ฟัง นางก็ฝังใจมาโดยตลอดว่าเหอหย่งหมิงย่อมเหมือนกับลุงเหอผู้เป็นบิดาของเขาแม้จะยังไม่เคยพบหน้าแต่ทว่านางก็ยังรอคอยที่จะไ
เหอหย่งหมิงอาศัยอยู่กับมารดาอีกเมืองหนึ่ง ส่วนลุงเหอ พ่อของเขาเป็นทหารประจำกองทัพให้กับหุบเขาเชื่อมใจกระทั่งมารดาของเขาตาย บิดาของเขาจึงพาเข้าเมืองหลวง และเลี้ยงดูในค่ายทหาร กระทั่งบิดาของเขาตายในสนามรบเพื่อปกป้ององค์เหนือหัว คงเหลือเขาที่แสดงฝีมือแทนบิดาสืบมาจนได้เป็นแม่ทัพและได้นางเป็นรางวัลนี่ล่ะนางยังจำได้ว่าครั้งแรกที่นางเจอเหอหย่งหมิง ยามนั้นนางในวัยเด็กแปดหนาว เขาอายุสิบสามนางได้เจอเขาที่ไปร่วมงานในพระราชวังกับบิดาของเขา นางวิ่งเล่นลับตาบ่าวรับใช้จนข้อเท้าแพลงเดินไม่ได้ เขาเห็นเข้าก็เลยช่วยนางไว้เขาให้นางขี่หลังจนกลับมาถึงตำหนักไทเฮา จากนั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ได้เจอเขาอีกทว่าข่าวคราวของเขาก็มาถึงนางโดยตลอด เป็นนางที่ขอให้ท่านยายส่งคนไปสืบมา ไม่ว่าเขาจักไปประจำยังชายแดนฝั่งใดของแว่นแคว้น ล้วนไม่เกินสายลับของท่านยายเรียกได้ว่า นางแอบหลงรักเขาเพราะบิดาของเขานั่นล่ะแต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ทุกข่าวของเขาและการกระทำที่กล้าหาญต่างๆ ของเขา ยิ่งทำให้นางมีรักปักใจนี่คือนิสัยของลี่เหยาถิง ซึ่งไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาและบิดาเลยสักนิดนอกจากดื้อรั้นเอาแต่ใจ นางยังเป็นสตรีที่เที่ยงตรงและเ
หนึ่งเดือนต่อมา...สตรีร่างระหงของสาวสะพรั่งวัยสิบหกหนาวในอาภรณ์หรูหราสมฐานะฮูหยินหนึ่งเดียวแห่งจวนแม่ทัพเหอ นางยังคงนั่งจิบชาอยู่ริมหน้าต่างในห้องส่วนตัวด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่สร่างซา ใบหน้างดงามราวเทพธิดาบึ้งตึงตลอดเวลา ประกายในดวงตาราวดวงดาราบนฟากฟ้าก็เผยเพียงความแค้นเคืองไร้ที่สิ้นสุดฝ่ามือเรียวเล็กปัดกาน้ำชาบนโต๊ะทิ้งอย่างแรง ยังผลน้ำชาอุ่นหกกระเซ็นไปทั่วบ่าวไพร่ที่ยืนรอรับใช้อยู่หน้าห้องได้ยินเสียงแตกของกระเบื้องเคลือบดังลั่นเช่นนั้น ก็ได้แต่ยืนตัวสั่น ไม่กล้าเข้ามา เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งเรียกหา พวกนางย่อมไม่กล้าเปิดประตูเสนอหน้าทั้งนั้นลี่เหยาถิงกำมือแน่นทุบโต๊ะตรงหน้าอย่างแรงหมายระบายโทสะที่มันแน่นจนคับอกนางโกรธเหอหย่งหมิงจนพูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรนางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดเขาถึงชอบแต่เพ่ยจี สตรีนางนั้นมีดีที่ใด และยิ่งไม่เข้าใจยิ่งกว่า ก็คือเขาทิ้งนางไปหลังจากแต่งงานกันนับตั้งแต่คืนเข้าหอจนกระทั่งถึงวันนี้ เขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในค่ายทหารถึงแม้ไม่กี่วันหลังจากแต่งงาน เขาจะกลับมารับตัวนางไปยกน้ำชาตามประเพณี ทว่านางกลับมองไม่เห็นอะไรเลยในสายตาคมดำของเขานอกจาก
แสงตะวันเบิกฟ้าเสียดแทงหมู่เมฆาลงมาจนเบื้องล่างนภาสว่างจ้าไปทั่ว เหล่าสกุณาขับขานร้องรับกันดังไกลเป็นทอดๆบนเตียงนอนกว้างใหญ่ภายในห้องหอที่เกิดเหตุการณ์ร้อนแรงเมื่อยามค่ำคืน บัดนี้คงเหลือเพียงความยับเยินให้ได้เห็นเหอหย่งหมิงลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนอีกฝ่ายที่ยังคงนอนหลับใหลในสภาพเปลือยเปล่าร่างสง่าที่ไร้อาภรณ์เช่นกันค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเพื่อดึงสติของตนเองให้กลับมาสายตาคมปลาบเหลือบไปมองคนข้างกายกัน เห็นนางยังคงหลับตาพริ้มไร้วี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเนื้อตัวขาวผ่องนวลเนียนของนางบัดนี้มีแต่ริ้วรอยเป็นจ้ำเต็มไปหมด เนื้อนุ่มอิ่มน้ำหลายจุดมีรอยฟันขบกัดไม่ไกลกันมีร่องรอยของผ้าปูเตียงที่ยับย่น อันเกิดจากการพัวพันระหว่างเขากับนาง ทั้งยังมีคราบเลือดสีแดงฉานเป็นด่างเป็นดวงปะปนกับคราบน้ำขาวขุ่นไปทั่ว กลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั้งห้องชายหนุ่มจำได้ดี ว่าเขาเข้าหอกับนางได้ร้อนเร่าปานใด และร้อนแรงแค่ไหนเดิมทีเขามิใช่บุรุษหยาบช้าหรือเป็นชายกักขฬะ ที่ทำการร่วมรักกับสตรีรุนแรงเช่นนี้และยิ่งไม่เคยเสียการควบคุมตัวตนเลยสักคราแต่ทว่าเมื่อคืน เขากลับเกิดอาการกระสันจนเกินยับยั้ง ทั้งยังหลุดการควบคุมอารมณ์กำหนัดข
Comments