หน้าที่ของเธอคือ “เมียฉัน”
@ สนามยิงปืน WIN CLUB “วันนี้ไอ้วินมาไวเว้ย” เจคอร์ปเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวินเนอร์เดินเข้ามา น้อยครั้งที่พวกเขาจะได้เห็นวินเนอร์จะออกมาเช็คของ รับของด้วยตัวเอง “กูมาเร็วไม่ดีใช่ไหม?” วินเนอร์ตอบกลับไปแบบหน่ายๆ จริงๆ เขาไม่ชอบมาทำอะไรแบบนี้ ส่วนมากจะให้พายุหรือดินมาแทน “ดี!! ปกติไม่เคยจะเห็นหัว ทำงานบ้าง ข้างบ้านจะสงสัย ไม่ใช่ส่งแต่ไอ้ยุกับไอ้ดินมา” เจคอร์ปตอบ “ส่งแต่ไอ้ยุไปเช็คของจนคู่ค้าเขาคิดว่ามันเป็นเจ้านายไปละ” มังกรพูดเหน็บคนเป็นเพ่อนแบบติดตลก “พูดมาก” วินเนอร์ตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “สงสัยวันนี้ฝนจะตก ถ้าวันนี้ฝนตกกูยกน้องนีน่าให้มึงเลย” น้องนีน่าที่คาร์โก้พูดถึงคือ สาวสวยนางแบบหุ่นแซ่บคู่ขาของคาร์โก้ที่เขาควงด้วยบ่อยๆ ในช่วงนี้ “ไม่เป็นไร ขอบใจ มึงเก็บไว้กินคนเดียวนั่นอหละดีแล้ว กินให้อิ่ม เดี๋ยวพอมีเมียแล้วจะไม่ได้กิน” “คนอย่างกูหรอจะมีเมีย มึงคิดได้ไง กูไม่เอาปลอกคอมาใส่หรอก กูไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกู” คาร์โก้ปฏิเสธแบบร่ายยาว เพราะคำว่า ‘เมีย’ สำหรับเพลย์บอยอย่างเขามันเป็นเรื่องน่ารำคาญ “แล้วทำไมต้องร่ายยาว” วินเนอร์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบปนรำคาญ สำหรับเขาคำว่า ‘เมีย’ ในความคิดของเขาน่ารำคาญหรือไม่เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยคิดจะมีเมีย แฟน หรือคู่นอน แต่สำหรับเธอ…คนตัวเล็กที่เขาได้สัมผัสครั้งแรกในคืนนั้นกลับทำให้ร่างกายของเขารู้สึกโหยหา และความคิดที่อยากจะมีคนเคียงข้างเดินไปบนเส้นทางมาเฟียเหมือนกับพ่อและแม่ของเขา “กูกลับละ สินค้าไม่มีปัญหา” เมื่อเช็คสินค้าจนครบถ้วน วินเนอร์จึงขอกลับเพื่อไปคุยข้อตกลงกับคนในห้องของเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว “เอ้า!! ไม่อยู่กินเหล้ากับพวกกูหรอวะ? จะรีบไปไหน? มีพิรุธนะมึงเนี่ยตั้งแต่เมื่อวานละ” เจคอร์ปขัดขึ้นหลังจากสังเกตว่าช่วงนี้เขาเอาแต่จะกลับบ้าน ไม่ค่อยสุงสิงสังสรรค์กับเพื่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจมากเท่าไรเพราะปกติชายหนุ่มก็ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ว่าเขาแค่จะไม่รีบกลับบ้านเหมือนตอนนี้ “กูจะรีบกลับไปหาเมีย” เขาบอกออกไปแบบนั้น เขาร็ว่าเพื่อนของเขาไม่มีทางเชื่อแบบนั้นแน่นอน พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยคนฟังไม่ทันได้ถามอะไรเลย “ไอ้ยุ!!นายมึงซ่อนเมียไว้ที่ห้องจริงหรอวะ?” มังกรคว้าตัวพายุไว้ก่อนที่มันจะได้เดินตามผู้เป็นนายออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบใดๆ เสียงของเจ้านายก็ตะโกนมาว่า “ไอ้ยุ!!ถ้ามึงปากหมา กูจะส่งมึงไปรับใช้พ่อกู!!” “ผมไปก่อนนะเฮีย นายไม่ให้พูด” พายุหันกลับมาบอกมังกรที่เขาเรียก ‘เฮีย’ เพราะพายุรู้จักและนับถือเพื่อนๆ ของวินเนอร์เหมือนกับเจ้านายตัวเอง “มึงกลัวนายมึงยิง หรือ มึงกลัวจะได้ไปอยู่กับลุงเวน์วะ?” มังกรถามพายุปนขำ “ทั้งสองเลยเฮีย แต่เฮียคิดเอาเองนะ นายกลัวผมจะปากโป้งบอกเฮียขนาดนี้ คิดว่ามันคือเรื่องจริงไหมล่ะ?” พายุทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้ววิ่งออกตามผู้เป็นนายออกไปโดยเร็ว “แสดงว่าจริงหรอวะ? จริงใช่ไหมวะไอ้เจค” มังกรหันไปถามเจคอร์ปเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง “ไม่รู้เว้ย แบบนี้มันต้องพิสูจน์” เจคอร์ปยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัย @เพ้นท์เฮ้าส์ของวินเนอร์บนเกาะ WIN CLUB วินเนอร์กลับมาถึงเพ้นท์เฮ้าส์เปิดประตูเข้ามาในตัวห้องโถง พบกับหญิงสาวนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวหรู เมื่อเห็ฯเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา เธอก็ลุกขึ้นเหมือนต้อนรับการกลับมา “ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ?” คำพูดของเธอทำให้วินเนอร์รู้สึกแปลกๆ เพราะเหมือนภรรยาที่พูดกับสามีตอนกลับมาจากการทำงาน ชายหนุ่มไม่ตอบ เดินตรงไปยังโซฟาที่เซรินยืนอยู่ เขานั่งลงบนโซฟา เซรินเห็นแบบนั้นเธอจึงนั่งลงกับพื้น เธอคิดว่าเขาจะทำข้อตกลงให้เธอเป็นแม่บ้านของเขาและแม่บ้านก็ต้องนั่งข้างล่างห้ามนั่งเสมอเจ้านาย วินเนอร์มองมองการกระทำของคนตัวเล็กที่นั่งกับพื้นเหมือนตัวเองเป็นคนรับใช้ของเขาซะแบบนั้น “ทำไมนั่งตรงนั้น” เขาถามแล้วดึงคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักใช้แขนแกร่งโอบเอวบางไว้ “ว้าย!!!คะ คุณทำอะไรคะ?” เซรินตกใจกับการกระทำของเขา “อย่าทำตัวเหมือนคนใช้” “คุณจะทำข้อตกลงให้เซ…เอ้ย…ให้ฉันตอบแทนบุญคุณที่คุณช่วยฉัยไว้ตั้งหลายครั้งด้วยการให้ฉันเป็นแม่บ้านไม่ใช่หรอคะ?” “คิดไปเอง…” “อ้าว ก็คุณบอกนี่คะ?” “บอกเมื่อไร?” ร่างบางบนตักแกร่งเอี้ยวตัวมองหน้าคนตัวโต แล้วคิดทบทวนหาคำพูดของเขาตรงไหนที่บอกจะให้เธอเป็นคนใช้ คิดเท่าไรก็ไม่มี เพราะมีแต่เธอที่พูดเองคิดเองทั้งหมด เธอจึงหันมายิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่มเป็นการแก้เขินในความคิดไปเองของเธอ “เธอชื่ออะไร?” เขาอยู่กับเธอมาหลายวันแต่ยังไม่รู้จักชื่อและไม่เคยเรียกชื่อเธอสักครั้ง “เซรินค่ะ เรียก ‘ริน’ เฉยๆ ก็ได้ค่ะเพราะทุกคนก็เรียกแบบนี้” “เธอแทนตัวเองว่าอะไร?” “คะ? ‘เซ’ ค่ะ” ร่างบางตอบแบบ งงๆ “ฉันจะเรียกเธอว่า ‘เซ’ และเธอก็ต้องแทนตัวเองแบบนี้แค่กับฉันด้วยเหมือนกัน” เขาตอบแค่นั้น หญิงสาวแปลกใจ เพราะไม่เคยมีใครเรียกเธอแบบนี้ นอกจากพ่อกับแม่ของเธอที่จากไปแล้วเท่านั้น “ค่ะ แล้วเซต้องเรียกคุณว่าอะไรค่ะ คุณ? คุณชาย? เจ้านาย? หรือคุณท่านดีคะ?” ร่าบางถามกลับ “เลิกดูละครนะ” เขาบอกแกมสั่ง เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เธอคิดไปเองแต่ละอย่างนั้นเหมือนในละครมาแบบก็อปปี้เลยทีเดียว “อ้าว?” “เธออยากตอบแทนฉันจริงๆ ใช่ไหม?” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น “ค่ะ คุณช่วยชีวิตเซไว้ตั้งหลายครั้ง บอกเซได้เลยนะคะ เซทำเป็นหมดเลย ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าว ล้างห้องน้ำก็ทำได้ค่ะ” เขามองคนตัวเล็กที่พูดร่ายยาวพร้อมกัยทำท่าทำทางเหมือนเด็กคุยจ้ออยู่บนตักของเขาด้วยสายตาเอ็นดู “ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น เรื่องพวกนั้นให้แม่บ้านที่นี่ทำ” “แล้วจะให้เซทำอะไรล่ะคะ?” “เธอมีหน้าที่แค่เป็นเมียฉัน” “ห๊ะ?!!?? อะไรนะคะ? เมียหรอคะ?” ร่างบางตกใจกับคำพูดของคนตรงหน้าจนเกือบหงายหลังร่วงลงจากตักแต่ดีที่เขากอดเอวของคนตัวเล็กไว้ได้ทัน “เธอมีครอบครัวไหม? มีบ้านที่ต้องกลับหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถาม เขาให้ดินลูฏน้องคนสนิทของเขาไปสืบประวัติเธอมาแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องราว “มะ ไม่มีค่ะครอบครัวค่ะ มีแต่คุณลุงที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เซมีบ้านค่ะ บ้านของพ่อแม่ แต่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง ก่อนหน้านี้อยู่บ้านคุณลุง” เซรินตอบและเริ่มมีน้ำตาคลอ เธอต้องอาศัยอยู่กับลุงตั้งแต่พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตไป เมื่ออายุครบ 20 ปี เธอจึงย้ายมาอยู่ย้านของตัวเอง เพราะคิดว่าเธอโตพอที่จะเริ่มรับผิดชอบอะไรได้หลายๆ อย่าง “อืม ฉันจ้างเธอเดือนละ 5 ล้าน มาทำหน้าที่เป็นเมียของฉัน เซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้ว เธออยากยกเลิกสัญญา ฉันจะยกเลิกให้” เขาบอกข้อตกลงกับคนตัวเล็กบนตักไป เขาคิดข้อตกลงนี้ได้ตั้งแต่วันที่แม่ของเขาจะจับคู่ให้เขากับลูกของเพื่อน เขาต้องการให้เซรินมาเป็นเมียเขาเพื่อไม่ให้แม่ของเขาจับคู่เขากับคนอื่นอีก “เซต้องทำอะไรบ้างคะ? แล้วทำอะไรไม่ได้บ้างในระหว่างสัญญา” “ทำหน้าที่เมียทุกอย่างที่คนเป็นเมียต้องทำ” “หมะ หมายถึงเรื่องบนเตียงด้วยหรอคะ?” หญิงสาวตาโเพราะคำว่า ‘เมีย’ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ “มันคือหน้าที่เมียหรือเปล่า?” เขาไม่ตอบแต่เป็นการยิงคำถามกลับแบบให้เธอรู้คำตอบด้วยตัวเอง “แล้วรวมไปถึง ห้ามรู้สึก ห้ามหวั่นไหว ห้ามรักด้วยใช่ไหมคะ?” “เรื่องนี้ไม่ห้าม” “อ้าว!!!ทีงี้ทำไมไม่ห้ามล่ะคะ?” “เป็นอันว่าตกลงตามนี้ ต่อจากนี้เธอต้องอยู่กับฉัน เดี๋ยวจะให้พายุหาข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงมาให้ เริ่มงานคืนนี้เลย” ห๊า !!!วันนี้เธอต้องตกใจ ต้องร้องห๊าอีกกี่รอบเนี่ย ให้เริ่มงานคืนนี้ หมายถึงเริ่มบนเตียงใช่ไหมมมมมมมมมมมมม~~~special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ