ตอนที่ 1
ร่างเพรียวระหงในชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่เธอสวมใส่เพราะความคล่องตัวในยามนอนกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจวนจะผูกเป็นโบสวยอยู่หน้าแล็ปท็อปสุดหรูเครื่องมือทำมาหากินของเธออย่างเคร่งเครียด ปลายนิ้วเรียวพิมพ์ ๆ ลบ ๆประโยคที่บรรจงเขียนลงในหน้าโพรแกรมเขียนเอกสารครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อประโยคที่เรียบเรียงออกมาไม่ได้ดั่งใจที่เธอต้องการ ปริมยกมือขึ้นขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด ด้วยไม่ว่าจะเขียนอย่างไรก็ไม่ถูกใจเสียจนเธอนึกอยากจะลุกไปหาอะไรมาเคี้ยวแก้เครียด น่าเสียดายขนมล็อตสุดท้ายที่เธอตุนไว้หมดลงไปแล้วตั้งแต่สามวันก่อน โครกกกกกกก แค่นึกถึงของกินท้องน้อย ๆ ของนักเขียนสาวก็ส่งเสียงดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นให้ไปหาอะไรทาน เจ้าของร่างอรชรถอยหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะคว้าเอาสมาร์ตโฟนเครื่องหรูอายุการใช้งานกว่าหนึ่งปีเศษขึ้นมาปลดล็อก นิ้วเรียวจิ้มเข้าแอปธนาคารสีสวย อันเป็นธนาคารหลักของเธอในการใช้จ่ายต่าง ๆ และเป็นธนาคารที่เอาไว้รับเงินค่าต้นฉบับผลงานที่เขียนส่งด้วยดวงใจที่ห่อเหี่ยว เพราะยอดเงินในนั้นแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งซองเธอก็ไม่อาจซื้อได้เลยด้วยซ้ำไป.... “โอ๊ยยย ทำไงดี ไม่มีอะไรกินก็คิดงานไม่ออกกันพอดี ฮื่ออ” ปริมหวีดร้องด้วยพลางยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองไปมาเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวฟุบลงกับโต๊ะทำงานของเธอ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มสุกใสกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดก่อนจะนึกถึงคนที่น่าจะพอช่วยตัวเองเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้ขึ้นมา หรือเราจะลองโทรหายัยดาดีนะ.... นักเขียนสาวดาวรุ่งพุ่งแรงที่ไร้ซึ่งเงินจะประทังชีวิตดีดตัวขึ้นมาจากโต๊ะทำงานทันทีที่นึกได้ แต่ก็ต้องคอตกไหล่ลู่อีกครั้งเมื่อนึกถึงฝีปากแสนจัดจ้านของกานดา บ.ก. สาวของเธอที่ทางสำนักพิมพ์ส่งมาดูแลเธอได้ 3 ปีแล้วตั้งแต่ บ.ก. คนเก่าลาออกไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ เธอทำงานนี้มานานหลายปีเขียนนิยายขายดีไปแล้วก็หลายเรื่องจนมีเงินมาซื้อคอนโดมิเนียมหรูและอุปกรณ์ทำงานได้มากมายโดยไม่ต้องออกไปทำงานบริษัทแต่แล้วความซวยก็มาเยือนเธอ เริ่มจากที่คอมพิวเตอร์คู่ใจของเธอเกิดพังจนซ่อมไม่ได้ ทำให้ต้องควักเงินเก็บออกมาซื้อเครื่องใหม่ยี่ห้อเดิมที่แพงแสนแพงจนลมแทบจับเพื่อให้ได้ทำงานต่อ สาเหตุที่ต้องซื้อยี่ห้อเดิมก็เพราะเธอยอมจ่ายรายเดือน เดือนละหลายร้อยเพื่อหน่วยความจำออนไลน์ที่ถูกสร้างและพัฒนามาให้ใช้ได้แค่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ต้นสังกัดของมันเท่านั้น แน่นอนว่าความซวยของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านั้นเมื่อซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ได้ไม่นานไฟฟ้าของคอนโดเก่าก็เกิดขัดข้องกะทันหันในขณะที่ตัวเธอไปออกอีเวนต์พบแฟน ๆ ในเมือง เมื่อไฟฟ้าทั้งคอนโดลัดวงจรทำให้ประตูไฟฟ้าระบบความปลอดภัยสูงสุดของเธอเกิดพังไปด้วย ระหว่างนั้นไม่รู้มือดีที่ไหนเข้ามาขโมยของในห้องเธอจนเกือบหมด ที่ถึงแม้จะตามกลับมาได้แล้วแต่ก็ยังเอาของคืนมาได้ไม่ครบอยู่ดี โดยเฉพาะเงินสดกว่าสองล้านบาทในตู้เซฟไฟฟ้าที่พังเพราะเหตุไฟฟ้าลัดวงจรของคอนโด... ที่แม้ทางโครงการจะขอชดเชยให้แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีท่าทีจะได้เงินจากเจ้าของโครงการเลยแม้แต่แดงเดียว ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้าและระบบรักษาความปลอดภัยก็ล่มจนกู้แทบไม่ได้ เมื่อความปลอดภัยไม่เหลือแล้วตัวเธอในตอนนั้นที่โมโหจัดก็ตัดสินใจย้ายคอนโดทันทีอย่างไม่รีรอ หญิงสาวประกาศขายคอนโดเก่าด้วยราคาที่ถูกแสนถูกชนิดที่ถ้าเจ้าของโครงการมาเห็นเข้าคงร่ำไห้กรีดร้องด้วยความเจ็บใจที่โดนดูถูก ทั้งมือเติบด้วยความแค้นใจเลยทำการซื้อคอนโดหรูด้วยเงินที่มีโดยไม่รอเงินจากการขายห้องก่อน เป็นเหตุให้เงินค้างบัญชีเหลือน้อยกว่าที่คาดไว้และทำให้เธอที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึงสามเดือนมีสภาพเป็นยาจกเช่นนี้ โครกกกกกกก เสียงร้องประท้วงอีกครั้งของกระเพาะอาหารเป็นสัญญาณว่าหากเธอไม่หาอะไรลงท้องเดี๋ยวนี้กรดทั้งหมดในนั้นย่อยผนังท้องของเธอแทน ด้วยท้องที่หิวและสมองอันแสนตื้อตึงทำให้ปริมตัดสินใจโทรหา บ.ก. สาวปากจัดของตัวเองที่ตอนนี้น่าจะกำลังกอดอกนั่งรอโทรศัพท์ของเธออยู่ที่โต๊ะทำงานแน่นอน หากเธอไปขอเบิกค่าต้นฉบับล่วงหน้าตอนนี้คงไม่วายโดนด่ามาสองสามบท หนักกว่าโดนเทศนาจนหูดับคือสาวเจ้าจะไม่ยอมโอนเงินให้แม้แต่แดงเดียวจนกว่าเธอจะปั่นต้นฉบับเสร็จ... ในใจปริมอยากลองพยายามดู แต่เธอก็หวั่นเกรงฝีปากของ บ.ก. สาวอายุน้อยกว่า 5 เดือนจนล้นอกจนสมองสั่งให้นิ้วกด ๆ ลบ ๆ เบอร์โทรที่หน้าจอการโทรอยู่หลายครั้งจนโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นแจ้งเตือนการกระทำผิดปกติส่งให้นักเขียนสาวหยุดกดลบ ๆ เบอร์โทรของ บ.ก. สาวได้เสียที ริมฝีปากอวบอิ่มคบเม้มแน่นด้วยความวิตกจนความแสบร้อนในช่องท้องเร่งการตัดสินใจของเธอให้เด็ดขาดขึ้น เอาวะ ไม่โทรก็ตาย โทรก็ตาย งั้นโทร! อย่างน้อยเราก็พยายามแล้ว! “สู้หน่อยปริม สู้หน่อย!” เสียงหวานเอ่ยให้กำลังใจตนเองก่อนจะกดโทรหาคนที่ต้องการคุยด้วยพร้อมใจที่ฮึกเหิมราวกับจะออกรบ เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นานคนปลายสายก็กดรับพร้อมเสียงหวานแหลมแสบแก้วหูที่ตวาดออกจากสมาร์ตโฟนจนปริมต้องยกมันออกห่างจากหูเพื่อกันไม่ให้หูของเธอดับเพราะเสียงอันดังนั่นเสียก่อน [โทรมาทำไมยะ แล้วต้นฉบับน่ะ เมื่อ ไร จะ ส่ง!!!] “โอ๊ย รู้แล้วค่า คือ...มันเหลืออีกนิดเดียวเอง ขอเวลาอีกนิดน้า” [จ้า ขอให้มันเหลือแค่นั้นจริง ๆ เถอะ แล้วนี่จะโทรมาขอเบิกค่าต้นฉบับล่วงหน้าใช่ไหมล่ะ] รู้ได้ไง.... “แหะ จ้ะดา แล้วได้ไหมจ๊ะ” [ไม่ ได้ ค่ะ !!! เอาต้นฉบับมาส่งก่อนแล้วค่อยคุยกันเรื่องเงินนะคะ ลาล่ะ] ติ๊ด!!! เสียงตัดสายดังขึ้นพร้อมร่างเพรียวของนักเขียนสาวที่ทิ้งตัวลงฟุบนอนกับโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตากลมโตทอประกายเศร้าสร้อยด้วยตัวเธอในตอนนี้นั้นไม่เหลือติดตัวพอให้ประทังชีวิตได้เลย ทั้งนิยายที่ปั่นต้นฉบับอยู่ตอนนี้ก็เหลือเนื้อหาอีกหลายส่วนที่ต้องใช้เวลาเกือบเดือนในการร้อยเรียงมันออกมาตามซีนและรายละเอียดที่วางไว้ แน่นอนว่าร่างกายเธอทนถึงตอนนั้นไม่ไหวแน่.... “ทำยังไงดี ฮื่อ ทำยังไงดี” ร่างอรชรในวัยสวยสะคราญเดินโซซัดโซเซไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาเบดในห้องทำงานอย่างหมดแรงพร้อมเสียงท้องที่ร้องประท้วงครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มจะกระบวนการกัดกร่อนเยื่อบุผนังในกระเพาะของเธอแทนมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น และ มื้อเช้าของวันนี้ที่เธอไม่ได้กินเพราะไม่มีเงินและของกินเหลือในบ้านอีกต่อไปแล้ว “กระเพาะบ้า! อยากกัดเยื่อบุผนังฉันแกก็กัดไปเลย ฮึกฮื่อ” Rrrrr Rrrrrr เสียงคร่ำครวญที่ร้องขึ้นพร้อมเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของเธอเรียกความสนใจจนปริมเลิกโอดครวญพลางเหลือบมองมันอย่างอ่อนแรง มือเรียวเอื้อมอย่างเชื่องช้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางมาไว้ในมือก่อนจะกดรับโดยไม่สนใจดูเบอร์หรือชื่อคนที่โทรมาแม้แต่น้อย “นี่คุณปริม พูดค่ะ” [ปริมจ๋า คือฉัน...ฉันรบกวนแกหน่อยสิ...] เสียงหวานใสแสนคุ้นเคยในความทรงจำเรียกให้ปริมดึงโทรศัพท์ออกจากหูมาดูชื่อผู้ติดต่อที่เธอบันทึกไว้ก่อนจะเอ่ยตอบปลายสายไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “อื้อ ว่ามาสิแพร ถ้าเป็นแพรเราได้ทั้งนั้น...” แพรหรือแพรไหมเพื่อนรักที่ไม่ได้ติดต่อกันนานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเหตุเพราะเรียนกันคนละสาย แพรไหมเลือกเรียนสายบริหารในขณะที่ปริมเลือกเรียนควบสองคณะทั้งอักษรศาสตร์และจิตวิทยา เรียกได้ว่าชีวิตในมหา’ ลัยของเธอหฤโหดจนคณบดียังยกนิ้วให้ ทว่าแม้จะเรียนคนละสายปริมก็ยังแบ่งเวลาเรียนที่หฤโหดราวกับทุกรกิริยาที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำก่อนตรัสรู้มาคุยกับปริมอยู่บ้าง เวลาเจอกันตามคณะ หรืองานมหา’ ลัยก็ทักทายกันปกติ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องคุยกันทุกวันหรือหากิจกรรมทำด้วยกันก็ยังสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมจนน่าอิจฉา แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ขาดการติดต่อกันไปนานตั้งแต่เรียนจบ เธอและเพื่อนสาวคนสวยปลายสายสนทนาไม่ได้อัปเดตชีวิตกันมากนัก ไม่รู้ว่าตอนนี้ยัยแพรจะเป็นยังไงบ้างนะ ด้วยเหตุที่ว่าเธอและหญิงสาวมักให้พื้นที่ส่วนตัวกันเสมอ หากเรื่องใดอีกฝ่ายไม่อยากให้รู้เธอจะไม่ก้าวก่าย เรียกว่าเป็นคนสนิทที่รักและไว้ใจจนทำเพียงแต่อ้าปากหรือมองตาก็รู้ไส้รู้พุงดี แม้จะไม่รู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของกันและกันก็ตาม [ฮิ ๆ ปริมนี่ยังใจดีเหมือนเดิมเลยน้า เรานี่โชคดีจริง ๆ ที่มีเพื่อนรักอย่างปริมอะ] “จ้า แล้วตกลงมีเรื่องอะไร” [จะว่ายังไงดี...คือฉันรู้นะว่าแกงานยุ่ง แต่...ฉันจำเป็นจริง ๆ รบกวนด้วยนะ...] “อื้อ ถ้าเป็นแกอะฉันไม่อะไรอยู่แล้ว แต่...แกจะรบกวนฉันเรื่องอะไร?” [คือว่าฉันกับสามีต้องไปต่างประเทศกะทันหัน แต่ลูกชายไม่ไปเพราะติดเรียน...ประเด็นคือเขาอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะเขามีอาการแพนิค ฉันเลยจะขอฝากเขาไว้กับแกสัก...5 เดือนได้ไหม...] “ฮะ...5 เดือน?” ปริมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เธอสติหลุดตั้งแต่แพรไหมขอให้ดูแลลูกชายให้ มาได้ยินระยะเวลาก็ยิ่งแล้วใหญ่ โอยยย ชีวิตยัยปริมไปทำบาปทำกรรมอะไรมา!! [อืม ใช่จ้ะ 5 เดือน เดี๋ยวฉันให้ค่าจ้างเธอ 1 แสนเลย แต่ฉันขอร้อง ฝากดูแลลูกฉันด้วยเถอะนะ ฉันไม่ไว้ใจใครนอกจากแกแล้วจริง ๆ] “ไม่ ๆๆ ไม่เด็ดขาด ฉันดูแลไม่ไหวหรอกจริง ๆ นะ ฉันไม่เคยดูแลเด็กเลยนะแพร” น้ำเสียงหวานเอ่ยปฏิเสธทันทีด้วยเธอนั้นไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กเลยแม้แต่น้อย แล้วนี่จะให้เธอดูแลเด็กที่ป่วยเป็นแพนิคอีกงั้นเหรอ... ไม่ไหวหรอก!! นิ้วเรียวกดเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้ววางมือถือไว้ไกล ๆ ตัวก่อนจะหมุนกายนอนหันหลังให้สมาร์ตโฟนเครื่องหรูนั่นไป เธอพยายามไม่สนใจเสียงอ้อนวอนของเพื่อนสาวที่สะอึกสะอื้นพยายามขอร้องเธอให้รับงานนี้ [ปริมม ฮึก...เราขอร้องละนะ นะ ขอร้องล่ะ เราไม่มีใครที่ไว้ใจและพึ่งพาได้แล้วจริง ๆ นะปริมนะ ลูกเราเขาเป็นแพนิค แต่เขาไม่ดื้อไม่ซนนะ...ขอร้องล่ะ...นะ] เจ้าของตากวางสีน้ำตาลเข้มกลอกไปมาพยายามคิดทบทวนเรื่องรับดูแลลูกชายเพื่อนอีกครั้งเพราะเริ่มใจอ่อนกับเสียงสะอื้นฮึกราวกับจะขาดใจของแพรไหม เธอไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กน่ะใช่ แต่หากเรื่องงานที่ต้องทำกับเงินค่าจ้างกว่าหนึ่งแสนบาทแล้ว... เธอก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง... “โอเคเราตกลง” ปริมไม่ได้หน้าเงินหรือเห็นแก่เงิน เธออยากช่วยเพื่อนด้วยและเงินเป็นของแถม โดยที่เธอหวังในใจว่าลูกชายของเพื่อนรักจะไม่ดื้อไม่ซนดังคำโฆษณาที่มารดาของเด็กชายกล่าวอ้าง... เพราะถ้าซนจนห้องเธอพังเธอคงปรี๊ดแตกจนกู่ไม่กลับแน่... [ฮึก! จริงนะ ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก พร้อมเพย์เบอร์นี้ใช่ไหม เดี๋ยวเราโอนเงินไปให้นะ มัดจำไปก่อน ห้าหมื่น อีก ห้าหมื่นเราจะโอนหลังนภัทรไปหาปริมนะ] นภัทรเหรอ...ชื่อดูซุกซนยังไงไม่รู้... “จ้ะ ๆ แล้วน้องจะมาวันไหน” [พรุ่งนี้จ้ะ ขอบคุณนะปริม เชื่อฉัน ตาภัทรเป็นเด็กดี จริง ๆ ถึงชื่อจะดูซน แต่จริง ๆ แกเด็กดีมากเลยนะ] “อืม ๆ เชื่อแล้วค่ะ คุณแม่” [ฮิ ๆ ขอบคุณมากเลยนะปริม เดี๋ยวพรุ่งนี้เราให้คนของสามีไปส่งนภัทรที่คอนโดเธอนะ ยังอยู่ที่เดิมไหม?] “ไม่จ้ะ ห้องนั้นฉันขายไปแล้วล่ะ ย้ายมาอีกทีแล้ว เดี๋ยวส่งโลเคชันไปให้ในแชตนะ [จ้ะ เดี๋ยววางสายแล้วเราโอนเงินให้นะ ฝากลูกเราด้วยนะปริม ขอบคุณมากเลยนะ] “จ้า ไม่เป็นไร” ติ๊ด! “เฮ้ออ คงต้องไปเก็บห้องสินะ...” เจ้าของร่างระหงถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเธอต้องลุกขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนแขกทั้งยังต้องปูที่นอนใหม่ด้วยเธอไม่ได้มีแขกมาพักมากนัก แฟนเฟินอะไรก็ไม่มีเพราะถูกหักอกทิ้งไปด้วยเหตุที่ว่าเธอบ้างานตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว Rrrr Rrrrr “หืม?” เสียงข้อความที่ดังขึ้นพร้อมกับสามแอปเรียกความสนใจจากปริมที่กำลังหิ้วถังน้ำและไม้ม็อบเพื่อที่จะเตรียมทำความสะอาดให้หันมอง เจ้าของร่างเพรียวเดินนวยนาดเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูพบเป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าจากธนาคารและไลน์ที่เธอลงทะเบียนบัญชีไว้ รวมทั้งข้อความจากเพื่อนรักที่นำลูกมาฝากเธอด้วย... [แพรไหม] : สลิปจ้ะปริม ฝากลูกชายเราด้วยนะ รับรองไม่ซนแน่นอนเชื่อใจได้ นักเขียนสาวมองข้อความและสลิปจากเพื่อนสาวคนสนิทด้วยรอยยิ้มกับความขี้อวดของคุณแม่ลูก 1 ก่อนจะปัดออกจากแอปแล้วกดสั่งอาหารมาทานเพราะตอนนี้เธอหิวจนตาลายจวนจะเป็นลม ปริมจัดการสั่งอาหาร น้ำอัดลมกลิ่นโปรดและขนมก่อนจะลุกไปทำความสะอาดห้องนอนอีกห้องที่ว่างอยู่อย่างร่าเริง โดยไม่รู้เลยตัวเองกำลังจะได้เผชิญหน้ากับเรื่องวุ่นวายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...ครอบครัวรุ่งเช้าที่นภัทรต้องนอนที่โซฟาปลายเตียงของปริมทั้งคืน เมื่อคืนหลังทำงานเสร็จและเอาปกป้องเข้านอนแล้วหญิงสาวก็พยายามไล่นภัทรกลับแล้วแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมกลับ แถมสโนว์ยังดันหลังเอาชุดเก่าของตินมาให้นภัทรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกตัวนภัทรก็ไม่รีรอรีบคว้าเสื้อผ้าในมือพี่สะใภ้ของเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที แล้วกลับมานอนเฝ้าเธอที่โซฟาปลายเตียงปริมมองคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟานั่งเล่นของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัว เพื่อปลุกเขาให้ตื่น“ภัทร ภัทรคะ ตื่นเถอะ กลับบ้านได้แล้ว เช้าแล้วนะ”หญิงสาวเขย่าตัวให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น แล้วเดินเลยไปอุ้มปกป้องมาโอ๋นภัทรลุกขึ้นนั่งมองปริมกล่อมลูกชายด้วยแววตาเจ็บปวด เมื่อคืนนี้ทั้งคืนเขาแทบไม่ได้นอนเพราะไม่สามารถหยุดตัวเองให้คิดเรื่องที่หญิงสาวพูดเมื่อวานได้“ผม...นอนไม่หลับ...”“...โซฟาปริมเล็กไปแหละ...ภัทรขึ้นไปนอนบนเตียงริมเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวเฮียตินนะ เฮียขึ้นไปดูไร่ที่กาญตั้งแต่เมื่อวานเย็นยังไม่ลงมา นอนไปก่อน แล้วค่อยกลับบ้านนะ”“แล้วลูก...”“ปริมดูได้ วันนี้งานเบา ๆ เอาลูกไปนั่งด้วยไม่เป็นไรหรอก”หญิงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม เธอยอมรับว่า
ปฏิเสธหลังปีย์วรากลับไปได้ไม่นาน นภัทรก็ได้สติจากพิษไข้ ร่างสูงนั่งเรียบเรียงความคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินไปเองว่าตัวเขาคงแค่ฝันไป เพราะปีย์วราตัวจริงคงไม่มีทางมาที่นี้ได้ชายหนุ่มหอนายใจกับตัวเองพลางส่ายหน้าเบา ๆ กับความฝันที่คงเป็นผลพวงมาจากความคิดถึงของเขา เนตรคมกวาดมองไปทั่วห้องเพื่อปรับโฟกัสและตั้งสมาธิจากอาการมึนเบลอ ทว่าเขาก็เหลือบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ในห้องของเขาได้เข้าอย่างจังยา..กับชามข้าวต้ม?อ่า ไม่หรอก...คงเป็นแม่...ไม่สิ สาวใช้ในบ้านละมั่งชายยิ้มบาง ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะยันกายลุกขึ้นแล้วเก็บกวาดเอาจานชามและยาที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงมาไว้ในมือเพื่อเอาลงไปเก็บ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ก่อนที่นภัทรจะตระหนักได้ว่าตัวเขาสั่งห้ามไม่ให้สาวใช้ในบ้านเข้ามาในห้อง คนที่เข้ามาได้จะมีแค่แม่และพ่อของเขาสองคนเท่านั้นต่อให้ป่วยยังไงแพรไหมก็ไม่น่ายอมให้สาวใช้แหกกฎได้ แม้คนคนนั้นจะเป็นคนสนิทแค่ไหนก็ตาม...งั้นใครกันละที่ดูแลเขาเมื่อคืน...?ร่างสูงโปร่งวิ่งลงจากบันไดลงไปหาแม่บ้านคนสนิทของมารดาสอบถามเรื่องคนที่ดูแลเขาเมื่อคืนด้วยท่าทีร้อนรน“หนูเล็ก ป้าหนูเล็กครับ!”
ฝันหรือไม่ฝัน NCเพราะยืนตากฝนอยู่นานพอขึ้นรถมาเจอแอร์เย็น ๆ เป่าตัวก็เป็นไข้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ตามปกติแพรไหมจะดูแลเอง แต่ตอนนี้เธอมีงานต้องไปตรวจที่ต่างจังหวัดกับธนิน อีกทั้งงานนี้เธอปฏิเสธไม่ได้แพรไหมเดินไปมาด้วยความกังวล...เธอพยายามหาคนที่พอจะมาดูแลนภัทรได้ แต่นึกให้ตายอย่างไรก็นึกไม่ออก ไอ้ครั้นจะโทรหาปริมเธอก็เกรงใจเพราะลูกชายเธอทำหญิงสาวไว้หนักหนาเหลือเกิน...“แพร...”“คิดจนปวดหัวก็ไม่มีคนใกล้ ๆ เลยค่ะ เหลือแค่ปริมคนเดียวแล้วพี่ธนิน...”แพรไหมเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจ เธอห่วงลูกแต่ก็ห่วงสภาพจิตใจเพื่อนจนไม่รู้จะเลือกทางไหนดี เอาวะ ให้โชคชะตานำทางละกัน!!แพรไหมตัดสินใจเสี่ยงดวงหากโทรแล้วปีย์วรารับ เธอจะพยายามอ้อนวอนให้หญิงสาวมาดูแลนภัทรสักวันสองวัน แต่ถ้าโทรแล้วไม่รับเธอคงต้องให้เป็นคนดูแลลูกเองมือเรียวกดออกที่เบอร์ของเพื่อสนิท พลางยกหูขึ้นรอสายอย่างลุ้นระทึก ในใจภาวนาให้หญิงสาวรับสายเธอซ้ำ ๆ จนเสียงรอสายหายไปนานกว่า 5 วินาที[....]“ปริม ปริมจ๊ะ คือ...แพรรู้นะว่าแพรรบกวนปริมไว้มากแล้วแต่ ช่วยแพรอีกครั้งได้ไหม...มาดูแลนภัทรที เจ้าตัวดีของฉันไม่รู้ไปตากฝนที่ไหนมา ป่วยจ
ความจริงร่างสูงโปร่งของชายวัย 43 ปี พุ่งตัวออกมาจากรถซีดานคันงามที่ขับมา เขาตรงไปยังERอย่างรีบร้อนเมื่อมาถึงก็ถามหาเคสฉุกเฉินที่ต้องบริจาคเลือดทันทีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ญาติคุณปิ่นฤทัยนะคะ รบกวนตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”เปรมเดินตามนางพยาบาลสาวไปยังห้องบริจาคเลือดที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษ เลือดหนึ่งลอดถูกเจาะออกไปจากแขนเขาก่อนที่พยามจะกลับมาเจาะแขนเขาและเอาไปเพิ่มอีก กว่าจะรู้สึกตัวเวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขานั้นเสียเลือดไปเท่าไร แต่สิ่งที่เขาจำได้ไม่ลืมคือตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับปิ่นชายหนุ่มชันตัวขึ้นนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน จากการเสียเลือดจำนวนมากและความเจ็บปวดในใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ตั้งใจตามหาหญิงสาวมากกว่านี้ ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเพียงเท่านี้มันเล็กน้อยกว่าสิ่งที่คนรักของเขาต้องเจอหลังพักฟื้นจากการให้เลือดจนดีขึ้นแล้วเปรมก็รีบเดินไปยังห้องรับรองญาติที่มีคนคนหนึ่งรอเขาอยู่บานประตูแบบเลื่อนถูกเปิดออกทำให้ชายสองคนที่มานั่งรอผู้หญิงคนเดียวกันได้พบหน้ากันเสียที“สวัสดีครับ ลุงเปรม”“สวัสดี นภัทร ไม่ได้เจอกันนาน...มีลูกแล้วเหรอ”เปร
ตอนที่ คนโง่ที่เพิ่งฉลาดเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั้งโถงของแผนกสูตินารีเวช พร้อมชายหนุ่มที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียดในห้องคลอดที่เปิดไฟสว่างถึงสองห้อง หนึ่งในสองห้องมีดวงใจของตินกำลังทรมานอยู่ในนั่น อาการกระวนกระวายของชายหนุ่มที่มีมากล้นเพราะความเป็นห่วง แตกต่างจากอีกคนที่เพิ่งโดนความจริงตีแสกหน้าจนนั่งช็อกไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนนภัทรมองประตูห้องคลอดที่เขาจำได้ว่าเห็นปริมถูกเข็นเข้าไปด้วยแววตาเหม่อลอยกับความจริง...ว่าเขาโง่งมอย่างที่ตินด่าไว้จริง ๆหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นภัทรพาปิ่นที่กรีดร้องลั่นบ้านเพราะเจ็บท้องมาโรงพยาบาล พอมาถึงหน้าห้องคลอดก็เจอตินและหญิงสาวหน้าตาไม่คุ้นนั่งประสานมือภาวนาอยู่ด้วยกัน แค่เห็นหญิงสาวที่มาด้วยก็ว่าแปลกใจแล้ว แต่ที่หนักกว่าคือคำเรียกและบทสนทนาที่น่ากังวลใจกว่า“เฮีย น้องเข้าไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่เสร็จอีก”“เฮียก็ไม่รู้ ตอนนี้เฮีย...เฮียกลัวไปหมดแล้ว...”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายออกไปทางดุดันค่อย ๆ ซบหน้าลงกับไหล่เล็กอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดใจลุกออกไปที่ไหนสักทีตามเสียงกระซิบของหญิงสาวที่เขาไม
บังเอิญเจอกว่าห้าเดือนแล้วที่นภัทรหาปริมไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะลองไปหาที่ไหนก็ไม่เจอเลยแม้แต่เงาของหญิงสาว ครั้นเอ่ยปากถามรัตตะ คนที่ไปส่งหญิงสาววันนั้นก็ไม่มีใครบอกข้อมูลเข้าได้เลยแม้แต่คนเดียวรถซีดานคันงามขับแล่นเข้ามาจอดในโรงจอด ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคุณชายเพียงคนเดียวของบ้านจเดนิลงมาจากรถ“คุณนภัทร มีอะไรให้ขิมช่วยถือไหมคะ”ร่างเพรียวของขิมสาวใช้ที่ดูแลนภัทรมาตลอดที่อยู่ที่บ้านออกมาต้อนรับ มือขาวรับเอากระเป๋าทำงานของชายหนุ่มไปถือไว้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเมื่อนภัทรแจ้งแกเธอว่าไม่มีอะไรให้เธอต้องเอาเข้าไปเก็บนภัทรเดินเข้าบ้านจัดแจ้งชำระกายให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องของปิ่นเพื่อคุยกับเธอเป็นปกติ“ภัทรคะ พรุ่งนี้รบกวนพาปิ่นกับลูกไปหาหมอหน่อยนะ”ยังไม่ทันได้เอ่ยทักหญิงสาวในความดูแลของเขาก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน ร่างสูงเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตียง พลางปรายตามองอดีตแฟนสาวที่กำลังท้องด้วยสายตาเย็นชาแม้จะดูแลเธอมาได้ห้าเดือน แต่ความรักก็ไม่ได้ก่อเกิดขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว หัวใจเขายังคงเป็นของปีย์วราไม่เสื่อมคลาย หนักกว่านั้นไม่ว่ายามใดที่มองใบหน้าของปิ่นเขาก็อดโกรธที่หญิงสาวทำกับเขาแบบน