ด้านเมทีที่มาหาฟรานติโน่เมื่อเย็นวานแล้วได้ยินเสียงฟรานติโน่กำลังเริงสวาทกับสองสาวอยู่ เขาจึงกลับไปเพราะไม่อยากกวนเจ้านาย จนเช้าวันนี้เขาก็เข้าไปหาฟรานติโน่ในห้องทำงาน เพื่อรายงานเรื่องของพิชชาภาให้ฟรานติโน่ได้รับรู้
“เรื่องเด็กคนนั่นเมื่อไหร่จะได้ห้ะ ฉันให้นายไปถามมาตั้งแต่เมื่อวาน ทำไมนายไม่ไปห้ะเมที” พอฟรานติโน่เห็นเมทีเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา เขาก็เอ่ยต่อว่าไปทันที เพราะดูเหมือนว่าเมทียังคงไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้เขา
“ผมไปมาแล้วครับคุณฟราน เมื่อวานผมก็จะเข้าไปรายงานคุณฟรานที่คอนโดแล้ว แต่เห็นคุณฟรานกำลังเพลิดเพลินกับการปลดปล่อยตัวเองอยู่ ผมก็เลยคิดว่ามาบอกวันนี้น่าจะดีกว่า” เมทีเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงยียวนใส่ฟรานติโน่ จนฟรานติโน่ใช้สายตามองเมทีอย่างดุๆ
“แล้วได้เรื่องอะไรบ้าง เด็กนั่นพร้อมขึ้นเตียงกับฉันเมื่อไหร่” ฟรานติโน่ถามออกไปอย่างอยากรู้ เพราะเขาแทบจะนับวันรอเวลาจับเด็กนั่นขึ้นเตียงอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“อ่อ คือผมว่าคุณฟรานคงไม่ได้ขึ้นเตียงกับเด็กคนนั้นแล้วล่ะครับ เพราะเธอปฎิเสธข้อเสนอของผมไปแล้ว” เมทีพูดบอกไปยังไม่ทันจบ ฟรานติโน่รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีอย่างขัดใจ เมื่อรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นปฎิเสธเขา
“นายบอกรึเปล่าว่าฉันเป็นคนจะซื้อตัวเธอ ไม่ใช่นาย” ฟรานติโน่ถามย้ำออกไปอย่างสงสัย เพราะมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะปฎิเสธเขา ผู้หญิงคนไหนก็อยากนอนกับเขาทั้งนั้น เด็กนั่นต้องคิดว่าเมทีไปขอซื้อตัวเธอแน่ๆ เธอถึงไม่ยอมหรือไม่ก็เล่นตัวเพื่อเรียกค่าตัวเพิ่ม
“บอกไปแล้วครับ แต่เธอบอกว่าถ้าคุณฟรานอยากจะซื้อตัวเธอก็ให้ไปซื้อเอง ไม่ใช่ส่งผมไป เธอบอกว่าคุณฟรานทำแบบนี้แล้วมันไม่แมน อ่อ อีกอย่างเธอก็มีแฟนแล้วด้วยนะครับ ผมว่าเธอคงไม่อยากนอกใจแฟนของเธอ คุณฟรานก็ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะครับ” เมทีเอ่ยพูดไปอย่างละเอียดจนฟรานติโน่ที่ได้ฟังถึงกับกำหมัดแน่อย่างโกรธ ก่อนจะขบกรามขึ้นเป็นสันนูนเมื่อเจอเด็กสาวนั่นดูถูกเขาว่าไม่แมน เดี๋ยวเขาจะทำให้เธอได้รู้ว่าเขาแมนขนาดไหน
“ไม่ ฉันอยากได้อะไรฉันก็ต้องได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กนั่น ในเมื่อเด็กนั่นปากเก่งดีนัก ฉันก็จะจัดการให้หลาบจำว่าอย่าริอาจมาท้าทายคนแบบฉัน” ฟรานติโน่พูดเสียงเข้มอย่างแค้นใจ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธเขาแล้วใช้คำพูดดูถูกเขาแบบนี้มาก่อน เขาจะต้องจัดการปลาบพยศเด็กนั่นให้ได้
“เมที นายไปสืบประวัติเด็กคนนี้มาให้ฉันที เอาวันนี้นะ ไม่ใช่ชาติหน้า” ฟรานติโน่เอ่ยบอกไปอย่างโมโห เพราะเขาเองก็อยากจะรู้นักว่าเด็กนี่วิเศษมาจากไหน ถึงกล้าปฏิเสธเขา
“ไม่ต้องรอชาติหน้าครับ ผมสืบมาให้แล้วครับ นี่ครับประวัตของคุณพิชชาภา นามไทสงค์” เมทีบอกไปก็ยิ้มอย่างมีชัย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างฟรานติโน่คงไม่ยอมเป็นแน่ เขาก็เลยสืบประวัตของพิชชาภามาตั้งแต่เมื่อคืน โดยการถามพระพายภรรยาเพื่อนสนิทของฟรานติโน่นั่นเอง เพราะเธอมีประวัติของเด็กที่จะฝึกงานทุกๆคนอยู่แล้ว แต่กว่าจะได้มาต้องโกหกพระพายไปว่าอยากจะเลือกเด็กมาฝึกงานที่บริษัท พระพายจึงยอมส่งประวัติของเด็กๆมาให้เขาดูจนเขาเจอประวัติของพิชชาภา
“ดีมาก นายนี่รู้ใจฉันจริงๆเมที” ฟรานติโน่รับแฟ้มเอกสารมา ก่อนจะอ่านประวัติของพิชชาภาอย่างตั้งใจ เพราะถ้าเขารุ้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเขาก็จะยิ่งได้เปรียบ
ด้านพิชชาภาพอช่วยงานอารันเสร็จก็ออกมาทานข้าวกับอารันที่ร้านอาหารในห้างชื่อดัง เพราะเดี๋ยวเธอจะต้องไปเรียนแล้วอารันจึงพาเธอมาเลี้ยงข้าวตามปกติที่เธอสองคนเจอกัน
“แล้วเรื่องร้านน้าโจกับน้าพิม เรียบร้อยรึยัง มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะไม่ต้องเกรงใจ” อารันเอ่ยบอกเด็กสาวที่เขารักเมือนน้องคนหนึ่ง เพราะเมื่อก่อนบ้านของเขาและพิชชาภาอยู่ติดกันเขาจึงสนิทกับพิชชาภามาก แต่พอเขาย้ายบ้านไปก็ไม่ค่อยได้เจอกับพิชชาภาเหมือนเมื่อก่อน พอเจอพิชชาภาตอนเธอเรียนอยู่ปีสอง เขาก็เลยชวนมาทำงานที่ร้านของหงส์ฟ้าด้วย เพราะเห็นว่าพิชชาภาเรียนมาด้านนี้พอดี
“ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่อาร์ทไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ น้าโจกับน้าพิมจัดการได้ค่ะ” พิชชาภาบอกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอไม่อยากจะรบกวนใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว อีกอย่างถึงอารันจะเป็นช่างภาพชื่อดัง เขาก็คงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น
“เห้ยไอ้อาร์ท แกจริงๆด้วยว่ะ ฉันก็มองตั้งนานว่าใช่แกรึเปล่า ไม่เจอกันนานมีเมียเด็กเลยนะโว๊ย” แฟรงก์เอ่ยทักเพื่อนหนุ่มที่รู้จักกันที่อเมริกาอย่างดีใจ เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เจออารันที่นี่
“ไม่ใช่โว้ย นี่น้องที่ทำงานฉันเอง ชื่อพิชชาภา ส่วนพิช นี่แฟรงก์เป็นเพื่อนของพี่ตอนไปเรียนถ่ายภาพที่อเมริกา รู้จักกันไว้สิไอ้นี่มันก็เป็นช่างภาพเหมือนกัน” อารันเอ่ยบอกไปแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เรียกว่าพี่แฟรงก์ก็ได้ครับดูเป็นกันเองดี” แฟรงก์เอ่ยพูดก็นั่งกับทั้งสองคนทันที ก่อนจะมองสำรวจสาวสวยที่เพื่อนหนุ่มพามาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
“ค่ะ พี่แฟรงก์ งั้นก็เรียกพิชเฉยๆก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พิชชาพายิ้มออกไปอย่างเป็นมิตรให้กับฝรั่งหนุ่มตรงหน้าที่หล่อบาดตาบาดใจเธอมาก แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือเฟรนรี่เกินไปหน่อย
“คนนี้ห้ามหม้อนะไอ้แฟรงก์ ฉันรักเหมือนน้องสาวฉันเลยนะโว๊ย ห้ามอ่อย ห้ามจีบ เพราะน้องเขามีแฟนแล้ว เข้าใจ” อารันเอ่ยบอกอย่างกันท่า เพราะเขารู้ดีว่าแฟรงก์นั้นขี้อ่อยสาวๆขนาดไหน เพราะเคยมีสาวๆเคยตบกันแย่งมันบ่อยมากสมัยที่พวกเขาเรียนที่อเมริกา
“น่าเสียดายจริงๆ ถ้าโสดเมื่อไหร่บอกพี่นะครับน้องพิช พี่แฟรงก์โสดเสมอ” แฟรงก์พูดออกไปอย่างเป็นกันเอง จนพิชชาภาหัวเราะขำกับสิ่งที่แฟรงก์ทำ เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงครบกับเป็นเพื่อนได้ ที่แท้ก็นิสัยเหมือนกันนี่เอง พิชชาภาคิดในใจอย่างขำๆ
“แล้วนี่แกมาเมืองไทยได้ไงวะ ไหนบอกจะไปเที่ยวรอบโลกก่อนไง ทำไมมาโผล่นี่ได้วะ” อารันเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนจะพูดคุยกับเพื่อนหนุ่มไปพร้อมกับทานข้าวด้วยกัน พิชชาภาก็ดูจะเข้ากับแฟรงก์ได้ดี เพราะพิชชาภาเองก็เฟรนี่อยู่แล้ว
“พี่อาร์ท พี่แฟรงก์คะ พิชต้องขอตัวก่อนนะคะพอดีพิชมีเรียนตอนบ่ายด้วย เดี๋ยวจะไปไม่ทัน” พิชชาภาเอ่ยบอกไปก็มองหน้าท้งสองออกไป
“โอเค ขอบใจมากนะที่มาช่วยพี่ มีอะไรก็โทรมาละกัน” อารันเอ่ยบอกไป เพราะเขากับพิชชาภาก็ขับรถมาคนละคันกันอยู่แล้ว
“แล้วเจอกันใหม่นะครับน้องพิช” แฟรงก์เอ่ยบอกไปด้วยรอยยิ้ม แล้วขยิบตาใส่พิชชาภาอ่างน่ารัก จนพิชชาภารับมุกของเขาแล้วยิ้มให้เขา
“ค่ะพี่แฟรงก์ พิชไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ไปนะพี่อาร์ท” พิชชาภาบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะกินข้าวไปอย่างอารมณ์ดี เพราะสองวันมานี้เธอเจอฝรั่งหล่อตั้งสองคน ไม่รู้ดวงเอจะสมพงษ์กับฝรั่งไปไหนนะ
ด้านแฟรงก์และพลอยลดาก็นั่งแอบอยู่ที่ห้องของแฟรงก์ เพราะว่าห้องนอนของแฟรงก์มันมีระเบียงมองไปที่สระว่ายน้ำแบบชัดเจน และพวกเขาก็เชื่อมสายไฟต่างๆให้มาอยู่ในห้องของแฟรงก์ เพื่อสะดวกต่อการเซอร์ไพร์สครั้งนี้ ส่วนคนที่แฟรงก์ให้มันจัดการ เขาก็ให้กลับตั้งแต่ครึ่งช่วโมงก่อนหน้านี้ไปหมดแล้วด้านฟรานติโน่ก็พาพิชชาภาเดินออกมาแล้วคอยพยุงเธอมาจนถึงสระว่ายน้ำที่ถูกตกแต่งไปด้วยลูกโป่งพร้อมมีแสงสีหลากสีสวยงามอยู่รอบๆ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกกับน้องชายที่อยู่กับพลอยลดาให้ทำตามแผน ด้วยการปิดไฟที่สระว่ายน้ำทั้งหมดเพื่อเขาจะเปิดตาของพิชชาภา“พี่ฟรานจะทำอะไรคะ เมื่อไหร่จะถึงสักที” พิชชาภาที่ถูกปิดตาเอ่ยถามออกไปอย่างตื่นเต้นว่าฟรานติโน่กำลังจะทำอะไรเธอถึงพาเธอปิดตาแล้วเดินมานานขนาดนี้“เดี๋ยวก่อนนะคนดี ยืนตรงนี้แปปนึงนะครับ” ฟรานติโน่พูดเสียงเพราะก็ยิ้มมุมปากก่อนจะมองไปรอบๆที่ไฟทั้งหมดถูกปิดแล้วจนมันมืด เขาก็เอามือเอื้อมไปปลดผ้าปิดตาของพิชชาภาออกมา“ลืมตาได้แล้วคนดี” ฟรานติโน่บอกไป พิชชาภาก็ค่อยลืมตามาก็เห็นฟรานติโน่ยืนยิ้มใส่เธออยู่“มีอะไรกันคะ ทำไมต้องปิดตาพิชด้วย” พิชชาภาเอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนจะเห็นว่ามันมืดมาก
พอเช้าของอีกวันฟรานติโน่และแฟรงก์ก็พาพิชชาภาเดินทางไปส่งพลอยลดาที่บ้านของอลิซ่าผู้ดูแลพลอยลดาที่นี่โดยรถสปอตคันหรู เพื่อเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับการย้ายที่อยู่ของพลอยลดาให้มาอยู่ในความดูแลของฟรานติโน่ แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น กว่าฟรานติโน่และแฟรงก์จะเคลียร์ปัญหากับอดัมและอลิซ่าเสร็จก็นานเป็นชั่วโมง จากนั้นก็ช่วยกันขนของใช้ส่วนตัวของพลอยลดาออกมาบางส่วน แล้วก็กลับมาที่บ้านของฟรานติโน่“ช่วงที่พี่ยังอยู่ที่นี่พลอยก็พักห้องนั้นไปก่อนนะ เดี๋ยวถ้าพี่กับพิชกลับไทยไป พลอยก็ค่อยย้ายมาอยู่ห้องนี้ก็แล้วกันนะ ส่วนเรื่องที่พักเดี๋ยวพี่จะให้ไอ้แฟรงก์มันจัดการให้ ไม่ต้องห่วงนะ พิชพาน้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ” ฟรานติโน่บอกทั้งสองสาวไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เพราะวันนี้เด็กสาวเจอแต่เรื่องไม่ดี เขาจึงพยายามพูดดีกับเธอให้เหมือนพี่ชายคนหนึ่งควรจะทำ“ไปกันเถอะยัยพลอย มาพี่ช่วยถือ” พิชชาภาเอ่ยพูดไปเสียงอ่อน ก็ช่วยน้องสาวที่ใบหน้าเศร้าเดินเข้าไปที่ห้องของน้องสาว พอแฟรงก์เห็นสองสาวเดินเข้าไปให้ห้องแล้ว เขาก็เอ่ยถามพี่ชายทันที“อ่าวเฮีย ทำไมเฮียไม่ไปจัดการเองอ่ะ ผมก็มีงานต้องทำนะครับ ไม่ได้มีเวลาไปทำอะไรให้ใคร โ
หลังจากนั้นทั้งสองก็หลับพักผ่อนจนเกือบเย็น ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะหกโมงเย็นกว่าทั้งสองจะออกมาหาแฟรงก์และพลอยลดาที่ในบ้านหลังนี้ด้วย“อ่าวยัยพลอยทำไมมานั่งคนเดียว แล้วพี่แฟรงก์ล่ะ” พิชชาภาเดินออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ห้องโถงกลางบ้านก็เจอน้องสาวกำลังนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ จึงเอ่ยถามออกไป“ไม่รู้สิคะ ป่านนี้คงนอนอืดตายแล้วมั้งคะ” พลอยลดาเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะยิ่งเธอนึกถึงตอนที่เขามาแอบมองเธอเล่นน้ำ แล้วเขาก็เล่นกับเจ้านั่นของเขา ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายเธอก็อดโมโหไม่ได้“ยัยพลอย พี่แฟรงก์เขาแก่กว่าเราตั้งกี่ปี เคารพเขาบ้างสิเราน่ะ อีกอย่างต่อไปเราต้องอยู่กับพี่แฟรงก์ที่นี่ เพราะฉะนั้นเราต้องทำตัวดีๆกับพี่เขา เข้าใจไหม” พิชชาภาเอ่ยดุน้องสาวไปอย่างเตือนๆ เพราะยังไงแฟรงก์ก็อายุมากกว่าน้องสาวของเธอ“เคารพคนแบบนั้นไปทำไมล่ะคะ พี่พิชรู้ไหมว่าอีตานั่นมัน” พลอยลดาที่โมโหอยุ่พูดออกไปอย่างลืมตัว ก่อนจะหยุดพูดไปเพราะกลัวว่าพี่สาวจะเป็นห่วงมากกว่าเดิม“ทำไม พี่แฟรงก์ทำอะไรเรา บอกพี่มานะ” พิชชาภาเริ่มทำหน้าเครียดแบบจริงจัง พร้อมกับจ้องมองน้องสาวอย่างจับผิด“เปล่าค่ะ เขาก็แค่ชอบพูดกวนพลอย
ด้านฟรานติโน่ที่เขามารอพิชชาภาในห้องก็กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเขาคิดแผนอะไรดีๆออกแล้ว ว่าเขาควรจะเอาเวลาที่อยู่ที่นี่ทำอะไรดี แต่ก่อนที่เขาจะโทรหาเมที เขาจึงแอบส่งข้อความให้น้องชายช่วยดูแลน้องสาวของพิชชาภาระหว่างที่พวกเขาจะพักผ่อน จากนั้นเขาก็เดินไปล็อคประตูห้องแล้วเลือกที่จะโทรหาเมทีทันที“ว่าไงครับคุณแฟรงก์ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” เมทีรับสายแล้วกรอกเสียงพูดไปอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะคิดในใจว่าเจ้านายของเขาคงจะมีงานด่วนให้เขาทำแน่ๆถึงโทรมาเร็วขนาดนี้ ทั้งที่พึ่งจะกำลังถึงอเมริกา“มีแน่ๆ ฉันจะเซอร์ไพร์สขอเมียฉันแต่งงานที่นี่” ฟรานติโน่เอ่ยบอกออกไปก็คิดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายออกมาอย่างอดไม่ได้ว่าพิชชาภาจะมีความสุขขนาดไหนถ้าเขาทำอะไรมุ้งมิ้งแบบนี้ให้เธอ“อะไรนะครับ นี่คุณฟรานจะขอคุณพิชแต่งงานที่นั่นเหรอครับ แต่คุณฟรานกับคุณพิชแต่งงานกันแล้วนิครับจะขอแต่งงานกันไปทำไมล่ะครับ ยังไงก็จดทะเบียนกันแล้วนิครับ” เมทีเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะทั้งสองก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว ทำไมต้องมาทำเซอร์ไพร์สอะไรอีก“ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงไม่มีเมียจนถึงอายุปูนนี้ ไม่มีความโรแมนติกเลยนะแกเนี่ย ถึงฉันกับพิชจะจดท
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็นั่งรถเดินทางไปยังบ้านของฟรานติโน่ที่อยู่ในเมืองฮอลลีวูดซึ่งมันเป็นเมืองที่อยู่ในลอสแองเจลิสอีกที แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน นั่งรถมาครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านที่อยู่ริมทะเล“นี่บ้านเหรอคะเนี่ย ใหญ่เวอร์วังไปอีก” พลอยลดาลงจากรถคันหรูก็มองบ้านของพี่เขยอย่างอึ้งๆ เพราะมันเรียกว่าบ้านไม่ได้ มันต้องเรียกว่าคฤหาสน์แล้ว ยิ่งอยู่ติดทะเลแบบนี้พี่เขยเธอคงจะรวยน่าดู เพราะคนที่นี่ถ้าไม่รวยจริงอยู่ติดทะเลแบบนี้ไม่ได้แน่“นี่บ้านของพี่ฟรานจริงๆเหรอคะ” พิชชาถาเองก็อึ้งไม่ต่างจากน้องสาว เพราะบ้านของเขาที่ไทยก็ใหญ่มากแล้ว แต่พอเจอที่นี่ไปบ้านที่ไทยดูธรรมดาไปเลย“ พี่กับไอ้แฟรงก์พึ่งซื้อได้ไม่นานเท่าไหร่ มันสวยดีพี่ก็เลยซื้อเก็บไว้เผื่อมาทำงานที่นี่จะได้มีบ้านนอนสบายๆ ” ฟรานติโน่เอ่ยบอกไปก็จูงมือของพิชชาภาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ริมทะเล เขาเลือกซื้อที่นี่ไว้เพราะทำงานที่อเมริกาแต่ละครั้งก็หลายเดือน ซื้อบ้านไว้น่าจะสะดวกกว่า“จะไม่เข้าบ้านเหรอ มัวแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ ไม่ร้อนไง” แฟรงก์พูดไปก็มองหน้าของเด็กสาวอย่างกวนๆ ก่อนจะเดินตามฟรานติโน่และพิชชาภาเข้าไปในบ้าน“หืม ไอ้บ้
ด้านพิชชาภาก็เดินทางมาถึงอเมริกาก็เกือบสิบโมงเช้า พอได้เห็นเมืองที่น้องสาวอยู่ก็รู้สึกดีใจที่น้องสาวได้มาเรียนที่นี่ นั่นก็คือเมืองลอสแองเจลิสที่อยู่ในรัฐแคลิฟอเนียซึ่งอยู่ในแทบทะเลถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่มากๆเมืองหนึ่งในอเมริกา“ไงเราตื่นเต้นละสิ ตาลุกวาวเลยนะ” แฟรงก์เอ่ยพูดกับพิชาภาอย่างแซวๆ เมื่อเธอยิ้มหน้าบานแถมยังทำท่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ซึ่งต่างจากเขาและพี่ชายที่มาที่นี่บ่อยแล้วเพราะมีธุรกิจอยุ่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่“เมืองนี้สวยมากเลยอ่ะพี่แฟรงก์ ตอนเครื่องลงพิชมองดูวิวแล้วนะ เริสมาก เดี๋ยวต้องไปอ้อนพี่ฟรานให้พาเที่ยวหน่อยแล้วล่ะค่ะ” พิชชาภาพูดบอกไปก็ยิ้มหน้าบานก่อนจะหันไปหาฟรานติโน่ที่ยืนส่ายหัวใส่เธออยู่ข้างๆแฟรงก์“นี่มาหาน้องสาวไม่ใช่เหรอเรา ยังไม่ทันไรก็จะให้พี่พาเที่ยวเหรอ เคลียร์เรื่องน้องสาวเราให้จบก่อนเถอะ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดบอกไปพร้อมกับเก็กท่าหล่อใส่พิชชาภาจนพิชชาภามองเขาอย่างเบะปากแบบหมั่นไส้“เคลียร์แน่ค่ะ นี่ก็บอกว่าถ้าส่งงานอาจารย์แล้วจะมารอรับที่สนามบิน ทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้” พิชชาภาพูดบอกไปก็แลสายตามองหาน้องสาว เพราะน้องสาวของเธอบอกจะมารอรับ เพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว