องค์หญิงแปดขัดเคืองใจยิ่ง เรื่องที่ผ่านมาระหว่างนางและองค์หญิงสิบสามที่ทำให้นางไม่อยากแม้จะมองใบหน้าน้องสาวคนนี้ ครานั้นองค์หญิงสิบสามแอบลอบออกนอกวังจวบจนได้มีโอกาสไปช่วยน้องสาวของบุรุษที่นางมีใจเดิมทีนางกับคุณชายตงหัวต่างมีใจให้กันจนฝ่ายนั้นจะส่งคนมาทาบทามขอพระราชทานสมรสแล้ว
หลังจากคุณชายตงหัวบุตรของเสนาบดีผู้นั้นพบองค์หญิงสิบสามเข้ากลับทำตัวห่างเหินกับนางอีกทั้งท่าทางยังผิดแปลกไปมากประหนึ่งคนแปลกหน้า จวบจนนางรู้ข่าวว่าตงหัวส่งกำไลหยกไปให้องค์หญิงสิบสามที่ตำหนัก องค์หญิงแปดจึงไปอาละวาดกับองค์หญิงสิบสามเพราะคิดว่าองค์หญิงสิบสามไม่มีมารดา ผู้หนุนหลังจะทำเช่นไรกับน้องสาวคนนี้ย่อมได้
คาดไม่ถึงว่าอ๋องฉางอันพี่ชายใหญ่ของพวกนางจะออกหน้าจนทำให้องค์หญิงแปดถูกลงโทษคัดลอกหนังสือท่วงท่างดงามจิตใจผ่องใสเล่มหนานั่นถึง ห้าร้อยบท อีกทั้งต้องถูกกักขังในตำหนักทั้งเดือน บุรุษก็หนีหน้าโทษก็ต้องรับหากไม่ใช่เป็นเพราะสิบสามผู้นี้แล้วจะเป็นเพราะผู้ใด
"น้องแปดความจริงก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณชายตงหัวผู้นั้นเผยธาตุแท้ออกมา หากเจ้าแต่งให้เขาไปคนโลเลเช่นนั้นจะไม่รับอนุจนเจ้าปวดหัวหรือ" องค์หญิงห้าเอ่ยขึ้น
"พี่ห้าท่านก็เข้าข้างนาง หากนางไม่ไปล่อลวงเขาบุรุษเช่นคุณชายตงหัว ที่ใสซื่อเช่นนั้นจะแปรเปลี่ยนหรือ"
"ข้าสิบสามไม่เคยล่อลวงบุรุษใดหากจะโทษต้องโทษที่เขาโลเลหรือไม่ ก็เพราะความงามของข้าที่มากจนเกินไป" องค์หญิงสิบสามตอบอย่างยียวน
"เจ้าล่อลวงเขา"
องค์หญิงแปดแค่นเสียงออกมาใบหน้าของนางเขียวคล้ำเรื่องที่ผ่านมาความจริงนางไม่อาจลืมได้ ใจของนางยังเจ็บปวดทุกคราที่คิดถึง
"ข้าบอกพี่แปดแล้วว่าไม่เคยล่อลวงเขา พบหน้ากันเพียงครั้งเดียวและ กำไลหยกข้าก็ให้คนส่งคืนแล้วจะเรียกว่าล่อลวงได้อย่างไร เขามีใจให้ข้าหรือไม่ข้ายังไม่รู้เลยท่านอย่ามาใส่ร้ายข้า ไม่แน่เขาอาจพบคุณหนูผู้อื่นเข้าก็เป็นได้ เหตุใดท่านจึงคิดว่าเป็นเพราะข้าเล่า ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว"
องค์หญิงสิบสามเอ่ยยืดยาวพลางใช้ไม้แหลมเล็กจิ้มขนมหวานกินอย่างอร่อย นางคิดว่าเรื่องนี้ช่างไร้สาระนักคุณชายตงหัวผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไรนางยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"สิบสาม"
องค์หญิงแปดชี้หน้านางปากสั่นระริก องค์หญิงอื่นเข้าขวางนางไว้ด้วยคิดว่าองค์หญิงแปดอาจจะกระโดดข่วนหน้าองค์หญิงสิบสามเป็นแน่ พวกเขาดึงองค์หญิงแปดไปอีกทาง
"พอได้แล้วพวกเจ้า เรื่องนี้หากมีใครนำความไปกราบทูลไทเฮาว่าเหล่าองค์หญิงต้องมาทะเลาะกันเพราะบุรุษผู้หนึ่งจะไม่ถูกลงโทษหรือ ขายหน้านักสิบสามเจ้าก็พอได้แล้ว" องค์หญิงใหญ่เอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"ข้าไม่ได้หาเรื่องเสียหน่อยเป็นพี่แปดที่เริ่ม" องค์หญิงสิบสามกล่าวจบก็ยัดหมั่นโถวเข้าปากอย่างไม่สนใจ
องค์หญิงแปดสะบัดใบหน้าหนี ไม่มองไปทางองค์หญิงสิบสามอีกบรรดาน้องๆ หลายคนส่ายหน้าเมื่อองค์หญิงใหญ่เริ่มไม่พอใจแล้วพวกนางก็อึดอัดยิ่ง
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจองค์หญิงสิบสามความจริงเชื่อฟังนางเพียงคนเดียว บรรดาพี่น้องคนอื่นสิบสามมักจะมีเรื่องขัดแย้งอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ได้บาดหมางจนถึงไม่พูดกัน มีเรื่องขององค์หญิงแปดที่ทำท่าว่าครานี้พวกนางคงเขม่นหน้ากันไปนาน
หลังเรื่องโต้เถียงกันสงบลง เหล่าองค์หญิงก็ต้องเบิกตาค้างเมื่อองค์หญิงใหญ่สั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับมาให้พวกนางเลือกเพิ่มไปคนละชิ้น เพราะนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้องค์หญิงทั้งหลายจึงยกย่องนางอีกทั้งไม่กล้าที่จะหาเรื่องอันใดให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคือง อารมณ์ขององค์หญิงใหญ่มีผลต่อพวกนางเสมอหากนางดีก็ดีจนน้ำตาไหลแต่หากผู้ใดกล้าขัดใจนางก็เตรียมทำใจรับความอัปยศได้เลย"สิบสามพี่หญิงเลือกให้เจ้าได้แล้ว ผ้าผืนนี้อีกทั้งปิ่นปักผมสีแดงงดงามนักคงมีเพียงเจ้าที่ใส่แล้วจะเหมาะสมผู้อื่นเห็นจะไม่คู่ควร""ขอบพระทัยเพคะพี่หญิง"องค์หญิงสิบสามรับมาอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่องค์หญิงองค์หญิงทุกคนมองมายังองค์หญิงสิบสาม หลายคนอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความสะใจไม่ได้เมื่อวาดภาพคนงามเช่นน้องสิบสามอยู่ในอาภรณ์ตัวนั้นองค์หญิงห้าตาโตด้วยตกใจที่เห็นอาภรณ์ไหมสีแดงฉ่ำผืนนั้น นางค่อนข้างสนิทสนมกับองค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนว่าแดงสีแรงเช่นนี้องค์หญิงทุกคนล้วนไม่กล้าใส่ด้วยกลัวว่าไทเฮาผู้โปรดการแต่งกายด้วยสีอ่อนหวานจะทรงขัดเคืองพระทัย การแต่งกายที่ดึงดูดมากเกินไปถือเป็นเรื่องไม่งามในราชสำนักเหตุใด พี่หญิงใหญ่จึงยังมอบผ้าไหมแดงช
หยางเอ้อหลางที่กำลังชำระร่างกายในอ่างไม้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก เดิมทีเขาอยู่ชายแดนในค่ายทหารต้องอาศัยความเงียบเพื่ออำพรางศัตรูเขาจึงเกลียดเสียงดังเอะอะโวยวายเป็นที่สุด บัดนี้กลับมาถึงจวนได้ไม่นานผู้คนต่างหลงลืมกฎที่เขาตั้งไว้ส่งเสียงเอะอะหนวกหูยิ่ง คล้ายมีเสียงอยู่อีกด้านของห้องอาบน้ำ หยางเอ้อหลางกระโดดตัวลอยว่องไวไม่ทันได้คว้าเสื้อคลุมนอกจากกระบี่ประจำกายกระโจนไปตามเสียง เขาวาดกระบี่ออกไปยังไม่ทันได้ลงมือก็พบว่าบนพื้นห้องบัดนี้มีกระต่ายสีขาว ตัวค่อนข้างใหญ่กำลังหมอบตัวสั่นงันงกอยู่"ท่านแม่ทัพ ด้านนอกไม่รู้สิ่งใดทำลายแปลงผักจนพังพินาศขอรับ" องครักษ์ฝานเข้ามาในห้องพร้อมมองผ่านแผ่นหลังของแม่ทัพหนุ่มซึ่งไร้อาภรณ์ยืนวาดกระบี่อยู่ด้านหน้าสัตว์ตัวอ้วนขนปุกปุยสีขาว "ข้าจับโจรได้แล้ว ไม่ต้องหา" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นพลางนั่งลงรวบหัวกระต่ายยาวของนางแล้วยกร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยขึ้นมาพิจารณาองค์หญิงสิบสามในร่างของกระต่ายยังคงตกตะลึงนางรู้จักเขาแน่นอน นี่นางบุกเข้ามาในจวนของแม่ทัพผู้เหี้ยมโหดเชียวหรือ บุรุษผู้นี้ไร้ยางอายมายืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้านางเช่นนี้ ทำให้นางตื่นตระหนกจนไม
องค์หญิงสิบสามกระโดดหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด โชคดีนักที่ไม่มีผู้ใดตามมา แต่แล้วนางก็ต้องวิ่งหน้าตั้งอีกครั้งเมื่อด้านนอกพบกับฝูงสุนัขจรจัดหลายตัววิ่งไล่กวดนางอย่างเอาเป็นเอาตาย จวบจนวิ่งออกมาจนสุดทางเดิน นางพบเงาของบุรุษผู้หนึ่งในชุดสีดำ เพราะมีดวงตาของกระต่ายทำให้นางมองเห็นได้แม้ในความมืด "พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ข้าอยู่นี่"เสียงของนางที่เปล่งออกไปแน่นอนว่าอ๋องฉางอันย่อมไม่ได้ยิน แต่เพียงเขาเห็นกระต่ายที่ท่าทางแปลกประหลาดกำลังโดนสุนัขวิ่งไล่เขาก็รู้ได้ในทันใดว่ากระต่ายตนนี้คือใคร อ๋องฉางอันอ้าแขนรับร่างเล็กอวบท้วมไว้ในอ้อมแขน "สิบสามเป็นเจ้าใช่หรือไม่"มีเพียงการซุกร่างสัตว์เข้าไปในอ้อมกอดของเขาเท่านั้นแทนคำตอบ อ๋องฉางอันแกว่งดาบในมือว่องไว ไม่นานสุนัขจรจัดเหล่านั้นก็สิ้นลมหายใจโดยที่กระต่ายน้อยในอ้อมกอดของเขาไม่รับรู้การสังหารโหดครั้งนี้ภายในตำหนักธิดาเทพเงียบสงบดั่งเช่นเคย องค์หญิงสิบสามในร่างของกระต่ายขาวถูกวางลงบนแท่นศิลาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหล่อเหลางดงามของเขาดูนิ่งสงบ เขาเอ่ยเสียงเบาออกมาคล้ายกำลังข่มความหวาดกลัวบางอย่างที่อยู่ด้านใน"ร่างกายของนางเป็นอย่างไรบ้าง""ทูลท่านอ๋อง ยังคงป
"หากมีคนจับเจ้าไว้และกลายร่างกลับคืนต่อหน้าคนผู้นั้นเจ้าจะถูกมองว่าเป็นปีศาจไร้ทางหนีมีแต่ทางตายสถานเดียวเข้าใจหรือไม่"องค์หญิงสิบสามพยักหน้า เหตุใดนางจะไม่รู้เล่าที่ผ่านมาทุกครั้งที่กลายร่างนางพยายามข่มใจตนในอยู่เพียงในตำหนักไม่กระโดดหนีไปไหน บางครั้งกลายเป็นสุนัข บางครั้งกลายเป็นนก บางครั้งกลายเป็นงู ครานี้กลายเป็นกระต่าย นางรู้สึกเอือมระอากับโชคชะตาของตนเองที่ไม่เกิดเป็นสัตว์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ครานี้เจ้าเห็นสิ่งใดต้องมีเหตุให้เจ้ากระโดดไปที่จวนแม่ทัพหยาง เป็นแน่" ธิดาเทพเอ่ยถาม"ท่านน้าทำนายถูกต้องแล้ว เมื่อรู้สึกตัวข้าก็อยู่ที่นั่นแล้วและก็เห็น ภาพนิมิต" องค์หญิงสิบสามนึกถึงภาพในนิมิตแล้วก็อดยิ้มอย่างนึกขันไม่ได้"เห็นสิ่งใด""สีแดงเต็มจวน มีงานแต่งเห็นท่านแม่ทัพแต่งงานแต่ไม่เห็นใบหน้าเจ้าสาว อีกทั้งเห็นเขาจุมพิตเจ้าสาวต่อหน้าทุกคน""เรื่องนี้เองหรือ แล้วอย่างอื่นเล่า""เห็นเพียงเท่านี้ก็ถูกคนไล่แล้ว ข้าแอบเข้าไปในห้องอาบน้ำท่านแม่ทัพแล้วเห็นเขาอาบน้ำด้วย""เจ้าว่าอย่างไรนะ แอบเข้าไปในห้องอาบน้ำท่านแม่ทัพหรือ"ธิดาเทพยกมือทาบอกตนเองด้วยความตกใจ หลานสาวของนางผู้
กิ่งไผ่โอนเอน เสียงหวีดหวิวของลมหนาวเสียดแทงจิตใจในตำหนักจันทราปิดเงียบเชียบไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาภายใน ฝ่าบาททรงประทับอยู่บนเก้าอี้หยกเหมันต์หลับตาอย่างสงบรับฟังเสียงสวดต่อชะตาจากเหล่าธิดาเทพ ภายในรู้สึกถึงกระแสความเย็นที่แผ่ซ่าน พระวรกายที่เหนื่อยล้าจากราชกิจฟื้นฟูขึ้นภายในเพียงชั่วยาม ด้านข้างมีองค์หญิงสิบสามพระธิดาเป็นผู้ถือโถน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อต้องห้ามภายในตำหนักธิดาเทพ พร้อมท่องสวดบริกรรมคาถาด้วยจิตสงบนิ่งเมื่อพิธีกรรมผ่านมาได้ราวสองชั่วยามโดยไม่มีผู้ใดขยับเขยื้อน องค์หญิงสิบสามยื่นโถน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้เป็นพระบิดาอย่างสำรวม ฝ่าบาทรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านพิธีกรรมมาเสวยก่อนจะเทน้ำลงบนฝ่ามือแล้วล้างพระพักตร์เป็นอันพิธีกรรมเสร็จสิ้น"หากมีหินจันทราเราคงไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอยู่กับพวกเจ้าทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้" "ทูลฝ่าบาทแม้จะไม่มีหินจันทราแต่การเข้าสู่พิธีกรรมต่อชะตาปีละสองครั้งใช้เวลารวมครั้งละสามวันก็นับว่าคุ้มค่ามากเพคะ พิธีกรรมนี้ช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย อีกทั้งยังเพิ่มพลังปราณในกายทำให้พระองค์ทรงมีพระวรกายแข็งแรงอายุยืนหมื่นปีเพคะ" หัวหน้าเทพธิดาเอ่ยขึ้น"เอาล่ะๆ เ
หลินฉีตกใจแล้ว เหตุใดจู่ๆมารดาถึงได้ถามถึงท่านแม่ทัพหยางได้ นางมีเขาอยู่ในดวงใจตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีปักปิ่น วันนั้นนางกับเหล่าองค์หญิงติดตามฮองเฮาไปไหว้พระที่วัดกวนอิมบังเอิญพบเจอบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งดวงหน้าหล่อเหลา องอาจผ่าเผยแม้อายุยังน้อยแต่เขากลับรั้งตำแหน่งองครักษ์ครานั้นบังเอิญพบโจรเป็นเขาที่เข้ามาช่วยนางเอาไว้ตั้งแต่นั้นมาองครักษ์หยางผู้นั้นก็เข้ามาอยู่ในจิตใจของนาง จวบจนหลังจากนั้นเขาจากไปชายแดนก็เป็นนางที่เฝ้าติดตามข่าวคราว แม้กระทั่งในตำหนักยังแอบเก็บภาพวาดของเขาเอาไว้อย่างลับๆ หลินฉีคิดว่าเขาคือคู่ฟ้าประทานจากสวรรค์ดั่งเช่นคำกล่าว วีรบุรุษช่วยสาวงาม คือคู่ครองตราบสิ้นลมหายใจ"ว่าอย่างไรเล่าเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนเช่นไร"เสียงของฮองเฮาทำให้หลินฉีหลุดจากภวังค์ใบหน้าแดงก่ำอย่างเก้อเขิน"เหตุใดเสด็จแม่ตรัสถามถึงความคิดลูกที่มีต่อบุรุษเล่าเพคะ ลูก คือ""แม่ถามเพราะเป็นเจ้า ฉีเออร์เจ้าว่าเขาดีหรือไม่"องค์หญิงใหญ่ก้มหน้าลงรอยยิ้มพร่างพราวก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้างามล้ำแดงก่ำด้วยความเขินอาย"สมกับเป็นลูกแม่บุรุษผู้นี้เหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง ในแผ่นดินนี้คนที่เหมาะจะครองคู่กับเจ้าแม่เห็นเพี
ในตำหนักองค์หญิงสิบสามหลินฮุ่ยหมิน นางกำนัลในกำลังปัดกวาดเช็ดถูอย่างระมัดระวังอีกทั้งมององค์หญิงที่นั่งกอดเข่าศีรษะจมมาตลอดทั้งวันด้วยความเป็นห่วง "องค์หญิงเสวยนมตุ๋นเสียหน่อยกำลังร้อนๆเลยเพคะ" อาชิงนางกำนัลคนสนิทยกนมตุ๋นมาจากครัว องค์หญิงของนางเหตุใดเซื่องซึมได้เพียงนี้"อาชิงกระพรวนผู้พิทักษ์หายไปแล้วทำเช่นไรดี""ชู่ว์" อาชิงส่ายหน้าปรามทันทีก่อนจะไล่นางกำนัลทั้งหมดออกจากตำหนัก"ระวังด้วยเพคะเรื่องพวกนี้กล่าวพร่ำเพรื่อไม่ได้""แต่ข้าร้อนใจนี่หากไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์แล้วหินจันทราเกิดเคลื่อนไหวข้าคงได้ตายจริงๆ แน่ครานี้ กระพรวนนี่อยู่ติดกายข้ามาตั้งแต่ท่านน้าให้สวม หลังจากนั้นแม้จะทำอย่างไรมันก็ไม่หลุดออกจากขาของเข้าอีกทั้งยังสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างยืดขยายไปตามร่างกายของข้าได้ ครานี้ประหลาดมากที่หล่นหายไปได้ ต้องมีเรื่องผิดปกติเป็นแน่""เรื่องผิดปกติเช่นนี้ หวังว่าคงไม่เกิดขึ้นบ่อยนะเพคะ อย่างไรเสียหม่อมฉันมั่นใจว่าเราต้องพบกระพรวนเป็นแน่ กระพรวนย่อมรู้จักองค์หญิงคงหาทางกลับมาจนได้เพคะ ของวิเศษเช่นนั้นไม่มีทางหายไปนาน" อาชิงเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม"อาชิงเจ้าว่าเรื่องนี้เกี่ยวกั
"แล้วเจ้ากับข้าจะมัวช้าอยู่ทำไมคนหาทั่วแปลงผักไม่พบอาจจะหล่นที่ไหนสักแห่งในจวนเราจะรวยแล้วครานี้"สาวใช้ทั้งสองเร่งรีบจนไม่ทันระวังว่ามีร่างสูงของคนผู้หนึ่งกำลังก้าวเท้าเข้ามาจนเดินชนเข้าไปเต็มๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นพวกนางจึงเห็นว่าเป็นผู้ใด ต่างคุกเข่าลงท่าทางลุกลี้ลุกลนนัก"ค่ะท่านแม่ทัพ""ใช่เป็นท่านแม่ทัพ พวกเจ้าเร่งรีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอะไรว่ามา" องครักษ์ฝานที่ยืนด้านข้างยกมือกอดอกถามด้วยสายตาดุดัน มองสองสาวใช้อย่างตำหนิพวกนางเร่งรีบจนชนเข้ากับแม่ทัพหยางผู้ตัวโตราวกับภูเขาผู้นี้ได้อย่างไรหยางเอ้อหลางมองพวกนางด้วยใบหน้าเคร่งขรึมสองสามวันมานี้ในจวนอันเงียบสงบของเขาดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่ภายใน พวกบ่าวไพร่ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดสายตาล้วนสอดส่ายหาบางสิ่ง เขาผู้เป็นนายเห็นแล้วก็นึงสงสัยยิ่งนัก"พวกเจ้าเร่งรุดไปที่ใด"เสียงขรึมของท่านแม่ทัพทำเอาสาวใช้ตอบตะกุกตะกัก"ระเรียน ทะท่านแม่ทัพ พวกบ่าวเร่งรีบไปหากระพรวนอันหนึ่งเจ้าค่ะ""กระพรวนหรือ" องครักษ์ฝานเอ่ยถาม"เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพคงไม่รู้ ด้านนอกมีเศรษฐีท่านหนึ่งประกาศว่าทำกระต่ายหลุดออกมาและกระต่ายตัวนั้นทำกระพรว
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี