แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-22 15:31:11

บทที่ 9

เจ้าเมืองหนุ่มคงไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้ตกเป็นเป้ากับคนที่ไม่หวังดีได้โดยง่าย

ป่าริมทางระหว่างการเดินทางไปยังเมืองหลวงของหยางพ่านชุน ในยามนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกและเสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้เท่านั้นที่คอยทำลายความเงียบนี้

หยางพ่านชุนและลูกน้องขี่ม้าผ่านป่าอย่างระมัดระวัง โดยมีคาราวานตามหลัง เพราะได้โอกาสติดตามเจ้าเมืองไปยังเมืองหลวงด้วยเลย ใครจะไม่อยากไป เพราะคิดว่าอย่างไรคนของทางการก็ต้องดูแลให้พวกเขาปลอดภัยได้แน่นอน

อีกทั้งในใจของหยางพ่านชุนยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจในความสามารถของตนเอง ขณะที่คิดเช่นนั้น ทันใดนั้นเอง กลุ่มโจรป่าก็ปรากฏตัวจากหลังต้นไม้ใหญ่ พวกเขาถือดาบและธนูเข้ามาโจมตี หยางพ่านชุนตกใจและพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

"โจรป่า! พวกเราต้องสู้!"

เจ้าเมืองหนุ่มตะโกนสั่งลูกน้องขณะที่พวกเขาพยายามต่อสู้กับโจรป่า ความสับสนและความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนเริ่มก่อตัวในใจของทุกคน เกิดเป็นความโกลาหลวุ่นวายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากคนของทางการแล้ว ยังมีชาวบ้านธรรมดาที่เดินทางมากับคาราวานอีกให้ปกป้องดูแล

การเดินทางของหยางพ่านชุนในครั้งนี้มีชาวบ้านเดินทางมาด้วยมากกว่าทุกครั้ง พวกคนร้ายก็ไม่สนใจเพราะหากกำจัดหยางพ่านชุนได้พวกเขาก็จะกลับไปยึดตลาดมืดเมืองเฉิงได้อีกครั้ง

แม้จะโดนภรรยากล่าวตักตือนมาก่อนก็ตาม ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีบริเวณหนึ่งที่เงียบลงอย่างผิดปกติ ไม่มีแม้เสียงสัตว์สักตัวเดียว

‘อ้ายเฉินคงกังวลเกินไป ข้าไม่ได้เห็นโจรป่าแถบนี้มานานแล้ว’  หยางพ่านชุนคิดกับตัวเอง ขณะที่ม้าของเขาเดินทางผ่านป่าที่หนาแน่น เขายังจำคำเตือนของหลี่อ้ายเฉินได้ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

ไม่เชื่อคำพูดตักเตือนของภรรยา หากยอมเชื่อก็คงไม่ให้คาราวานติดตามมา และชาวบ้านก็คงไม่ต้องโดนลูกหลงไปด้วย

‘อ้ายเฉินเตือนข้าแล้ว แต่ข้ากลับไม่เชื่อ ข้าควรฟังนาง ข้าควรเชื่อคำพูดของนางบ้าง หากแม้ฉุกคิดสักนิดก็คงจะเตรียมการรับมือได้ดีกว่านี้เมื่อเกิดเรื่องขึ้น’

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป หยางพ่านชุนเริ่มรู้สึกสำนึกผิด ที่เขาคิดในใจขณะที่พยายามสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

เลือดสาดกระเซ็นและเสียงการต่อสู้ดังขึ้นทั่วป่า หยางพ่านชุนรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่เขายังคงต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ‘ข้าต้องรอด ข้าต้องกลับไปหาอ้ายเฉิน ข้าต้องขอโทษนาง’ เขาคิดในใจ ขณะที่พยายามสู้ต่อไป

การต่อสู้ดำเนินไปนานจนกระทั่งโจรป่าถอยหนี หยางพ่านชุนยืนอยู่ท่ามกลางลูกน้องที่บาดเจ็บและล้มตาย มีชาวบ้านมากมายที่พลัดหลงระหว่างเกิดเหตุ ที่ตายไปก็มี

"ข้าผิดเอง ข้าควรใส่ใจเจ้ากว่านี้ " เขาพูดเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่มองดูบาดแผลที่ตัวเองได้รับและม้าที่บาดเจ็บ ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ท่วมท้นในใจของเขา เลวร้ายกว่าการผิดคือการทำผิดแล้วไม่ยอมรับ และไม่สำนึก

เขาตัดสินใจรวบรวมผู้รอดชีวิตและลูกน้องที่เหลืออยู่ แล้วสั่งให้ทุกคนเดินทางกลับไปยังเมืองทันที เขาไม่อยากเสี่ยงที่จะสูญเสียใครไปอีก และต้องการกลับไปหาภรรยาเพื่อขอโทษและขอการให้อภัย

"อ้ายเฉิน ข้าผิดไปแล้ว ข้าควรเชื่อเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

ครั้งก่อนต้องรอจนถึงตอนที่เจ้าเมืองหนุ่มออกมานอกรถม้าจึงลงมือได้ แต่ครั้งนี้เพียงแค่ผ่านออกนอกเมืองไปไม่กี่ลี้ก็โดนโจรป่าที่เหิมเกริมทำร้ายจนหมดสติถูกหามกลับมายังจวนเจ้าเมือง

“เกิดอะไรขึ้น” พ่อบ้านชราที่เพิ่งส่งเจ้านายของตัวเองออกไปได้ไม่ถึงสองชั่วยามกลับต้องรีบตามหมอเพื่อมาดูแลคนป่วยที่นอนไร้สติอยู่บนเปลที่หามกลับมา

ข่าวเจ้าเมืองโดนทำร้ายดังไปทั่วเพราะร่างของท่านเจ้าเมืองที่หมดสติถูกพากลับมาอย่างรวดเร็วเพราะต้องหนีเหล่าโจรป่าด้วย

“ไม่มีบาดแผลภายนอก ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พอจะมีใครเห็นเหตุการณ์บ้างหรือเปล่า” หมอที่ถูกตามมาไม่รู้จะรักษาอย่างไร เพราะไม่เจอบาดแผลใด ๆ ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มถึงได้หมดสติเช่นนี้

แต่ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด หยางพ่านชุนก็สะดุ้งลุกขึ้นมา และตะโกนเรียกชื่อของอดีตฮูหยินดังลั่นทั้งยังพยายามจะลุกไปที่ห้องโถงของจวน

“อ้ายเฉิน เจ้าอยู่ที่ไหน”

“นายท่านฮูหยินไม่อยู่แล้ว” คำของพ่อบ้านทำให้ชายหนุ่มดึงสาบเสื้อของอีกฝ่ายจะแทบจะหลุดติดมือ

“มันเกิดอะไรขึ้น”

หลี่อ้ายเฉินนั่งอยู่ในห้องรับแขก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกังวล นางพยายามทำใจให้สงบและสวดภาวนาให้หยางพ่านชุนปลอดภัย ขณะที่นางกำลังนั่งเงียบ ๆ ในห้องรับแขกนั้น หัวใจของนางไม่อาจสงบได้ เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ นางเฝ้ารอคอยข่าวคราวจากหยางพ่านชุนด้วยความกระวนกระวาย ทันใดนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูเรือนเบา ๆ นางรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูพบว่าคนรับใช้เข้ามารายงาน

"คุณหนู ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้วขอรับ แต่ดูเหมือนท่านเจ้าเมืองจะได้รับบาดเจ็บ"

หลี่อ้ายเฉินรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรง นางรีบวิ่งออกไปทันที เมื่อมาถึงที่หน้าจวนเจ้าเมือง นางเห็นคนของจวนเจ้าเมืองกลับมาพร้อมกับบาดแผลที่เห็นได้ชัดและดูเหนื่อยล้า แต่ถ้ากลับมาถึงจวนเจ้าเมืองได้แสดงว่าคงไม่รับอันตรายถึงชีวิต นางทำเพียงหมุนตัวกลับแล้วมุ่งกลับจวนตระกูลหลี่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 41

    บทที่ 41หลังจากการสอบสิ้นสุด จอหงวนใหม่ก็ถูกย้ายมาเป็นเจ้าเมือง แน่นอนว่าคนคนนั้น คือคนที่ทั้งเมืองแห่งนี้รู้จักดี เพราะคือบุตรชายของอดีตเจ้าเมือง ในยุคบิดาทำดีมาเช่นไร ยุคบุตรชายก็ทำดีไม่ต่างกัน เพียงแต่เพราะเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาและยังโสดแถมอายุก็ยังน้อยกว่ายามที่บิดาของตนมาเป็นเจ้าเมืองเสียอีก จึงยิ่งทำให้บรรดาคุณหนูทั้งหลายต่างหมายปองเจ้าเมืองหนุ่มผู้นี้ไม่ต่างจากสมัยบิดาและยิ่งทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ปักใจรักใคร่ใครเป็นพิเศษแล้ว ก็ต่างหวังว่าตนเองอาจจะมีสิทธิ์ แต่ดูเหมือนเชื้อจะไม่ทิ้งแถว ลูกไม้ย่อมไม่ตกไกลต้น เจ้าเมืองหนุ่มเอาแต่ทำงานจนบรรดาแม่นางทั้งหลายต่างเมินหน้าหนี“นิสัยเสียนี้ลูกดันไปเหมือนท่านได้อย่างไรกัน” เสียงตำหนิไม่จริงจังจากมารดา เสี่ยวชิงเพียงแค่ส่งยิ้มรับหยางพ่านชุนไม่ได้มองว่านี่ไม่ดี “เขายังเด็กกว่าข้า ทั้งยังไม่มีคนรัก อาจจะเหมือนข้าวัยเยาว์ที่เอาแต่อ่านตำราเพื่อสอบมากกว่า ที่สำคัญเพราะอาชิงใช้ความรักของพวกเราเลี้ยงมา เจ้าเห็นหรือไม่ ถึงเขาจะไม่กลับมาจวนทุกวันเพราะนอนที่จวนเจ้าเมือง แต่ก็กลับมาทุกอาทิตย์ หากเขามีคนรักข้าก็เชื่อว่าเขาจะทำได้ดี อีกทั้

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 40

    บทที่ 40“แม่ไม่อยากให้เจ้าไปเมืองหลวงเลย” วันเวลาผ่านไปยามนี้เสี่ยวชิงเป็นหนุ่มแล้ว แต่เพราะความสนิทสนมในครอบครัวจึงทำให้อ้ายเฉินตัดใจให้ลูกจากไปไกลตาได้ยาก “เจ้าก็ให้ลูกไปเถอะ เขาจะไปสอบเพื่อจะกลับมาเป็นเจ้าเมืองแทนข้าไม่ดีหรือ” เรื่องนั้นย่อมเป็นเรื่องดีแต่การต้องจากบุตรชายเกือบสามปีและถ้าสอบได้อาจจะนานกว่านั้นทำให้น้ำตาของอ้ายเฉินไหล“เจ้าไปเถอะเสี่ยวชิง ยื้อกันไว้เช่นนี้วันนี้ก็คงไม่ได้ไป” อาการของภรรยาในวันนี้ทำให้หยางพ่านชุนอดคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ถึงจะแทบตัดพ่อตัดลูกไปแล้วแต่อย่างไรก็ยังคงแอบคิดถึงตอนเขาไปที่ใดก็ตามมีเพียงท่านพ่อบ้านที่ตอนนี้ชราเต็มทีแล้วพอนึกได้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปในเวลาอันใกล้นี้ก็ส่งจดหมายไปขอบคุณ แม้ชางเกิงจะหลงผิดไปบ้าง แต่ชางเกิงก็เป็นคนที่ดูแลเขามาตลอด หยางพ่านชุนส่งคนไปรับชายชรากลับมาอยู่ที่จวนเจ้าเมืองกับเขาอีกครั้ง ตอนนี้ชางเกิงคงชรามากแล้วคงไม่สามารถทำอะไรภรรยาของเขาได้อีก อีกทั้งอำนาจในจวนเจ้าเมืองตอนนี้ล้วนเป็นของภรรยาเขา“ภรรยารัก ลูกไปเพื่อความเจริญนะ เหมือนที่ท่านพ่อที่ท่านพี่ของเจ้าต้องเดินทางไกลไปหาสินค้าแปลก ๆ มาขาย” อ้ายเฉินพยักหน้

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 39

    บทที่ 39หลี่อ้ายเฉินกลับมาดูแลสามีของนางที่จวน เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้นางเกือบลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่คุยกับบิดา“ข้ากังวลแทบแย่คิดว่าท่านจะเป็นอะไรไปแล้ว” หยางพ่านชุนดึงคนรักเข้ามากอด “ข้าจะไม่ทำอะไรไม่ระวังตัวเช่นนี้อีก ครั้งนี้เพราะเด็กคนนั้นเขาเหมือนเสี่ยวชิงมากจริง ๆ ข้าที่กำลังกังวลหลาย ๆ เรื่องอยู่จึงเผลอกระโดดตามเด็กไป และที่จริงตอนแรกมันก็ไม่อันตราย แต่หลังจากข้าส่งเด็กขึ้นมาฝายก็พังทำให้น้ำไหลแรง จนดึงขึ้นฝั่งไม่ได้” หลี่อ้ายเฉินมองสามีด้วยสายตาไม่พอใจ“เมื่อก่อนก็ทำตัวเสี่ยงตายเช่นนี้ใช่หรือไม่” แม้จะอยากตอบว่าไม่แต่เขาก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ “ท่านพี่ต้องนึกว่าที่จวนมีข้ากับลูกรออยู่สิเจ้าคะ จะได้ระมัดระวังตัวเองมากกว่่านี้” หยางพ่านชุนเห็นภรรยาเป็นห่วงก็รู้สึกผิดเหมือนกัน “ต่อไปข้าจะระวังตัวตลอดเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ที่จริงเรื่องนี้ข้าไม่ต้องไปดูเองก็ได้ แต่ไหน ๆ ก็ผ่านไปเลยแวะดูไม่นึกว่าจะมีปัญหา”“ของหลาย ๆ อย่างทำเอาไว้แล้วก็ต้องหาคนเฝ้า หาคนบูรณะ ไม่เช่นนั้นก็พังไปตามเวลา” แม้จะรู้ข้อที่ภรรยาบอกเป็นอย่างดี แต่พอมีเรื่องยุ่งหลาย ๆ อย่างจึงลืมที่จะส่งคนไปดูแลเป็นพิเศษ “ท่านพ

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 38

    บทที่ 38“สามีของลูกเขาเป็นอะไรหรือเปล่าช่วงนี้เขาดูแปลก ๆ ไปนะ” บิดาของอ้ายเฉินถามบุตรสาว เพราะเป็นคนที่ทำการค้าจึงมองคนต่างจากคนอื่น และสัมผัสได้ไวกว่า“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่าเขายังคงติดอยู่กับความผิดครั้งก่อน” อ้ายเฉินพูดออกไปคล้ายจะเป็นการคาดเดาแต่จริง ๆ นางรู้ว่านี่แหละคือต้นตอของปัญหาในจิตใจของสามีของนางแม้ว่าหยางพ่านชุนจะทำทุกอย่างได้ดีแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกส่วนหนึ่งที่อีกฝ่ายยังทิ้งไปไม่ได้“คุยกันบ้างหรือยังลูก เกี่ยวกับเรื่องครั้งก่อน” มารดาเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนอ้ายเฉินพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ หลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี” คนเป็นพ่อได้ฟังก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่หนักอกหนักใจทั้งบุตรสาวและลูกเขยนั่นคืออะไร “ลองเปิดใจคุยรายละเอียดกันดูอีกครั้ง แม้ว่าจะทำให้เจ็บแต่นั่นก็สามารถช่วยทำให้แผลที่มีสมานได้” มารดาเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้นางจะพูดน้อย นิ่งสงบในทุกเรื่อง แต่ยามใดที่ติดใจและสงสัย นางก็จะเรียกสามีมาคุยจนกว่าจะเข้าใจกัน ไม่เคยปล่อยผ่านให้เรื่องราวข้ามคืนเลยสักครั้ง จึงรักษาชีวิตคู่ที่สงบสุขมาได้จนถึ

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37หลังจากอ้ายเฉินคลอดลูกคนแรกจวนทั้งสองก็ถูกทุบกำแพงเพื่อเปิดหากันตอนนี้หยางพ่านชุนถือว่าบิดาของภรรยากับพี่ชายภรรยาเป็นคนในครอบครัวมากกว่า ตระกูลใหญ่ของเขาซะอีก หลังจากเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ผ่านไป เขาก็ไม่ได้กลับไปร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษที่เมืองหลวงอีกเลย แม้จะรู้สึกผิดแต่หากต้องเสี่ยงชีวิตลูกเมียเขายอมที่จะเป็นคนอกตัญญูวันเวลาหมุนผ่านไปจนเสี่ยวชิงโตจนวิ่งได้ เป็นบุตรชายของพวกเขามาเกิดใหม่อย่างแน่นอนเพราะใบหน้าที่คงยังเหมือนเดิมทุกประการ แต่นิสัยกลับไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะการเลี้ยงดูและลุงกับท่านตาที่ตามใจจนบางทีหยางพ่านชุนก็กลัวบุตรชายคนโตจะเสียคนและตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีบุตรชายเพียงแค่คนเดียวแต่ยังมีบุตรสาวอย่างอี้อี้ด้วย เสี่ยวชิงเป็นพี่ชายที่ดีคอยดูแลน้องสาว ไม่ได้เหงาโดดเดี่ยวเหมือนชาติก่อน ความสัมพันธ์ของครอบครัวตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับชาติก่อน ทุกคนต่างมีรอยยิ้มให้กัน และอยู่กันอย่างมีความสุข อะไรที่ไม่ดีก็ถูกตัดไปจากชีวิต พ่อบ้านที่เคยช่วยเหลือหยางพ่านชุนมาตั้งแต่เด็กก็ถูกส่งกลับไปอยู่ที่เมืองหลวง เขาจ้างคนใหม่ให้คอยดูแลคุณหนูและคุณชายน้อยต่อไปเด็กทั้งสองไม่เคยได

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36การปราบโจรได้ทำให้การค้าในเมืองคึกคักขึ้นเพราะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกปล้นระหว่างเดินทางข้ามเมือง ทุกอย่างค่อย ๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องนี้ทำให้ทั้งตระกูลหลี่ และเจ้าเมืองอย่างหยางพ่านชุนเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก ต่างจากตระกูลใหญ่ของเจ้าเมืองหนุ่มที่หลังจากชิงเอ๋อร์กลับไปที่ตระกูลตน บิดาของเขาและบิดาของหญิงสาวก็ไม่ติดต่อกันอีกเนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวทางตระกูลใหญ่ที่มักจะชอบใช้วิธีรวมหมู่รวมก๊ก พอพันธมิตรหลักไม่อยู่ซะแล้ว คนอื่น ๆ ก็เริ่มหนีหน้า จากที่เคยกร่างได้ก็ต้องหลบอยู่แต่ในมุมของตนเอง เพราะถึงทุกคนจะรู้ว่ามีบุตรชายเป็นเจ้าเมืองและเป็นถึงขุนนางขั้นสามแต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าทั้งสองไม่ถูกกัน นั่นไม่ใช่เพราะใครแต่เพราะความปากมากของบิดาของหยางพ่านชุนเอง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเอ่ยกับสหายสนิทว่าเขาไม่ได้คาดหวังกับบุตรชายคนนี้ อีกทั้งเขายังไม่ใช่คนโปรดและตอนที่หยางพ่านชุนได้ดี ก็ไม่เห็นขุนนางเฒ่าผู้นี้จะเอาเรื่องของบุตรชายมาโอ้อวดซึ่งแปลกจึงทำให้ทุกคนคิดว่าเรื่องที่บาดหมางกันนั้นคงจะเป็นจริง แน่ ๆถึงแม้ว่ายามนี้หยางพ่านชุนจะกลับมาทำงานเป็นเจ้าเมืองเหมือนเดิมแล้ว แต่เขาก็ยังคงมาพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status