เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว

เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว

last updateLast Updated : 2025-09-09
By:  วอลจูUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
4Chapters
6views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ในวันที่คำพูดของนางเป็นเพียงลมปาก ถูกเขาเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด่าทอสารพัด หยามน้ำใจ และไม่ให้เกียรติ กล่าวหาว่านางเป็นสตรีร่าน ต่ำทรามกล้าสวมหมวกเขียวให้สามีอย่างไร้ยางอาย ทั้งที่นางรักเขา...รักมากจนยอมยกทุกสิ่ง ยอมให้สตรีอื่นก้าวเข้ามาในเรือน นางยอมทุกอย่างเพียงเพื่อให้เขามีความสุข แม้ต้องแบ่งบุรุษที่เป็นสามีให้สตรีอื่น แต่สุดท้ายสิ่งตอบแทนที่ได้กลับเป็นความตายอย่างน่าสมเพช ไป๋ซูหนิงถูกบุรุษผู้นั้นสั่งลงโทษโดยไม่เคยถามไถ่ความจริง มิหนำซ้ำยังทำราวกับว่านางก่อความผิดใหญ่หลวง ทั้งที่นางบริสุทธิ์ใจต่อเขาถึงเพียงนี้ทว่าเซี่ยจวิ่นอี้กลับมอบผ้าขาวและยาพิษให้นางเลือก...เสแสร้งทำราวกับเป็นผู้มีเมตตาเสมือนเป็นบุญคุณก้อนสุดท้าย สิ่งที่เขามอบให้นั้นคือความตาย! ในคืนฟ้าฝนโหมกระหน่ำ นางสิ้นใจอย่างอนาถ พร้อมกับบุตรในครรภ์ที่ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ทว่า…ฟ้ากลับให้โอกาสนางได้ย้อนคืนมา ชาตินี้ ภพนี้ ต่อให้ต้องดิ้นรนเลือดตากระเด็น นางจะไม่ข้องแวะกับบุรุษผู้นั้นอีก! ไป๋ซูหนิงสาบาน จะพาบุตรในท้องหนีไปให้ไกลจนบุรุษผู้นั้นไม่อาจเอื้อมมือคว้านางได้อีกแน่!

View More

Chapter 1

๑ ชาตินี้...ภพนี้ ขาดสะบั่น

วันนี้ฝนตกหนักตลอดทั้งวันไร้วี่แววว่าจะหยุดลงราวกับว่าพายุห่าใหญ่พัดผ่านมาไม่สิ้นสุด เสียงท้องฟ้าคำรามดังกึกก้องสั่น สะเทือนสะท้อนไปทั่วราวกับสวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยว

ณ จวนเซี่ย ผู้คนทั้งจวนแทนที่จะยืนหลบฝนแต่กลับกางร่มท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมาไม่หยุด บางคนถึงกับตัวสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บจากละอองฝนแต่ไม่ลดละจากไป สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปยังร่างของสตรีชุดขาวผู้หนึ่งที่คุกเข่าอยู่หน้าห้องบรรพชนมานานหลายชั่วยาม ไร้วี่แววจะลุกหรือหาที่หลบฝน

“…”

อาภรณ์ของนางเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ใบหน้าคนงามซีดเซียว ริมฝีปากบางที่เคยอวบอิ่มกลับซีดสลดจนคล้ำคล้ำจางๆ

“พี่หญิงก็ยอมรับมาเถอะเจ้าค่ะ ว่าท่านสวมหมวกเขียวให้ท่านพี่จริงๆ ความสัมพันธ์ของท่านกับเว่ยอ๋องลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นสหายสนิท!” น้ำเสียงหวานตะโกนดังลั่นแข่งกับเสียงฝนสาดกล่าวออกมาอย่างเหน็บแนมไร้ซึ่งความเห็นใจ

“ไฉนเลยบุรุษและสตรีจะเป็นเพียงสหายกันได้”

เหม่ยจินฮวายืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคา เยื้องจากห้องบรรพชนเล็กน้อย สายตาของนางทอดมองสตรีตรงหน้าด้วยความสมเพชฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด ขัดกับน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับเห็นใตเมื่อครู่…

ร่างที่ตากฝนมาหลายชั่วยาม หากเป็นบุรุษคงไม่อาจทนได้เช่นนี้ ทว่าไป๋ซูหนิงกลับคุกเข่าแน่นิ่งไม่ไหวติงและไม่แม้แต่จะขยับพลิกกายเปลี่ยนท่าราวกับก้อนหินแข็งทื่อ

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งทอดมองห้องตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว หากมองดูเพียงผิวเผินก็มีแต่ความดื้อรั้น หาได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย!

ทว่ากลับเจือไปด้วยความขมขื่นและเจ็บปวด

ไป๋ซูหนิงเหลือบสายตาขึ้นมองสตรีผู้นั้น ใบหน้าฉายรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างดูแคลนทันที “เจ้าทำสำเร็จแล้ว เหม่ยจินฮวา ฉลาดไม่น้อย…นึกว่าจะโง่งมเหมือนใบหน้าเสียอีก”

น้ำเสียงหวานแหบพร่าที่โต้ตอบกลับมาแม้จะแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินทว่าเหม่ยจินฮวากลับจับได้ทุกคำ นางหายใจแรงอย่างขุ่นเคือง มือทั้งสองข้างกำแน่นข่มโทสะสุดแรง ก่อนจะกัดฟันเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา

“หึ! อวดดีเช่นนี้ พี่หญิงคงได้คุกเข่าสำนึกผิดจนตายแน่!”

ไป๋ซูหนิงตวัดสายตามองขวางใส่อีกฝ่าย นางหาได้เกรงกลัวความตายไม่…เหตุใดจึงต้องยอมรับความผิดที่มิได้ก่อ ทั้งที่นางไม่มีความคิดที่จะสวมหมวกเขียวให้สามีเลยด้วยซ้ำ

“วางใจเถอะ น้องหญิง…หากข้าตายย่อมไม่มีวันลืมเจ้าแน่” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วพร่าเย็นเยียบ จนแม้แต่เหล่าสาวใช้ที่ยืนมองอยู่รอบบริเวณกลับรู้สึกขนลุกซู่ไปตามๆ กัน

“นายท่านขอรับ…ทำเช่นนี้เกินไปกระมัง”

เซี่ยจวิ้นอี้ยืนทอดสายตามองสตรีเบื้องหน้าอยู่ภายในเรือน สายตาคมลึกล้ำเกินจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใด มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไร้ความรู้สึก ราวกับมิได้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมาตลอดหลายปี

“เกินไปหรือ…” เขาเลิกคิ้ว เส้นเลือดบนหลังมือปูดโป่งเมื่อกำหมัดแน่น “เหอะ! หากข้าสังหารสตรีชั่วกับมือก็คงไม่นับว่ามากเกินไปกระมัง””

กู้เฟิงได้ยินถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง ราวกับมีก้อนหินนับพันชั่งกดทับอยู่ในใจ เขาทอดสายตามองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นร่างฮูหยินตากฝนจนเปียกปอนไร้เรี่ยวแรง จึงเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจไม้ได้

เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงใจแข็งได้เพียงนี้กัน…

“เช่นนั้น…ท่านทำเช่นนี้ ก็มิต่างจากสังหารนางหรือขอรับ” เสียงของกู้เฟิงเจือความอัดอั้น “ไฉนเลยกล้าปล่อยฮูหยินให้นั่งตากฝนเปียกปอนมาหลายชั่วยาม โดยไม่คิดสงสารหรือเห็นใจนางแม้แต่น้อย…”

ประโยคนันทำให้แววตาของเซี่ยจวิ้นอี้วูบไหว เขาเผลอขบกัดกรามจนขึ้นสันแน่น ทันใดนั้น…ภาพเหตุการณ์บางอย่างแวบเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่อยู่

สตรีชั่ว!…หรือเขาสมควรฆ่านางเสียให้สิ้นเรื่อง!

เพราะเขาตามใจ ไม่เคยเอ่ยปากห้ามอันใดแม้ครึ่งคำ หาได้หมายความว่านางจะทำสิ่งใดลับหลังและทรยศเขาได้!

สตรีผู้นี้ช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกนัก ไม่รักดี!

สายตาคมกริบแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความโกรธ “อวดดี! ทั้งที่ข้าให้โอกาสพูดแต่กลับทำเป็นใบ้ไม่ยอมเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว!”

กู้เฟิงรู้ว่าผู้เป็นนายโกรธมากจริงๆ เขายังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด สายตาก็พลันมองเห็นอีกฝ่ายก้าวออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว

“นายท่านจะไปที่ใดขอรับ!”

ห้องบรรพชนของจวนสกุลเซี่ยหาได้ตั้งอยู่ท้ายจวนไม่ หากตั้งอยู่ในเรือนชั้นใน ผู้ใดเดินผ่านย่อมเห็นได้ถนัดตา เพราะสร้างไว้เพื่อให้คนในจวนคำนับบรรพชนได้สะดวก…ไม่ใช่เฉพาะแค่วันสำคัญเท่านั้น

ไป๋ซูหนิงเม้มริมฝีปากซีดแน่น ร่างสั่นระริกจากความหนาวเย็นที่กัดกินถึงกระดูก ทว่านางได้เปล่งเสียงอ้อนวอนแม้ครึ่งคำ

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งพลันมองเห็นร่างคุ้นตาของบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาพอดี มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความประหม่า หัวใจที่สงบนิ่งกลับเต้นระส่ำอย่างห้ามไม่อยู่

“…”

“นายท่านเซี่ย!”

เหล่าสาวใช้ที่ยืนมุงดูฮูหยินตามระเบียงและริมชายคาต่างหยุดชะงักตกใจ บ้างก็หลบสายตาคมกริบน่าหวาดกลัวคู่นั้นจนแทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ

“ท่านพี่!” น้ำเสียงของเหม่ยจินฮวาดังขึ้นทันที เมื่อสาวใช้ข้างกายสะกิดส่งสัญญาณ นางละสายตาจากสตรีตรงหน้า ดวงตาคู่งามที่เมื่อครู่ฉายแววเหยียดหยามสมเพช พลันแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนปนสงสารอย่างรวดเร็ว

นางยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปหา แต่กลับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเสียงทุ้มตวาดลั่นจนร่างแข็งทื่อ

“จวนสกุลเซี่ยไม่มีสิ่งใดให้พวกเจ้าทำแล้วหรือ! หรืออยากไปคุกเข่าสำนึกผิดพร้อมนาง!” เซี่ยจวิ้นอี้คำรามลั่น สายตาคมกริบจ้องสบกับสตรีอวดดีผู้นั้นพอดี มือยังคงกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโป่ง

เหล่าสาวใช้รอบบริเวณสะดุ้งเฮือก ถอยหนีกันอย่างรวดเร็ว บางคนยังลังเลเพราะห่วงฮูหยินที่กำลังตากฝน

เหม่ยจินฮวาได้ยินแล้วอดลอบยิ้มสะใจไม่ได้ สูดลมหายใจลึกกดความพึงใจนั้นลง ก่อนตีหน้าเศร้าเสแสร้ง “ท่านพี่! นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว หากพี่หญิงยังนั่งตากฝนทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ เกรงว่าจะล้มป่วยเป็นแน่”

“หากนางตายไป…ก็นับว่าสมควรแล้ว”

ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.)

แม้จะดึกดื่นเพียงนี้แล้ว ทว่าพายุฝนกลับไม่มีวี่แววจะสงบหรือหยุดลงแต่กลับยิ่งกระหน่ำหนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงฟ้าร้องคำรามก้องลากยาวสะท้อนทั่วฟากฟ้าอย่างน่าหวาดหวั่น

ร่างของไป๋ซูหนิงเริ่มโอนเอน ไร้เรี่ยวแรงประคอง คล้ายจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าคนงามซีดเซียว ไร้สีเลือดฝาดจนแทบไม่ต่างจากร่างไร้ลมหายใจ และดวงตาคู่งามที่เคยเปล่งประกายราวดวงดาวกลับหม่นแสง…ไร้ซึ่งชีวิตชีวา

มือทั้งสองค่อยๆ สั่นระริก ยกขึ้นลูบหน้าท้องผ่านอาภรณ์ที่เปียกชุ่ม น้ำฝนเย็นเฉียบซึมถึงผิว แต่กลับไม่เย็นยะเยือกไปกว่าความรู้สึกผิดที่กัดกินในอก

“ฮูหยิน…นายท่านเซี่ยทรงมีเมตตา อย่างไรเสียก็เห็นแก่ความสัมพันธ์สามีภรรยาที่เคยมีกันมาในอดีต”

เสียงของแม่บ้านดังขึ้นแผ่วเบา นางย่ำเท้าลงบนแอ่งน้ำข้างทาง เดินเข้ามาช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ด้านหลังฮูหยินของจวน มือถือถาดที่มีผ้าขาวผืนหนึ่งและจอกน้ำชาหนึ่งใบ ข้างกายมีสาวใช้กางร่มบังฝนให้ ขณะที่ฝนยังคงโปรยกระหน่ำไม่หยุด…

เดิมทีสติของไป๋ซูหนิงก็เลือนรางอยู่แล้ว ยามค่ำคืนที่มืดมิด มีเพียงแสงจันทราสลัวริบหรี่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหนักอึ้ง ปรือขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะปรายหางตามองผู้มาใหม่

หึ! เมตตาหรือ…?

ไป๋ซูหนิงแค่นเสียงในใจ หาได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงเงียบงันรอฟังถ้อยคำของอีกฝ่ายต่อ ไม่แม้แต่คิดจะขัดค้าน

น้ำเสียงของแม่บ้านเรียบเฉย ไร้อารมณ์ ทว่าเย็นยะเยือกยิ่งกว่าสายลมในฤดูเหมันต์ “นายท่านเซี่ยได้มอบทางเลือกให้ฮูหยินเพื่อรักษาเกียรติและหน้าจะเลือกผ้าขาวผูกคอตนเองหรือดื่มยาพิษสิ้นใจดีหรือเจ้าค่ะ หากปฏิเสธไม่เลือก…พรุ่งนี้ฟ้าสางจะตัดสินโทษประหารตะบั่นหัวทิ้งทันที!”

เปรี้ยง!

ทันทีที่สิ้นคำ เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณ คล้ายจะผ่าลงกลางจวนเสียให้ได้ ทว่า…ร่างของไป๋ซูหนิงกลับยังคงนิ่งงัน ใบหน้าคนงามแต้มรอยยิ้มเย้ยหยัน ฉายชัดทั้งความขมขื่นและเจ็บปวด

“เขาอยากให้ข้าตายหรือ…” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ราวกับรู้อยู่เต็มอกถึงคำตอบที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น

หากเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่คิดจะเอ่ยถ้อยคำใดออกไปให้น่าสมเพชไปกว่านี้อีก ไป๋ซูหนิงกำมือแน่น สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ร่างบอบบางที่คุกเข่ามาหลายชั่วยามแทบทรุดฮวบเมื่อยืนขึ้น สองขาสั่นระริกไร้เรี่ยวแรง ทว่าใบหน้ายังคงฉาบรอยเย้ยหยัน

ทันใดนั้น…ความเจ็บปวดหน่วงแผ่ซ่านขึ้นจากหน้าท้องจนไป๋ซูหนิงขมวดคิ้วแน่น

ใบหน้าย่ำแย่ซีดเผือด ร่างบิดเกร็งด้วยความทรมาน เลือดสีแดงสดเริ่มไหลย้อนลงตามเรียวขางาม เปรอะเปื้อนอาภรณ์จนชุ่ม ซึมไปกับน้ำฝนที่โปรยกระหน่ำ กลายเป็นสีแดงฉานในพริบตา

ในความมืดมิด แม่บ้านหาได้สังเกตเห็นอาการนั้น นางเห็นเพียงท่าทางอวดดีของสตรีตรงหน้าเท่านั้น จึงก้าวเข้ามาใกล้ ถาดในมือยังคงวางผ้าขาวและจอกยาพิษไว้แน่นิ่ง

“หากตัดสินใจเลือกได้แล้ว…ก็หยิบได้เลยเจ้าค่ะ”

ไป๋ซูหนิงลอตัวลงเล็กน้อย นางกัดฟันกรอดฝืนความปวดหนึบที่บริเวณท้อง นางยื่นมือคว้าจอกยาพิษขึ้นมา น้ำเสียงหวานแผ่วเบาสั่นเครือเอ่ยถาม “ยาพิษจอกนี้…รสชาติดีหรือไม่”

พอสิ้นคำถาม…ไม่รอคำตอบ

นางกระดกดื่มลงไปในรวดเดียว ความร้อนผ่าวแผดเผาไหลลวกคอ ลามไปทั่วทั้งร่าง ความเจ็บปวดแล่นขึ้นทวีคูณจนฝืนทนยืนไม่ไหว ล้มลงกองกับพื้นในทันที

เพล้ง!

จอกยาพิษหล่นแตกกระจายเกลื่อนพื้น เสียงดังแข่งกับเสียงฝนโปรยไม่หยุด เลือดสีแดงฉานยังคงไหลย้อนลงตามเรียวขาไม่ขาด มือทั้งสองกำหน้าท้องแน่นจนสั่นระริก

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งแข็งกร้าวฉายแววโกรธแค้นสุดขีด จ้องมองไปยังเรือนหลังหนึ่งในความมืดด้วยความเคียดแค้นแน่นอก

เซี่ยจวิ้นอี้…ชาตินี้ ภพนี้ ข้าและท่านไม่เกี่ยวข้องกันอีก!

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
4 Chapters
๑ ชาตินี้...ภพนี้ ขาดสะบั่น
วันนี้ฝนตกหนักตลอดทั้งวันไร้วี่แววว่าจะหยุดลงราวกับว่าพายุห่าใหญ่พัดผ่านมาไม่สิ้นสุด เสียงท้องฟ้าคำรามดังกึกก้องสั่น สะเทือนสะท้อนไปทั่วราวกับสวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยวณ จวนเซี่ย ผู้คนทั้งจวนแทนที่จะยืนหลบฝนแต่กลับกางร่มท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมาไม่หยุด บางคนถึงกับตัวสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บจากละอองฝนแต่ไม่ลดละจากไป สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปยังร่างของสตรีชุดขาวผู้หนึ่งที่คุกเข่าอยู่หน้าห้องบรรพชนมานานหลายชั่วยาม ไร้วี่แววจะลุกหรือหาที่หลบฝน“…”อาภรณ์ของนางเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ใบหน้าคนงามซีดเซียว ริมฝีปากบางที่เคยอวบอิ่มกลับซีดสลดจนคล้ำคล้ำจางๆ“พี่หญิงก็ยอมรับมาเถอะเจ้าค่ะ ว่าท่านสวมหมวกเขียวให้ท่านพี่จริงๆ ความสัมพันธ์ของท่านกับเว่ยอ๋องลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นสหายสนิท!” น้ำเสียงหวานตะโกนดังลั่นแข่งกับเสียงฝนสาดกล่าวออกมาอย่างเหน็บแนมไร้ซึ่งความเห็นใจ“ไฉนเลยบุรุษและสตรีจะเป็นเพียงสหายกันได้”เหม่ยจินฮวายืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคา เยื้องจากห้องบรรพชนเล็กน้อย สายตาของนางทอดมองสตรีตรงหน้าด้วยความสมเพชฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด ขัดกับน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับเห็นใตเมื่อครู่…ร่างที่ตากฝนมาหลายชั่วยาม หาก
last updateLast Updated : 2025-09-08
Read more
๒ หวนคืนกลับมา
อากาศช่วงนี้แปรปรวนเสียจริง กลางวันแดดออกแต่พอตกกลางคืนกลับมืดครึ้ม ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนไม่ทันตั้งตัวเปรี้ยง!เสียงฟ้าคำรามดังก้องฟาดลงกลางลานจวนสกุลเซียวราวกับมีว่าผู้ใดกล้าฝ่าฝืนกฎสวรรค์ไป๋ซูหนิงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ลมหายใจหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมสั่นไหว กรอบใบหน้าคนงามเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย ริมฝีปากแห้งเหือดคล้ายปลาขาดน้ำ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนี่คือเรือนของนางมิใช่หรือ…?แต่เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่เมื่อคืนสมควรต้องตายอย่างอนาถอยู่กลางลานจวนแล้วมิใช่หรือ!ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกพลันกัดกร่อนลึกถึงกระดูก ความร้อนผ่าวของยาพิษรสเฝื่อนที่ไหลลงคอ ความเจ็บปวดหน่วงในหน้าท้อง…ความรู้สึกเหล่านั้นช่างสมจริงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แต่พอนางลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นหรือ?ไป๋ซูหนิงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะผ่อนออกยาวราวกับระบายความคิดและความหวาดกลัวที่เอ่อท่วมอกเรือนผมงามที่ปรกกรอบใบหน้ายังคงชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยกมือที่สั่นเครือด้วยความ
last updateLast Updated : 2025-09-08
Read more
๓ หลีกหนีจากอดีต
หลายปีก่อน ตั้งแต่จำความได้ นางก็เอ่ยปากเรียกบุรุษผู้นั้นว่าท่านพี่มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งก้าวเข้าสู่จวนสกุลเซี่ยในฐานะภรรยาของเซี่ยจวิ้นอี้ ความคุ้นชินนั้นก็ยังไม่เคยเลือนหายไปความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาในฐานะสามีภรรยา ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นหรือบางทีอาจเป็นเพียงความเคยชินที่รู้นิสัยใจคอมานานหาได้มีเรื่องอันใดต้องปรับตัวเข้าหากันไป๋ซูหนิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลไป๋ ทว่าไม่ใช่บุตรเพียงคนเดียวของนายท่านไป๋และไป๋ฮูหยินนางยังมีพี่ชายร่วมสายเลือดอีกสามคนในยามนั้นกิจการค้าของสกุลไป๋กำลังเฟื่องฟูยิ่งนัก ทั้งบิดา มารดาและเหล่าพี่ชายต่างเดินทางค้าขายไปต่างแคว้นอยู่บ่อยครั้ง นางจึงถูกส่งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงกับท่านย่า เพราะฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่านางเป็นสตรีและยังเด็กเกินไปไม่สมควรเดินทางไกลนับตั้งแต่ตอนนั้นนางจึงต้องห่างเหิมกับครอบครัวบางทีเรื่องราวทั้งหมดคงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น…ตั้งแต่วันที่นางย้ายมาอยู่กับท่านย่า และได้ผูกชะตาชีวิตกับบุรุษผู้นี้อย่างแน่นหนาเกินกว่าจะคลายออกได้ท่านย่าของนางเป็นภรรยาของขุนนางผู้เคยทรงอำนาจในวังหลวง มีทายาทเพียงสองคนคือบิดาของนางและท่านลุง แต่
last updateLast Updated : 2025-09-08
Read more
๔ ยามที่สิ้นหวัง
เซี่ยจวิ้นอี้เจอกับไป๋ซูหนิงครั้งแรก เมื่อตอนที่อีกฝ่ายยังอายุเพียงแค่เจ็ดขวบเท่านั้นส่วนเขาเพิ่งมีอายุสิบห้าปีเต็ม ผู้ใดจะคาดคิดว่ามีวาสนาได้พบพานแล้วยังมีวาสนาได้ครองคู่อีก เด็กสาวที่เอ็นดูในวันวานกลับกลายเป็นภรรยาที่ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินในวันนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าฐานะพี่ชายหรือสามี…เซี่ยจวิ่นอี้ล้วนถนุถนอมทะนุถนอมไป๋ซูหนิงราวกับไข่ในหิน ไม่เคยทำให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทว่ายามนี้กลับเป็นเขาที่ถูกหักหลังและทรยศอย่างไม่น่าให้อภัย!ภายในอกของเซี่ยจวิ้นอี้คับแน่นเต็มไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านจนคล้ายจะปะทุออกมา มุมปากหนากระตุกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก เขาแค่นเสียงฮึดฮัดต่ำในลำคอ สายตาคมกริบตวัดจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว“หึ! ไม่คาดคิดเลยว่า เว่ยอ๋องจะมีนิสัยชอบแอบลักลอบกินของหลังจวนผู้อื่นเช่นนี้!”คิ้วของเว่ยอ๋องขมวดแน่นเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงไม่กระจ่างแจ้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคือง “นายท่านเซี่ย โปรดระวังคำพูดด้วย”เว่ยจิ้นหลานไม่เข้าใจนักว่าบุรุษผู้นี้เกิดคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมา จู่ๆ ถึงได้บุกเข้าจวนเว่ยอ๋องบุ่มบ่ามตามหาภรรยา ทั้งยังมีท่าทีโกรธเกรี้ยวประหนึ่งหากม
last updateLast Updated : 2025-09-09
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status