“คุณเอมอยากแวะที่ไหนก่อนกลับไหมครับ” นาวินเอ่ยถามอย่างสุภาพ ขณะขับรถไปส่งเธอตามคำสั่งของเจ้านาย
"ไม่ค่ะ... เอมแค่อยากกลับบ้าน ไปอยู่กับลูก" น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลงราวกับจะหลบซ่อนความอ่อนล้าเอาไว้
นาวินพยักหน้าเบาๆ แล้วขับรถต่อไปยังบ้านที่ชนกันต์ซื้อไว้ให้เธออย่างเงียบๆ
เมื่อรถจอดสนิทหน้าบ้าน เอมอมรจึงเอ่ยเบาๆ
“คุณนาวินจะแวะเข้ามาดื่มน้ำก่อนมั้ยคะ”
"ไม่เป็นไรครับ ผมต้องรีบกลับไปทำงานต่อ"
"ขอโทษที่รบกวนนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"
"ขอบคุณค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
"ครับ ขอบคุณมากครับ"
เอมอมรส่งยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบงัน ทิ้งบรรยากาศเงียบๆ ไว้เบื้องหลัง
บริษัท PNSP
"ไปส่งคุณเอมมาแล้วเหรอ"
"ครับ คุณกันต์"
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?"
"ครับ เธอไม่ได้แวะซื้อของอะไรเลย ผมก็ตรงไปส่งที่บ้านให้ตามปกติ"
"แล้วตากรล่ะ เป็นยังไงบ้าง"
"เอ่อ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้เข้าไปดูเลย" นาวินตอบอย่างรู้สึกผิด เพราะตอนแรกก็ไม่ทันคิดว่าจะต้องเข้าไปเช็กดูคุณกรด้วย
"ไม่เป็นไร" ชนกันต์ว่าเรียบๆ
นาวินเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเล
"พูดตามตรงนะครับ... คุณเอมเองก็เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยใช้ได้นะครับ ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่ออกนอกลู่นอกทาง อาจจะแค่..."
"แค่…?" ชนกันต์ถามกลับโดยไม่หันมามอง แต่อารมณ์ในน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด
"ก็แค่... เธออาจจะไม่ค่อยรักศักดิ์ศรีตัวเองเท่าไรครับ ถ้าคุณคิดจะยกเธอขึ้นเป็นภรรยา ก็ไม่น่าจะติดอะไร อย่างน้อยคุณก็รับคุณกรเป็นลูกแล้วด้วย"
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ พร้อมส่ายหน้า
"เรื่องยกเอมขึ้นเป็นเมีย... เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก แค่ผมไม่ชอบผู้หญิงที่อ่อนแอแบบเธอเท่านั้นเอง ประเภทที่ปล่อยให้ใครเหยียบหัวเล่นได้ง่ายๆ แบบนั้น มันสู้แม่เลี้ยงผมไม่ได้หรอก"
"แต่อย่างน้อย ตลอดสองปีที่ผ่านมา การที่คุณประกาศคบกับคุณเอม แถมยังมีลูกด้วยกัน มันก็ทำให้คุณชงโคหัวเสียไม่น้อยเลยนะครับ" นาวินพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่บ้านเกือบแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ชนกันต์กลับนั่งไขว่ห้างมองทุกอย่างเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
"ใช่ ตอนนั้นรู้สึกสะใจอยู่เหมือนกัน..." ชนกันต์ยอมรับอย่างไม่ปิดบัง "แต่พอคิดอีกที การปล่อยให้เอมทิ้งทั้งชีวิตไว้กับคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่ารักแบบฉัน มันก็ไม่แฟร์สำหรับเธอเลย"
นาวินชำเลืองมองเจ้านายแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระวัง
"ถ้าคุณคิดแบบนั้น แสดงว่าคุณก็รู้สึกอะไรบางอย่างกับเธออยู่ใช่ไหมครับ"
"ไม่เลย" ชนกันต์ตอบทันที "ผมรู้หัวใจตัวเองดี ผมไม่ได้รักเอม... และคงไม่มีวันรักได้ เพราะถ้าจะรักจริงๆ ป่านนี้ก็คงรักไปนานแล้ว"
"แต่หัวใจคนเรา มันไม่ได้แข็งขนาดนั้นหรอกครับ บางทีคนที่ใช่ ต่อให้เคยไม่รู้สึกอะไร... แต่พอได้รักขึ้นมาจริงๆ แล้ว มันก็ถอนตัวไม่ขึ้นเหมือนกัน"
"พูดเหมือนเคยมีประสบการณ์" ชนกันต์แค่นยิ้ม
"เปล่าหรอกครับ ผมทำแต่งาน จะเอาเวลาไปมีใครที่ไหนกันล่ะครับ ได้ยินแต่เพื่อนๆ เขาเล่าให้ฟัง" นาวินหัวเราะแห้งๆ
ชนกันต์ยิ้มบางๆ จริงอย่างที่นาวินว่า เขาเองก็แทบไม่มีเวลาให้ตัวเองด้วยซ้ำ จะมีเวลาสำหรับความรักได้อย่างไร
"นายก็แบ่งเวลาบ้าง หาแฟนสักคนไว้เถอะ จะได้ไม่ต้องขับรถคนเดียวทุกวัน" เขาว่าเรียบๆ ก่อนจะเสริมขึ้น "คืนนี้ ฉันว่าจะไปเยี่ยมตากรหน่อย"
"ได้ครับ ผมจะโทรบอกคุณเอมไว้ เธอคงดีใจ"
ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ
"...จะทำอะไรก็ทำเถอะ"
เอมอมรยิ้มอย่างดีใจภายหลังจากที่วางสายจากนาวิน ในที่สุดคืนนี้ก็จะเป็นอีกคืนที่ชนกันต์จะมานอนค้างที่บ้านของเธอเสียที
แม้เขาจะจัดหาพี่เลี้ยงเด็กมาคอยช่วยดูแลลูก และอยู่เป็นเพื่อนเธอหนึ่งคน แต่ความเหงาก็ยังไม่เคยหายไปจากหัวใจของเธอเลย
การได้เห็นหน้าเขาแม้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็เพียงพอให้หัวใจที่อ้างว้างรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก
แม้ว่าในบางครั้งเขาจะทำให้เธอต้องนั่งตัวเกร็ง เพราะความเก้อเขิน หรือความห่างเหิน แต่เมื่อได้เห็นเขาหัวเราะ หรือยิ้มอย่างมีความสุขเพียงเพราะได้เล่นกับลูก หรือทานอาหารฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อย แค่นั้น... ก็เพียงพอจะทำให้หัวใจของเธอพองโต มีพลังพอจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหลายวัน
เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน เพียงมองรอบตัวก็พอเดาได้ไม่ยากว่า ยังไม่ถึงวันที่แม่บ้านจะมาทำความสะอาดตามกำหนด ข้าวของวางกระจัดกระจายเล็กน้อย ถุงช็อปปิ้งกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เหมือนเจ้าของบ้านเพิ่งกลับมา แล้วก็วางของแบบไม่ใส่ใจนัก"คุณไม่มีแม่บ้านเหรอ?" อันดาเอ่ยถาม พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง เธออดสงสัยไม่ได้ ผู้ชายที่ดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ขับรถหรู ประมูลรูปภาพราคาหลักล้านได้แบบไม่สะเทือนเงินในบัญชี แต่กลับปล่อยให้บ้านรกรุงรังแบบนี้?"มี แค่ยังไม่ถึงรอบที่เขาจะเข้ามาทำความสะอาด" ชนกันต์ตอบตามตรง เขาไม่ได้คิดว่าบ้านของเขาจะดูแย่ขนาดนั้น มันแค่... ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรเท่านั้นเอง"ผิดกับภาพลักษณ์จังเลยนะ รองประธานหนุ่มสุดหล่อ บ้านหรู แต่งตัวเนี๊ยบแทบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ข้างในบ้าน... ลิบลับเลยค่ะ""ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เลยไม่จ้างแม่บ้านประจำ"อันดาพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปกวาดตามองบริเวณครัวอีกครั้ง"ก็คงจะไม่มีแม่ครัว อย่าบอกนะว่าคุณชวนฉันมากินข้าว จะลงมือทำอาหารให้ฉันเองเลย?""ผมทำอาหารไม่เป็น""อ้าว... แล้วใครจะทำให้ล่ะ? หรือจะให้ฉันทำ?""เดี๋ยวผมสั่งจากโรงแรมใกล้ๆ ให้ส่งมา"ค
เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน เพียงมองรอบตัวก็พอเดาได้ไม่ยากว่า ยังไม่ถึงวันที่แม่บ้านจะมาทำความสะอาดตามกำหนด ข้าวของวางกระจัดกระจายเล็กน้อย ถุงช็อปปิ้งกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เหมือนเจ้าของบ้านเพิ่งกลับมา แล้วก็วางของแบบไม่ใส่ใจนัก"คุณไม่มีแม่บ้านเหรอ?" อันดาเอ่ยถาม พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง เธออดสงสัยไม่ได้ ผู้ชายที่ดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ขับรถหรู ประมูลรูปภาพราคาหลักล้านได้แบบไม่สะเทือนเงินในบัญชี แต่กลับปล่อยให้บ้านรกรุงรังแบบนี้?"มี แค่ยังไม่ถึงรอบที่เขาจะเข้ามาทำความสะอาด" ชนกันต์ตอบตามตรง เขาไม่ได้คิดว่าบ้านของเขาจะดูแย่ขนาดนั้น มันแค่... ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรเท่านั้นเอง"ผิดกับภาพลักษณ์จังเลยนะ รองประธานหนุ่มสุดหล่อ บ้านหรู แต่งตัวเนี๊ยบแทบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ข้างในบ้าน... ลิบลับเลยค่ะ""ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เลยไม่จ้างแม่บ้านประจำ"อันดาพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปกวาดตามองบริเวณครัวอีกครั้ง"ก็คงจะไม่มีแม่ครัว อย่าบอกนะว่าคุณชวนฉันมากินข้าว จะลงมือทำอาหารให้ฉันเองเลย?""ผมทำอาหารไม่เป็น""อ้าว... แล้วใครจะทำให้ล่ะ? หรือจะให้ฉันทำ?""เดี๋ยวผมสั่งจากโรงแรมใกล้ๆ ให้ส่งมา"
“หนึ่งแสน” เป็นชนครที่เริ่มต้นการประมูลทันที เขาชนะมาเกือบทุกชิ้นแล้ว จะมาแพ้เอาชิ้นสุดท้ายไม่ได้เด็ดขาด“หนึ่งล้าน” ชนกันต์ประกาศพลางชูป้ายประมูลขึ้น แล้วเอนหลังเล็กน้อย พลางไขว่ห้างอย่างไม่ยี่หระ“หนึ่งล้านเลยเหรอพี่?” น้องชายหันมาทำตาโตอย่างตกใจ ราคาแค่เริ่มต้นยังแรงขนาดนี้เลยเหรอ?“จะสู้ก็สู้ ไม่สู้ก็ยอมแพ้ไปเลย อย่าลืมนะ ว่านายประมูลไปเกือบสิบล้านแล้ว ถ้าแม่นายรู้เข้า คงไม่ปลื้มนักหรอก” เขาว่าพลางยกนิ้วลูบลำคอตัวเองเป็นเชิงเตือน“ได้!” ชนครตอบกลับอย่างขัดใจ ก่อนจะยกป้ายขึ้นประกาศเสียงดัง“สองล้าน!”“ห้าล้าน” เสียงชนกันต์นิ่งเรียบ แต่หนักแน่น พร้อมกับยกป้ายประมูลขึ้นอีกครั้งทันใดนั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วทั้งห้องอีกระลอก ทุกคนในงานเริ่มถอนหายใจหนัก บรรยากาศที่ควรจะน่าตื่นเต้นกลับกลายเป็นความเบื่อหน่ายอย่างเงียบงัน...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ของทุกชิ้นวันนี้จะตกเป็นของคนในตระกูลนี้ ไม่พี่ก็ต้องน้อง แล้วแบบนี้... จะจัดงานประมูลขึ้นมาทำไมกันนะ?“คุณนครค่ะ คุณนายฝากมาบอกว่า... ให้คุณนครหยุดประมูลได้แล้วค่ะ ถ้ายังไม่หยุด กลับบ้านไปมีเรื่องแน่นอน”เลขาของคุณชงโคเดินมากระซิบข้างหูนายน้อยตา
“หนึ่งหมื่น”“สองหมื่น”“สามหมื่น”“สี่หมื่น”ชนกันต์หันไปมองน้องชาย ที่ไม่ว่าจะยื่นราคาเท่าไร ชนครก็มักจะเสนอเกทับขึ้นมาเสมอ ทั้งห้องเงียบงันลง ผู้เข้าร่วมงานต่างหันมาจับตาดูสองพี่น้องที่กำลังประมูลแข่งกันอย่างเคร่งเครียด“หนึ่งแสน” ชนกันต์ประกาศ พร้อมหันไปสบตาน้องชายเต็มๆ เขารู้ดีว่านิสัยของอีกฝ่ายไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆและก็เป็นไปตามคาด“ห้าแสน!” ชนครยิ้มเยาะ คิดว่าพี่ชายไม่กล้าสู้ราคาขนาดนี้แน่ๆ“โอเค... ยอม” ชนกันต์เอ่ยอย่างง่ายดาย ก่อนจะกระตุกยิ้มบางอันดาที่นั่งข้างๆ ขมวดคิ้วทันที นึกบ่นด่าเขาในใจ …ไม่คิดจะพยายามอีกสักนิดเพื่อเธอบ้างหรือไง?“ของชิ้นต่อไป เป็นภาพวาดโดยช้างจริงๆ ค่ะ เป็นภาพวิวของช้างแม่มาลัย ณ มูลนิธิช้างปันศรีสุข ราคาประมูลเริ่มต้นเพียงห้าร้อยบาทเท่านั้นค่ะ!”“ห้าหมื่น!” เสียงประกาศราคาทำให้ผู้คนในงานฮือฮากันทั่ว บางคนถึงกับหันกลับไปมองดูว่าใครคือผู้เสนอราคาสูงลิบตั้งแต่เริ่มชนครขมวดคิ้วทันที นี่พี่ชายกลัวจะโดนแย่ง หรือกลัวน้องชายอย่างตนจะชนะอีกกันแน่ ถึงได้เสนอราคาเริ่มสูงลิ่วขนาดนี้?...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขาก็จะไม่ยอมแพ้แน่!“หกหมื่น!” ชนครยกป้ายประมูลเพิ่ม“
“นายมานั่งทำอะไรตรงนี้ งานของแม่นายนี่นา ปกติก็ต้องไปเสนอหน้าอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เหรอ?” ชนกันต์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันปนแดกดันชชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำประชดายหนุ่มไม่ได้สนใจคำประชด“ไม่คิดว่าพี่จะมาด้วยซ้ำ” เขาพูดพลางยิ้มกว้าง ไม่สนใจน้ำเสียงแขวะจากพี่ชายเลยแม้แต่น้อยชนคร พณาศรพัฒน์ หรือนคร น้องชายต่างมารดาของชนกันต์ ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายซ้ายของบริษัท PNSP หากจะเรียกว่าเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานกับรองประธานฝ่ายขวาอย่างชนกันต์ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งสองคนมีบุคลิกต่างกันสุดขั้วพี่ชายเงียบขรึม เด็ดขาด สุขุม มีเหตุมีผล แต่กลับเย็นชา โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวส่วนน้องชายมีนิสัยขี้เล่น เจ้าชู้ เอาแต่ใจเพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้ถึงอย่างนั้น ทั้งสองก็ล้วนเป็นคนทำงานเก่งชนกันต์เหนือกว่าในเรื่องประสบการณ์ และความเก๋าเกม จึงได้ชื่อว่าเป็นรองประธานมือขวา หากไม่เกิดความผิดพลาดใดก่อน เขาย่อมได้เป็นประธานในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย“ฉันจะมา หรือไม่มา มันเกี่ยวอะไรกับนาย” ชนกันต์พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างอันดา พร้อมยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลที่บรรจุขนมปังส่งให้เธอ“กินรองท้องก่อน”อันด
รถตู้หรูสีดำเงาวับค่อยๆ เคลื่อนมาจอดนิ่งบริเวณหน้าทางเข้างาน ซึ่งปูพรมแดงทอดยาวจากขอบถนนไปจนถึงบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง นักข่าว และช่างภาพหลายคนต่างจับจองมุมถ่ายภาพ แข่งกันเก็บทุกวินาทีของค่ำคืนนี้อย่างตั้งใจชนกันต์ก้าวลงจากรถก่อน แล้วจึงโน้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปหาอันดาที่อยู่ด้านในด้วยท่าทีสุภาพ อ่อนโยน ภาพของชายหนุ่มในชุดสูทดำเนี๊ยบ ที่กำลังพยุงหญิงสาวออกจากรถ ยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบราวเจ้าชายในสายตาผู้คนรอบข้างแต่สำหรับหลายคน นี่ไม่ใช่ภาพที่แปลกตา เพราะชนกันต์มักปรากฏตัวในงานลักษณะนี้ พร้อมกับหญิงสาวคนสวยเสมอ โดยเฉพาะบรรดาคู่ควงในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนหน้ากันมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครอยู่เคียงข้างเขานานเกินปี ยกเว้นเพียง “คุณเอมอมร” สาวนอกวงการเพียงคนเดียวที่เคยคบหากับเขายาวนานเกือบสองปี ซึ่งครั้งนั้นหลายคนต่างคาดหวังว่าเธออาจเป็น ‘ตัวจริง’ ... แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คืนนี้... เขากลับมาพร้อมหญิงสาวนอกวงการอีกคน ที่ดูแตกต่างจากคนก่อนๆอันดาจับมือของเขาไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็พาเธอคล้องแขน เดินเข้าสู่งานด้วยความมั่นใจเธอก้มมองมือตัวเองที่คล้องอยู่กับแขนขอ