เธอ...ผู้เปรียบเสมือนดอกไม้ริมทาง เขา...ผู้หลงใหลดอกไม้ ดอกไม้ที่ถูกเด็ดมาแล้ว เท่ากับว่ามันได้ตายไปแล้ว ไม่มีทางเติบโต แม้จะนำมาใส่แจกันดูแลอย่างดี สุดท้ายมันก็ต้องเหี่ยวเฉา และตายลง...
Lihat lebih banyakแรกพบ สบตา
ตึก! ตึก! ตึก! เสียงฝีเท้าของคนหลายสิบคนที่กำลังวิ่งวุ่นเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง ณ บริเวณท่าเรือสำราญ ที่มีเรือสำราญสุดหรูขนาดมหึมาจอดอยู่เพื่อเตรียมออกในคืนนี้ “จับมันมาให้ได้! ถ้ากูไม่ได้ตัวมันมาในคืนนี้ กูจะยิงพวกมึงทิ้ง!!” เสียงแหบพร่าตะโกนกร้าวของเสี่ยอำนาจ ชายวัยกลางคน มีลักษณะรูปร่างท้วมอวบค่อนไปทางอ้วน ลงพุงตามแบบฉบับเสี่ยไทยขนานแท้ ออกคำสั่งกับลูกน้อง เพื่อตามหาคนที่หลบหนีเขาขึ้นไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่งบนเรือสำราญขนาดใหญ่นี้ หากคืนนี้เขาพลาดไม่ได้ตัวคนที่ตามหา ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาต้องเสียเงินฟรีในการซื้อตัวหญิงสาวคนนี้มาแต่ไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เสี่ยอำนาจ นักธุรกิจวัยกลางคน ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกจัดเป็นคนรวยระดับต้นๆ ของเมืองไทยคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อ3เดือนที่แล้ว มีนักธุรกิจรายหนึ่ง ชื่อ ประภัส มาขอความช่วยเหลือจากเสี่ยอำนาจด้วยที่ว่าบริษัทของตนเองนั้นใกล้จะล้มละลายอยู่รอมล่อ ด้วยการขอกู้เงินทุนไปกู้บริษัทตัวเอง แต่ไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ มาค้ำประกัน จึงเสนอนำหลานสาวของตัวเองมาขายให้เสี่ยอำนาจ โดยที่หญิงสาวไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ เลย ตอนแรกเสี่ยจะไม่รับข้อเสนอ แต่พอได้พบกับหญิงสาวกลับรู้สึกชื่นชอบและอยากได้มาเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยเพิ่มอีกสักคน การรับข้อเสนอของนายประภัสผู้เป็นลุง จึงทำให้ เซริน หลานสาวแท้ๆ ในวัย 24ปี ถูกลุงของเธอวางยานอนหลับหลอกมาให้เสี่ยโดยที่เธอไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีคือตอนที่หญิงสาวตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงในห้องห้องนึงที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นบนเรือสำราญ เพราะมองออกไปทางหน้าต่างห้อง พบเพียงทะเลสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวตกใจและเริ่มทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? และที่นี่คือที่ไหน? แต่ยังไม่ทันได้ทบทวนเรื่องราว เสียงประตูก็เปิดพรวดเข้ามา พร้อมกับชายฉกรรจ์ 2 คน ยื่นน้ำให้เธอ “กินเข้าไป” “ที่นี่ที่ไหน จับฉันมาทำอะไร?” หญิงสาวยื่นมือออกไปรับขวดน้ำอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับถามเสียงสั่น “กินไปซะ เดี๋ยวจะตายซะก่อน!!” หนึ่งในชายคนนั้นเอ่ยขึ้น แต่ไม่ตอบคำถามของเธอ หญิงสาวดื่มน้ำด้วยความกระหายเนื่องจากถูกจับมาเป็นเวลานานกว่าจะฟื้น “ปล่อยฉันไปได้ไหม? จับฉันมาทำอะไร? ฉันไม่มีเงินให้พวกคุณหรอกนะ!!” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากกระดกน้ำเกือบหมดขวด ชายทั้งสองไม่ได้ตอบใดๆ แต่เดินออกจากห้องไปแล้วขังเธอไว้เหมือนเดิม เวลาผ่านไปประมาน 15นาที หญิงสาวหาทางหนีออกจากห้อง ซึ่งมองดูแล้วทางออกจะมีแค่ประตูกับหน้าต่างที่ด้านนอกเป็นระเบียงทางเดินริมเรือที่มีเพียงรั้วกั้นไว้เท่านั้น เซริน หญิงสาววัย 24ปี หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ตัวเล็ก ผิวขาว ผมยาวสยายสีน้ำตาลอ่อน พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้ 10ขวบ สาเหตุเพราะอะไรเธอไม่สามารถจำได้ เธอรับรู้จากผู้เป็นลุงของเธอแค่เพียงว่า พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและมีเพียงเธอรอดมาจากครั้งนั้นเพียงผู้เดียว อุบัติเหตุครั้งนั้นมันทำให้เธอเสียความทรงจำช่วงนั้นไป เธอไม่มีญาติที่ไหนอีก ลุงของเธอจึงได้รับเลี้ยงเธอมาตั้งแต่นั้น หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสยาวสีขาวบางๆ ปีนหน้าต่างเรือออกมาและเดินไปตามระเบียงเรืออย่างระมัดระวัง ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนลุ่มจากข้างในอย่างบอกไม่ถูก เธอคิดขึ้นได้ว่า น่าจะมีอะไรอยู่ในน้ำที่เธอดื่มเข้าไปเป็นแน่ ร่างบางเดินไปตามระเบียงเรืออย่างเร่งรีบ เพราะได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายดังลั่นมาจากที่ไหนสักที่หนึ่งใกล้ๆ ตัวเธอ ก่อนที่จะมีใครทันได้เห็นตัวเธอนั้น เธอได้หลบเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ห้องนี้ไม่เหมือนกับห้องอื่นๆ ที่มีหน้าต่างหันออกมาทางระเบียง แต่ห้องนี้หันประตูมาทางระเบียงเพียงห้องเดียว ร่างบางเข้ามาในห้องหวังแค่จะหลบให้รอดพ้นสายตาจากผู้ที่จับเธอมาเท่านั้น ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากไฟดวงเดียวกลางห้องที่เปิดอยู่ ความร้อนลุ่มในตัวร่างบางเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เธอกวาดสายตามองหาห้องน้ำ เธอต้องการห้องน้ำเพื่อดับความร้อนในตัวเธอ ว่าแล้วเธอก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออก แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ถอดมันออกก็มีเสียงดุกร้าวดังขึ้นจนเธอสะดุ้ง “เข้ามาทำอะไรในนี้!!!” “ขะขอโทษค่ะ” ร่างบางตอบเสียงสั่น หันไปยังต้นเสียงที่ตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟามุมห้องมืดๆ เห็นเพียงเงาดำๆ สลัวๆ จากแสงไฟดวงเดียวภายในห้อง ร่างหนาในชุดคลุมอาบน้ำ ในมือถือแก้วไวน์ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องนี้ ฉันแค่หลบเข้ามา ขอฉันหลบตรงนี้สักนิดนะคะเดี๋ยวฉันก็จะไป” ร่างบางตอบเสียงสั่น ร่างหนาไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงลุกขึ้นจากโซฟา เดินตรงมายังร่างบาง หญิงสาวเกิดความหวั่นๆ เล็กน้อย แต่ก็น่าแปลกที่ความรู้สึกของเธอกลับรู้สึกว่าการอยู่ในห้องกับบุคคลนี้ ตัวเองจะปลอดภัยมากกว่าออกไปนอกห้องเสียอีก “ถ้าฉันให้เธอหลบ ฉันจะได้อะไร?” ชายหนุ่มชำเรืองไปยังด้านนอกที่มีเสียงของผู้คนที่ดูจะวุ่นวายกับการตามหาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เบนสายตากลับมายังร่างบางที่กำลังสั่น ไม่ใช่การสั่นเพราะความกลัว แต่เป็นการสั่นจากอาการร้อนลุ่ม ชายหนุ่มมองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า หญิงสาวโดนยามา ร่างบอบบางกระทบกับแสงไฟสลัว ทำให้เขาเห็นเธอได้ชัดขึ้นและเธอก็เห็นเขาได้ชัดขึ้นเช่นกัน ชายหนุ่มมองไปยังดวงตากลมสวย ใจแกร่งกระตุก นึกอยากครอบครองดวงตากลมนั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน … วินเนอร์ มาเฟียหนุ่มรูปงามที่มีฉายาว่า เป็นหนุ่มน้ำแข็ง เย็นชาและเลือดเย็น ตามแบบฉบับมาเฟียแท้ๆ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต่างจากมาเฟียคนอื่นคือ… เขาไม่เคยมีความรักและไม่เคยนอนหรือมีความสัมพันธ์กับหญิงคนไหนเลยspecial happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ
Komen