“ว่ายังไง ตกลงหรือเปล่า”
จันทร์เจ้ามองคนหน้าตายด้วยสายตาขุ่นเคือง เธอได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปมา ในขณะเดียวกันสมองของเธอก็ขบคิดอย่างหนัก
“ถ้ายังไม่ตกลงจะกลับไปคิดก่อนก็ได้นะ ผมไม่รีบ” ผู้ชายตรงหน้าเธอพูดออกมาอย่างสบายใจ ในขณะที่เธอนั้นร้อนรนเพราะเป็นห่วงเพื่อนอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ... คุณชลคะ” ในขณะที่ฟองคลื่นจะพูดอะไรบางอย่างก็ต้องหุบปากลงเมื่อเจอสายตาคมกริบมองมา จันทร์เจ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่พอใจเธอจ้องเขากลับอย่างเอาเรื่องราวกับงูพิษที่พร้อมจะฉกเขาตลอดเวลา ในสายตาของชลธีแล้วเธอช่าง น่าเอ็นดู...
“คิดดูดี ๆ นะ เพราะผมไม่ได้เดือดร้อน แต่ถ้าคุณไม่ตกลงก็แค่ทำตามกฎระเบียบมาตรการต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทางที่ดีคุณจะแจ้งความก็ได้นะ แต่ถ้าให้ดีผมแนะนำให้คุณทำตามข้อตกลงของผมดีกว่า เร็วกว่าเยอะ”
“ฉันขอเวลาคิดก่อน ขอตัว” พูดจบจันทร์เจ้าก็คว้ามือฟองคลื่นมากุมไว้แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ชลธีมองตามแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตาก่อนจะหลุดยิ้มออกมา สายตาแสดงออกถึงความพอใจและถูกใจอย่างสุดซึ้ง
“เอ่อ... คุณชลธีครับ”
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวผมจะไปดูกล้องวงจรปิดสักหน่อย อ้อเรียกพนักงานที่ทำงานเมื่อคืนมาพบผมด้วย” ชลธีพูดกับผู้จัดการร้านแล้วจึงเดินออกไป มุ่งหน้าไปยังห้องรักษาความปลอดภัยทันที
“เหอะ! ไอ้บ้านั่นคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไง ถึงได้คิดข้อตกลงบ้า ๆ แบบนั้นออกมา” เดินออกมาจากพื้นที่บาร์ไม่ไกลเท่าไหร่ จันทร์เจ้าก็โวยวายออกมาด้วยความหงุดหงิด ส่วนฟองคลื่นก็มองมายังรุ่นพี่สาวด้วยความเห็นใจ
ฟองคลื่นไม่รู้ว่าจันทร์เจ้ากับชลธีไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน และเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้นบ้าง ทว่าการที่ชลธีหุ้นส่วนของพ่อเธอมีปฏิกิริยาต่อรุ่นพี่สาวแบบนั้น มันก็น่าสงสัยอยู่
ที่สำคัญเดิมทีชลธีมีนิสัยรักอิสระไม่ชอบความวุ่นวาย หากเรื่องนั้นไม่หนักหนาสาหัสจริง ๆ เขาแทบจะไม่ยื่นมือเข้ายุ่ง ยิ่งถ้าหากว่าเรื่องไหนเป็นตัวของฟองคลื่นออกหน้าเองแล้วละก็ ชายหนุ่มแทบจะหลีกทางให้ทันที ทั้งยังอำนวยความสะดวกให้อีกด้วย
ทว่าครั้งนี้กลับต่างไป คนที่ไม่ชอบความวุ่นวายอย่างเขา ยื่นข้อเสนอและข้อตกลงมาให้จันทร์เจ้าแบบนี้มันชักจะยังไง ๆ อยู่นา... คิดอีกกี่รอบฟองคลื่นก็ไม่เข้าใจ หรือว่า!
“อะไร มองหน้าพี่แบบนี้หมายความว่าไง” จันทร์เจ้าที่รับรู้ถึงสายตาที่มองมาจึงได้หันไปมองก็พบว่าฟองคลื่นมองมาที่เธออยู่ ทั้งสายตายังเต็มไปด้วยความสงสัยและแปลกใจ
“เปล่าค่ะ ฟองแค่สงสัยว่าพี่จันทร์ไปทำอะไรให้คุณชลไม่พอใจหรือเปล่า ปกติคุณชลจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเวลาฟองออกหน้าทำอะไรนี่นา”
“เหอะ ฟอง... คนนิสัยแบบนั้นอะนะ ต่อให้พี่ไม่ได้ทำอะไรให้ เขาก็อยากแกล้งพี่อยู่ดีนั่นแหละ ตามประสาคนไม่ชอบหน้ากัน” ได้ยินคำตอบของรุ่นพี่สาวฟองคลื่นก็ยิ่งแปลกใจ จันทร์เจ้าไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกันแต่เลือกตอบว่าไม่ชอบหน้ากันแทน นี่หมายความว่าระหว่างคนสองคนต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
หากพิจารณาจากสายตาและปฏิกิริยาของชลธีที่มีต่อจันทร์เจ้าแล้ว มันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเขาไม่ได้ชอบรุ่นพี่ของเธอ แต่มันเป็นสายตาที่มากกว่านั้น เป็นสายตาที่บ่งบอกถึงความสนุกและ ถูกใจ...
“เอาเป็นว่ายังไงก็ตาม พี่จันทร์ต้องระวังคุณชลไว้หน่อยนะคะ ทางที่ดีอย่าพยายามทำอะไรที่ขัดหูขัดตาเขาเลยค่ะ ฟองแนะนำว่าหากต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน ก็ต้องเป็นคุณชลนี่แหละ เห็นแบบนั้นอำนาจในมือเขาเยอะนะคะ ทั้งยังเป็นคนกว้างขวาง ขนาดตำรวจในท้องที่ยังเกรงใจเขาเลย”
จันทร์เจ้าไม่ตอบเธอเพียงชักสีหน้าไม่พอใจเท่านั้นหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของรุ่นน้องสาว
“ฟองต้องกลับแล้วค่ะ คงไม่ได้อยู่ช่วยพี่จันทร์แล้ว แต่ถ้าหากมีอะไรสามารถโทรหาฟองได้ทุกเมื่อเลยนะคะ ฟองขอตัวก่อนนะคะ บ้ายบายค่ะ”
“อืม ขอบคุณนะฟอง”
จันทร์เจ้ามองแผ่นหลังของรุ่นน้องสาวที่เดินห่างออกไปไกลด้วยสายตาอ่านยาก ในขณะเดียวกันตัวเธอกลับไม่ขยับไปไหน ยังคงยืนนิ่งอยู่บริเวณนั้นเท่านั้น
“เฮ้อ!.. แกอยู่ที่ไหนวะไอ้ดาว” จันทร์เจ้าพูดกับตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งยังจุดชมวิวริมชายหาด เพื่อที่จะได้ขบคิดกับตัวเองอีกครั้งว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
สายลมพัดหวิวเส้นผมปลิวไสว สุดสายตาของหญิงสาวมองออกไปไกล เห็นเพียงแสงแดดที่กระทบกับน้ำทะเลระยิบตา สายน้ำกระเซ็นแซ่ คลื่นทะเลกระทบฝั่ง หนึ่งหญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้น กลายเป็นภาพงดงามตา
ภาพที่จันทร์เจ้านั่งเหม่อมองท้องทะเลอันกว้างใหญ่ พร้อมกับจิบน้ำมะพร้าว กลายเป็นภาพที่ใครหลายคนต้องหยุดชมเมื่อเดินผ่าน เจ้าของใบหน้าสวยแต่สายตากลับจมอยู่ในภวังค์ความคิดจนคนภายนอกที่เห็นนั้นต่างอยากเข้ามาแบ่งเบาและรับฟังความกลัดกลุ้มที่อยู่ในดวงตาของเธอทั้งสิ้น ติดก็แต่เจ้าตัวไม่รับแขก ไม่ว่าจะมีกี่คนที่เข้ามาทัก หากไม่เจอใบหน้าเย็นชาสายตารำคาญก็ล้วนได้รับถ้อยคำปฏิเสธแสนเจ็บแสบกลับไปแทน เหตุการณ์นี้คล้าย ๆ ตอนที่เธอนั่งอยู่ในบีชบาร์เลยทีเดียว หากจะต่างก็ต่างแค่สถานที่และเวลาเท่านั้น
“เฮ้อ!”
เสียงทอดถอนใจดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตอนนี้จันทร์เจ้าคิดถึงความเป็นไปของปลาดาวหัวแทบระเบิด แต่ไม่ว่าจะคิดแบบไหนความคิดของเธอก็ใช้ไม่ได้เลย สุดท้ายเธอก็คิดถึงคำพูดของฟองคลื่นที่ได้ย้ำบอกกับเธอไว้ก่อนจาก
‘เอาเป็นว่ายังไงก็ตาม พี่จันทร์ต้องระวังคุณชลไว้หน่อยนะคะ ทางที่ดีอย่าพยายามทำอะไรที่ขัดหูขัดตาเขาเลยค่ะ ฟองแนะนำว่าหากต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน ก็ต้องเป็นคุณชลนี่แหละ เห็นแบบนั้นอำนาจในมือเขาเยอะนะคะ ขนาดตำรวจในท้องที่ยังเกรงใจเขาเลย’
“คนมีอำนาจ ตำรวจยังต้องเกรงใจ...” จันทร์เจ้าทวนคำพูดประโยคนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะหวนนึกไปถึงถึงข้อตกลงที่ชลธีเสนอกับเธอไว้อีกครั้ง
‘ข้อตกลงที่ว่า คุณต้องยอมทำตามคำสั่งผมทุกอย่าง หากจะให้เข้าใจง่ายคงต้องพูดว่าเบ๊! ถ้าคุณตกลงผมจะให้คุณดูกล้องวงจรปิดทันที ทั้งยังจะช่วยสืบให้ด้วย แต่ถ้าไม่ตกลงคุณก็ยื่นเรื่องหรือไม่ก็แจ้งความได้เลย แต่บอกเลยนะว่าวิธีพวกนั้นคงใช้ระยะเวลานานหน่อย’
หวนคิดถึงข้อตกลงที่ถูกผู้ชายอย่างชลธีเสนอมาแล้ว ใบหน้าของจันทร์เจ้าก็หงิกงอด้วยความไม่ชอบใจ ทั้งยังรู้สึกขัดใจ อย่าลืมนะว่าตัวเธอเองก็เป็นคนรักอิสระไม่ชอบทำตามคำสั่งใคร แล้วนี่ให้เธอไปเป็นเบ๊? คิดหรือว่าเธอจะยอม บ้าไปแล้ว!
จันทร์เจ้าอึ้งของจริงแล้วตอนนี้ ก็ว่าอยู่ทำไมเขามีท่าทางจริงจังผิดปกติ และเหมือนว่าจะทำเรื่องสำคัญ แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคือการขอเธอแต่งงานแบบนี้ หญิงสาวพูดไม่ออกตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนคนที่เพิ่งพูดว่าขอแต่งงานใจเสีย“จันทร์ครับ พี่รักจันทร์นะ รักจันทร์คนเดียว เรายังไม่ต้องแต่งกันตอนนี้ก็ได้ แต่จันทร์อย่าปฏิเสธพี่เลยนะครับ” พูดแล้วก็จะร้อง ใบหน้าของชลธีเหยเก ชายหนุ่มรับไม่ได้ถ้าเขาจะถูกคนที่รักปฏิเสธ มาถึงตอนนี้จันทร์เจ้าเรียกสติคืนกลับมาได้แล้ว“พี่ชลใจเย็น ๆ นะคะ จันทร์ไม่ได้จะปฏิเสธสักหน่อย”“จริงนะครับ”“จริงสิคะ”ชลธีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“แต่จันทร์ขอเวลาหน่อยนะคะ จันทร์ไม่อยากให้เราด่วนตัดสินใจ ทุกวันนี้ที่เราอยู่และเข้าใจกันมันก็ดีอยู่แล้ว ให้ความสัมพันธ์ของเราเป้นแบบนี้ไปก่อนนะคะ”“เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ถึงแม้ตอนนี้เราสองคนจะยังไม่แต่งงานกันแต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ พี่ชลอย่ารีบไปเลยนะคะ และก็อย่ากังวลด้วย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนก
วันนี้จันทร์เจ้าและชลธีมาร่วมแสดงความยินดีกับฟองคลื่น รุ่นน้องสาวคนนี้กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับภาสกรเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาบรรยากาศงานแต่งงานยามเย็นที่จัดริมทะเลเป็นอะไรที่ลงตัวมาก จันทร์เจ้าชื่นชอบซุ้มดอกไม้ทางเข้างานที่สุด เพราะว่านอกจากจะหอมแล้วยังสวยด้วยแต่ที่สวยที่สุดเห็นที่จะเป็นเจ้าของอย่างเจ้าสาวป้ายแดงที่ชื่อว่า ฟองคลื่นคนนี้นี่แหละจันทร์เจ้ารู้สึกยินดีกับรุ่นน้องสาวมาก เห็นคนที่ตัวเองรักและเอ็นดูมีความสุขกับคู่ชีวิตและสิ่งที่เจ้าตัวเลือก ตัวเธอเองก็ดีใจและมีความสุขไปด้วยส่วนเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เอ่ยทักทายกันตามปกติก่อนจะแยกไปอยู่ที่คู่ใครคู่มันจันทร์เจ้าไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจนจบงาน ไม่ได้อยู่สนุกในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี เพราะเพียงแค่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้มาแล้วปลาดาวรับได้ เธอก็ถูกชลธีพาตัวกลับมาที่เกาะทันทีชายหนุ่มพูดกับเธอว่า วันนี้เธอสวยแปลกตาจึงไม่อยากให้ผู้ชายที่มาร่วมงานมองเธอเยอะเกินไป เขาหึงหวงเกินกว่าจะเห็นเธอยิ้มให้คนอื่นได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่เธอรู้จักก็ตามตอนแรกก็ตั้งใจจะต่อว่าเขาอยู่หรอกที่เขาพาเธอกลับออกจากงานก่อนงานเลิก ครั้นพอได้ยินคำพูดของ
“มานั่งสิครับ จันทร์บ่นว่าอยากกินซูชิไม่ใช่เหรอ นี่พี่สั่งให้คนงานซื้อมาให้เลยนะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”‘นั่นไง ว่าแล้วเชียว นี่คงจะสั่งตั้งแต่เช้าก่อนที่คนงานจะเอารังนกที่เพิ่งเก็บใหม่ออกไปส่งสินะ บวกลบเวลากลับมาถึงเกาะก็น่าจะเวลาประมาณนี้พอดี ซื้อหวยทำไมไม่ถูกนะ’ เธอพูดคนเดียวในใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เงียบ ๆชลธีจัดการส่งจานซูชิและสลัดต่าง ๆ ให้เธอ ส่วนเขานั่งทานข้าวสวยกับต้มยำแทน ระหว่างทานชลธีก็บริการจันทร์เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ไวน์ไหมครับ”“จะมอม?”“เปล่าครับเปล่า ไวน์นี้มีกลิ่นหอม จันทร์น่าจะดื่มได้พี่เลยลองชวนน่ะครับ ถ้าจันทร์ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อนความเสียดายเอาไว้เขาอุตส่าห์วางแผนนี้ไว้ในใจ ตั้งใจให้เธอดื่มไวน์ เธอจะได้เมา หลังจากนั้นจะได้คุยกันง่ายขึ้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ยอมดื่ม“คิดนานไหมแผนนี้”“แผน?”“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส มันไม่เนียน แล้วก็เอาไปไกล ๆ คนไม่ถูกโฉลกกับไวน์ยังจะเอาเข้ามาใกล้อีก” ได้ยินหญิงสาวพูดด้วยความไม่พอใจ ชลธีก็รีบหยิบแก้วไวน์ออกห่างจากหญิงสาวทันที“จันทร์ครับ ดีกันเถอะนะ อย่างอนเลยนะครับ พี่ไม่รู้จะง้อจันทร์ยังไงแล้ว” ชายหน
วันเวลาขับเคลื่อน หมุนเวียนผ่านไป ตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่จันทร์เจ้าและชลธีกลับมาจากกรุงเทพฯ ตลอดเวลาที่จันทร์เจ้าอยู่กับชลธีที่เกาะรังนกแห่งนี้ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น ได้ปรับตัวเข้าหากัน ความรู้สึกที่มีให้กันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันทว่าสุขมักคู่กับทุกข์ คนเราจะมีสุขเพียงอย่างเดียวหรือทุกข์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มันต้องคละเคล้ากันไปเพื่อเป็นสีสันของชีวิต จันทร์เจ้าและชลธีก็เช่นกัน พวกเขาทะเลาะกันบ้างในบางครั้ง งอนบ้างในบางคราตามปกติของคู่รักทั่วไปทว่าวันนี้ดูจะต่างออกไป เพราะเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะงอนชลธีหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนเรื่องอะไรนั้นเป็นเพราะว่า ชลธีแอบดูหนังโป๊! แถมยังเป็นหนังโป๊ญี่ปุ่นซะด้วย เรื่องนี้ทำเอาจันทร์เจ้าที่น้อยนักจะงอนชายหนุ่มสักครั้งถึงกับงอนไปเลยสองวันเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่เธอไม่ยอมคุยกับเขาแต่จะพูดว่าเธองอนเขาก็ไม่ถูกนัก จันทร์เจ้าไม่ได้งอนเสียทีเดียว เธอแค่ไม่พอใจและหึงหวงเขามากกว่า หึงที่เขาดูผู้หญิงคนอื่น หึงที่เขาไปนั่งดูหนังรักผู้ใหญ่ที่ผู้หญิงสวย ๆ ลีลาเร่าร้อนนำแสดงเธอหึง หึงมากด้วย!“จันทร์ครับ ไม่คุยก
“สวยจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งสุดสายตาของหญิงสาวกำลังมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำ ตั้งแต่อยู่ที่เกาะรังนกนี้ หญิงสาวจะชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกมาก ทว่าถึงจะชอบเธอก็ไม่ได้มีโอกาสดูบ่อยนักนั่นก็เพราะว่าหญิงสาวมักจะถูกชายหนุ่มรบกวนทุกที บางครั้งก็ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนมดค่ำ บางครั้งก็รบกวนเธอยามเช้า ทำให้หญิงสาวพลาดภาพสวย ๆ นี้ทุกนี้ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินเธอจะชมว่าสวยอยู่เสมอ“ใช่สวย สวยมาก” คนพูดไม่ได้มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นแต่อย่างใด สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางเนียนนุ่มนั่นต่างหากวันนี้เป็นวันสบาย ๆ ของเขาและเธอ งานในเกาะก็มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว พวกเขามาที่เกาะรังนกแห่งนี้ก็เหมือนกับปลีกวิเวกมาพักผ่อนเสียมากกว่า อ้อ ถึงจะปลีกวิเวกแต่ก็ยังสามารถติดต่อได้เช่นเคยจันทร์เจ้าหันหน้ากลับมามองชลธีก่อนจะเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มให้บาง ๆ ในใจของเธอกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก นอกจากแม่ที่จากไปและเพื่อน ๆ ในกลุ่มยังจะมีใครดีกับเธอเท่าเขาอีก“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดออกมาโด
3 วันต่อมา“สรุปพี่ชลจะบอกจันทร์ได้หรือยังคะ ว่าเราจะไปไหนกัน” จันทร์เจ้าหันไปถามชลธีที่กำลังขับรถ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะพาเธอไม่ไหนตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาชลธีก็ให้เธออาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขับรถออกมาโดยที่ไม่บอกอะไรเธอเลย พอถามก็ไม่ตอบ“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้ครับ” ชลธีตอบก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาจันทร์เจ้าก็เห็นรั้วบ้านหลังใหญ่รั้วหนึ่ง ชลธีขับรถไปยังรั้วหน้าบ้านนั้นช้า ๆ รอไม่นานก็มีคนเปิดประตูรถให้แล้วเขาก็ขับเข้าไปภายในพร้อมทั้งขับไปจอดยังโรงจอดรถอย่างคุ้นเคย“สรุปที่นี่คือ?”“บ้านพี่เองครับ”“หา!!!”“ไม่หาครับ ไปครับลงพ่อแม่พี่รอแล้ว”“เดี๋ยวสิพี่ชล หมายความว่ายังไงที่บอกพ่อแม่พี่รอ นี่อย่าบอกนะว่า”“ใช่แล้วครับ พี่พาจันทร์เจ้ามาเปิดตัวกับที่บ้าน ไปครับ ลงรถ” ไม่พูดเปล่าชลธีเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจันทร์เจ้าที่ยังไม่หายตกจเธอยังนั่งนิ่งอยู่ เดือดร้อนชายหนุ่มต้องเปิดประตูปลดเข็มขัดนิรภัยและประคองเธอลงจากรถ“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” จันทร์เจ้าพูดพร้อมยึดประตูรถไว้แน่น“ไม่ได้ครับ อย่าให้พ่อแม่พี่รอนาน ไปเร็ว”“แต่ว่า”“ไม่มีแต่แล้วครับ จันทร์อย่าลืมสิว่าเราไม่ได