เธอเป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อผู้หญิงคนนั้นกลับมาก็หมดเวลาตัวสำรองอย่างเธอ เธอจึงจากไปแล้วเข้าร่วมทีมวิจัย เดินทางเข้าป่าตามหากล้วยไม้สีรุ้ง ที่เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคร้ายได้ พอเธอจากไปเขาก็ตามหาเธออย่างบ้าคลั่ง " ผมขอโทษเรากลับมาเป็นอย่างเดิมได้ไหม กลับไปกับผมนะ ผมจะจัดงานแต่งงานของเราให้ใหญ่โตประดับกุหลาบสีขาวอย่างที่คุณชอบให้ทั่วเลย ดีไหม" สัตว์ประหลาดก้มลงไปตรงหว่างขาทำจมูกฟุดฟิดสูดดมแล้วยิ้มโชว์ฟันแหลมคม อาชวีที่ถูกมัดติดกับต้นเสาได้แต่มองดูมัน เขาทั้งกลัวทั้งรังเกียจ " เฮ้ย เฮ้ย นั่นมันกำลังจะแดกนายแล้ว " เซโพพาทุกคนวิ่งออกมาลัดเลาะป่าหญ้าสูงท่วมหัว ล้มลุกคลุกคลานบ้างแต่ก็หยุดพักไม่ได้ อาชวีวิ่งตัวเปล่าล้อนจ้อนมีแต่กางเกงในตัวเดียว แถมตอนที่หกล้มเมื่อกี้ยังไปถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนกางเกงในขาดตูดเป็นรูกว้าง
Lihat lebih banyakธารธาราหยิบที่ตรวจครรภ์ออกมาดูแล้วยิ้มกว้าง มองไปที่ประตูห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อ รอบอกข่าวดีกับเขา เขาจะดีใจเหมือนเธอไหมนะ
แกร็ก อาชวีเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาท่อนล่างมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว
" จ้องผมแบบนี้หรือว่าอยากได้อีก "
เขาเดินเข้ามารวบเอวเธอเข้ามากอด จมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอ มือบีบขยำเต้าอวบ
" พะ พอแล้วค่ะ "
ธารธาราผลักเขาออก พึ่งจะร่วมรักกันไปสามครั้งติดๆ เธอไม่อยากทำบ่อยเกินไปกลัวจะกระทบกับลูกในท้อง
" วีคะ"
" หือ"
"ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ"
" เรื่องอะไร"
เธอกำลังเอาที่ตรวจครรภ์ออกมา แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เขาหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วยิ้มก่อนจะรีบกดรับ
" ฮัลโหล อืม ได้สิ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย"
เขารีบสวมใส่เสื้อผ้าคว้ากุญแจรถหมุนตัวออกไปโดยไม่สนใจเธอเลย
" วีคะ"
" มีอะไรรีบพูดมาผมรีบ"
" คุณไม่ไปไม่ได้เหรอ ฉัน ฉันไม่ค่อยสบาย อยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อน"
เธอเข้าไปกอดแขนเขาไว้ เขาปัดมือเธอออก
" ไม่สบายก็ไปหายากินไม่ก็ไปหาหมอ ผมผมไม่ใช่หมอนะ บอกแล้วจะช่วยอะไรได้"
เขาพูดเสียงแข็งกร้าว แล้วรีบเดินออกไป ปิดประประตูกระแทกเสียงดัง ปัง
น้ำตาของเธอไหลรินออกมา ใช้มือลูบท้องที่ยังแบนราบ ไม่รู้ว่าเธอนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ฟุบหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็ปวดหัวมาก จะลุกก็ไม่มีแรง จึงโทรเรียกรถพยาบาล
ตื่นมาตอนเช้าเธอโทรไปลางานวันครึ่ง พรุ่งนี้ช่วงบ่ายถึงจะเข้าไปทำงาน วันต่อมาพอน้ำเกลือหมดขวดก็ช่วงเที่ยงพอดี หมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์ได้5สัปดาห์แล้ว ให้ดูแลตัวเองให้ดีและอย่าลืมมาฝากท้อง หลังจากทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก็เรียกแท็กซี่ไปส่งที่บริษัท
ระหว่างเดินผ่านพนักงานกลุ่มหนึ่งก็ได้ยินบทสนทนา
" ผู้หญิงคนนั้นในห้องบอสสวยมากเลยแกว่าไหม คนอะไรทั้งสวยทั้งขาวหุ่นก็ดี"
" หุ่นอย่างกับนางแบบ โอ๊ยฉันอิจฉาจัง คนอะไรโคตรเพอร์เฟคเลย"
" พวกแกไม่รู้อะไร เขาลือกันว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของบอส เธอไปเรียนต่างประเทศพึ่งกลับมาเมื่อวาน บอสไปรับด้วยตัวเองที่สนามบินเลย นี่เห็นว่ากลับมาแล้วก็จะแต่งงงานกัน"
" จริงเหรอแก ตัวจริงกลับมาแล้วอย่างงี้ตัวสำรองก็หมดเวลาแล้วสิ"
ธารธาราหยุดชะงัก หันไปจ้องมองพนักงานสามคนที่พูด แล้วมองมาที่เธอด้วยสายตาเยาะเย้ยปนสมเพช
" น้ำมาแล้วเหรอ ไปเถอะ อย่าไปสนใจเสียงหมาเห่าหอนแถวนี้เลย"
พิชาภาเดินมารับธารธารา ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่วันแรก
" แกว่าใครเป็นหมา"
" ฉันพูดลอยๆ ใครอยากรับก็คนนั้นแหละ"
ธารธาราวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานสีหน้าไม่สู้ดี พิชาภารับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับอาชวี จึงได้แต่ปลอบใจ
" น้ำอย่าคิดมากนะ ไม่ต้องไปฟังที่พวกนั้นพูดกัน บางทีอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้"
" ผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้อยู่กับเขาในห้องทำงานใช่ไหม"
พิชาภาพยักหน้า ธารธารากำมือแน่นพยายามควบคุมอารมณ์ ไม่ให้ตัวเองเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขาเพื่อดูหน้าผู้หญิงคนนั้น เมื่อวานที่เขารีบร้อนออกไปเพราะผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้วนี่เอง
เคยมีคนเตือนเธอว่าอาชวีเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยแต่ถูกปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ยอมตัดใจ จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นไปเรียนต่อต่างประเทศ ผ่านไปหลายปีเขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน
จนกระทั่งเธอได้เจอเขาที่ผับแล้วมีวันไนต์กัน เขาบอกว่าติดใจเธออยากขอให้เธอเป็นของเขาเรื่อยไป จนกว่าเราจะเบื่อกัน เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็นเลยตอบตกลงตอนนั้นเธออยู่ปี4 หลังเรียนจบก็ไปสมัครทำงานที่บริษัทของเขา แม้ไม่ตรงสาขาที่เรียนมาแต่ก็ไม่มีปัญหาในการทำงาน ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเขาก็มีความสัมพันธ์กันมาตลอด ในเวลางานเขาเป็นเจ้านาย เลิกงานเขาเป็นสามีของเธอ แม้เป็นความสัมพันธ์แบบลับๆไม่อาจเปิดเผยได้ แม้จะรู้ว่าเป็นแค่คนคั่นเวลาแก้เหงาให้เขา แต่เธอก็หวังว่าสักวันจะทำให้เขารักเธอได้ แต่เธอคงหวังมากไป ตอนนี้ตัวจริงเขากลับมาแล้ว เธอต้องไปใช่ไหม ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมาเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก ก้มมองท้องที่ยังแบนราบเผลอเอามือลูบเบาๆ
" น้ำ น้ำ"
" หือ"
" เป็นอะไรไม่สบายตรงไหนรึเปล่า"
" อะ อ๋อ เปล่าไม่ได้เป็นอะไร"
" แน่นะ เห็นเอามือลูบท้องปวดท้องรึเปล่า "
" เปล่าไม่ได้ปวด ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ"
"เออแล้วนี่แกกินข้าวมารึยัง "
"กินมาแล้ว"
" แน่นะ ถ้าไม่สบายรีบบอกฉันหล่ะ ว่าแต่แกลางานไปทำอะไรมา"
" อ๋อ จะย้ายห้องหน่ะเลยไปหาดูห้องใหม่มา"
เธอไม่อยากบอกเรื่องที่ไม่สบายจนต้องเข้าร.พ รวมทั้งเรื่องที่เธอท้องด้วย ไม่อยากให้ใครต้องมาสงสารเธอ
" เหรอ แล้วได้ไหมฉันว่าห้องเก่าแกก็ดีนะใกล้บริษัทดีด้วย สะดวกดีออก ห้องก็หรู หรือว่า"
พิชาภารู้ว่าคนรักของอาชวีกลับมาแล้ว ธารธาราคงต้องเตรียมตัวย้ายออก เพราะคอนโดนั่นเป็นของอาชวี เธอได้แต่สงสารเพื่อน
" อย่างที่แกเข้าใจนั่นแหละ"
" ทุกคนบอสเรียกประชุมจ๊ะ รีบไปรวมกันที่ห้องประชุมเร็ว"
นาลินหัวหน้าแผนกเดินเข้ามาบอกทุกคน
" พี่นารู้ไหมว่าบอสมีเรื่องอะไร"
" ไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวก็รู้เอง แต่พี่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับแฟนของบอสที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศนะ เห็นว่าจะมาทำงานที่นี่"
พิชาภาเข้าไปกุมมือธารธาราพากันเดินไปที่ห้องประชุม
ห้องประชุม
" ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก นี่คือ อัญญาอร ต่อไปเธอจะมาทำงานที่นี่ในฐานะผู้จัดการแผนกการตลาด"
" บอสคะแต่แผนกการตลาดมีพี่สุธีร์เป็นผู้จัดการอยู่แล้วนะคะ แล้วอย่างนี้"
" สุธีร์ก็ยังเป็นผู้จัดการเหมือนเดิม แค่เพิ่มอัญญาอรเข้าไปอีกคน แผนกการตลาดก็จะมีหัวหน้าทั้งหญิงและชายอย่างละคนช่วยกันทำงาน "
ธารธารามองดูผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างอาชวี เธอสวยสง่าสมกับที่ทุกคนพูดกันจริงๆ สูงโปร่งผิวขาว หุ่นเหมือนนางแบบ หน้าตาสวยไม่มีที่ติ เห็นอาชวียิ้มให้อัญญาอรอย่างอ่อนโยน ในใจก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา แต่เธอจะทำอะไรได้ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแม้แต่สถานะก็ไม่มี ระหว่างเดินกลับไปโต๊ะทำงาน พนักงานคนอื่นๆพากันซุบซิบ
" พึ่งมาก็ได้เป็นหัวหน้าเลยแฮะ"
" ก็เธอเป็นแฟนบอส ตอนนี้เป็นแค่ผู้จัดการไปก่อน ต่อไปก็เป็นบอสอีกคน ทีนี้บริษัทเราก็มีบอสผู้ชายคน ผู้หญิงคนไง"
ธารธาราพยายามไม่สนใจในสิ่งที่ได้ยินกลับถึงโต๊ะทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว
เลิกงานเธอเดินไปมุมหนึ่งของบริษัทอย่างเคยในทุกวัน เธอจะขึ้นรถคันเดียวกันกับอาชวีกลับห้องพักด้วยกัน แต่เดินเกือบถึงก็ต้องหยุดชะงัก เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นรถเขา ไม่มีสิทธิ์กลับพร้อมเขาอีกแล้ว ตัวจริงเขากลับมาแล้ว ตัวสำรองอย่างเธอก็หมดเวลา เธอหันหลังเดินออกไปรอรถเมล์ที่ป้ายรอรถหน้าบริษัท เดินยังไม่ทันถึงป้ายรอรถ ฝนก็เทลงมา
" คุณน้ำครับร่มครับ"
ธารธารามองดูร่มที่ดำรงคนขับรถของอาชวียื่นให้ ก่อนจะหันไปเห็นรถของอาชวีจอดอยู่ข้างทาง เขาคงอยู่ในรถและข้างๆเขาก็คงมีคนรักของเขาอยู่ด้วย เธอเมินเฉยแล้ววิ่งฝ่าสายฝนไปที่ป้ายรอรถเมล์ รถเบนซ์คันหนึ่งจอดตรงหน้าเธอ พิชาภาเปิดประตูรถถือร่มลงมา
" น้ำ กลับกับฉัน เดี๋ยวฉันให้พี่วิทย์ไปส่ง"
" ไม่เป็นไรเกรงใจพี่ชายแก ที่พักฉันกับแกอยู่คนละที่ ไปส่งแกแล้วยังต้องวนไปส่งฉันอีก พี่แกต้องรีบไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลนะเดี๋ยวจะช้า ฝนตกแบบนี้รถต้องติดแน่"
ชาญวิทย์เลื่อนกระจกรถลง
" ไปเถอะครับไม่ต้องเกรงใจ ฝนตกแบบนี้รถยิ่งติด กว่ารถเมล์จะมาก็อีกนานเลย "
พิชาภาจูงมือธารธาราขึ้นรถไป อาชวีมองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนสั่งให้ดำรงออกรถ
กลับถึงกระท่อมอาโบมีท่าทีเงียบขรึมอย่างเห็นได้ชัด ธารธาราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจึงเข้าไปกอดเขา จูบแก้มหนักๆไปหนึ่งที" มีเรื่องอะไรรึเปล่าหรือว่าพวกEUจะโจมตีอีก"" ไม่ใช่ น้ำ"" หือ"" กล้วยไม้นั่นยังไงก็ต้องตามให้ได้ใช่ไหม"" อือใช่ มันสำคัญมากต้องได้มันมาถ้างานวิจัยสำเร็จ เราจะช่วยคนที่เป็นโรคร้ายได้ยังมีอีกหลายชีวิตที่รอคอยอย่างมีความหวังว่าพวกเขาจะหาย มันเป็นงานสำคัญมากเลยนะ แล้วฉันก็ตั้งใจว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จ"อาโบถอนหายใจ เขาไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องจากเธอเลย เขาคิดแค่ว่าวันนี้ตอนนี้พรุ่งนี้เขาแค่มีเธอในอ้อมกอด ได้รักเธอดูแลเธอมีความสุขกับเธอในทุกๆวัน แต่เขาลืมคิดไปว่าเธอมาในป่าทำไม เธอมีสิ่งที่ต้องทำมีภารกิจหน้าที่ ไม่ใช่มาอยู่กับเขา เขาเองก็เช่นกันมีหน้าที่ต้องปกป้องดินแดน ตอนนี้สถานการณ์สู้รบยังสงบอยู่ แต่อนาคตไม่รุ้วันใดจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาอีก เธอจะมาอยู่กับเขาที่นี่ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย ไม่มีอนาคต ไม่ยุติธรรมกับเธอหากเขาจะรั้งให้เธออยู่ที่นี่ แต่เขารักเธอ รักมาก แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่อยากแยกจากเธอแม้สักสิบวินาทีเดียว แต่อนาคตของเราเขามองไม่เห็น เมื่อต่างคน
" เสือที่มันอาละวาดเมื่อคืนมันมาจากไหนพรานรู้ไหม"กิตติศักดิ์ถามขึ้นมา" ไม่แน่ใจ แต่มันคือเสืออาคมแน่ๆแต่จะเป็นของใครอันนี้ก็ไม่รู้ "" แสดงว่าเจ้าของเสือคงจะใช้ให้เสือตัวนั้นเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้านแน่ๆ"" งั้นก็แสดงว่าเจ้าของเสือต้องมีปัญหากับใครสักคนในหมู่บ้านหรือไม่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาเคยสู้รบกัน อ่าอันนี้ผมเดาเอานะ"ภาสกรพูด" ก็อาจเป็นไปได้ "" แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเสืออาคมของพวกเล่นของที่หลุดออกมา หรือไม่ก็ถูกปล่อยทิ้งเพราะขี้เกียจเลี้ยง หรือเจ้าของมีอันเป็นไปมันถึงได้ดุร้ายทำร้ายคนไม่เลือกหน้า ที่สำคัญเสือตัวนี้หัวหน้าฐานบอกว่าก่อนจะมาที่หมู่บ้านมันไปที่ฐานมาก่อน เมื่อเช้าข้าก็พึ่งรู้จากลูกชายว่าหลายวันก่อนที่ฐานอียูก็ถูกมันเข้าไปอาละวาดมา"ตาลิบอกทุกคน" ถ้าเป็นอย่างที่หัวหน้าหมู่บ้านเล่า งั้นข้อสงสัยที่ว่าฝั่งอียูจะใช้เสืออาคมมาเล่นงานเราก็ปัดตกไปได้เลย"ตาลิพยักหน้า " ตามแพลนเราต้องออกเดินทางวันนี้ แต่พรานมูเล่กับพรานเซโพบาดเจ็บ เรื่องไปหุบเขามรณะคงต้องยืดวันออกไปก่อน รอจนกว่าพวกพรานจะหายดี"กิตติศักดิ์บอกทุกคน โมรีทำหน้าเซ็งเดินฮึดฮัดกลับเข้ากระท่อมไป" อยู่ต่อก็ดี
" ใช้ได้กับเสือที่ไหนหล่ะ นู่นมันตะปบพรานแล้ว"เสือตะปบมูเล่จนกระเด็นไปทางซ้าย แล้วใช้อุ้งมือตวัดเซโพกระเด็นไปทางขวา สองพ่อลูกนอนกระอักเลือดอยู่กับพื้น เสือหันหน้ามาจ้องอาชวีก่อนจะกระโจนเข้าใส่ ปัง ปัง ปัง ปังมีคนยิงปืนใส่มันจากด้านหลังทำให้มันเปลี่ยนใจหันไปกระโจนใส่คนที่ยิงมันแทน คนกับเสือสู้กันยื้อยุดกันที่พื้น ชาวบ้านต่างพาลุ้นกิตติศักดิ์ ภาสกร ดุษฎี ดารินและโมรีพากัน ออกมาดู ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าสู้กับเสือด้วยมือเปล่าทุกคนต่างก็เอาใจช่วย อาโบหยิบกริชออกมาจะจ้วงแทงไปที่ตาของมันแต่พลาดไปถูกที่คอแทน มันร้องเสียงโหยหวนใช้อุ้งมือสะบัดอาโบกระเด็นจนกริชหลุดมือก่อนจะกระโจนเข้าตะปบอาโบ อาโบอยู่ใต้ร่างเสือโคร่งตัวใหญ่ ทุกคนพากันกรีดร้องตกใจคิดว่าเสร็จแล้วไม่รอดแน่ แต่แล้วเสือก็ร้องโหยหวนอีกครั้งแล้วถอยออกมาอาโบรีบกลิ้งตัวไปหยิบกริชแล้วใช้กริชแทงไปที่ตาของมันทั้งสองข้าง แสงสีเขียวจากตาของมันพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมเสียงร้องโหยหวนก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงจมกองเลือด ชาวบ้านโห่ร้องยินดี ตาลิรีบเข้าไปหาอาโบพูดคุยกันไม่กี่คำอาโบก็ขอตัวกลับก่อน จังหวะที่หมุนตัวกลับมาก็สบตากับอาชวี" นั่นมันคนหรือตัวอะไรวะ
มะทูจ่อไปแป๊บเดียวทุกคนก็รีบวิ่งมาเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ อาโบใช้แขนข้างเดียวกอดธารธาราพาเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน พูดเสียงดังเป็นภาษาชนเผ่าที่เธอก็ฟังไม่ออก แต่เดาว่าน่าจะเกี่ยวกับเธอและเหตุการณ์เมื่อกี้" พวกมึงเงยหน้าขึ้นแล้วดูให้เต็มตา อยากเห็นหน้าเมียกูกันดีนัก ดูแล้วจำไว้ให้ดีผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกูชื่อน้ำ กูอนุญาตให้พวกมึงมองเมียกูได้แค่ตอนนี้ หลังจากนี้ใครมันอยากมองเมียกู กูจะยิงมันให้ตาบอดเลย แล้วก็เมื่อกี้ไอ้กระบึ้งมันบังอาจมาฉุดเมียกู ดูสภาพมันไว้ ถ้าใครกล้าแตะต้องเมียกูแม้ปลายเล็บ กูจะระเบิดหัวมันให้กระจุย"ทุกคนพากันก้มหน้านิ่งเงียบไม่มีใครกล้าพูดหรือถามอะไร พวกเขารู้ว่าอาโบเป็นคนเด็ดขาดและลงโทษได้โหดเหี้ยมแค่ไหน ดูจากสภาพกระบึ้งกับลูกน้องคงต้องนอนหยอดข้าวต้มไปอีกหลายเดือน โดยเฉพาะกระบึ้งแขนข้างที่ถูกยิงคงใช้การไม่ได้อีกแล้ว เพราะจุดที่ยิงเป็นจุดตัดขาดเส้นเอ็นกิตติศักดิ์นั่งเหม่อมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆภาสกรเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ" มองน้ำแล้วคิดถึงคนชื่อน้ำด้วยใช่รึเปล่าวะ"กิตติศักดิ์ไม่ตอบได้แต่ถอนหายใจหนักๆ" เราตามหาน้ำมาเป็นเดือนแล้วนะ ยังไม่มีวี่แวว พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้
อาโบอดใจไม่ไหวซุกไซร้นัวเนียเดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอม" อื้ออาโบ อย่า อื้อ อยู่เฉยๆสิเราไม่ได้อยู่กันสองคนหน่ะโพโรโรก็อยู่ด้วย"เขาหันไปพูดกับโพโรโรว่าอะไรก็ไม่รู้เธอฟังไม่ออก สักพักโพโรโรก็ถ่อแพเข้าฝั่งแล้วเดินไปไหนไม่รู้ อาโบจับมือเธอเดินไปที่หลังหินก้อนใหญ่" พามาที่นี่ทำไม"" เราอาบน้ำที่นี่แหละกลับไปจะได้กินข้าวแล้วเข้านอนเลย"" แต่"" ไม่ไหวแล้ว"" อะ อะไรไม่ไหว"เขาจับมือเธอไปกุมเป้ากางเกง สัมผัสได้ถึงดุ้นแข็งๆที่พร้อมรบ ยังไม่ทันได้ตอบสนองเขาก็ก้มลงซุกไซร้อกอวบมือหนาหยาบถอดเสื้อผ้าของเธอออก ตวัดลิ้นดูดเลียหัวนมสีชมพูดูดดุนจนเธอเสียวซ่าน ไม่นานเสียง ตับ ตับ ตับ ตับ ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงครวญคราง ผ่านไปพักใหญ่เริ่มมืดลงเรื่อยๆ โพโรโรนั่งรอไปก็ตบยุงไป ป่านนี้คงเสร็จแล้วหล่ะมั้งเขาเดินกลับไปที่แพยังไม่ทันจะถึงก็ได้ยินอาโบร้อง อ้าาา โอวววว โพโรโรหยุดชะงักมองไปเห็นแค่แผ่นหลังของอาโบ อาโบส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเสียว โพโรโรเห็นเพียงครึ่งบนเพราะครึ่งล้างถูกหินบังอยู่ เขายืนอึ้งไม่รู้จะทำยังไงดี อาโบหันมามองส่งสายตาพยักพเยิดหน้าไล่ให้เขาไป ก่อนจะกระเด้าดุ้นใหญ่ยาวเข้าปากธารธารารัวๆ อ็อก อ็อก
" พี่กรุ๊ป นี่เราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนลืมไปเเล้วเหรอว่าเรามาทำอะไร มัวแต่มาเสียเวลาอยู่ที่นี่ แล้วเมื่อไหร่ภารกิจจะสำเร็จจะได้กลับบ้านสักที ฉันอยากกลับจะแย่อยู่แล้ว"โมรีโวยวาย" พี่ไม่ลืมหรอกว่าเราเข้าป่าเพื่อมาทำอะไรแต่ตอนนี้น้ำหายไป พี่เป็นหัวหน้าทีมต้องรับผิดชอบ เราต้องช่วยกันตามหาน้ำให้เจอก่อน ถึงจะไปต่อได้"" แต่เราตามหามาหลายวันแล้วนะ ต้องตามหาไปถึงเมื่อไหร่ ที่ตามไม่เจอบางที"" หยุดเลยโม แกไม่ต้องพูดแล้ว น้ำต้องไม่เป็นอะไร แค่เธอหลงไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง"" ใช่ พรานมูเล่ก็บอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่"" ฮ่าฮ่า นี่เชื่อกันจริงๆเหรอว่าพรานนั่นพูดจริง เชื่อกันจริงๆใช่ไหมว่าเขาถอดจิตถอดวิญญาณได้หน่ะ ลวงโลกทั้งนั้น ยังจะโง่เชื่อกันอยู่ได้"" โม พรานมูเล่เป็นคนมีวิชาอาคม ในโลกนี้สิ่งที่เราคิดว่าไม่มีก็ใช่ว่าจะไม่มี"" ฉันเชื่อว่าพรานมูเล่เขาไม่โกหกเรา"" แกนี่มันเด็กจริงๆเลยริน ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็เชื่อหมด พรานเขาก็แค่ขี้เกียจนำทางเราต่อ อยากพักอยู่ที่นี่นานๆไอ้ที่คุยว่ารู้ที่อยู่ของกล้วยไม้ก็คงไม่รู้หรอก บางทีตอนนี้อาจกำลังถามทางคนในหมู่บ้านนี้อยู่ก็ได้"" แต่ฉันเห็นด้วยกับโมนะเรื่องท
Komen