Share

บทที่ 11 เจตนาที่ชั่วร้าย

นางเซี่ยงกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ

ขณะที่นางกำลังจะพูด เจิ้งซื่อหลางก็ดึงแขนเสื้อของนาง แล้วชี้ไปที่ซูฝูและซูหรง“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการนาง ข้าต้องการพวกนางสองคนนั้น”

และใบหน้าของซูหรงก็ดำคล้ำขึ้นมาทันที

เจิ้งซื่อหลางคนนี้เป็นเพียงคางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์เท่านั้น!

ซูหวั่นเม้มริมปาก จับนางหลี่ที่คิดจะพูดอะไรออกมาเอาไว้ และยืนอยู่ข้างๆนาง

และแม่เฒ่าเซี่ยงก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ตามที่คิดเอาไว้“ซื่อหลาง ไม่ใช่ว่าข้าจะต่อว่าเจ้านะ เจ้าก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ทำไมยังจะมาจู้จี้จุกจิกอีก!”

คางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์ยังต้องส่องกระจกมองดูตัวเองนะ

นางไม่ค่อยจะถูกชะตากับหลานคนนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว หากไม่เห็นแก่น้องสาวของตัวเองแล้วละก็ แม่เฒ่าเซี่ยงก็คงจะหยิบท่อนไม้ไล่ออกไปตั้งนานแล้ว

เจิ้งซื่อหลางเลียใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของตัวเอง แล้วโน้มตัวเข้ามา“ท่านน้า ท่านน้าพูดแบบนี้ข้าไม่ค่อยจะชอบมากนัก ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ รับเงินอัดข้าไปแล้วก็ต้องส่งคนมาให้ข้า!”

นางเซี่ยงรักเจิ้งซื่อหลางลูกชายคนนี้มากที่สุด เขาพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด“ท่านพี่ ชีวิตนี้ข้าไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลยนะ ข้าขอพี่ครั้งนี้เท่านั้น!”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ซูหรงจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากนางจางทันที

นางไม่อยากจะแต่งงานกับชายหลังค่อมคนนี้เลย!

และนางจางก็กังวลจนเหงื่อเย็นๆเต็มฝ่ามือด้วยเช่นกัน เพราะกลัวว่าแม่เฒ่าเซี่ยงจะใจอ่อนไปด้วย“ท่านแม่ เมื่อต้นปีมีครอบครัวหนึ่งที่อยู่ในอำเภอมาหาข้า บอกว่าอาหรง......”

คำพูดนั้นบอกเป็นนัย เพราะเกรงว่าหากเรื่องไม่ประสบความสำเร็จจะทำให้ชื่อเสียงของซูหรงเสื่อมเสียได้

แม่เฒ่าเซี่ยงความคิดโลดแล่นเป็นอย่างมาก และตระหนักว่านางจางกำลังบอกเป็นนัยกับนางว่ามีคนในเมืองสนใจซูหรงอยู่

และคนในเมืองนั้นดีกว่าสกุลเจิ้งมาก!

“น้องรัก ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้านะ หากไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าเจ้าชอบนังหนูหวั่นก็พานางกลับไปเถอะ”

และซูหวั่นก็หัวเราะเยาะออกมา“ท่านย่า ท่านย่าลืมที่หลี่เจิ้งเคยพูดเอาไว้แล้วเหรอคะ!”

ใบหน้าของแม่เฒ่าเซี่ยงมืดมนขึ้นมาทันที“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรา ข้าอยากจะทำอะไรก็ทำ นังเด็กอย่างเจ้าจะพูดมากทำไมกัน!”

“ท่านแม่!”น้ำเสียงของนางหลี่เต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ โดยคิดไม่ถึงเลยว่าแม่เฒ่าเซี่ยงจะกลับกลอกได้ขนาดนี้

แม่เฒ่าเซี่ยงขยิบตาให้กับลูกชายทั้งสองคนของนาง ให้พวกเขาคอยจับตาดูซูลิ่วหลางเอาไว้และอย่าให้ไปบอกข่าวข้างนอกได้“น้องรัก เจ้ามัดนังหนูคนนี้กลับไปเถอะ ทำการทำงานก็ดีอยู่ ไม่ขาดทุนเงินห้าตำลึงหรอกนะ”

แม่เฒ่าคนนี้ต้องการที่จะมัดนางอีกแล้ว ดูเหมือนว่านางยังได้รับบทเรียนไม่มากพอ!

ซูหวั่นชำเลืองไปยังซูฝูอย่างคลุมเครือ“ท่านย่า เรื่องเมื่อคืน——”

“ท่านพ่อ รีบปิดปากนางเดี๋ยวนี้!”หัวใจของซูฝูเต้นระรัว

มีคนสกุลเจิ้งอยู่เต็มลานบ้านไปหมดในตอนนี้ หากซูหวั่นพูดอะไรออกมา ความลับของนางก็คงเก็บเอาไว้ไม่อยู่อย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นคนที่จะต้องตายก็คือนางแน่นอน!

และร่างเล็กๆของซูหวั่นก็คล่องแคล่วเป็นอย่างมาก

นางวิ่งอ้อมไปถึงห้องครัวแล้ว โดยที่ถือแท่งไฟและน้ำมันเอาไว้ในมืออีกด้วย“ถ้าพวกเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะเผาบ้านหลังนี้ซะ!”

แท่งไฟได้ถูกจุดติดแล้ว และมันก็คงจะไหม้แน่นอนหากโยนลงไปในน้ำมัน

โดยที่แม่เฒ่าเซี่ยงยังคิดว่านางไม่กล้าทำ จึงยังให้ลูกชายสองคนกระโจนเข้าไป ซูหวั่นหรี่ตาและโยนแท่งไฟไปที่กองฟืนทันที

“นังเด็กบ้านี่ เจ้ากล้าเผาบ้านเลยรึ!”แม่เฒ่าเซี่ยงมองไปที่เปลวไฟสีแดง ตอบขาตัวเองหนึ่งฉาด และตัวสั่นด้วยความโกรธ“ดับไฟเร็วเข้า ตักน้ำมาดับไฟเร็วเข้า!”

ซูหวั่นกลับไม่กลัวแต่อย่างใด และมองไปยังนางเซี่ยงอย่างสงบ“ท่านน้า ข้ากล้าที่จะจุดไฟทุกที่เลยนะ!”

นางเซี่ยงรับรู้ได้ในทันที

นังเด็กบ้าคนนี้แม้แต่ในบ้านก็ยังกล้าทำขนาดนี้ หากแต่งกลับไปจะไม่วุ่นวายกันไปใหญ่หรอกเหรอ!

ไม่ได้การแล้ว!

“พี่รีบเอาเงินห้าตำลึงมาคืนข้าเถอะ!”นางเซี่ยงมองไปที่แม่เฒ่าเซี่ยงอย่างแตกหัก“ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าไม่ต้องการใครทั้งนั้น!”

แม่เฒ่าเซี่ยงรักเงินยิ่งกว่าชีวิต นางตัดใจจากเงินห้าตำลึงนั้นไม่ได้เลย“เงินเข้ามาในกระเป๋าของข้าแล้ว เจ้ายังอยากที่จะเอากลับคืนไปอีกเหรอ เจ้าเป็นคนที่ไม่เอาเองนะ ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ให้ ไม่มีทางหรอก!”

และคนของสกุลเจิ้งก็เข้ามาช่วยยื้อแย่งด้วยเช่นกัน

หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา เสื้อผ้าของแม่เฒ่าเซี่ยงก็ขาดรุ่งริ่งหมดแล้วในตอนนี้

ทั้งดวงตาและจมูกก็มีรอยเลือดที่เกิดจากการถูกเล็บข่วน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและถลึงตามองมายังลูกชายและลูกสะใภ้ราวกับคนบ้า“พวกเจ้ามัวเซ่ออะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้ามาช่วยข้าอีก!”

ซูฉางฝูตะลึงงัน“งั้นจะไม่ดับไฟแล้วเหรอครับ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status