Share

บทที่ 10 เอื้อมไม่ถึง

ซูหวั่นถือกะละมังไม้ออกมาล้างหน้า ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อย

ซูหรงจึงเดินเข้ามาแย่งกะละมังไม้ไปอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า“ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ!”

“ตัวเองอยากจะล้างหน้าก็ไปตักน้ำมาเองสิ?ไม่มีมือไม่มีเท้าหรือไง!”ซูหวั่นปัดมือของซูหรงออกไปอย่างเต็มแรง

“เจ้า!”ซูหรงคิดไม่ถึงเลยว่าซูหวั่นที่หัวอ่อนมาโดยตลอดจะลุกขึ้นมาต่อต้านแบบนี้ได้ มันทำให้นางตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว

“จะมาเจ้าอะไรอยู่ พูดไม่คล่องก็ไม่ต้องพูด รนแต่จะให้ใครเขารำคาญเอาเสียเปล่าๆ”ซูหวั่นยกน้ำที่ผ่านการล้างหน้ามาแล้วไปให้นาง“เอ้า อยากจะได้น้ำไม่ใช่เหรอ เอาไป ค่อยๆล้างนะ!”

พอพูดจบ นางก็หันหลังและเดินออกไปทันที

ซูหรงมองตามแผ่นหลังของซูหวั่น และคิดว่านังเด็กนี่มันเปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ!

นางถือกะละมังเอาไว้ มองดูน้ำสกปรกที่อยู่ข้างใน และกระทืบเท้าอย่างเต็มแรง

ซูฝูขมวดคิ้วและสัมผัสไปที่ท้องอย่างไม่รู้ตัว“อาหรง อย่าโกรธนางไปเลย ต่อไปหากข้าได้เป็นท่านหญิงสกุลเจียงแล้วละก็ ข้าจะซื้อคนรับใช้มาให้เจ้าสักสองสามคนแน่นอน”

นางมีลูกอยู่ในท้อง

ต่อให้เจียงถงลู่จะไม่ยอมรับ แต่นางก็ยังสามารถให้แม่เฒ่าเซี่ยงช่วยคิดหาวิธีให้กับนางได้!

ซูหรงรีบไปตักน้ำมาให้ซูฝูล้างหน้าเสียใหม่“พี่คะ ข้ารู้ว่าพี่ดีกับข้ามาก ไม่เหมือนกับนังเด็กซูหวั่นนั่นหรอก!”

ซูหวั่นหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา เสียงของซูหรงหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ซึ่งนางได้ยินอย่างชัดเจน

การท้องก่อนแต่งในยุคสมัยนี้ไม่แตกต่างอะไรเลยกับนางคณิกาในหอหาความสำราญ หรือไร้ยางอายมากกว่านางคณิกาเสียอีก

ซึ่งไม่รู้ว่าซูฝูนั้นไปเอาความภาคภูมิใจแบบนี้มาจากไหน

“ปังๆ!”

หลังจากรุ่งสาง ก็มีคนมาเคาะประตูใหญ่ของบ้านสกุลซูเสียงดังลั่น

ซึ่งประตูไม้ที่ไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็แทบจะพังเลยทีเดียว

“เปิดประตูหน่อย เปิดประตู!”

ซูฉางโซว่เดินมาถอดกลอนประตูออกอย่างไม่แยแส“ใครกันมาแต่เช้าตรู่แบบนี้!”

“คนล่ะ ส่งคนออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ!”เจิ้งซื่อหลางยืนหลังค่อม พร้อมกับพาคนของสกุลเจิ้งมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ที่หน้าบ้าน“ท่านน้า ท่านน้ารับสินสอดของบ้านข้าไปแล้ว ทำไมยังไม่ส่งคนมาอีกล่ะ!”

เมื่อเห็นว่าเป็นคนของสกุลเจิ้ง ซูฉางโซว่ก็ขึ้นไปเรียกแม่เฒ่าเซี่ยงที่บ้านใหญ่ออกมาด้วยความรู้สึกผิด

โดยที่แม่เฒ่าเซี่ยงก็รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ“ซื่อหลาง นังหนูหวั่นไม่ยอม น้าก็บังคับนางไม่ได้ เงินห้าตำลึงนั่นคืนให้เจ้านะ......”

“ข้าอยากได้คนเท่านั้น!”เจิ้งซื่อหลางชักสีหน้า และกวาดสายตามองหาซูหวั่นด้วยความละโมบ

ซูหวั่นผิวเข้มและผอมบาง ท่าทางสง่างาม แต่ทว่าใบหน้ายังไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับซูฝูและซูหรงสองพี่น้องที่ทั้งขาวและบอบบางที่ยืนอยู่ข้างๆนาง

ในที่สุด เจิ้งซื่อหลางก็ฉายแววตาที่ชั่วร้ายออกมา

จ้องมองไปยังซูฝูและซูหรงอย่างเปิดเผย โดยไม่บอกก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน

“หากนังหนูหวั่นไม่ยอมตกลง งั้นก็เปลี่ยนคนซะสิ นางสองคนนั้นให้ข้าคนหนึ่งก็ได้แล้วนี่!”เจิ้งซื่อหลางกลืนน้ำลายลงคอ“ท่านน้า ท่านน้าคงไม่อยากเห็นหลานชายต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตหรอกนะ?”

นางเซี่ยงบีบตัวออกมาจากฝูงชน เข้าไปกอดแม่เฒ่าเซี่ยงพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ออกมา“ท่านพี่ พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อวานเรายังรอลูกสะใภ้แต่งเข้าบ้านอยู่เลยนะ ทำไมวันนี้พี่ถึงได้เปลี่ยนความคิดไปแล้วล่ะ!”

ซูฝูอาศัยว่ามีเด็กอยู่ในท้อง นางจึงไม่กังวลว่าจะถูกจับยัดให้กับเจิ้งซื่อหลาง

แต่ซูหรงกลับหน้าถอดสี แล้วพูดว่า“ท่านย่า ข้าไม่แต่งกับเขาหรอกนะ หลังค่อมแบบนี้ยังไม่พอ ยังชอบเล่นการพนันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีก สมบัติของสกุลเจิ้งถูกเขาล้างผลาญไปหมดแล้วมั้ง!”

นางเซี่ยงถลึงตาใส่ซูหรง“นังหนูนี่พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ผู้ชายก็เป็นแบบนี้กันหมด มีอะไรที่น่าพูดกัน!”

แม่เฒ่าเซี่ยงเหลือบมองซูหรงอย่างตำหนิ

ผู้น้อยจะพูดขัดจังหวะผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน แม้ว่าซูหรงจะไม่ได้สะสวยเท่ากับซูฝู แต่นางก็สามารถปีนป่ายสกุลใหญ่ได้เช่นกัน

แล้วจะมอบให้กับเจิ้งซื่อหลางที่ไม่เอาไหนได้อย่างไรกัน?

จากนั้นนางก็รีบขยิบตาให้กับนางจางทันที

โดยที่นางจางก็รับรู้ความหมายนี้ดี นางจึงหัวเราะเหอะๆพร้อมกับพูดว่า“ข้ายังต้องการเก็บอาฝูอาหรงไว้สักสองสามปีน่ะ ท่านน้า ข้าว่าท่านน้าลองถามนังหนูอาหวั่นจะดีเสียกว่านะ!”

อาหวั่นหรี่ตาลง

ไปๆมาๆ ภาระก็มาตกที่นางจนได้!

นางเซี่ยงรู้ดีว่าบ้านไม่เป็นรองที่โปรดปราน และพี่สาวของนางก็คงไม่ยอมยกหลานสาวที่น่าทะนุถนอมแบบสองคนนั้นมาให้นางหรอกนะ

และในใจก็คิดว่ายังไงเสียก็จะต้องพาซูหวั่นกลับไปให้ได้

ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!

ซูหวั่นยิ้มๆ พร้อมกับพูดเบาๆออกมาว่า“ท่านยาย ใครที่รับเงินสินสอดของท่านมาก็ไปตามที่คนนั้นนะคะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย ข้าเอื้อมไม่ถึงสกุลของท่านหรอก”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status