Se connecterเหอหย่งหมิงหาได้สนใจข่าวเกี่ยวกับเพ่ยจีเลยแม้แต่น้อย เขาสนใจเพียงลี่เหยาถิง ที่หมดใจจากเขาไปแล้วจนสิ้น เพราะความจำที่หายไปนางมิได้มีรักปักใจในตัวเขาดั่งเช่นกาลก่อนเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกถึงความโหวงเหวงว่างเปล่าในโพรงอกเหลือจะกล่าวแต่ทว่า...ต่อให้นางมิได้รักเขาอย่างโง่งมอีกต่อไป ขอเพียงแค่นางยังไม่หายจากกันไปไหนแค่นี้ก็มากจนเกินไปแล้วสำหรับคนอย่างเขาเรื่องนี้หาใช่โชคชะตากลั่นแกล้งหรือฟ้าดินไร้เมตตาปรานีจนเกินไป หากแต่เป็นความโชคดีในความโชคร้าย ที่สวรรค์คล้ายกับเปิดโอกาสให้เขา ชายโง่เขลาผู้นี้...เขาจึงตั้งใจว่าคราวนี้ จะเป็นสามีที่ดี ดูแลภรรยาตัวน้อยมิให้ได้รับแม้รอยขีดข่วนหลังจากนั้น ก็จะเข้ารับความผิดต่อหน้าพระพักตร์ผู้เป็นน้าชายหรือก็คือญาติผู้ใหญ่ของนางโดยไม่บิดพลิ้วฝ่าบาทคงดีพระทัยไม่น้อยที่หลานสาวยังไม่ตาย หากแต่ก็คงเคืองพระทัยไม่น้อยเช่นกัน ที่นางต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของเขาทั้งสิ้น...เมื่อเดินสำรวจเรือนจนพอใจ ร่างสูงจึงย่างเท้าก้าวเข้ามายังห้องด้านในที่อยู่ลึกเข้ามาจากตัวเรือนชั้นนอกสายตาคมปลาบพลันสะดุดกับร่างระหงบน
‘ภรรยาขอไปทำใจก่อนนะ!’ประโยคนั้นทำให้เหอหย่งหมิงต้องลุกจากเตียงนอนแล้วตามลี่เหยาถิงออกมา ก่อนจะลอบเดินตามนางอยู่ทั้งวัน แผ่นหลังบอบบางที่แสนโดดเดี่ยวของนาง เป็นสิ่งที่เขารับรู้ได้ตลอดทางที่เดินตามกันภรรยานางนี้ของเขา เป็นเขาเองที่ทำร้ายนาง…เหอหย่งหมิงรู้สึกปวดหนึบในหัวใจเกินจะกล่าว ความรวดร้าวท่วมหัวใจเกินจะเอ่ย ยามมองตามร่างระหงของลี่เหยาถิงจนตลอดทาง ร่างใหญ่หนาสั่นเทิ้มไม่หยุด รู้สึกทรมานสิ้นดีเวลาผ่านไปจนหมดวัน จนกระทั่งเจอชายผู้หนึ่งตามเกี้ยวลี่เหยาถิงอย่างไร้ยางอายและภรรยาของชายผู้นั้นก็มากดดันนางให้ตามเข้าบ้านไปปรนนิบัติสามีตนช่างน่าโมโหยิ่ง!เขาปล่อยให้ภรรยาต้องถูกตราหน้าและดูแคลนเช่นนี้มานานถึงสองปีได้อย่างไร?เหอหย่งหมิงให้รู้สึกคับแน่นในโพรงอกยิ่งนักมันมีทั้งความรู้สึกผิด คั่งแค้น เจ็บร้าว เต็มไปหมดเมื่อชายหนุ่มพาหญิงสาวผู้เป็นภรรยากลับมาถึงเรือนไร้โรคาจึงได้เห็นเหวินเต๋อร์และเซียนเซียนนั่งรออยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมในห้องโถงลี่เหยาถิงมองความมืดที่คืบคลานเข้ามาจึงละฝ่ามือจากเหอหย่งหมิงแล้วเดินหายตัวไปทางห้องครัวเหอหย่งหมิงจึงนั่งคุยกับเหวินเต๋อร์และเซียนเซียนจนเวลาล่ว
“สามีของข้าต้องการรับเจ้าเป็นภรรยาเพิ่ม และข้าก็ยินดี เจ้าก็น่าจะดีใจ อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว สิบแปดปีแล้วกระมัง อายุขนาดนี้ยังไม่มีสามีนับว่าน่าอดสูยิ่งนัก แล้วยิ่งถ้าเคยมีสามีมาแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่อัปยศเป็นที่สุด”ซิ่วอิงเว้นระยะเพื่อปรายตามองลี่เหยาถิงอย่างดูแคลน แล้วเอ่ยต่อเสียงดังคล้ายข่มขู่กัน“เจ้าก็รีบๆ รับคำเถิด ก่อนที่ข้าและสามีจะเปลี่ยนใจ โอกาสอันดีเช่นนี้ มิใช่ว่าจะหาได้ง่ายหรอกนะ”ลี่เหยาถิงยืนเงียบงัน สีหน้าเรียบนิ่งเริ่มปรากฏความหม่นเศร้า แต่ยังไม่ทันที่นางจะตอบโต้อันใดกลับไป ฝ่ามือน้อยๆ พลันอุ่นวาบ ข้างกายพลันรู้สึกกระแสอบอุ่นสายหนึ่งชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงเย็นชาเอ่ยเนิบช้า “นางเป็นภรรยาของข้า ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาพานางไปจากอกข้าทั้งนั้น”สิ้นเสียงนั้น ลี่เหยาถิงถึงกับหันขวับแล้วเบิกตาโตจางเหว่ยและซิ่วอิงพลันเบิกตาโพลงเจ้าของประโยคคือบุรุษหนุ่มรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่ องอาจผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ท่าทางคล้ายนักรบ แผ่กลิ่นอายมืดครึ้มไปทั่วบริเวณซิ่วอิงถึงกับใจเต้นโครมครามจ้องมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยดวงตาไหวระริก จางเหว่ยผู้เป็นสามีของนาง นับว่าหล่อเหลามาก
จางเหว่ยคิดด้วยหัวใจพองโต เขาเคยคิดจะหาโอกาสเข้าหาลี่เหยาถิงหลายครั้งแล้ว แต่ติดตรงที่หาจังหวะเหมาะสมยังมิได้เพราะว่าบางครา ท่านหมอเทวดาพำนักอยู่มิได้เดินทางไปที่ใด และในหลายครายังมีภรรยาที่บ้านถลึงตาใส่ ไม่ยอมให้เขาได้หายตัวไปที่ใด หากแต่วันนี้ช่างสบโอกาสยิ่ง!ท่านหมอไม่อยู่ และภรรยาของเขาก็กำลังตั้งครรภ์ จนไม่สะดวกร่วมเตียง นางจึงยอมรับเรื่องที่เขาจะรับภรรยาเพิ่ม“ว่าอย่างไร ให้ข้าไปส่งแล้วนั่งคุยกันสักคืนเป็นไร”เสียงทุ้มนุ่มยังคงเอ่ยเกี้ยวกันอย่างเปิดเผยไม่มีเกรงใจลี่เหยาถิงได้ยินคำว่าจะไปส่งและอยู่ด้วยทั้งคืนจึงชะงักเท้าหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองจางเหว่ยนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็น“ซิ่วอิงของเจ้าอนุญาตแล้วหรือไร ถึงได้กล้ามาเกี้ยวข้า”หญิงสาวใช้ถ้อยวาจาตรงไปตรงมาตามวิสัย หาได้ต้องเกรงใจใครไม่จางเหว่ยเองก็หาได้สะทกสะท้านที่ถูกคนงามตรงหน้าเอ่ยถึงภรรยา เขาคลี่ยิ้มกว้างปากเอ่ยหยอกเย้าว่า“เหยาถิงคนงาม ยามนี้ข้าร่ำรวยนัก เงินทองล้นเหลือ ภรรยาข้าย่อมเต็มใจให้สามีรับภรรยามาปรนนิบัติเพิ่ม ข้าจะรับเจ้าเป็นภรรยาอีกคน ให้ฐานะเทียมกัน บุรุษใจกว้างเยี่ยงข้าไม่มีอีกแล้ว”ลี่เหยาถิงได้ฟังถึงกับกลอ
นอกเรือนไร้โรคาตรงหน้าลานตากสมุนไพรเสียงหวานแหลมของลี่เหยาถิงถามย้ำเซียนเซียนอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจอันใดทั้งสิ้น“เขาคือสามีของข้าจริงๆ หรือ?”“อืม...”เซียนเซียนพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น“จริงแท้และแน่นอน ฝีมือการสืบเสาะของข้าเชียวนะ อ่อนด้อยที่ใด”หญิงสาวตบอกตนเองกล่าวอย่างมั่นใจเพราะนอกจากความเก่งกาจของนางแล้วยังได้สายลับทมิฬแห่งยุทธภพช่วยเหลือเช่นนี้ คำว่าพลาดย่อมไม่มีและนางเองก็คุกเข่าขอร้องอาจารย์ให้เป็นผู้ประสานติดต่อ จนกระดูกเจ็บร้าวไปหมด แทบจะเดินมิได้หากไม่ได้ความ ก็ปาดคอนางได้เลย“เขามีนามว่าเหอหย่งหมิง เป็นสามีของพี่และพ่อของลูกในท้องของพี่ พวกพี่แต่งงานกันได้เพียงสองเดือนก็เกิดเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันเกือบสองปี” เซียนเซียนย้ำอีกครา โดยเว้นเรื่องราวทุกข์ระทมให้ไกลห่างลี่เหยาถิงได้แต่ยืนนิ่งรับฟังอย่างเงียบงันแน่นอนว่านางย่อมเชื่อถืออีกฝ่าย ไร้ซึ่งคำโต้แย้งใดๆนางไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องปฏิเสธ เพราะนางตกหน้าผามาบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนจะตาย ก็ได้คนตรงหน้าช่วยเหลือจนรอดมาได้ และการแท้งลูกของนางล้วนบ่งบอกได้ดี ว่านางมีสามีแล้วนางมีคนรัก และรักกันมาก จนได้แต่งงานกันแล้วก็
เบื้องหน้าหลุมศพของลูกน้อยนอกจากเรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสีครามที่คุกเข่านิ่งงันไม่ไหวติงใดๆ ยังมีเรือนร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวยืนอยู่ที่ด้านหลังอยู่เงียบๆเนิ่นนานผ่านไปเหวินเต๋อร์จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าขอกล่าวอีกเล็กน้อย”ใบหน้าหล่อเหลาของเหอหย่งหมิงยังคงนิ่งขรึมไร้คลื่นอารมณ์อันใดปรากฏ มีเพียงดวงตาคมกริบที่หม่นแสงขีดสุด“เหยาถิงจำอดีตไม่ได้เลย และแน่นอนว่าความรักที่มีต่อท่านเมื่อครั้งนั้น นางก็ลืมไปแล้วจนสิ้น แต่ข้าก็ยังหวังว่าท่านจะทำให้นางรักท่านได้อีกครั้ง ข้าอยากให้ท่านปรับความเข้าใจกับนางเสีย เพราะว่านางคือภรรยาของท่าน นางแต่งงานกับท่านด้วยสมรสพระราชทานประการหนึ่ง อีกประการคือนางรักท่านจากใจจริง ทั้งยังต้องการช่วยเหลือท่านจากเพ่ยจี ถึงแม้เพ่ยจีจะได้เป็นภรรยาคนที่สองของท่าน แต่นางมิได้รักท่าน การแต่งงานก็เพียงเพื่อแก้แค้น เติมเต็มแรงริษยา ต้องการทรัพย์สินเงินทอง ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือคิดฆ่าท่านเพื่อคบชู้ หยามเกียรติท่านทุกวิธี ท่านลองตรองดูเถิด”สิ้นประโยคของเหวินเต๋อร์ เส้นเสียงทุ้มต่ำเย็นชาจึงดังออกมาจากเหอหย่งหมิง“ที่ท่านเอ่ยมา ล้วนเป็นดั่งที่ใจข้าคิด และภรรยาของข้า







