อาชิงถูกองครักษ์ฝานแย่งของไปถือโดยไม่พูดไม่จาพลันในใจคิดว่าแม้เขาจะเหม่อลอยแต่มารยาทของบุรุษที่พึงปฏิบัติต่อสตรีองครักษ์ฝานผู้นี้ก็ไม่บกพร่องแม้แต่น้อย อาชิงจึงไม่ถามสิ่งใดอีก ตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ จวบจนถึงสวนท้ายจวนนางจึงให้องครักษ์ฝานวางกล่องอาหารไว้ให้องค์หญิงกับท่านแม่ทัพอีกโต๊ะหนึ่งส่วนตนเองนั้นนั่งกับองครักษ์ฝานอีกโต๊ะหนึ่งองค์หญิงสิบสามเปิดกล่องอาหารออกพบว่าด้านในขนมกลีบบุปผาส่งกลิ่นหอมอบอวลเห็นได้ชัดว่าขนมนี้เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ท่านยายผู้นั้นก็ส่งม้าเร็วมาที่จวนแล้วช่างว่องไวสมกับเป็นคนรับใช้ของสกุลนักรบนัก "ท่านพี่คราที่แล้วของมีน้อยเป็นข้าที่กินขนมนี่จนหมดแต่ครานี้ทำมามากถูกใจข้านัก ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ""เห็นภรรยาดีใจเช่นนี้ข้าก็มีความสุขแล้ว"เขาขยับเข้าใกล้นางจับมือนุ่มนิ่มของภรรยาเอาไว้พร้อมกับเอ่ยเบาๆ ราวกระซิบ องค์หญิงสิบสามยิ้มจนตาหยีเมื่อได้ยินสามีเอ่ยเช่นนี้หยางเอ้อหลางคีบขนมสีหวานลงในชามเปล่าของภรรยา นางส่ายหน้าแล้วอ้าปากกว้างเขายิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายคีบป้อนนางด้วยตนเององค์หญิงสิบสามกินขนมพร้อมน้ำชาชั้นดีที่สาวใช้นำมาให้อย่างเอร็ดอร่อยเผลอไม่กี่อ
หยางเอ้อหลางสำลักพร้อมกับไอออกมาใบหน้าแดงก่ำ สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับอาชิงนั้นใบหน้าแดงไม่ต่างกับผู้ที่ถูกภรรยาเกี้ยวพาเมื่อสักครู่ในขณะที่องค์หญิงสิบสามพอใจมากที่ได้กลั่นแกล้งสามีให้เขินอายเช่นนั้น นางเป็นสตรีหน้าด้านส่วนสามีของนางนั้นเมื่ออยู่กับผู้คนก็หน้าบางนัก เห็นเขามีสีแดงของเลือดฝาดทาที่หน้าแล้วยิ่งงดงามจึงอดที่จะเอ่ยความในใจออกมาไม่ได้หยางเอ้อหลางกุมมือนางแน่นหากเขายังไม่ดึงดูดนางไปหาสิ่งอื่นท่าทางและน้ำเสียงเย้ายวนของนางคงทำให้เขาอดทนจนรวบร่างนางไปย่ำยีในเรือนนอนไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีภารกิจเขามีเยอะนักไม่อาจละเลยหยางเอ้อหลางจึงได้แต่ข่มใจและเอ่ยเปลี่ยนเรื่องโดยไว"ขนมนี่ความจริงให้ท่านยายทำเอาไว้มากเจ้าไม่ต้องห่วงช่วงค่ำท่านยายคงส่งมาเพิ่ม""จริงหรือ ท่านพี่ดีต่อข้านัก"องค์หญิงสิบสามดีใจจนลืมตนว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่กันเพียงลำพัง โน้มคอสามีมาจุมพิตเป็นรางวัลที่แก้มเขาเบาๆ เรื่องเมื่อสักครู่ยังไม่จางหายนางก็ลวนลามเขาต่อหน้าคนมากมายอีกแล้วหยางเอ้อหลางกระดากอายยิ่งนักที่ทำได้เพียงแต่กดเสียงต่ำไล่สาวใช้สองสามคนที่คอยปรนนิบัติออกไปให้หมด เหลือเพียงพวกเขาสี่คนที่น
จวบจนสองสตรีอิ่มหนำสำราญ องครักษ์ฝานนั้นเพียงมองมายังหยางเอ้อหลาง หวังให้เขาเป็นคนเกริ่นนำเรื่องคุณชายผู้นั้นที่ตนเองสงสัย นับเป็นครั้งแรกที่องครักษ์ฝานคิดว่าตนเองร้อนรนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยเรื่องนี้ ครั้นเห็นสายตาของผู้เป็นองครักษ์ หยางเอ้อหลางจึงกุมมือภรรยาเบาๆ แล้วเอ่ยถามขึ้น"หมินเออร์ข้าบังเอิญรู้มาว่า ท่านอยากให้อาชิงออกเรือนหรือ" "ท่านพี่ข้าไม่คิดว่าท่านจะสนใจอาชิงน้อยของข้าด้วย" "เรื่องที่เกี่ยวกับคนของภรรยาข้าย่อมไม่ละเลย หากเป็นเรื่องจริงเราควรเตรียมสินเดิมให้มากหน่อยอย่าให้น้อยหน้าสกุลอื่น"สะสะ..สินเดิม......องครักษ์ฝานไม่มีคำเอ่ยแล้วใบหน้าของเขาเขม็งเครียด กำมือของตนเองแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนท่านแม่ทัพของเขานอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังส่งเสริมเสียอีกองครักษ์ฝานน้ำตาตกใน การให้ท่านแม่ทัพที่ไม่เก่งกาจเรื่องนี้เอาเสียเลยมาช่วยนับเป็นการเดินหมากที่เขาพลาดที่สุดในชีวิต"ข้าก็คิดเช่นนั้นแต่อาชิงยังไม่ถูกใจผู้ใด" หลินฮุ่ยหมินเอ่ยพลางทอดถอนใจ"องค์หญิง" อาชิงเขินอายแล้ว ใบหน้าขององครักษ์ฝานดูจะตื่นตะลึง หรือองค์หญิงยังไม่รู้ว่าอาชิงกับคุณชายผู้นั้นลอบพบกันเช่นนั้นหากองค์หญิงโก
ในพระราชวังหลวงตำหนักทรงงาน ฮูหยินชราแห่งสกุลหยาง หยางเอ้อหลาง และองครักษ์ฝาน ต่างยืนอยู่หน้าพระพักตร์ ด้านหน้าของพวกเขาขันทีของฝ่าบาทถือพานเล็กที่มีผ้าสีทองห่อบางสิ่งเอาไว้ภายใน สายตาของทุกคู่จับจ้องไปยังของสิ่งนั้น เพียงกงกงของฝ่าบาทเปิดผ้าออกก็พบความว่างเปล่าอยู่ในนั้น"พวกเจ้าคงแปลกใจ ใยเราเรียกให้พวกเจ้ามาดูสิ่งของว่างเปล่าเช่นนี้""ฝ่าบาทกระหม่อมไร้ความสามารถไม่อาจเข้าใจได้พ่ะย่ะค่ะ" หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้น"ความจริงในห่อนี้มีกุญแจสำคัญดอกหนึ่ง ที่แม่ของสิบสามทิ้งไว้ให้เราแต่บัดนี้มันหายไปแล้ว""ฝ่าบาทในตำหนักของฝ่าบาทมีเวรยามคุ้มกันหนาแน่น อยากมากที่จะมีผู้ใดเล็ดลอดเข้ามาได้หากไม่ใช่คนในแล้วไม่มีทางที่จะมีคนนำออกไปได้พ่ะย่ะค่ะ" หยางเอ้อหลางคิดว่าฝ่าบาทไม่ปลอดภัยแล้ว รอบกายฝ่าบาทไม่สามารถไว้ใจผู้ใดได้ หากมีเรื่องลอบสังหารเกิดขึ้นเขาไม่อยากคิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นประการใด ฝ่าบาทเห็นเขาห่วงใยตนเองด้วยใจจริงเช่นนั้นก็รู้สึกดีกับบุตรเขยผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง "เป็นเช่นนั้น ที่เราเรียกพวกเจ้าเข้าพบเพราะต้องการให้ช่วยสืบคดีนี้ ราชบุตรเขยครานี้เราต้องขอยืมตัวองครักษ์ฝานแล้วด้วยไม่อาจไว้ใจคนข
ฝ่าบาทยกยิ้มเจ็บปวด เขาเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าชิงแต่อำนาจในมือความจริงนั้นเป็นของสกุลของฮองเฮา เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงต้องการคำทำนายจากตำหนักเทพเพื่อถ่วงอำนาจของฝ่ายฮองเฮาให้ลดน้อยลงเสียบ้าง หากไม่มีคำทำนายของธิดาเทพเกรงว่าฝ่าบาทอาจต้องตกเป็นเบี้ยล่างของสกุลฮองเฮาเป็นแน่การที่พวกนั้นต้องการลดอำนาจของหยางเอ้อหลางนั้นความจริงฝ่าบาทไม่ทรงเห็นด้วยหยางเอ้อหลางยิ่งเก่งกาจอีกทั้งเป็นราชบุตรเขยเช่นนี้ย่อมเท่ากับว่าฮ่องเต้นั้นได้เปรียบในหลายเรื่องครานี้หากสาวไส้ออกมาให้หมดแม้จะเป็นฮองเฮาเมื่อคิดไม่ซื่อต่อพระองค์ ฝ่าบาทย่อมไม่เก็บเอาไว้เป็นแน่เมื่อกำจัดสกุลฮองเฮาได้ ฝ่าบาทจึงค่อยปลดหยางเอ้อหลางและรวบอำนาจเสีย เช่นนี้ความฝันที่จะครองอำนาจที่แท้จริงไว้ในมือย่อมอยู่ไม่ไกล"เรารู้ว่าเจ้าพูดไม่ได้ แต่หากฝั่งนั้นทรยศเราถึงขนาดช่วยศัตรูแล้วเราก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้เช่นกัน"หยางเอ้อหลางถูกสั่งให้กระทำการทุกสิ่งอย่างลับๆ เขาสืบเรื่องที่สายลับแคว้นเว่ยแอบหลบหนีไปจากคุกโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้หยางเอ้อหลางเพียงแต่ทำตัวให้ยุ่งวุ่นวายกับงานเอกสารที่ฝ่าบาทมอบให้เพื่อตบตาคนภายนอกแม้กระทั่งในจวนของเขาหยางเอ้อหลางยังปล
หยางเอ้อหลางปลอมกายออกจากจวน โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เขาออกไปสืบข่าวลับถึงสองวันหลังกลับมาก็แสร้งว่าตนเองทำงานในห้องหนังสือห้ามผู้ใดรบกวนเขาทำท่าเมื่อยล้าหลังจากนั้นหยางเอ้อหลางเดินเอื่อยเฉื่อยไปจนถึงเรือนขององค์หญิงสิบสาม ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปในเรือนเขาก็ต้องดื่มยาบำรุงชามใหญ่ที่ท่านย่าสั่งให้เขากินไม่ขาดอย่างรวดเร็วเขากับองค์หญิงสิบสามในแต่ละคืนแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนแม้ไม่ได้ใช้ยาต้มพวกนี้แต่ดูเหมือนว่าหยางเอ้อหลางก็ยังยินดีที่จะดื่ม การหลับนอนกับภรรยามากหน่อยนับเป็นความสำราญที่เขาชื่นชอบยิ่งหยางเอ้อหลางลูบที่อกตนเองคล้ายกำลังจัดอาภรณ์ กุญแจที่เขาแอบนำออกมาจากตำหนักของฝ่าบาทยังคงอยู่ในกายเขา ด้วยความช่วยเหลือของกงกงคนสนิทของฝ่าบาทนั้นหลังจากเข้าวังไปเข้าเฝ้าเมื่อสองวันก่อน กงกงก็นำกุญแจออกมาให้เขาจนได้ในวังนั้นมีคนที่เขาเลี้ยงดูอยู่มาก ทุกคนนั้นบรรพบุรุษล้วนถูกสกุลหยางช่วยเหลือมาและส่งพวกเขาไปทำงานในวังอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้หากเขาต้องการข่าวในวังแม้จะเป็นตำหนักฮองเฮาหยางเอ้อหลางย่อมหาทางนำข่าวออกมาให้จงได้ ตอนที่ฝ่าบาทพบว่ากุญแจหายไปนั้นได้สั่งคนค้นตัวของคนสนิทท
แต่ดื่มมาตั้งนานเตรียมตัวมาก็มากสามีของนางก็ยังไม่กลับมา บัดนี้หลินฮุ่ยหมินเมาจนตาลายแล้ว นางโยนไหสุราทิ้งแตกกระจายหยางเอ้อหลางมองตามพลางกลืนน้ำลายลงคอ ภาพเรือนร่างงดงามไร้ที่ติในอาภรณ์บางยั่วยวน ใบหน้าหวานล้ำกว่าสตรีใดที่พานพบ อีกทั้งกิริยาเกรี้ยวกราดนี้ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวเกี่ยวกับคุณชายผู้นั้นที่เขาลืมชื่อไปแล้วมลายสิ้น "เป็นท่านพี่ใช่หรือไม่"เสียงหวานของนางเกรี้ยวกราดนัก แต่กระนั้นท่าทางเช่นนี้ก็แสนยั่วยวนให้คนตกหลุมเสน่ห์หาจนเมามัวไม่อาจหาทางออกไปอีกต่อไป"มะ มะ ไม่ใช่ข้าเป็นแน่ภรรยาเจ้าฟังสามีก่อน" หยางเอ้อหลางแทบสะดุดลมหายใจเมื่อนางกระโดดครั้งเดียวก็คร่อมร่างของเขาเอาไว้แล้วหลินฮุ่ยหมินดีใจที่นางตัดสินใจเลือกกระโดดตามกลิ่นของเขาจนถึงตัวในที่สุด หากนางโกรธเพราะคิดว่าเขากำลังจะหาอนุหยางเอ้อหลางก็พร้อมให้นางลงโทษอย่างสาสมแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดก็ตามเห็นท่าทางเมามายของภรรยาอีกทั้งพื้นนั้นก็ทั้งแข็งทั้งเย็น หยางเอ้อหลางจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพามายังเตียงนอน เขาวางร่างของนางลงอย่างอ่อนโยน กลับถูกหลินฮุ่ยหมินดึงตัวของเขาลงพร้อมกับพลิกกายกดร่างของเขาอีกครั้งนางถอดอาภรณ์
หลินฮุ่ยหมินใช้มือโอบรอบอาวุธของเขาไว้ หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อรู้ว่ามือเดียวของนางไม่พอโอบรอบ จึงใช้สองมือประคองมันเอาไว้แล้วเริ่มรูดดึงช้าๆ สัมผัสของนางที่โอบล้อมค่อนข้างรุนแรงตามอารมณ์ที่ต้องการลงโทษเขา ความฉ่ำชื้นไหลออกมาจากปลายยอดอวบ องค์หญิงสิบสามใช้น้ำลื่นใสของเขาละเลงไปจนทั่วโคนใหญ่ เขาครางแหบโหยด้วยสุขล้ำ ปากร้องซี๊ดเมื่อนางขยำมันเบาๆ"ข้าจะลงโทษท่าน"หยางเอ้อหลางร้างครางเสียงต่ำเมื่อนางอ้าปากกว้างแล้วดูดกลืนเขาเอาไว้ทั้งลำ ปากเล็กๆ ของนางกลับสามารถยัดความใหญ่ยักษ์เข้าไปจนหมด องค์หญิงสิบสามใช้สองมือกุมลำของเขาเอาไว้แน่นเพราะฤทธิ์สุราทำให้สติของนางนั้นหลุดลอย ได้ยินเพียงเสียงครางแหบโหยของสามีที่กระตุ้นตนเองให้ฮึกเหิมนางดูดกลืนเขาอย่างรุนแรงกระหายอยากจะให้หยางเอ้อหลางครางยิ่งกว่านี้ กระตุ้นนางมากกว่านี้นางตวัดเลียเขาซ้ำๆ กระทั่งถุงทองสองข้างนางยังไม่ละเว้น หยางเอ้อหลางยินยอมแล้วต่อให้สตรีอื่นมาทอดกายเขาก็คงมองพวกนางเป็นเพียงก้อนหินใบไม้ คงมีเพียงภรรยาที่ร้อนแรงของเขาเท่านั้นที่หยางเอ้อหลางจะยินยอมได้เพียงนี้มือขององค์หญิงสิบสามรูดแก่นกายไม่หยุด ปากแม้จะยังกลืนส่วนนั้นนางก็ยั
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี