เขาและนางผ่านค่ำคืนที่เร่าร้อนโดยมิได้ตั้งใจ แต่ใครจะคิดว่าหลังงานอภิเษกที่ไม่เต็มใจนี้พระชายาของเขาจะเร่าร้อนดุจไฟจนเขาขาดนางไม่ได้...ทว่าที่นางทำล้วนมีจุดประสงค์เมื่อบรรลุเป้าหมายนางก็จะ"หย่า"กับเขา "ฟู่ซิ่วอิง" บุตรีของแม่ทัพใหญ่ถูกวางยาและส่งไปอยุ่ในห้องรับรองแขกใจตำหนักท่านอ๋องคืนงานเลี้ยงต้อนรับ "ฉางรุ่ยหยาง" ท่านอ๋องคนใหม่ "องค์ชายหก" ของฮ่องเต้ที่ถูกส่งมาปกครองเมือง "หลิงโจว" งานอภิเษกระหว่างทั้งคู่ถูกจัดขึ้นด้วยความไม่เต็มพระทัยของท่านอ๋องเพราะเขามิได้รักนาง และ นางก็มิได้รู้สึกพิเศษกับเขาเพียงแต่ "พรหมจรรย์" ที่เสียไป เขาจึงต้องรับผิดชอบ แต่งตั้งนางเป็นพระชายา "เมิ่งลี่ถิง" บุตรสาวราชครู ผู้ที่เป็นคนที่ถูกเรียกได้ว่า "ว่าที่พระชายา" เดินทางตามท่านอ๋องมาจากเมืองหลวงกลับต้องเสียใจและโกรธแค้นยิ่งนักเมื่อท่านอ๋องต้องเข้าพิธีอภิเษกและแต่งตั้งสตรีอื่นเป็นพระชายาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ “อืม ท่านอ๋องพระองค์…จูบไม่เป็นหรือเพคะ” “เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่เจ้ากล้า…” “เพคะ จูบราวกับทารกดูดนมมารดาเช่นนี้ อ๊ะ!!…อื้มมม!!”
View Moreจวนอ๋อง / ห้องรับรองแขกในตำหนัก
“เจ้า!!….เหตุใด...เจ้าถึงได้มาอยู่....ที่นี่!!”
“หม่อมฉัน….ไม่ทราบเพคะ กะ..เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ….ด้านนอกโวยวายกันใหญ่แล้ว บุตรีท่านแม่ทัพฟู่หายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากำลังหมายถึง…..นางใช่หรือไม่”
"ฉางรุ่ยหยาง" ท่านอ๋องผู้ปกครองเมืองหลิงโจว พระโอรสคนที่หกของฮ่องเต้กับพระสนม “ฉางลู่เฟย” หันมาถามองครักษ์หนุ่มข้างกายนามว่า “เสี่ยวหมิง”
“ท่านอ๋อง!!…หรือว่านางคือ….”
“เจ้าคือผู้ใด เหตุใดจึงมานอนเปลือยกายอยู่ในห้องของข้าได้”
“หม่อมฉัน!!…”
“ฟู่ซิ่วอิง!! เป็นเจ้าจริง ๆ เหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่”
“ท่านพ่อ ข้า…”
“ท่านอ๋อง นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน เจ้ารีบสวมชุดเสียเถอะแล้วออกไปคุยกันข้างนอก เสี่ยวหมิง!! ปิดประตู!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หนุ่มหันไปปิดประตูและพาคนที่มุงอยู่ที่หน้าห้องรับรองแขกออกไป ส่วนด้านในห้องในยามนี้มีเพียงเขาและนางที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสงสัยและสภาพที่กึ่งโป๊เปลือยและดูเหมือนว่านางและบุรุษหนุ่มตรงหน้านี้ จะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเพราะท่านอ๋องเองก็อยู่ในสภาพที่มิได้ต่างจากนางมากนัก
“ขวับ!!”
ดาบสีเงินคมกริบพาดมาที่ไหล่ของนางอย่างจงใจ “ฟู่ซิ่วอิง” ที่มิทันได้เตรียมใจหันไปมองเขา นางในตอนนี้ไม่สามารถขยับกายได้เพราะความปวดร้าวตั้งแต่ช่วงหน้าท้องลงไปถึงขาราวกับถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ แม้แต่แรงที่จะพูดกับเขาก็แทบจะไม่มีเหลือ นางถูกพิษอะไรเข้าไปกันแน่
“เจ้าบอกข้ามาดี ๆ เหตุใดเจ้าจึงต้องวางยาข้าเพื่อทำเรื่องเช่นนี้!!”
“วะ ว่าอย่างไรนะเพคะ วางยางั้นหรือ มะ ไม่จริง หม่อมฉันไม่รู้เรื่อ….”
ดาบค่อย ๆ ขยับเพื่อให้นางเงยหน้าขึ้นมาตอบ ม่านน้ำตาที่เริ่มไหลรินเพราะพระพักตร์ที่เย็นชาและสายตาแห่งความเกลียดชังไม่ต่างกับน้ำกรดที่แสบร้อนสาดมาใส่ทั้งตัวนาง แต่นางเองก็หารู้ไม่ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร
“นึกไม่ถึงว่าจวนแม่ทัพจะกล้าทำเรื่องที่อัปยศเช่นนี้ได้”
“เปล่านะเพคะ หม่อมฉันมิได้…”
“หากเจ้ามิได้ทำ เช่นนั้น….”
“หม่อมฉัน…โอ๊ย!!”
ท่านอ๋องดึงดาบกลับเมื่อเห็นว่าสตรีตรงหน้าล้มตัวฟุบไปกับผ้าห่มเพราะความเจ็บปวด เขาต้องรู้แน่อยู่แล้วว่าระหว่างเขากับนางเกิดอะไรขึ้นเพราะเมื่องานเลี้ยงต้อนรับเมื่อคืนนี้
เขาดื่มหนักมาแต่ก็ไม่ถึงกับจำความไม่ได้ เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับนางที่นอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียงเขาและ….
“นี่เจ้า!!…ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งก้านธูป รีบจัดการตัวเองเสียแล้วรีบตามข้าออกไปที่ห้องโถงเล็ก”
สิบวันถัดมา
ข่าวงานอภิเษกได้ถูกประกาศขึ้นหลังเหตุการณ์ชวนน่าสงสัยในคืนงานเลี้ยงต้อนรับท่านอ๋องสู่เมืองหลิงโจว เขาพึ่งจะเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วันก็มีคนวางยาและส่งตัวบุตรีแม่ทัพเมืองหลิงโจวมาที่ห้องรับรองของเขาในตำหนัก
แม้ว่านางจะเป็นบุตรของแม่ทัพใหญ่เลื่องชื่อ แต่เขาที่ยังมิทันได้สืบรู้ความเป็นไปของขุนนางในเมืองนี้สักเท่าใดกลับต้องมาแต่งตั้งนางเป็นพระชายา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขากับบุตรีท่านราชครูถูกจับตามองว่าทั้งคู่จะเป็นคู่อภิเษกหลังจากที่เขาย้ายมาที่หลิงโจว
“อะไรนะเจ้าคะ ไม่ใช่ข้าแต่เป็น….คนสกุลฟู่!!”
“ลูกแม่เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน”
“ไม่!! ผู้ใดก็ทราบว่าลูกกับท่านอ๋อง….ไม่ ลูกไม่มีทางเชื่อเหตุใดคืนนั้น...ไหนท่านแม่บอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยอย่างไรเล่าเหตุใดจึงได้เป็นนางที่เข้าไปในห้องบรรทมของท่านอ๋อง!!”
“ถิงเอ๋อร์!! เจ้าเงียบเสียงลงหน่อยสิ เจ้าฟังแม่ก่อนนะ”
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะ…"
“ไม่มีประโยชน์หรอก วันนี้ท่านอ๋องรับราชโองการและตกลงเรื่องพิธีอภิเษกแล้ว”
“ราชครูเมิ่งจ๋าย" เดินเข้ามาในห้องของบุตรสาวด้วยท่าทีที่สงบ สกุลเมิ่งได้รับคำสั่งให้ย้ายมาเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับท่านอ๋องที่เมืองหลิงโจวแห่งนี้
และแน่นอนว่าทุกคนย่อมทราบดีว่าหลังจากทุกอย่างลงตัวแล้วท่านอ๋องคงมิพ้นที่จะอภิเษกกับ “เมิ่งลี่ถิง” บุตรีของท่านราชครูเป็นแน่ แต่ทว่าวันนี้นางกลับพลาดตำแหน่งพระชายาเอกไปเสียง่าย ๆ
“ไม่จริง!! ท่านพ่อไม่จริงใช่หรือไม่เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เพียงแค่บุตรสาวแม่ทัพต่ำต้อยนั่นจะสู้ฐานะบุตรีราชครูเช่นข้าได้เช่นไรกันเจ้าคะ มันต้องไม่เป็นความจริงลูกไม่ยอมนะเจ้าคะลูกสู้อุตส่าห์ตามท่านอ๋องมาถึงที่นี่ ข้าไม่ยอม!!"
“เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว ฮ่องเต้ประทานราชโองการสมรสลงมาแล้ว สกุลฟู่เองก็รับไปแล้วงานอภิเษกจะถูกจัดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้านี้แล้ว”
“อะไรนะเจ้าคะ เหตุใดจึง….รวดเร็วปานนี้”
“ถิงเอ๋อร์ เรื่องนี้แม่ว่าเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะนะ”
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปเข้าเฝ้า ไม่จริง!!”
“จับนางเอาไว้ รอให้พ้นงานอภิเษกไปแล้วข้าถึงจะปล่อยนางออกไปนอกจวน ถิงเอ๋อร์ ใช่ว่าเรื่องนี้พ่อจะยินยอมแต่ตอนนี้เจ้าต้องตั้งสติเสียก่อน”
“ไม่นะท่านพ่อ!! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าคือพระชายาท่านอ๋อง ต้องเป็นข้าเพียงผู้เดียว ท่านพ่อ!!”
แม้ว่าจะรู้ว่าบุตรสาวเสียใจเพียงใดแต่ครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นก็เป็นสิ่งที่แม้แต่ท่านอ๋องก็ปฏิเสธไม่ได้ งานอภิเษกถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นตามกำหนดเวลา
เรื่องราวดูเหมือนจะไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เพราะทั้งคู่ต่างเข้าพิธีกันอย่างถูกต้อง แม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้ยินยอมแต่เพราะความรับผิดชอบพระองค์จึงต้องทำ
งานอภิเษก / ห้องส่งตัว
“กรี๊ด!!!!! ช่วยด้วย!!! เร็ว ๆ เข้า พระชายา…..ฆ่าตัวตาย!!!”
“อะไรนะ!!!”
ผ้าแพรสีขาวพันผูกคอของเจ้าสาวในชุดสีแดงสดเอาไว้เมื่อทุกคนรวมถึงเจ้าบ่าวในงานที่เปิดประตูเข้าไปเพราะเสียงของตกในห้องแม่สื่อจึงตัดสินใจเปิดออก
ร่างของฟู่ซิ่วอิงร่วงลงมาและตกใส่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพระสวามีหมาด ๆ แต่สีหน้าและแววตาของเขาช่างตกใจได้อย่างเยือกเย็นนัก โชคดีที่นางไม่ทันได้เห็นว่าเขาดูมิได้เสียใจกับการที่พระชายาที่พึ่งร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและยังไม่ทันส่งตัวได้ตายลงก่อน
“เหตุใดข้าจึงอาภัพนัก แม้นจะได้อภิเษกกับท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ถูกตราหน้าว่าแย่งบุรุษของสตรีอื่นอย่างหน้าไม่อาย ถูกนินทาว่าเป็นหญิงงามเมืองที่ไร้คุณสมบัติของพระชายา อีกทั้งยังมาตายในวันแต่งงานของตนเอง ไม่!! ข้าไม่ยอม!!”
“อิงเอ๋อร์”
“ทะ ท่านปู่….ท่านหรือเจ้าคะ”
“หลานปู่ คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“ท่านปู่ ท่านมารับข้าไปอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ หลานเหนื่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ หลาน…”
“ไม่ หลานเป็นคนสกุลฟู่ เลือดในกายเจ้าเป็นเลือดของนักรบที่หลั่งเลือดเพื่อแผ่นดิน เจ้าจะมาตายโดยมิได้ลากคนชั่วมากระทำผิดเช่นนี้หาได้ไม่ ปู่มาเพื่อชี้ทางกลับไปให้เจ้า”
“แต่ว่าข้า….หลังจากถูกพิษนั่นแล้ว วรยุทธ์ของข้าก็เสื่อมถอย ยานั่นทำลายวรยุทธ์ข้าจนหมดสิ้น”
“เจ้ามิต้องกังวลใจไป หลานของข้ามีหรือที่จะให้กลับไปมือเปล่า เจ้าจงรับทุกอย่างที่บรรพบุรุษสกุลฟู่ทิ้งเอาไว้ให้รวมถึงเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดไป ลากคนชั่วออกมาและกำจัดให้สิ้นอย่าได้ปล่อยให้มันอยู่หนักแผ่นดินหลิงโจว”
“แต่ว่าหลาน…จะทำเช่นไรต่อเจ้าคะ”
“เจ้ากลับไปเจ้าก็จะรู้เองว่าต้องทำเช่นไร จงเชื่อในสัญชาตญาณแรกของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดอย่าลืมว่าปู่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
“ท่านปู่ อย่าพึ่งไปเจ้าค่ะ”
ร่างของแม่ทัพฟู่เหลียงผู้เฒ่าค่อย ๆ ถอยออกไป นางจำได้เพียงวิ่งไล่ตามเท่าใดก็ไม่ทัน ยิ่งเอื้อมมือไปเท่าใดก็เอื้อมไม่ถึง
“ท่านปู่!!”
“พระชายา!!! พระชายาฟื้นแล้วเพคะท่านอ๋อง!!”
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ
Comments