ย้อนนึกไปถึงตอนนั้น เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจว่าจบมาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ด้วยผลการเรียนและงานวิจัยของเธอ ทำให้สถาบันวิจัยมาจองตัวเธอให้เข้าทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เพราะความรักบังตา ทำให้เธอปฏิเสธการเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยแห่งชาติ แต่กลับไปสมัครงานที่บริษัทเล็กๆของอาชวีช่วยทำโครงการหลายโครงการ จนบริษัทประสบผลสำเร็จเข้าตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้
เธอยอมทิ้งความฝันเพื่อผู้ชายที่ให้เธอเป็นแค่ของเล่น ไม่มีตัวตน ไม่เคยยอมรับเธอเหตุการณ์ที่เขาทำร้ายเธอเพื่อผู้หญิงในใจของเขาจนเธอต้องเสียลูกไป มันทำให้เธอคิดได้ และชีวิตนี้เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
" ตอนนี้ทางสถาบันกำลังวิจัยเรื่องการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เรื่องนี้สำคัญมากเพราะมีข่าวว่ามีการค้นพบกล้วยไม้สีรุ้ง"
" กล้วยไม้สีรุ้ง มันเกี่ยวอะไรกับการวิจัยเหรอค่ะศาสตราจารย์"
" เกี่ยวสิเกี่ยวแน่นอน เพราะในตำราบอกไว้ว่ามันสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้"
" ศาสตราจารย์หมายความว่ากล้วยไม้สีรุ้งช่วยรักษามะเร็งได้"
" ถูกต้อง"
" แต่ศาสตราจารย์ครับ ในตำราโบราณจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน"
" ผมเชื่อนะ ถ้าเราได้ตัวอย่างมาวิจัยผมว่ามีความเป็นไปได้สูง"
" แล้วเราจะไปเอากล้วยไม้สีรุ้งมาจากไหน"
"หุบเขามรณะ"
ในห้องประชุม ศาสตราจารย์อธิบายรายละเอียดให้ทุกคนฟัง
" หุบเขามรณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว ส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งไทยและอีกส่วนอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน"
" แล้วไอ้หุบเขามรณะนี่มันอยู่ฝั่งไหนเหรอครับ"
" คาดว่าจะอยู่ฝั่งพาม่า เพราะหุบเขานี้มีแค่เทือกเขาส่วนหน้าเท่านั้นที่อยู่ฝั่งไทย ตามแนวชายแดนตะวันตก"
" หูย แค่ชื่อก็น่ากลัวแล้วอ่ะ นี่พวกเราต้องไปตามหากล้วยไม้สีรุ้งกันจริงๆใช่ไหม"
ดารินเอ่ยขึ้นมา
" ผมจะไม่บังคับ แต่ขอความสมัครใจ ใครที่ไม่อยากไปก็ให้ทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนคนที่จะไปผมมีเงินพิเศษให้ เป็นเงินทุนจากมิสเตอร์โจเซฟ ที่สนับสนุนโครงการวิจัยของเรา ครั้งนี้คนที่ไปจะได้คนละ5ล้านพร้อมประกันชีวิตมูลค่า10ล้าน ถ้ากลับมาจะมีโบนัสพิเศษให้อีก"
ทุกคนมองหน้ากัน
" ผมไปครับ ยังไงผมก็ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"
กิตติศักดิ์พูดขึ้นมาก่อนจะหันไปถามธารธารา
"แล้วน้ำหล่ะจะไปหรือเปล่า"
ธารธาราพยักหน้า กิตติศักดิ์ยิ้มดีใจจนเห็นลักยิ้มแก้มบุ๋ม โมรีมองทั้งสองก็รู้สึกอิจฉาเธอแอบชอบกิตติศักดิ์มานาน เขาไม่เคยยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน สายตาที่เขามองธารธารา มันช่างแตกต่างกับที่เขามองผู้หญิงคนอื่น เธอรู้มาว่าเขายังไม่มีแฟนแต่มีคนในใจที่แอบรักมาหลายปี คนๆนั้นคงไม่ใช่ธารธาราหรอกใช่ไหม
" โม โม"
" หือ"
" แกจะไปรึเปล่าได้5ล้านเลยนะ แกว่าคุ้มไหมอ่ะที่เราต้องไปลำบากลำบนเสี่ยงชีวิตในป่าหน่ะ"
" ฉันไป"
เดิมทีเธอไม่อยากไปลำบากในป่าเขาหรอกฟังดูชื่อหุบเขาสิ หุบเขามรณะ มีแต่อันตรายรออยู่ ไปแล้วไม่รู้จะได้กลับออกมาหรือเปล่า ที่สำคัญกล้วยไม้สีรุ้งนั่นจะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กิตติศักดิ์ไป เธอจึงต้องไปด้วย ขอแค่ได่เห็นหน้าเขาในทุกๆวันก็พอ
" อืม ถ้าแกไปฉันก็ไปด้วย "
" ลูกคุณหนูอย่างแกเนี่ยนะจะเข้าป่า แกไม่กลัวลำบากเหรอ เงินแค่5ล้านทำยังกะบ้านแกจน"
" ก็ชีวิตมันเรียบง่ายเกินไปไง เลยต้องออกไปหาอะไรตื่นเต้นทำบ้าง ก็คิดซะว่าไปเข้าค่ายลูกเสือ เชื่อเหอะ ไปไม่นานหรอก พอหาไม่เจอเดี๋ยวก็ต้องกลับออกมา"
" เอาหล่ะ ใครที่จะไปให้ลงชื่อที่นี่"
ศาสตราจารย์ส่งแฟ้มเอกสารให้กิตติศักดิ์เป็นคนแรก
"แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ค่ะศาสตราจารย์"
" อีก7วันข้างหน้า"
" ศาสตราจารย์จะไปกับพวกเราไหมครับ"
" ไม่"
" อ้าว"
" ผมเป็นศาสตราจารย์ เป็นหัวหน้าของสถาบันแห่งนี้ ต้องอยู่ดูแลที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมแผนการเดินทางการไว้ให้พวกคุณแล้ว การเดินทางครั้งนี้ผมจะให้กิตติศักดิ์เป็นหัวหน้านำทีม กิตติศักดิ์นี่คือข้อมูลของพรานมูเล่ เป็นพรานป่าที่ชำนาญเมื่อไปถึงหมู่บ้านให้คุณติดต่อเขานำทาง "
" ครับศาสตราจารย์ ว่าแต่มีแค่พรานคนนี้คนเดียวเหรอครับ แล้วคนอื่น"
" ต้องเป็นคนนี้คนเดียวเท่านั้น"
" เพราะอะไรเหรอครับ"
" เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปในหุบเขามรณะ แล้วสามารถกลับออกมาได้ พูดง่ายๆว่าเขาเป็นคนเดียวที่เคยไป และเคยเห็นนั่นแหละ"
" แสดงว่าคนอื่นที่เข้าไปไม่มีใครกลับออกมาเลยใช่ไหมครับ"
ภาสกรถามขึ้นมา ศาสตราจารย์พยักหน้าแทนคำตอบ
โรงอาหารสถาบันวิจัยแห่งชาติ
โมรีถือจานข้าวจ้องมองไปที่กิตติศักดิ์ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับธารธารา ดารินปรุงเครื่องก๋วยเตี๋ยวเสร็จหันมา เห็นโมรียืนมองกิตติศักดิ์ก็พูดขึ้น
" มัวแต่แอบมองแอบชอบอยู่อย่างนี้จะไปเกิดประโยชน์อะไร คนใหม่ที่พึ่งเข้าสถาบันคนนั้นสวยมากเลยนะ ฉันรู้มาว่าเคยเป็นน้องรหัสของพี่กรุ๊ปมาก่อน เขาเลยสนิทกันเป็นพิเศษ ไปเถอะเราไปนั่งกับพวกเขากัน"
ดารินเดินนำหน้าพาโมรีไปนั่งโต๊ะเดียวกับกิตติศักดิ์ พอดีกับที่ภาสกรและดุษฎีถือจานข้าวเข้ามานั่งด้วย
" หวัดดีจ๊ะฉันชื่อดารินเรียกรินก็ได้ ส่วนนี่ชื่อโมรีชื่อเล่นโมเราสองคนอายุ25เท่ากัน"
ดารินแนะนำตัวเองกับธารธารา ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ธารธาราส่งยิ้มกลับ
" ฉันชื่อธารธาราเรียกสั้นๆว่าน้ำก็ได้อายุ25เท่ากับพวกเธอ"
" ดีเลย งั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนกันเนอะ"
" อืมได้สิ"
" เธอก็จะเดินทางไปหุบเขามรณะด้วยใช่ไหมฉันเห็นเธอลงชื่อ"
" ใช่"
" ฉันกับโมก็ไปเหมือนกัน ดีเลยจะได้มีเพื่อนช่วยเหลือกัน"
" อะแฮ่ม พี่ชื่อภาสกรเรียกพี่ว่าพี่กรนะครับพี่ก็ไปด้วย"
" ส่วนพี่ชื่อด้วงแล้วก็ไอ้หน้าตาหื่นๆข้างพี่เนี่ยชื่อไฟ แต่มันไม่ได้ไปหุบเขามรณะกับเราหรอกนะมันติดเมียหน่ะ"
ดุษฎีแนะนำตัวเองและธวัชชัยให้ธารธารารู้จัก
" พี่รู้อยู่แล้วว่าน้องชื่อน้ำ เป็นน้องรหัสของไอ้กรุ๊ปมันตอนเรียนมหาลัย มันเล่าเรื่องของน้ำให้พวกพี่ฟังบ่อยๆ ขนาดในโทรศัพท์มันยังมีแต่รูปน้ำ โอ้ย"
กิตติศักดิ์รีบเตะขาดุษฎีก่อนที่จะพูดมากไปกว่านี้ ใช่ในโทรศัพท์ของเขามีแต่รูปของธารธารา เขาแอบรักเธอมาหลายปีแต่เขารู้ว่าเธอไม่เคยคิดกับเขาเกินคำว่าพี่ชาย เขาถึงได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ กดให้ลึกสุดใจ
" รีบกินเถอะน้ำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ "
กิตติศักดิ์บอกให้ธารธารากิน แล้วยังคีบลูกชิ้นในชามของตัวเองให้เธออีก โมรีมองดูทั้งสองก็ยิ่งเศร้าใจ ตักข้าวเข้าปากไม่รับรู้รสอะไรมีแต่ความขื่นขม ดารินเห็นเพื่อนเศร้าก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไง เลยคีบลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวให้เพื่อน
" อะ ฉันให้ กินเยอะๆจะได้มีเนื้อมีหนังบ้างผอมไปแล้วแก ผู้ชายหน่ะเขาชอบอวบๆดูมๆเด้งๆรู้ไหม"
โมรีก้มมองตัวเองที่หน้าอกแบนราบ อดไม่ได้ที่จะมองดูธารธาราที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามธารธาราทั้งสวยทั้งอกอวบใหญ่ น่าอิจฉาจังกลับออกมาจากป่าครั้งนี้ เธอจะเอาเงินที่ได้ไปทำนม
ธารธารารับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา พอเงยหน้าก็เห็นโมรีจ้องมองเธออยู่ จึงยิ้มให้โมรีรู้ว่ามองธารธารานานไปก็ได้สติ ส่งยิ้มกลับคืนไป แล้วก้มหน้ากินข้าวในจานตัวเองต่อ
เพล้ง โครมอาชวีปัดข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจายก่อนเข้าไปเตะต่อยลูกน้องที่ยืนเรียงแถว แล้วชี้หน้าด่าลูกน้องด้วยความโมโห" ไม่ได้เรื่อง พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวหลายวันแล้วพวกมึงยังหาไม่เจอ นี่กูจะเลี้ยงพวกมึงไว้ทำไมห๊า ไป ไปเลยนะ ถ้าหาเมียกูไม่เจอพวกมึงก็อย่ากลับมาให้กูเห็นอีก ไป๊ ไสหัวไป"อัญญาอรเดินเข้ามาสวนทางกับบอดี้การ์ดนับสิบที่รีบเร่งเดินออกไป แต่ละคนหน้าตาบวมช้ำปากแตก" วีคะเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ"" มาทำไม"อาชวีตะคอกใส่เสียงดังจนอัญญาอรสะดุ้ง" วีฉัน"" ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้ว แล้วทำไมยังมาอีก"" ฉัน ฉันคิดถึงคุณ ก็คุณไม่ยอมไปหาฉันเลย โทรไปก็ไม่รับส่งข้อความก็ไม่ตอบกลับ ฉันเลยต้องมาหาคุณที่นี่"" แล้วทำไมผมต้องไปหาคุณ ทำไมต้องรับสายคุณต้องตอบข้อความคุณด้วย คุณไม่ได้เป็นอะไรกับผมสักหน่อย"" ทำไมคุณพูดแบบนี้ ฉันเป็นเมียคุณนะเราเอากันแล้ว"" เฮอะ แค่ครั้งสองครั้งผมไม่นับหรอก "" วี ทำไมคุณพูดกับฉันแบบนี้"" ทำไมจะพูดไม่ได้ ผมก็แค่สนุกกับคุณก็แค่เล่นๆ ตอนนี้ผมไม่ต้องการคุณแล้ว ออกไปแล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก เพร
" นาย นายครับนาย นายครับ"อาชวีลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องยืนมองอยู่ มองไปรอบๆตัวนี่มันห้องนอนเขาที่บ้านใหญ่นี่นา" ใคร ใครพากูกลับมา"" เอ่อ ก็พวกเพื่อนๆนายนั่นแหละครับ"" นี่กี่โมงแล้ว"" 6โมงครึ่งครับนาย"" 6โมงครึ่ง พึ่งจะ6โมงครึ่งแล้วพวกมึงมาปลุกกูทำไม ห๊า หรือพวกมึงอยากตกงานกัน"" ไม่ ไม่อยากครับนาย คือพวกผมมีเรื่องด่วนจึงรีบมารายงานนายครับ"" เรื่องอะไร"" นี่ครับนาย"อาชาส่งแท็บเเลตที่เปิดหน้าข่าวค้างไว้ อาชวีอ่านข่าวแล้วแสยะยิ้มหัวเราะลั่น ผบ.ตรทัดเทพ พ่อของอัญญาอร ถูกจับข้อหาทุจริตและเอี่ยวการพนันออนไลน์ ถูกส่งเข้าคุกและยึดทรัพย์ทั้งหมดที่มี สมน้ำหน้า ชอบทำตัวกร่างเบ่งอำนาจดีนัก" ยังมีอีกเรื่องครับนาย"อาชวีรีบขับรถมาที่สถาบันวิจัยทันทีที่ลูกน้องรายงานว่าธารธาราอยู่ที่นี่ เขาเหยียบเกือบมิดไมล์ เมื่อรถเลี้ยวเข้าสถาบันก็สวนทางกับรถตู้คันหนึ่งที่ขับออกไป โดยไม่รู้ว่าธารธาราก็นั่งอยู่ในรถตู้คันนั้น และกำลังจะเดินทางไปหุบเขามรณะบรืนน เอี๊ยดดดด ปังอาชวีเปิดประตูลงจากรถก็เจอศาสตราจารย์ที่กำลังจะเดินเข้าข้างในศาสตราจารย์หันกลับมามองดูอาชวี" ผมมาหาธารธารา"" เธอไม่ได้อยู่ที่นี่"" อย่
ทีมงานเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ช่วงหัวค่ำพอดี หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าโอบล้อมด้วยหุบเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านที่นี่คงใช้วิธีออกจากหมู่บ้านด้วยการล่องแพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่าเดินเท้า บ้านทุกหลังใช้ใบไม้ทำเป็นหลังคาและฝาบ้าน ทุกคนดีใจแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว พอก้าวขาเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็พากันมองมาที่ทุกคนด้วยสายตาแปลกๆ" ทำไมพวกเขามองเราแบบนั้นวะ"" ก็คงเห็นว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าล่ะมั้ง"" แต่ฉันว่าสายตามันดูแปลกๆอ่ะ หวังว่าหมู่บ้านนี้คงจะไม่ใช่แบบหมู่บ้านกินคนหรอกนะ"ได้ฟังดุษฎีพูดทุกคนก็ลังเลที่จะเดินต่อ ดารินกับโมรีขยับเข้าหากันจับมือกันแน่นสายตามองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง" เฮ้ยไอ้กรุ๊ป มึงแน่ใจนะว่าพาพวกเรามาถูกหมู่บ้านหน่ะ "ภาสกรที่เดินนำหน้าเข้าหมู่บ้านพร้อมดุษฎีถอยหลังกลับไปถามกิตติศักดิ์ " ไม่ผิด ที่นี่แหละกูมาตามแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มาเลย "" ศาสตราจารย์ได้บอกไหมว่าแถวนี้มันมีกี่หมู่บ้าน เราอาจจะมาผิดหมู่บ้านก็ได้นะ"ดารินถามขึ้นมา " ไม่ได้ถาม แต่ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วถึงต่อให้ผิดยังไง คืนนี้เราก็คงต้องพั
" แก ฉัน ฉันว่าฉันปวดท้องแล้วหล่ะ "ดารินเอามือกุมท้อง แล้วเรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ปวดฉี่แต่ปวดอึต้องเป็นอาหารที่กินเข้าไปเมื่อตอนค่ำแน่เลย กระเพาะลำไส้เธอไม่ค่อยดีกินอาหารแปลกไปทีไรท้องเสียทุกที" แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"" ให้ฉันไปเฝ้าแกขี้เนี่ยนะ ไม่เอาอ่ะฉันกลัวผี"" แต่เซโพบอกว่าห้ามไปคนเดียวต้องมีเพื่อนไปด้วย แล้วแกก็เป็นเพื่อนของฉันถ้าแกไม่ไปแล้วจะให้พี่กรุ๊ปไปรึไง"" แต่ฉันก็กลัวนะ"" แกคิดว่าฉันไม่กลัวรึไง เราถึงต้องไปด้วยกันนี่ไง"" แกหน่ะปวดอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา อั้นเอาไว้ก่อนไม่ได้รึไง อดเอาเดี๋ยวก็เช้าแล้ว"" โอ้ยจะบ้าเหรอ ฉันปวดจะแย่แล้ว เหมือนจะท้องเสียด้วยไม่ไหวแล้ว "ธารธาราเห็นทั้งสองคุยกัน โมรีก็ดูท่าจะไม่ยอมไปด้วยเลยอาสาไปเป็นเพื่อน" เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเอง ไปเถอะ"ดารินหันขวับไปมองธารธารา ไม่คิดว่าในยามลำบากคนที่ไม่รู้จักกันดีจะช่วยเธอ แต่เพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปีจะไม่สนใจเธอเเบบนี้ธารธาราถือตะเกียงพาดารินตรงไปที่ป่าหลังบ้าน" ฉันยืนรอตรงนี้นะ รีบไปเถอะ"" ได้ๆขอบใจนะ บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมเลย กลับไปกรุงเทพฉันจะเลี้ยงหมูกะทะเธอเลย"
" รีบเก็บของแล้วรีบไปจากบ้านของข้าซะแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ข้าจะให้คนถ่อแพไปส่งพวกเอ็งที่ทางเข้าหมู่บ้าน"" เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิครับพราน ขอแค่พรานนำทางพวกผมไป พรานต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลย นี่นี่ครับ พรานดูก่อน"ดุษฎีเปิดกระเป๋าที่ภายในเต็มไปด้วยเงินเป็นปึกให้มูเล่ดู มูเล่มองด้วยแววตาเฉยชาต่อให้เอามากองท่วมหัวเขาก็ไม่เอา เพราะการไปหุบเขามรณะมันทำให้พ่อของเขาต้องตาย ตั้งแต่วันนั้นเขาก็โทษตัวเองมาตลอด ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา พ่อของเขาก็คงไม่ต้องตาย" หรือว่าไม่พอ งั้นก็เอาไปแค่นี้ก่อนกลับออกมาผมจะบอกศาสตราจารย์ให้เอามาให้อีก"มูเล่มองหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงแข็งกร้าว" ต่อให้พวกเอ็งขนเอามากองท่วมหัวข้าก็ไม่สน พวกเอ็งรีบไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้เลย ไป๊"" ใจเย็นๆ เรื่องนี้เราคุยกันได้ "" ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเอ็ง "" แต่พรานคะพวกเราขอร้องเถอะค่ะ นะคะ"" ทำไงดี ถ้าพรานไม่นำทางพวกเราแล้วเราจะไปหุบเขามรณะได้ยังไง"" ก็ถ้าเขาเล่นตัวไม่ยอมไป ก็หาพรานคนอื่นสิ ไม่เห็นจะยาก"ดุษฎีออกความเห็น ก็แค่พรานไม่ใช่เหรอในหมู่บ้านนี้คงไม่ได้มีพรานแค่คนเดียวหรอก" จริงอย่างที่ไอ้ด้วงมันพูด ในเมื่อพรานมูเล่ไม่ยอมนำท
" นายครับคุณน้ำเธอคงไปหุบเขามรณะแล้ว แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ"อาชวีหันไปมองดูเขาสูงตะหง่านเบื้องหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น เซโพกอดลาลูกเมียบอกทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง แล้วสั่งให้เมียเอาเช็คไปขึ้นที่ธนาคารในเมืองให้เรียบร้อย เขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่ออนาคตของลูกชายและลูกอีกคนที่อยู่ในท้องที่กำลังจะเกิดมา หากมีโอกาสรอดชีวิตกลับมา เขาตั้งใจจะพาลูกเมียย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่หากเขาไม่ได้กลับมาเงินค่าจ้างที่ได้มาหลักล้านก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกเมียของเขาอยู่ได้สุขสบาย" มึงแน่ใจว่าจะตามทัน"" แน่ใจ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย"" นานไหม"" บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์"เซโพแกะรอยตามมูเล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งใกล้ค่ำจึงหยุดเดิน" อ้าว หยุดทำไมวะ"" ใกล้ค่ำแล้วพวกเราต้องหาที่พัก เอ็งสองคนไปช่วยกันหากิ่งไม้มาสุมไฟ หามาเยอะๆพวกสัตว์ป่ามันกลัวไฟ เราต้องสุมไฟให้ติดทั้งคืนจะได้ไม่มีอันตราย"ลูกน้องสองคนมองหน้าอาชวีเมื่ออาชวีพยักหน้า พวกเขาก็เดินออกไปหากิ่งไม้ทันทีพอก่อกองไฟเสร็จ เซโพก็หยิบของบางอย่างใส่ลงไปในกองไฟ ก่อนจะลุกขึ้นโรยผงสีขาวรอบๆบริเวณเป็นวงกลมล้อมรอบทุกคนเอาไว้" พราน พรานโรยผงอะไรอ่ะ"ดำรงถามด้วยคว
พวกลูกน้องมองหน้ากัน พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันต่างก็ง่วงนอน ถึงได้หลับไปด้วยความเพลีย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น ทั้งที่พรานก็เตือนแล้วว่าอย่าออกนอกเส้นที่ขีดไว้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายของพวกเขาดันคิดถึงเมียมาก เห็นเสือสมิงแปลงกายเป็นเธอก็หน้ามืดตามัวรีบตามออกไป ทั้งที่เรียกพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนก็ได้แต่ที่ไม่เรียกเพราะคิดว่าจะไปแอบเย่กันหน่ะสิ แต่แทนที่จะได้เย่เมีย ดันเกือบถูกเสือกินแทน แล้วทีนี้ก็มาโทษลูกน้องอย่างพวกเขาอาชารีบเข้าไปกอดขาอาชวี" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย ยกโทษให้พวกเราด้วยเถอะครับ ต่อไปพวกเราจะไม่หลับพร้อมกันอีกแล้ว ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้พวกเราจะแบ่งเวรกัน ผลัดกันเฝ้ายามครับนาย "แสงแดดสาดส่องลงมาแม้เป็นเวลาสายแต่ก็ไม่ร้อนมาก เพราะมีต้นไม้ใหญ่หนาบดบัง เซโพเดินนำหน้าพาอาชวีกับลูกน้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาข้ามลำธาร จนกระทั่งพบซากกองไฟ เซโพตรงเข้าไปทันที" ซากกองไฟนี่ยังใหม่ๆอยู่ แสดงว่าพวกเขาพึ่งไปได้ไม่นาน"" จะเป็นพวกน้ำไหม"อาชวีรีบถามขึ้นมาด้วยความดีใจ เซโพมองไปรอบๆซากกองไฟมีผงขาวโรยรอบอยู่ก็พยักหน้า " คนที่รู้วิธีโรยผงป้องกันแบบนี้มีเพียงพ่อข้ากับข้าเท่านั้น ข้าคิดว
ในขณะที่ทุกคนกำลังเอร็ดอร่อยกับมันเผาอยู่ ไม่รู้เลยว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องพวกเขาอยู่ในพุ่มไม้ ดึกสงัดเงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิว เซโพยังไม่นอนเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของป่าบริเวณนี้ แปลกที่ไม่มีเสียงสัตว์ป่าร้องเลยสักแอะ เขานอนอย่างระแวดระวังจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา มันมีมากกว่า1คู่ สวบ สวบ สวบ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซโพลุกขึ้นเตือนให้ทุกคนระวังตัว แต่ไม่ทันจะได้ตอบโต้ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างพุ่งโจมตีก่อนที่สติจะดับลงมูเล่เดินนำทุกคนขึ้นเขาลงเขาสู่หุบเขาใหญ่อีกลูก ก่อนจะหยุดลงแล้วหันมาบอกทุกคน" ป่าบริเวณนี้ดูแปลกไปทุกคนระวังตัวกันด้วย"ทุกคนมองไปรอบๆเห็นว่าต้นไม้แถวนี้ต้นใหญ่กว่าทางที่ผ่านมา ใบไม้ก็ใหญ่มากด้วยยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกตัวเล็กเหมือนมด " นั่นมันอะไรหน่ะ เหมือนหม้อข้าวหม้อแกงลิงเลย"ภาสกรชี้ให้ทุกคนดู" ใช่ หม้อข้าวหม้อแกงลิง แต่เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่โคตรใหญ่เลย"" ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเราไปโดนมัน มันจะต้องสวบเราแน่ๆ"" พวกเอ็งรีบเดิน เราต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนค่ำ พวกเอ็งเห็นเขาลูกนั้นไหม"ทุกคนมองตามที่มูเล่บอก เห็นเขาลูกใหญ่อีกฟาก
เพราะมีคนได้รับบาดเจ็บจากการถูกงูกัดทุกคนเลยตกลงกันว่าจะพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองคืน อีกอย่างไม่ไกลจากบริเวณที่พักมีต้นมันขึ้นอยู่เยอะ เท่ากับว่าทุกคนจะมีอาหารกินกันโดยไม่ต้องไปหาไกลๆมูเล่บอกว่าจะออกไปสำรวจรอบๆบริเวณพร้อมหาอาหารเพิ่ม ธารธาราขอตามไปด้วย แน่นอนว่าธารธาราไปไหนอาชวีก็ตามติด พวกเขาเดินเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ จนได้มาเจอต้นพุทราอยู่ต้นหนึ่งออกลูกเต็มไปหมด ลูกใหญ่ด้วย ธารธาราสังเกตุเห็นนกหลายตัวมาจิกกินก็คิดว่าน่าจะปลอดภัยกินได้ จึงลองเด็ดมากินลูกหนึ่งปรากฏว่าหวานกรอบอร่อยมาก จึงให้อาชวีกับอาชาและดำรงที่ตามมาด้วยช่วยกันเก็บ ดารินนั่งรอทุกคนอยู่อย่างเบื่อๆเซ็งๆ จะไปด้วยก็ไม่ได้ขายังเดินไม่มั่นคง พอเห็นธารธารากลับมาก็ดีใจรีบลุกเดินกระโผลกกะเผลกไปหา " น้ำกลับมาแล้ว ได้อะไรมาด้วยเยอะเลย"" พุทรา หวานกรอบมาก ลองชิมดู"ดารินรับพุทรามากัดกินดูแล้วก็พยักหน้า" อือหวานกรอบอร่อยจริงๆ"" ทุกคนวันนี้เรามีพุทราเพิ่มมาให้กินด้วยนะมาเอากันเร็ว"" แล้วพ่อของข้าหล่ะไม่ได้กลับมาพร้อมพวกเอ็งรึ"" ตอนที่พวกเราเก็บพุทราอยู่พรานมูเล่บอกว่าจะไปสำรวจอีกทางหนึ่ง ให้พวกเรากลับก่อนเลย เดี๋ยวเขาตามมา
" ก็แค่งูเห่าตัวเดียว โธ่เอ๊ย นึกว่าพวกกูจะกลัวเหรอ แน่จริงมากันให้เป็นฝูงเลยเซ่ "ลูกน้องคนหนึ่งของอาชวีเดินไปพูดเยาะเย้ยใกล้ๆซากงู แล้วยังถ่มน้ำลายใส่มันอีกอาชวีจับบ่าสองข้างของธารธาราถามด้วยความห่วงใย" เมื่อกี้ตกใจหรือเปล่า "ธารธาราส่ายหน้า" ขอบคุณ"" ผมต้องปกป้องคุณอยู่แล้ว คุณต้องอยู่ใกล้ๆผมนะ ห้ามอยู่ไกลจากผมเด็ดขาดรู้ไหม"คนอื่นๆเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงกลับไปเหลาไม้ต่อ ไม่มีใครสังเกตุว่างูเห่าเป็นฝูงกำลังเลื้อยมาทางพวกเขา ลูกน้องของอาชวีที่ถ่มน้ำลายใส่ซากงู กำลังจะหันหลังกลับก็ถูกฉกเข้าที่ขา พอเขาก้มลงดูก็ตกใจ อ้าปากค้างเมื่อเห็นงูเห่าหลายตัวแผ่แม่เบี้ยและพุ่งเข้ามากัดเขาจนล้มลง" โอ้ย ช่วย ช่วยด้วย"ทุกคนหันไปดูก็ตกใจกับภาพที่เห็นงูเห่ารุมฉกกัดชายคนนั้นจนแทบมองไม่เห็นร่าง คนที่มีปืนก็ยิงปืนใส่พวกมัน แต่ยิ่งยิงจำนวนพวกมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนแตกตัวได้" ขืนเป็นแบบนี้ไม่ไหวแน่พราน พวกมันมาจากไหนกันเยอะแยะขนาดนี้ ปืนมีแค่สี่กระบอกต่อให้ยิงหมดลูกกระสุนก็ต้านพวกมันไม่ไหวหรอก"" กรี๊ดดด พรานดูนั่นพวกมันมาจากทางนั้นด้วย"ดารินชี้ให้มูเล่ดูงูเห่านับจำนวนไม่ถ้วน พากันเลื้อยเข
เมื่อมูเล่กลับเข้าถ้ำมา ก็ได้ถามทุกคนว่าจะไปต่อหรือเปลี่ยนใจกลับออกจากป่า" ก็ต้องไปต่อสิพราน นี่พวกเรายังไปไม่ถึงไหนเลยนะ ยังไงก็ต้องนำกล้วยไม้สีรุ้งกลับไปด้วย"" มีใครจะเปลี่ยนใจไหม ฉันจะไม่บังคับหากใครเปลี่ยนใจก็ให้กลับพร้อมกับคุณอาชวีได้ พรานเซโพจะนำทางทุกคนออกจากป่ากลับกรุงเทพ แต่ถ้าใครจะไปต่อเราก็จะไปด้วยกัน พรานมูเล่จะนำทางเราสู่หุบเขามรณะ"กิตติศักดิ์ถามทุกคนในทีม ดารินลังเลเธอก็อยากกลับ จึงมองหน้าธารธาราเพราะคิดว่าธารธารายังไงก็ต้องกลับกับอาชวี แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อธารธาราพูดขึ้นมาว่าจะไปต่อกับทีม กิตติศักดิ์ยิ้มดีใจ อาชวีรีบเดินเข้ามาจับแขนธารธารา" ไม่ได้นะน้ำ คุณไปต่อไม่ได้ คุณต้องกลับกับผม"" ปล่อย ฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณที่ต้องทำตามคำสั่งคุณ คุณจะกลับก็กลับไปคนเดียวฉันไม่กลับ จนกว่าจะได้กล้วยไม้สีรุ้งกลับไปด้วย นี่เป็นความตั้งใจของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"" ไอ้กล้วยไม้บ้าบอนั่นมันมีอยู่จริงที่ไหนหล่ะ กลับไปคุณอยากได้สีรุ้งหรือสีเลือดผมจะให้คนพ่นสีจะเอาสักกี่ร้อยกี่พันดอกก็ได้"" คุณจะบ้าเหรอ มันต้องเป็นสีที่เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่งั้นจะมีสรรพคุณทางยาได้ยังไง"" ผมไม่สน ยังไง
" เลิกบอกใครว่าฉันเป็นเมียคุณสักที"" ก็คุณเป็นเมียผม"" ฮึ ตอนนั้นถ้าคุณบอกใครๆแบบนี้ฉันคงจะดีใจมาก ในตอนที่ฉันต้องการการยอมรับจากคุณแต่คุณก็ไม่สนใจ ตอนนี้ฉันไม่ต้องการมันแล้ว ฉะนั้นอย่ามายัดเยียดให้ฉัน"" น้ำผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมได้ไหม"" อาชวีเราจบกันแล้ว"" ไม่ คุณจบของคุณคนเดียวผมไม่รับรู้ด้วยเรายังเป็นเหมือนเดิม คุณยังเป็นเมียผม"" มันสายไปแล้ว ฉันไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับคุณอีก"" ผมรู้ว่าผมผิดแล้ว ผมถึงได้ตามมาง้อคุณถึงที่นี่ไง"" ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องการ พอฝนหยุดคุณก็พาลูกน้องของคุณกลับกรุงเทพไปซะที่นี่ป่าเขาไม่ใช่ที่เล่นสำหรับคุณ"" ถ้าผมจะกลับคุณก็ต้องกลับไปกับผมด้วย"" ฉันมาทำงานไม่ได้มาเที่ยวเล่น ถ้างานของฉันไม่เสร็จฉันจะไม่มีวันกลับ"" ไอ้งานที่คุณว่าคือไปตามหากล้วยไม้บ้าบออะไรนั่นมาวิจัยหน่ะเหรอ ฮ่าฮ่า น้ำ คุณคิดว่ามันมีอยู่จริงเหรอ คุณหน่ะโดนไอ้แก่นั่นหลอกแล้วหล่ะ "" ฉันเชื่อว่ามันมีอยู่จริง พรานมูเล่เคยเห็นมันมาแล้ว เเล้วเขาก็เป็นคนที่กินกล้วยไม้สีรุ้งแล้วหายจากโรคร้ายจริงๆ นั่นยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์อีกเหรอ"" ไอ้พรานแก่นั่นกับไอ้แก่ที่สถาบันมันรวมหัวกันหลอก
" เฮ้ยน้ำ น้ำทำไมมาถึงนี่แล้ววะกรุ๊ป"ดุษฎีแตกตื่นเห็นว่าน้ำเริ่มขึ้นมาถึงตรงที่เขาหลบฝน จึงรีบตะโกนบอกกิตติศักดิ์ กิตติศักดิ์กับดุษฎีรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่บาดเจ็บทั้งสามคน ก็เห็นว่าน้ำท่วมเข้าไปถึงข้อเท้าแล้ว ดารินนอนอยู่บนเปลไม้ไผ่เปียกไปทั้งตัวข้างๆมีดุษฎีกับโมรีที่นั่งกอดเข่าอยู่" ทำไมไม่พากันออกมาจะรอให้น้ำท่วมตายห่าก่อนรึไง"ดุษฎีสบถอย่างหัวเสีย" กูเจ็บแขน รินก็นอนเดี้ยงอยู่แบบนี้แล้วจะให้หนีไปไหน"ภาสรตอบ เขาเองก็อยากหนีไปจากตรงนี้แต่เขาจะทิ้งดารินไปได้ยังไง เลยรอให้คนอื่นมาช่วยแล้วค่อยออกไปพร้อมกัน กิตติศักดิ์หันไปมองโมรี อดต่อว่าไม่ได้" โมเธอแค่หัวแตกเจ็บที่หัว แต่มือกับขาสองข้างยังใช้การได้ ทำไมไม่ช่วยพาพวกเขาออกจากตรงนี้ก่อน"" จะให้พาไปไหน ฝนก็ตกหนักแบบนี้ไปทางไหนก็เปียกอยู่ดี"" เธอไม่เห็นเหรอว่าน้ำกำลังจะท่วมแล้วน้ำป่าเวลามันมามันมาเร็วมาก คนปกติยังหนีแทบไม่ทัน ตอนนี้เรามีเพื่อนที่บาดเจ็บอยู่อะไรช่วยได้ก็ต้องช่วยกันไปก่อน"" แต่พรานเซโพก็บอกแล้วนี่ว่าพรานมูเล่กำลังไปหาที่หลบฝนใหม่ให้เราอยู่"" ตอนนี้พรานมูเล่ยังไม่กลับมา น้ำเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆแล้วเห็นไหม เราต้องช่วยเหลื
กิตติศักดิ์อุ้มโมรีไปได้ไม่ถึงไหน ก็เจอดุษฎีกับมูเล่ จึงบอกให้ทั้งสองไปช่วยดารินมูเล่มองดูสามคนที่บาดเจ็บนอนอยู่ก็ถอนหายใจ กิตติศักดิ์เดินเข้ามาหามูเล่" พวกเราคงต้องหยุดเดินทางก่อน จนกว่าทั้งสามคนจะหายดีถึงไปต่อได้"" ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น "ภาสกรแขนเดาะ หน้ามีรอยบาดเป็นแผลใหญ่ยาวครึ่งซีกซ้าย โมรีหัวแตกตอนนี้จับไข้ตัวร้อน ดารินหนักสุดขาหักสองข้างต้องใช้ไม้ดามเอาไว้ ส่วนคนที่เหลือบาดเจ็บแค่เล็กน้อยอาชวีมองดูผลไม้หลากสีลูกใหญ่ที่ลูกน้องของเขาพากันเก็บมาแล้วขมวดคิ้ว" พวกมึงแน่ใจนะว่ากินได้ "" แน่ใจสิครับนายมันเป็นผลไม้ก็ต้องกินได้อยู่แล้ว นายกินสิครับกินเลย ลูกใหญ่ๆสีสวยๆทั้งนั้น"" กูไม่ชอบกินผลไม้"" โธ่นายครับ นี่มันในป่านะครับมีผลไม้ให้กินก็บุญหัวแล้วนายอย่า"คำว่าเรื่องมากยังไม่ทันหลุดออกจากปากดำรงก็รีบกลืนลงไป เมื่อเห็นสายตาดุดันของอาชวี เขารู้ตัวว่าพูดมากไปจึงรีบหยิบผลไม้ออกไปกินห่างๆ ก่อนจะโดนบาทาเจ้านาย" นายครับแล้วนายจะไปไหน"" กูไปหาเดินเล่นแถวนี้แหละ"" ไปคนเดียวไม่กลัวเหรอครับ ถ้าเกิดเจออะไรขึ้นมาจะทำไง"อาชวีหยุดชะงัก อยากออกไปสูดอากาศคิดอะไรเพลินๆคนเดียวหน่อย เมื่อนึ
สัตว์ประหลาดก้มหน้าลงไปชิดกับเป้า ทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่น อาชวีถลึงตาใส่มันทั้งกลัวทั้งโมโห สัตว์ประหลาดอีกสามตัวถือคบไฟเข้ามาทำท่าจะจุดไฟ สัตว์ประหลาดที่ดมอยู่ที่หว่างขาอาชวีก็แผดเสียงแหลมเล็กเเสบแก้วหูขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นตวัดมือตบไปที่สัตว์ประหลาดทั้งสามที่พยายามจุดไฟ จากนั้นก็เกิดการตะลุมบอนขึ้น" ดูเหมือนว่ามันจะทะเลาะกันเอง ตัวนั้นที่ดมเป้านายน่าจะอยากได้นายไปทำผัว แต่ตัวอื่นไม่ยอมเพราะต้องการจะกินนาย"" ข้าก็คิดแบบนั้น อาศัยช่วงที่พวกมันทะเลาะกันมาช่วยกันหาทางออกจากที่นี่ดีกว่า"ทุกคนช่วยกันทั้งแหกทั้งแงะทั้งกัดก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกไปจากกรงขังได้ ปัง ปัง เสียงปืนดังขึ้นทุกอย่างเงียบสนิททั้งคนทั้งสัตว์ประหลาดต่างพากันมองหาต้นเสียง ก็เห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งสะพายย่ามอยู่ ในมือถือปืนเล็งไปที่พวกมันแล้วก็กราดยิงไปทั่วปัง ปัง ปัง ปัง เสียงกรีดร้องของสัตว์ประหลาดดังขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงดังแสบแก้วหูจนทุกคนต้องเอามือมาปิดหูตัวเองไว้ ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อพวกมันบางตัวล้มตายจมกองเลือด ที่เหลือต่างก็พากันวิ่งหนีแตกตื่น สัตว์ประหลาดตัวที่ถือปืนสะพายย่ามก็ตกใจตัวเอง โยนปืนและย่ามที่สะ
ในขณะที่ทุกคนกำลังเอร็ดอร่อยกับมันเผาอยู่ ไม่รู้เลยว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องพวกเขาอยู่ในพุ่มไม้ ดึกสงัดเงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิว เซโพยังไม่นอนเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของป่าบริเวณนี้ แปลกที่ไม่มีเสียงสัตว์ป่าร้องเลยสักแอะ เขานอนอย่างระแวดระวังจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา มันมีมากกว่า1คู่ สวบ สวบ สวบ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซโพลุกขึ้นเตือนให้ทุกคนระวังตัว แต่ไม่ทันจะได้ตอบโต้ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างพุ่งโจมตีก่อนที่สติจะดับลงมูเล่เดินนำทุกคนขึ้นเขาลงเขาสู่หุบเขาใหญ่อีกลูก ก่อนจะหยุดลงแล้วหันมาบอกทุกคน" ป่าบริเวณนี้ดูแปลกไปทุกคนระวังตัวกันด้วย"ทุกคนมองไปรอบๆเห็นว่าต้นไม้แถวนี้ต้นใหญ่กว่าทางที่ผ่านมา ใบไม้ก็ใหญ่มากด้วยยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกตัวเล็กเหมือนมด " นั่นมันอะไรหน่ะ เหมือนหม้อข้าวหม้อแกงลิงเลย"ภาสกรชี้ให้ทุกคนดู" ใช่ หม้อข้าวหม้อแกงลิง แต่เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่โคตรใหญ่เลย"" ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเราไปโดนมัน มันจะต้องสวบเราแน่ๆ"" พวกเอ็งรีบเดิน เราต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนค่ำ พวกเอ็งเห็นเขาลูกนั้นไหม"ทุกคนมองตามที่มูเล่บอก เห็นเขาลูกใหญ่อีกฟาก
พวกลูกน้องมองหน้ากัน พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันต่างก็ง่วงนอน ถึงได้หลับไปด้วยความเพลีย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น ทั้งที่พรานก็เตือนแล้วว่าอย่าออกนอกเส้นที่ขีดไว้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายของพวกเขาดันคิดถึงเมียมาก เห็นเสือสมิงแปลงกายเป็นเธอก็หน้ามืดตามัวรีบตามออกไป ทั้งที่เรียกพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนก็ได้แต่ที่ไม่เรียกเพราะคิดว่าจะไปแอบเย่กันหน่ะสิ แต่แทนที่จะได้เย่เมีย ดันเกือบถูกเสือกินแทน แล้วทีนี้ก็มาโทษลูกน้องอย่างพวกเขาอาชารีบเข้าไปกอดขาอาชวี" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย ยกโทษให้พวกเราด้วยเถอะครับ ต่อไปพวกเราจะไม่หลับพร้อมกันอีกแล้ว ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้พวกเราจะแบ่งเวรกัน ผลัดกันเฝ้ายามครับนาย "แสงแดดสาดส่องลงมาแม้เป็นเวลาสายแต่ก็ไม่ร้อนมาก เพราะมีต้นไม้ใหญ่หนาบดบัง เซโพเดินนำหน้าพาอาชวีกับลูกน้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาข้ามลำธาร จนกระทั่งพบซากกองไฟ เซโพตรงเข้าไปทันที" ซากกองไฟนี่ยังใหม่ๆอยู่ แสดงว่าพวกเขาพึ่งไปได้ไม่นาน"" จะเป็นพวกน้ำไหม"อาชวีรีบถามขึ้นมาด้วยความดีใจ เซโพมองไปรอบๆซากกองไฟมีผงขาวโรยรอบอยู่ก็พยักหน้า " คนที่รู้วิธีโรยผงป้องกันแบบนี้มีเพียงพ่อข้ากับข้าเท่านั้น ข้าคิดว