Beranda / โรแมนติก / ท่านชายแวมไพร์ / บทที่ 1 กุหลาบต้องมนต์

Share

บทที่ 1 กุหลาบต้องมนต์

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-24 17:18:45

“ท่านชายต้องเร่งหาคู่ครองได้แล้วนะขอรับ!” อยู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็โผล่พรวดเข้ามาภายในห้องทำงานอันแสนองค์อาจ เขาคือโหรหลวงประจำตระกูลแบรดฟอร์ด ตระกูลซึ่งเก่าแก่และทรงอำนาจมากที่สุดในแวมไพร์ชนชั้นสูง

สิ้นเสียงของชายชรา ร่างสูงที่นั่งจมอยู่กับกองงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็เงยหน้าขึ้นแล้วกอดอกใส่ด้วยท่าทางกวน ๆ

“หมายความว่าอย่างไร ทำไมอยู่ ๆ ท่านจึงมาพูดเรื่องนี้ได้”

“ข้าได้รับคำนายว่าช่วงนี้ท่านชายจะหาคู่ครองที่เหมาะสมได้ขอรับ เพราะฉะนั้นท่านชายต้องรีบเร่งหาได้แล้ว ก่อนจะสายเกินไปเสียก่อน”

“หาเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดนั่นแหละ สาว ๆ พวกนั้นแค่กระดิกนิ้วก็เข้ามาแล้ว” เจย์เดนตอบโต้กลับไป

“หากเพียงเพื่อรักสนุกจะทำเช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่หากนำมาเป็นชายาข้างกาย ข้าน้อยว่ามิสมควร” ถึงแม้กาลเวลาจผ่านมาจนถึงยุคที่มีอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่พวกเขาก็ยังติดพูดสรรพนามเช่นนี้อยู่เสมอ

“แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไร? ยุคนี้สมัยนี้ก็หาได้แต่แบบนี้แหละ” เจย์เดนกอดอก คราวนี้สายตาของเขาเริ่มฉายแววจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่งานตรงหน้ากองจนแทบจะท่วมหัวอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาเสวนาเรื่องผู้หญิงที่คอยแต่จะหวังเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์อยู่เรื่อย

"ท่านชายก็เคยได้พบกับคุณหนูอิซาเบลมิใข่หรือขอรับ ไม่แน่ในครั้งนี้ อาจได้พบคนเช่นนางอีกก็เป็นได้"

ชายชรากำลังกล่าวถึงอดีตคนรักของเขา ซึ่งจากลาโลกนี้ไปก่อนที่เขาจะสมหวังในรักครั้งนั้นเสียด้วยซ้ำ

"หากข้าเจอคนเช่นนางจริง ข้าคงไม่อยากสานสัมพันธ์หรอก รังแต่จะทำให้นางต้องเดือดร้อน" ระหว่างที่เอ่ยขึ้นมา เขาก็อดนึกถึงเรื่องราวในอดีตอย่างเสียอดไม่ได้

.

.

.

เจย์เดน แบรดฟอร์ด ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลแวมไพร์ชนชั้นสูงที่เก่าแก่ที่สุด สายเลือดของพวกเขานั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยถูกเจือปนกับสายเลือดของมนุษย์หรือแวมไพร์ตระกูลอื่นมาตลอดหลายศตวรรษ

หากถามว่า สืบสายเลือดเช่นไรโดยไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลอื่น คำตอบนั่นคือ ตระกูลของพวกเขาจะแต่งกับมนุษย์ผู้ที่ได้รับพิษรักจากตนเองเพียงเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับตระกูลอื่นแม้แต่น้อย

ตัวของชายหนุ่มอย่างเจย์เดนเอง ก็ถือกำเนิดจากพ่อผู้เป็นแวมไพร์โดยกำเนิดเช่นตนและแม่ผู้ซึ่งเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ซึ่งก่อนจะให้กำเนิดเขานั้น เธอได้เปลี่ยนเป็นแวมไพร์โดยพิษรักของพ่อเรียบร้อยแล้ว จึงนับว่าเขาเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริงสำหรับเหล่าแวมไพร์ (ไร้ซึ่งสายเลือดของตระกูลอื่นเจือปนผสม ไร้ซึ่งสายเลือดมนุษย์)

นอกจากนี้ ตระกูลของเขายังเป็นที่เลื่องลือทั้งในหมู่แวมไพร์และมนุษย์ในฐานะผู้ปกครองที่ทรงอำนาจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ การเมือง ตระกูลแบรดฟอร์ดของเขาล้วนมีอิทธิพลในทุกแขนง

และถึงแม้พวกเขาจะมีชีวิตอมตะ แต่การอยู่ในโลกที่แฝงไปด้วยอันตรายไม่ว่าจากมนุษย์ผู้ตามล่าแวมไพร์หรือแม้แต่จากแวมไพร์ตระกูลอื่น จึงทำให้ตระกูลของเจย์เดน จำเป็นต้องรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ ด้วยไม่อยากดึงเชื้อสายจากตระกูลให้เข้ามาร่วมวงศ์เครือญาติด้วย เพราะรังแต่จะทำให้เกิดปัญหายุ่งยาก

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เล็กจนโต เจย์เดนจึงต้องได้รับการฝึกฝนมากมาย ไม่ว่าจะศาสตร์หรือศิลป์ รวมถึงเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ในทุกแขนง รวมไปถึงการใช้มนตร์ดำและศาสตร์แห่งแวมไพร์ต่าง ๆ อีกด้วย

เพราะความเก่งกาจนำมาซึ่งผลดีต่อตระกูล ทำให้เขาเป็นที่เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลได้อย่างดีเยี่ยม

ไม่เพียงแค่เรื่องความเก่งกาจหรอกนะ เพราะการหาคู่ครองที่เหมาะสมก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกคาดหวังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรด้วย

แต่เมื่อนานวันเข้า การจะหามนุษย์ที่เหมาะสมก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน จากที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะครองสายเลือดบริสุทธิ์เพียงในตระกูล กลับกลายเป็นลดหลั่นลงมาเหลือเพียงว่า ‘แต่งกับแวมไพร์ด้วยกันเองก็ไม่เสียหายหรอก’

นอกจากนี้ ท่านพ่อท่านแม่ก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด อีกทั้งยังให้อิสระเขาในการเลือกคู่ครองมากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย อาจเป็นเพราะกลัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาจะครองตนเป็นโสดไปอีกหลายพันปี

ช่วงอายุครบยี่สิบปีใหม่ ๆ เจย์เดนเคยพยายามค้นหาความรักในหมู่แวมไพร์สาวงามหลายคน แต่ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขาล้วนแต่ต้องการผลประโยชน์หรืออำนาจ ไม่มีใครสนใจในตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยสักนิด จนทำให้เจย์เดนเริ่มไม่เชื่อในเรื่องของความรัก

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับอิซาเบล มนุษย์สาวผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวาน แต่เรื่องราวความรักของพวกเขานั้นช่างแสนเศร้าเกินจะบรรยาย เธอต้องมาตายจากด้วยความบาดหมางระหว่างตระกูลใหญ่ของพวกเขา

นับแต่นั้นเป็นต้นมา เจย์เดนก็เก็เริ่มเย็นชาขึ้น จากชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มประดับหน้า กลายเป็นคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย สร้างความน่าเกรงขามให้กับทุกคนที่อยู่ใต้อาณัติ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น กลับทำให้เขาเป็นผู้นำตระกูลได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างหาผู้ใดเปรียบได้

เจย์เดนใช้ชีวิตต่อมาเรื่อย ๆ และถึงแม้จะเต็มไปด้วยอภิสิทธิ์มากมาย เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง ชีวิตอมตะที่ยาวนานหลายร้อยปีทำให้เขาเริ่มเบื่อหน่ายและเริ่มไร้จุดหมายในชีวิต

มนุษย์ได้เกิด แก่ เจ็บ และตาย สิ่งนั้นคือความหมายที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่ายิ่งนัก บอกตามตรงว่าเขาแอบรู้สึกอิจฉาที่ชีวิตของมนุษย์นั้นได้มีคุณค่าผ่านกาลเวลาที่เลยผ่าน

แล้วแวมไพร์เช่นเขาล่ะ...จะหาคุณค่าของตัวเองผ่านสิ่งใดได้บ้าง?

.

.

.

“เครื่องหมายนำทางของท่านชายคือสิ่งนี้ขอรับ” ชายชราว่าพลางยื่นกุหลาบสีดำที่ยังไม่เบ่งบานให้กับเขา “ท่านชายต้องใช้มันเป็นเครื่องนำทางไปหาว่าที่ชายาของท่าน”

“กุหลาบที่ยังไม่เบ่งบานเนี่ยนะ?” เจย์เดนยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมยื่นมือออกไปรับกุหลาบดอกนั้น แถมยังมองมันด้วยสายตาขบขันอีกต่างหาก

“อย่าดูหมิ่นนะขอรับ แม้เป็นเพียงกุหลาบดอกน้อย ๆ แต่เมื่อเบ่งบานก็สามารถงดงามได้ไม่แพ้ช่อดอกไม้ที่ถูกจัดสรรอย่างหรูหราแน่นอน นอกจากนี้ หนามก็ทิ่มแทงได้เจ็บย่างแสบสันต์เลยทีเดียวเชียวนะขอรับ”

“ท่านกำลังจะเปรียบเปรยถึงชายาของข้าในอนาคตอย่างนั้นเหรอ?”

“ขอรับ กุหลาบดอกนี้คือเครื่องหมายแสดงของเธอคนนั้น...” โหรหลวงว่าพลางวางกุหลาบดอกนั้นลงตรงหน้าของท่านชายด้วยท่าทีนอบน้อมระมัดระวัง ก่อนจะยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ

“ขอข้าเข้าใจรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อย ท่านหมายความว่าข้าจะนำกุหลาบดอกนี้ไปให้ใครก็ได้ที่ข้าหมายปอง เช่นนั้นถูกหรือไม่?”

“หากเป็นคนที่ถูกเลือก กุหลาบจะส่งพลังงานบางอย่างให้นางรับรู้ได้เอง มันจะสอดคล้องกับความรู้สึกที่ท่านชายมีต่อนางขอรับ" โหรหลวงกล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินถอยหลังออกจากห้องทำงานของเจย์เดนไป

หลังจากโหรหลวงเดินจากไปแล้ว เจย์เดนก็หันไปสนใจกับงานที่กองอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ที่ก็ไม่วายที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ดอกกุหลาบด้วยความชั่งใจ และแล้วในที่สุด มือหนาก็ต้องสัมผัสเข้ากับกลีบดอกตูมอย่างจำใจ

ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองไปยังกุหลาบสีดำ มือหนาเอื้อมไปต้องสัมผัสลงบนกลีบดอกอย่างเบามือ ประหนึ่งสัมผัสแก้มปรางของใครบางคน

ไม่นานนัก กุหลาบสีดำก็ค่อย ๆ ผลิบานทีละกลีบกุหลาบที่เคยดำมืดสนิทค่อย ๆ เปล่งประกายราวกับรัตติกาล

จะคอยดูแล้วกันว่ากุหลาบดอกน้อยนี่จะทำให้ใจเขาผลิบานได้หรือเปล่า

“เจ้าก็คงไม่เท่าไหร่หรอก...” สายตาคมกริบมองกุหลาบก่อนจะนำมันไปเก็บเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม ต่างจากท่าทีในตอนแรกที่เหมือนจะไม่ใส่ใจนัก

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 8 อยู่บ้านกับท่านพ่อ 2

    ในเช้าวันหนึ่งหลังมื้ออาหาร อยู่ๆ ลินินก็ได้รับสายจากบริษัทว่ามีธุระเร่งด่วนต้องเข้าไปเจรจากับทางโรงงานฝ่ายผลิต ด้วยแบบเสื้อผ้าที่โรงงานจัดทำตัวอย่างรุ่นแรกออกมามันผิดไปจากแบบที่เธอคาดหวังเอาไว้มากคิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะจัดการบอกเลขาว่าเดี๋ยวจะเข้าไปที่โรงงานด้วยตัวเอง“ดูเหมือนต้องไปที่โรงงานเองแล้วล่ะ แบบที่ส่งมามันไม่ตรงกับที่สั่งไว้เลย” เธอบ่นให้สามีฟังขณะที่เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกเจย์เดนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ทำหน้าฉงน “เจ้าสั่งเลขาไปแทนก็ได้หนิลินิน ไม่เห็นต้องไปเองเลย ทำไมต้องเหนื่อยเองด้วย?” น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าคัดค้านสุดตัวลินินจึงหยุดมือจากการเตรียมเอกสารแล้วหันมามองมาทางเขาอย่างไม่เข้าใจนักว่าทำไมสามีเธอจึงมีทีท่าเช่นนั้น“ก็เพราะเป็นแบรนด์ของฉันไง ฉันก็เลยอยากเข้าไปดูเอง”ได้ยินแบบนั้นเจ้าแวมไพร์ก็เริ่มขยับตัวเหมือนอยู่ไม่สุข สีหน้าของเขาเริ่มออกอาการกังวล ส่วนภรรยาตัวน้อยของเขาก็จับจ้องมองตามท่าทีนั้นอย่างไม่วางตา ด้วยสงสัยว่าสามีเป็นอะไรไป“แต่เจ้าไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็ได้นี่นา ข้าแค่…แค่คิดว่าเจ้าควรพักบ้าง” ว่าจบก็ส่งมือหนาเข้ามากอบกุมมือเรียวของเธออ

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 7 คำชมจากแม่สามี

    ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่น ท่านพ่อและท่านแม่ของเจย์เดนมาถึงพร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากเด็ก ๆ ทั้งสี่ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วจนผู้ใหญ่ในครอบครัวอดตกใจเสียไม่ได้“ลินิน เจ้านี่เก่งเหลือเกิน” ท่านแม่เอ่ยชมขณะมองดูหลาน ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ “ของข้าแค่คนเดียวก็ลมแทบจับแล้ว” ลินินยิ้มตอบ ขณะเดียวกันนั้นเจย์เดนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของแม่ตัวเอง “อะไรกันท่านแม่ ข้าเลี้ยงยากเหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไลเรนได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เลี้ยงยากมาก เจ้าดื้อมากตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แล้ว” “ดื้อเหรอคะ?” ลินินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “ไม่เห็นเคยรู้เลย” เธอนึกภาพเจย์เดนผู้มีท่าทีสงบนิ่งกลายเป็นเด็กดื้อไม่ออกเลยจริง ๆ แต่ถ้าหากเรื่องความขี้แกล้ง อันนี้พอจะรู้อยู่บ้างแล้วล่ะเจย์เดนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “ข้าไม่ได้ดื้ออะไรสักหน่อย ท่านแม่น่ะพูดเกินไป”“งั้นเหรอ?” ท่านแม่ส่งยิ้มพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์มาทางเจย์เดน ก่อนจะหลับตาลงแล้วเล่าเรื่องสมัยที่เจย์เดนยังเป็นเด็กขึ้น “แล้วใครกันที่ปีนต้นไม้หนีออกจากบ้านเพร

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 6 อยู่บ้านกับท่านพ่อ

    บังเอิญว่าในวันนี้ลินินจะต้องไปตรวจงานออกแบบเสื้อผ้าที่บริษัทของเธอ หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วก็พร้อมจะออกเดินทางเจย์เดนในเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นเล็กน้อยก็เดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยมาดเข้ม "เจ้าจะไปนานไหม?" เขาถามลินินพร้อมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าก่อนจะยื่นมือหนาออกไปช่วยสวมรองเท้าให้เธอ"ไม่นานหรอก นายอยู่ดูเด็ก ๆ ไหวใช่ไหม?" ลินินหันมายิ้มให้เล็กน้อยเจย์เดนพยักหน้ามั่นใจ "ข้าเป็นแวมไพร์นะ เลี้ยงเด็กแค่นี้จะไปยากอะไร" ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มขึ้นด้วยความมั่นใจลินินเห็นแบบนั้นก็แอบหัวเราะนิดหน่อย "งั้นฝากด้วยนะ อย่าให้พวกเขาทำบ้านพังล่ะ""บ้านทนจะตาย เจ้าอย่ากังวลไปเลย" เขาพูดติดตลก พร้อมยกมือโบกให้ลินินก่อนที่เธอจะเดินออกไปตอนแรกทุกอย่างดูสงบเรียบร้อย เด็ก ๆ นั่งวาดรูปอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ไม่นานนัก เรย์เน่เริ่มบ่นว่าเบื่อและอยากเล่นซ่อนแอบ"ท่านพ่อ เล่นซ่อนแอบกับพวกเราไหมคะ" ไม่เพียงแค่เอ่ยถาม ยังส่งสายตาแวอย่างออดอ้อนมาให้เจย์เดนอีกต่างหากร่างสูงที่นั่งเฝ้าลูก ๆ พร้อมทำงานไปด้วยก็ชายตาขึ้นจากกองงาน ก่อนจะตอบรับ "ได้สิ นับสิบนะ"ยังไม่ทันจะเริ่มนับ เด็ก ๆ ทั้งห้าก็วิ่งวุ่นหาที่ซ่อนไปทั่วคฤหาสน์

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 5 ข้าวกล่องหรรษา

    เช้าวันหนึ่งลินินตื่นขึ้นมา และเมื่อเห็นว่าลูก ๆ ยังหลับอยู่ เธอก็ตั้งใจว่าจะทำข้าวกล่องไปให้สามีที่บริษัท จึงรีบเร่งเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน“ทำเสต๊กแล้วกัน” เธอว่าพลางตัดชื้นเนื้อแล้วจับมันพลิกใส่เตาย่าง เมื่อสุกได้ที่แบบกลาง ๆ แล้ว ก็นำมาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ และพร้อมเริ่มเตรียมอย่างอื่นต่อไปแต่ก่อนที่จะทันได้ลงมือ ลูก ๆ ทั้งสี่ เจย์เนส เรย์เน่ เคย์ลิส และไลเอนน์ ก็ตื่นขึ้นมาได้ยินเข้าเสียก่อน"ท่านแม่ทำอะไรเหรอครับ/คะ?" เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ย ถามอย่างตื่นเต้น และเมื่อทราบว่าท่านแม่ของพวกเขากำลังจะทำรู้ข้าวกล่องไปให้ท่านพ่อที่บริษัท ทุกคนก็ดูเหมือนอยากจะช่วยกันคนละไม้คนละมือขึ้นมาในทันทีแต่แทนที่การช่วยจะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิมเสียอย่างนั้นเจย์เนสที่เป็นพี่ใหญ่สุดพยายามช่วยลินินหั่นผลไม้ แต่ด้วยความที่ยังมือใหม่จึงหั่นออกมาได้ไม่ค่อยเท่ากันนัก บางชิ้นก็ใหญ่เกินกว่าจะยัดลงปากได้ ส่วนบางชิ้นก็บางเฉียบจนแทบไม่ไต้องเตี้ยวกันเลย จนลินินต้องเข้ามาแก้ให้ส่วนเรย์เน่ คนนี้ชื่นชอบความสวยงามเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้รับหน้าที่ยืนแต่งจานสลัด แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก จึงใส่ใ

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 4 ศึกชิงนางจากผู้ท้าชิงห้าคน

    นานวันเข้า เจย์เนสและเรย์เน่ก็เริ่มโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบเข้าแล้ว ส่วนน้องน้อยของพวกเขาตอนนี้ก็คล้ายกับเด็กมนุษย์ในช่วงวัยห้าขวบ และใช่ ทั้งมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงปีเป็นอย่างที่ท่านหมอเคยกล่าวว่าพวกเขาจะโตไวและเรียนรู้เร็วมาก เจย์เดนกับลินินจึงจ้างครูมาคอยสอนพวกเขาที่บ้านด้วย เนื่องจากเล็งเห็นว่าพวกเขาอาจยังไม่พร้อมที่จะไปเข้าเรียนร่วมกับเด็กคนอื่น ๆนอกจากนี้ เมื่อเริ่มโตขึ้น การติดแม่ก็เริ่มน้อยลง กลายเป็นน้อง ๆ เข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนั้นแทนเจย์เนสในวัยหนุ่มน้อยเริ่มสนใจการอ่านหนังสือในห้องเงียบ ๆ หรือออกไปฝึกศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ที่ท่านพ่อของเขาจ้างมาฝึกส่วนตัวเสียมากกว่ามาขลุกอยู่ในห้องกับน้อง ๆ และนอกเหนือจากนั้นนิสัยก็เริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้เป็นพ่ออย่างไม่ทิ้งห่างส่วนเรย์เน่ก็เริ่มมีความสนใจในเรื่องศิลปะและดนตรี บ่อยครั้งเธอจะเก็บตัวฝึกซ้อมเปียโนหรือวาดภาพในมุมของตัวเอง "ช่วงนี้ส่งไม้ต่อให้น้อง ๆ แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเหงาเลย"ลินินได้ฟังเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา แต่ถึงก็ยังมีสมาชิกตัวโตที่ดูเหมือนจะคอยมาแย่งแม่ของพวกเขาอยู่ตลอด

  • ท่านชายแวมไพร์   ตอนพิเศษ 3 เกิดเรื่องไม่คาดฝันอีกแล้ว

    และแล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้งเข้าจนได้ เมื่อลินินส่องกระจกและเริ่มเห็นหน้าท้องที่ดูเหมือนจะอวบอิ่มขึ้น“นี่เราไม่ได้ออกกำลังกายจนลงพุงหรือยังไงกันเนี่ย” เธอพึมพำ แต่แล้วก็นึกถึงตอนที่ตั้งท้องสองแฝดขึ้นมาได้ ว่ามันก็เริ่มต้นเช่นนี้นอกจากนี้เมื่อสังเกตอาการไปนานวันเข้า ยังมีอาการพะอืดพะอมร่วมด้วยอีกต่างหาก อาการนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเจย์เดนต้องตัดสินใจพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลในที่สุด“ซูบผอมลงอีกแล้วนะขอรับท่านหญิง” ท่านหมอเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้ม"ตอนแรกฉันคิดว่าอาจจะกินเยอะไป อาหารก็เลยอาจจะไม่ย่อย แต่พอเห็นว่าผอมลงแล้วท้องป่องเหมือนครั้งที่แล้ว ก็เลยคิดว่าคงจะ..." ลินินพูดเสียงเบาขณะที่ท่านหมอก็อัลตร้าซาวน์บริเวณหน้าท้องของเธอไปพลาง“ขอรับ ตั้งครรภ์อีกแล้ว..." ท่านหมอยืนยันความคิดของเธอเจย์เดนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พลันหยุดนิ่งราวกับถูกหยุดเวลา ดวงตาสีแดงของเขาจับจ้องไปยังหมอหลวงราวกับอยากจะให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิดไป "ปกติแล้วแวมไพร์จะตั้งครรภ์ได้ครั้งเดียวไม่ใช่หรือ?"“นั่นน่ะสิ” แววตาคู่สวยของลินินก็จับจ้องใบหน้าของท่านหมอด้วยความฉงนเช่นกัน พร้อมกับหันมองสามีของตน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status