ตอนที่ 2
เสียงแป้นพิมพ์คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงสากลเพลย์ลิสโปรดของนักเขียนสาวมากฝีมือที่ตอนนี้กำลังระรัวปลายนิ้วเรียวลงกับแป้นเพื่อบรรจงพิมพ์เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องใหม่อย่างเมามัน แรงสั่นเบา ๆ จากนาฬิกาปลุกเรียกความสนใจนักเขียนผู้บ้างานให้หันมอง ปริมกดหยุดนาฬิกาก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางบิดตัวช้า ๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้าที่สะสมจากการทำงานมานานกว่าสามชั่วโมง ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาหน้าจอแท็บเล็ตเครื่องบาง ก่อนเดินไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาเบดอย่างอ่อนล้า ไม่กี่นาทีต่อมาร่างเพรียวในชุดนอนสุดหวาบหวิวก็ดีดตัวขึ้นเขียนงานต่อทันที ปริมไม่อยากปล่อยเวลาให้เลยผ่านอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยเธอก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีเวลาปั่นต้นฉบับอย่างสงบ ๆ อย่างที่เคยเป็นอีกหรือไม่ เพราะตอนสายของวันนี้คือเวลาที่ลูกชายของแพรไหมจะมาถึงคอนโดของเธอตามนัด เธอเชื่อใจคำโฆษณาของเพื่อนสาวที่บอกว่าหลานชายของเธอคนนี้ไม่ดื้อไม่ซน แต่คนที่เธอไม่เชื่อนั้นคือตัวเธอเอง... เธอไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่มีแม้แต่ประสบการณ์เพราะคนในบ้านไม่มีใครมีลูกเล็กที่ต้องช่วยกันเลี้ยง พี่ชายเธอที่แม้ตอนนี้จะมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ไม่ได้มีหลานตัวน้อยให้เธออุ้ม ทำให้ความสามารถในการดูแลเด็กนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนแทบจะติดลบ... ไม่สิมันติดลบแล้วต่างหาก... เพราะงั้นเธอจึงจะใช้เวลาในตอนนี้ปั่นต้นฉบับให้ได้มากที่สุดหรืออย่างมากก็ 50 % เพื่อส่งให้กานต์ดาตรวจเบื้องต้นเผื่อว่ามีจุดใดต้องแก้ไขหรือปรับเพิ่มเธอจะได้แก้ก่อนแล้วเอาเวลาที่กานต์ดาตรวจส่วนแรกไปเขียนครึ่งหลังพร้อมดูแลหลานชายไปด้วย ปริมขยับมานั่งที่โต๊ะขยับปลายนิ้วพิมพ์ตัวอักษรร้อยเรียงเนื้อหาที่เธอต้องการอีกครั้งด้วยความรวดเร็วที่มากกว่าคนปกติ 1เท่า นักเขียนสาวเจ้าของสถิติยอดขายอันดับหนึ่งสามปีซ้อนรัวปลายนิ้วร้อยเรียงเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่เธอประคบประหงมสรรค์สร้างมันขึ้นมาลงบนโพรแกรมเขียนเอกสารก่อนจะหยุดพักเมื่อถึงฉากเมกเลิฟสุดเร่าร้อน ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ มือเรียวเอื้อมไปเปลี่ยนเพลย์ลิสเป็นเพลงรักที่มีเนื้อหาและเนื้อเพลงสุดเซ็กซี่ก่อนจะเริ่มพิมพ์สิ่งที่ตนต้องการอีกครั้งอย่างไม่รีรอ ทว่าในตอนที่ทั้งสองคนกำลังเข้าเลิฟซีนสุดเร่าร้อนได้ที่เสียงอินเตอร์คอมหน้าประตูก็ดังขึ้น แต่ปริมเลือกที่จะปล่อยไปเหตุเพราะในตอนนี้เธอไม่สามารถละสมาธิจากตัวละครของเธอได้ ไม่งั้นสิ่งที่เธอพิมพ์อยู่ตอนนี้ต้องรื้อใหม่หมดอีกทั้งมูดโทนการบรรยายก็จะเปลี่ยนไปจนไม่เร่าร้อนเท่าเดิม Drrrr Drrrr ทว่าเสียงอินเตอร์คอมก็ยังคงดังขึ้นต่อเนื่องกวนสมาธิจนเธอลืมคำที่อยู่ในหัวหลายครั้งจนต้องลบพิมพ์ใหม่ไปหลายหน แต่ปริมยังไม่ยอมแพ้ เธอยังคงพยายามพิมพ์ต่อไปจนเสร็จท่ามกลางเสียงอินเตอร์คอมเว้นช่วงเรียกน้อยลงเรื่อย ๆ แม้จะหงุดหงิดแต่เธอก็เลือกที่จะปล่อยเพราะมีหลายครั้งที่โดนเพื่อนบ้านโรคจิตหรือเด็กจากสามห้องถัดไปมากดเล่น จนปริมนึกได้ว่าเธอมีนัดรับตัวเด็กในความดูแลช่วงสาย ...และตอนนี้ก็จวนจะถึงเวลานัดเต็มที ปริมเร่งมือพิมพ์ทุกอย่างที่เธอต้องการลงหน้าเอกสารแม้จะห่วงเด็กชายที่ไม่สบายด้วยอาการแพนิค แต่งานเธอที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่ได้อาจทิ้งไปได้เช่นกัน เพราะงั้นแล้วเธอจึงทำได้ภาวนาว่านภัทรเด็กในความดูแลของเธอจะมีคนมายืนรอเป็นเพื่อนด้วย ปริมเร่งเขียนฉากเลิฟซีนสุดเร่าร้อนอย่างเร่งรีบแต่ยิ่งเร่งก็เหมือนยิ่งช้า จนสุดท้ายเธอก็ยอมละออกจากหน้าจอมอนิเตอร์แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปเปิดประตูห้อง นิ้วหัวแม่มือถูกสแกนก่อนที่บานพับประตูชนิดเก็บเสียงจะถูกเปิดออก ในใจเธอหวาดหวั่นกลัวจะได้เจอสายตาตำหนิของใครก็ตามที่มาส่งเด็กชายให้เธอ หรือสายตาไม่ไว้วางใจจากหลานชายตัวน้อยที่เง้างอนเธอเรื่องเปิดประตูช้า แต่ทุกอย่างก็สลายไปทันทีที่เพราะคนที่ยืนอยู่หลังบานประตูคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เสริมเสน่ห์ด้วยดวงตาคมเรียวที่ภายใต้เปลือกตาสีมุกของเขาซุกซ่อนอัญมณีม่วงครามเอาไว้ มนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลจนปริมที่เผลอจ้องดวงตาสีม่วงครามนั้นตกลงอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่ ทั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของโคโลญจน์ราคาแพงยังชวนเอาใจเธอเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเอาง่าย ๆ ตึกตัก ตึกตัก ทั้งยังเต้นดังมากเสียจนในหูของเธอตอนนี้ได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเอง... ศีรษะเล็กสั่นเบา ๆ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือ (?) เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่หน้าห้องพร้อมใบหน้าเรียบนิ่งและกระเป๋าเดินทางที่มืออีกข้าง ดวงตาทั้งสองสบประสานก่อนที่ปริมจะได้ทันเห็นแววตาตกตะลึงของอีกฝ่ายก่อนที่มันจะหายไปในเวลาเพียงชั่วครู่ ทำเอาหญิงสาวขนลุกในความว่องไวในการซ่อนแววตาของชายหนุ่ม แต่...ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับนายแบบชื่อดังคนนี้มายืนทำอะไรที่หน้าห้องของเธอกันล่ะ...? “ทำไมเปิดช้าล่ะครับ...” ไม่ทันจะได้เอ่ยถามว่าชายหนุ่มเป็นใคร เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาก่อนเรียกความสนใจจากเธอที่กำลังลอบมองสำรวจอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ ดวงเนตรกลมมองสำรวจข้าวของและเจ้าของที่ถือมันอยู่อีกครั้งอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงไปตามที่เธอคิด สงสัยจำห้องผิดละมั่ง... “คือฉันไม่รู้นะว่าคุณมาหาใคร แต่คุณน่าจะมาผิดห้องแล้วค่ะ” ปริมเอ่ยตอบพร้อมแย้มยิ้มหวานให้กับคนที่มาผิดห้องอย่างเป็นมิตรก่อนจะรีบดึงประตูปิดอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดหวั่นเพราะจากที่เธอเรียนมา คนที่ซ่อนแววตาได้ในเสี้ยววิแบบนั้น ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้ แต่ด้วยแรงและขนาดตัวที่ต่างกันทำให้จังหวะการดึงประตูปิดนั้นช้ากว่ามือหนาที่เอื้อมมาจับมันเอาไว้ ชายหนุ่มออกแรงดึงบานพับประตูให้อ้าออกกว้างก่อนจะค้ำยันมันไว้เพื่อทรงตัวระหว่างที่เข้าโน้มใบหน้าลงไปใกล้หญิงสาวเจ้าของห้องพร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์ พลางเอ่ยประโยคที่ทำเอาปริมเนื้อตัวชาวาบจนถึงขั้วหัวใจ “ไม่ผิดหรอกครับ ผมนภัทร ลูกชายแม่แพรไหม เพื่อนรักของคุณน้าไงครับ” เกิดมา 31 ปี ปริมได้เข้าใจคำว่าหูดับก็วันนี้ หญิงสาวเจ้าของห้องที่ถูกเรียกว่าคุณน้ายืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นลูกเพื่อนสาวคนสนิทเบียดกายเข้าห้องก่อนที่เจ้าของจะอนุญาต ดวงตาคมมองสำรวจรอบห้องชุดขนาด 225 ตรม.ที่ผนังถูกทาด้วยสีขาวสว่างในทุกจุดของห้อง พลางเบนสายตาไปที่เฟอร์นิเจอร์สีดำเทาเข้มและน้ำตาลเข้มที่เจ้าของห้องนำมาตกแต่งเพื่อตัดสายตา ชายหนุ่มนึกชื่นชมในสไตล์ของคุณน้าคนสวยในใจก่อนจะชะงักกับโซนครัวที่ทั้งรกและเละเทะจนคนรักสะอาดอย่างเขาลมแทบจับ เมื่อพบจุดที่รกหนึ่งครั้ง ดวงตาและสมองก็จะสั่งการให้หาจุดที่คล้ายกันไปเรื่อย ๆ ทำให้นภัทรได้รู้ว่าห้องของคุณน้าสาวคนสวยคนนี้ รกกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก! ชายหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางของตนเองพลางเท้าเอวมองความเละเทะของห้องที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดด้วยความไม่พอใจ นภัทรไม่ได้มีมายาคติที่มองว่าเป็นผู้หญิงแล้วห้องจะรกไม่ได้ แต่รกถึงขนาดที่เสื้อผ้ากองเต็มตะกร้า มีถุงขยะพลาสติกวางเต็มมุมห้องครัวและขวดน้ำอัดลมกลิ้งลุ่นๆ เต็มพื้นแบบนี้ก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย ชายหนุ่มมองสำรวจจนแน่ใจก่อนจะนึกชมที่คุณน้าคนสวยของตัวเองไม่ได้เป็นซกมกถึงขนาดไม่ล้างจานและทิ้งเศษอาหาร แต่เมื่อลองคิดอีกทีเขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่ไม่เห็นเพราะมันถูกทิ้งไปแล้วหรือมันไม่มีให้ทิ้งแต่แรกกันแน่... “คุณน้า...ไม่ค่อยว่างเหรอครับ?” “เอ่อ...อืม งานยุ่งน่ะ ว่าแต่...เธอเป็นลูกแพรไหมจริง ๆ เหรอ...” “ครับ ถ้าคุณน้าไม่เชื่อก็ถ่ายรูปผมไปให้คุณแม่ก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเธอด้วยรอยยิ้มพลางหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปหยิบถุงขยะสะอาดที่ถูกพาดอยู่กับราวตากผ้าขี้ริ้วมาถือไว้เตรียมตัวทำความสะอาดห้องที่รกเกินกว่าที่คนรักสะอาดอย่างเขาจะทนได้ไหว “เดี๋ยว ๆ ขอถ่ายรูปหน่อย” “ครับ ๆ” ปริมมองนภัทรที่ยืดตัวตรงพลางยิ้มหวานส่งมาให้เธอราวกับลูกสุนัขโกลเดนริทรีฟเวอร์ยามเจอเจ้าของ ก่อนจะกดถ่ายภาพนั้นอย่าวรวดเร็วแล้วส่งไปหาเพื่อนรักทันทีเผื่อว่าถ้าไม่ใช่จริง ๆ เธอจะได้หมุนตัวเข้าห้องทำงานของตัวเองได้ทันเพื่อขังตัวเองและโทรแจ้งตำรวจหรือรอจนกว่าเพื่อนสาวของเธอจะมาถึง “กลัวอะไรผมขนาดนั้นล่ะครับ?” คำเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มทำเอาปริมสะดุ้งขึ้นจนสุดตัวพลางถอยกรูดไปจนถึงหน้าประตูห้องทำงาน แผนหลังบางแนบชิดบานกระจกมือข้างขวาตรงที่จับประตูแน่นพร้อมเปิดเข้าไปหลบทุกเมื่อถ้าหากกว่าแพรไหมไลน์มาบอกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้านี่ไม่ใช่หลานชายของเธอ “หึ ๆ นี่ผม...ทำคุณกลัวแล้วเหรอเนี้ย...คุณปีย์วรา...” !!! ทำไม...ทำไมรู้ชื่อจริงเราด้วยล่ะ! ดวงตากลมเบิกกว้างที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าตนรู้จักชื่อจริงที่น้อยคนจะรู้ ระ..หรือว่า...เป็นพวกสตอล์กเกอร์แบบที่ออกข่าวบ่อย ๆ เหมือนที่ออกข่าวเมื่อวาน!! ไม่นะ ไม่ได้เราตายไม่ได้เฮนรี่กับริต้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลย!! ปริมหวีดร้องในใจอย่างหวาดกลัวพลางนึกถึงตัวละครในนิยายที่เธอกำลังเขียนอยู่ นักเขียนสาวโอดครวญจนแทบอยากจะหวีดร้องออกมาถึงความตาย (?) ที่อยู่ตรงหน้า Rrrr Rrrr ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในมือของเธอก็ดังขึ้น เจ้าของห้องคนงามรีบเปิดดูข้อความที่เพื่อนของเธอส่งตอบมาอย่างรีบร้อนก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก [ข้อความ] แพรไหม :: ใช่จ้ะปริม เป็นไง หล่อใช่ไหมล่ะ เราบอกแล้วไม่ดื้อไม่ซนแน่นอน ฝากลูกด้วยนะจ๊ะคนสวยของแพร แพรไหม :: ยัยแพร ได้ส่งรูปภาพ แพรไหม :: อีกห้าหมื่นตามสัญญาจ้ะ ปริมมองข้อความผ่านการแจ้งเตือนที่หน้าจอด้วยความโล่งใจก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ย่ำแย่กว่านั้นขึ้นมาได้ ฉิบหาย!! นี่มันหนักกว่าเด็กเล็ก ๆ อีกนี่หว่า!! โอยยย เคราะห์กรรมอะไรของเธอเนี้ยปริมมมม ฮื่อออ หญิงสาวหยุมหัวตัวเองไปมาในใจนับสิบครั้งก่อนตัดสินใจให้โอกาสตัวเองในการดูแลชายหนุ่มตรงหน้าสักครั้ง ด้วยเหตุผลสองประการ 1. เธออยากช่วยเพื่อน 2. เธอไม่มีเงินชดใช้เงินที่เธอใช้ไปในตอนนี้แม้จะไม่กี่ร้อยก็ตาม เพราะงั้นมันไม่มีทางเลือกใดดีเท่าการให้โอกาสตัวเธอในการดูแลชายหนุ่มเบื้องหน้านี้อีกแล้วครอบครัวรุ่งเช้าที่นภัทรต้องนอนที่โซฟาปลายเตียงของปริมทั้งคืน เมื่อคืนหลังทำงานเสร็จและเอาปกป้องเข้านอนแล้วหญิงสาวก็พยายามไล่นภัทรกลับแล้วแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมกลับ แถมสโนว์ยังดันหลังเอาชุดเก่าของตินมาให้นภัทรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกตัวนภัทรก็ไม่รีรอรีบคว้าเสื้อผ้าในมือพี่สะใภ้ของเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที แล้วกลับมานอนเฝ้าเธอที่โซฟาปลายเตียงปริมมองคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟานั่งเล่นของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัว เพื่อปลุกเขาให้ตื่น“ภัทร ภัทรคะ ตื่นเถอะ กลับบ้านได้แล้ว เช้าแล้วนะ”หญิงสาวเขย่าตัวให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น แล้วเดินเลยไปอุ้มปกป้องมาโอ๋นภัทรลุกขึ้นนั่งมองปริมกล่อมลูกชายด้วยแววตาเจ็บปวด เมื่อคืนนี้ทั้งคืนเขาแทบไม่ได้นอนเพราะไม่สามารถหยุดตัวเองให้คิดเรื่องที่หญิงสาวพูดเมื่อวานได้“ผม...นอนไม่หลับ...”“...โซฟาปริมเล็กไปแหละ...ภัทรขึ้นไปนอนบนเตียงริมเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวเฮียตินนะ เฮียขึ้นไปดูไร่ที่กาญตั้งแต่เมื่อวานเย็นยังไม่ลงมา นอนไปก่อน แล้วค่อยกลับบ้านนะ”“แล้วลูก...”“ปริมดูได้ วันนี้งานเบา ๆ เอาลูกไปนั่งด้วยไม่เป็นไรหรอก”หญิงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม เธอยอมรับว่า
ปฏิเสธหลังปีย์วรากลับไปได้ไม่นาน นภัทรก็ได้สติจากพิษไข้ ร่างสูงนั่งเรียบเรียงความคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินไปเองว่าตัวเขาคงแค่ฝันไป เพราะปีย์วราตัวจริงคงไม่มีทางมาที่นี้ได้ชายหนุ่มหอนายใจกับตัวเองพลางส่ายหน้าเบา ๆ กับความฝันที่คงเป็นผลพวงมาจากความคิดถึงของเขา เนตรคมกวาดมองไปทั่วห้องเพื่อปรับโฟกัสและตั้งสมาธิจากอาการมึนเบลอ ทว่าเขาก็เหลือบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ในห้องของเขาได้เข้าอย่างจังยา..กับชามข้าวต้ม?อ่า ไม่หรอก...คงเป็นแม่...ไม่สิ สาวใช้ในบ้านละมั่งชายยิ้มบาง ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะยันกายลุกขึ้นแล้วเก็บกวาดเอาจานชามและยาที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงมาไว้ในมือเพื่อเอาลงไปเก็บ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ก่อนที่นภัทรจะตระหนักได้ว่าตัวเขาสั่งห้ามไม่ให้สาวใช้ในบ้านเข้ามาในห้อง คนที่เข้ามาได้จะมีแค่แม่และพ่อของเขาสองคนเท่านั้นต่อให้ป่วยยังไงแพรไหมก็ไม่น่ายอมให้สาวใช้แหกกฎได้ แม้คนคนนั้นจะเป็นคนสนิทแค่ไหนก็ตาม...งั้นใครกันละที่ดูแลเขาเมื่อคืน...?ร่างสูงโปร่งวิ่งลงจากบันไดลงไปหาแม่บ้านคนสนิทของมารดาสอบถามเรื่องคนที่ดูแลเขาเมื่อคืนด้วยท่าทีร้อนรน“หนูเล็ก ป้าหนูเล็กครับ!”
ฝันหรือไม่ฝัน NCเพราะยืนตากฝนอยู่นานพอขึ้นรถมาเจอแอร์เย็น ๆ เป่าตัวก็เป็นไข้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ตามปกติแพรไหมจะดูแลเอง แต่ตอนนี้เธอมีงานต้องไปตรวจที่ต่างจังหวัดกับธนิน อีกทั้งงานนี้เธอปฏิเสธไม่ได้แพรไหมเดินไปมาด้วยความกังวล...เธอพยายามหาคนที่พอจะมาดูแลนภัทรได้ แต่นึกให้ตายอย่างไรก็นึกไม่ออก ไอ้ครั้นจะโทรหาปริมเธอก็เกรงใจเพราะลูกชายเธอทำหญิงสาวไว้หนักหนาเหลือเกิน...“แพร...”“คิดจนปวดหัวก็ไม่มีคนใกล้ ๆ เลยค่ะ เหลือแค่ปริมคนเดียวแล้วพี่ธนิน...”แพรไหมเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจ เธอห่วงลูกแต่ก็ห่วงสภาพจิตใจเพื่อนจนไม่รู้จะเลือกทางไหนดี เอาวะ ให้โชคชะตานำทางละกัน!!แพรไหมตัดสินใจเสี่ยงดวงหากโทรแล้วปีย์วรารับ เธอจะพยายามอ้อนวอนให้หญิงสาวมาดูแลนภัทรสักวันสองวัน แต่ถ้าโทรแล้วไม่รับเธอคงต้องให้เป็นคนดูแลลูกเองมือเรียวกดออกที่เบอร์ของเพื่อสนิท พลางยกหูขึ้นรอสายอย่างลุ้นระทึก ในใจภาวนาให้หญิงสาวรับสายเธอซ้ำ ๆ จนเสียงรอสายหายไปนานกว่า 5 วินาที[....]“ปริม ปริมจ๊ะ คือ...แพรรู้นะว่าแพรรบกวนปริมไว้มากแล้วแต่ ช่วยแพรอีกครั้งได้ไหม...มาดูแลนภัทรที เจ้าตัวดีของฉันไม่รู้ไปตากฝนที่ไหนมา ป่วยจ
ความจริงร่างสูงโปร่งของชายวัย 43 ปี พุ่งตัวออกมาจากรถซีดานคันงามที่ขับมา เขาตรงไปยังERอย่างรีบร้อนเมื่อมาถึงก็ถามหาเคสฉุกเฉินที่ต้องบริจาคเลือดทันทีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ญาติคุณปิ่นฤทัยนะคะ รบกวนตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”เปรมเดินตามนางพยาบาลสาวไปยังห้องบริจาคเลือดที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษ เลือดหนึ่งลอดถูกเจาะออกไปจากแขนเขาก่อนที่พยามจะกลับมาเจาะแขนเขาและเอาไปเพิ่มอีก กว่าจะรู้สึกตัวเวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขานั้นเสียเลือดไปเท่าไร แต่สิ่งที่เขาจำได้ไม่ลืมคือตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับปิ่นชายหนุ่มชันตัวขึ้นนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน จากการเสียเลือดจำนวนมากและความเจ็บปวดในใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ตั้งใจตามหาหญิงสาวมากกว่านี้ ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเพียงเท่านี้มันเล็กน้อยกว่าสิ่งที่คนรักของเขาต้องเจอหลังพักฟื้นจากการให้เลือดจนดีขึ้นแล้วเปรมก็รีบเดินไปยังห้องรับรองญาติที่มีคนคนหนึ่งรอเขาอยู่บานประตูแบบเลื่อนถูกเปิดออกทำให้ชายสองคนที่มานั่งรอผู้หญิงคนเดียวกันได้พบหน้ากันเสียที“สวัสดีครับ ลุงเปรม”“สวัสดี นภัทร ไม่ได้เจอกันนาน...มีลูกแล้วเหรอ”เปร
ตอนที่ คนโง่ที่เพิ่งฉลาดเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั้งโถงของแผนกสูตินารีเวช พร้อมชายหนุ่มที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียดในห้องคลอดที่เปิดไฟสว่างถึงสองห้อง หนึ่งในสองห้องมีดวงใจของตินกำลังทรมานอยู่ในนั่น อาการกระวนกระวายของชายหนุ่มที่มีมากล้นเพราะความเป็นห่วง แตกต่างจากอีกคนที่เพิ่งโดนความจริงตีแสกหน้าจนนั่งช็อกไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนนภัทรมองประตูห้องคลอดที่เขาจำได้ว่าเห็นปริมถูกเข็นเข้าไปด้วยแววตาเหม่อลอยกับความจริง...ว่าเขาโง่งมอย่างที่ตินด่าไว้จริง ๆหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นภัทรพาปิ่นที่กรีดร้องลั่นบ้านเพราะเจ็บท้องมาโรงพยาบาล พอมาถึงหน้าห้องคลอดก็เจอตินและหญิงสาวหน้าตาไม่คุ้นนั่งประสานมือภาวนาอยู่ด้วยกัน แค่เห็นหญิงสาวที่มาด้วยก็ว่าแปลกใจแล้ว แต่ที่หนักกว่าคือคำเรียกและบทสนทนาที่น่ากังวลใจกว่า“เฮีย น้องเข้าไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่เสร็จอีก”“เฮียก็ไม่รู้ ตอนนี้เฮีย...เฮียกลัวไปหมดแล้ว...”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายออกไปทางดุดันค่อย ๆ ซบหน้าลงกับไหล่เล็กอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดใจลุกออกไปที่ไหนสักทีตามเสียงกระซิบของหญิงสาวที่เขาไม
บังเอิญเจอกว่าห้าเดือนแล้วที่นภัทรหาปริมไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะลองไปหาที่ไหนก็ไม่เจอเลยแม้แต่เงาของหญิงสาว ครั้นเอ่ยปากถามรัตตะ คนที่ไปส่งหญิงสาววันนั้นก็ไม่มีใครบอกข้อมูลเข้าได้เลยแม้แต่คนเดียวรถซีดานคันงามขับแล่นเข้ามาจอดในโรงจอด ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคุณชายเพียงคนเดียวของบ้านจเดนิลงมาจากรถ“คุณนภัทร มีอะไรให้ขิมช่วยถือไหมคะ”ร่างเพรียวของขิมสาวใช้ที่ดูแลนภัทรมาตลอดที่อยู่ที่บ้านออกมาต้อนรับ มือขาวรับเอากระเป๋าทำงานของชายหนุ่มไปถือไว้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเมื่อนภัทรแจ้งแกเธอว่าไม่มีอะไรให้เธอต้องเอาเข้าไปเก็บนภัทรเดินเข้าบ้านจัดแจ้งชำระกายให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องของปิ่นเพื่อคุยกับเธอเป็นปกติ“ภัทรคะ พรุ่งนี้รบกวนพาปิ่นกับลูกไปหาหมอหน่อยนะ”ยังไม่ทันได้เอ่ยทักหญิงสาวในความดูแลของเขาก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน ร่างสูงเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตียง พลางปรายตามองอดีตแฟนสาวที่กำลังท้องด้วยสายตาเย็นชาแม้จะดูแลเธอมาได้ห้าเดือน แต่ความรักก็ไม่ได้ก่อเกิดขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว หัวใจเขายังคงเป็นของปีย์วราไม่เสื่อมคลาย หนักกว่านั้นไม่ว่ายามใดที่มองใบหน้าของปิ่นเขาก็อดโกรธที่หญิงสาวทำกับเขาแบบน