ตอนที่ 3
นภัทรมองดูหญิงสาวที่ยืนคิดอะไรอยู่คนเดียวพลางมองซ้ายมองขวาสำรวจห้องไปตามเรื่อง เพราะตราบใดที่หญิงสาวเจ้าของห้องไม่มีท่าทีจะหายกลัวเขา ชายหนุ่มก็ไม่มีความคิดจะเดินไปไหน นัยน์ตาสีม่วงครามเหลือบซ้ายแลขวาก่อนจะมาหยุดที่จุดพักสายตาจุดเดียวในห้องนี้ ชายหนุ่มแอบพินิจมองเรือนร่างอรชรในชุดสุดวาบหวิวสีดำสนิทช่วยขับเน้นผิวขาวให้กระจ่างมากขึ้นอย่างเผลอไผล ความคิดอกุศลก่อเกิดขึ้นในจิตใจพาลเอาดวงตาคมลอบมองเรียวขาขาวและทรวดทรงองค์เอวของคนอายุมากกว่าไม่วางตา ชายหนุ่มอดยอมรับไม่ได้เลยว่าเป็นวิวที่เขาเห็นในตอนนี้งดงามมากเพียงใด สำหรับคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไรเขาไม่ทราบ แต่สำหรับเขาเพื่อนคุณแม่คนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดตั้งแต่เขาเจอมา สวย...เหมือนวันแรกที่เคยเจอ... สวย...จนเขานึกหวง Rrrr Rrrr เสียงโทรศัพท์จะเรียกสติชายหนุ่มให้ออกจากภวังค์และเลิกคิดอกุศลกับ เพื่อนแม่คนสวยที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองสวมชุดนอนออกมาหาเขา ดวงตาคมเบนมองทางอื่นเพื่อความเป็นส่วนตัว นัยน์ตาคมเบนมองขยะชิ้นนั้น ชิ้นนี้รอบ ๆ ห้องไปพลางวางแผนถึงการเก็บกวาดไปพลางอย่างใจเย็น ก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังขึ้น “เฮ้อออ...” นภัทรไม่รู้ว่าปริมถอนหายใจด้วยเรื่องอะไร แต่ภาพที่หญิงสาวยืนกุมหัวตัวเองพลางพึมพำอะไรบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาอยู่เบื้องหน้าเขาได้ดึงความสนใจไปจนหมด น่ารัก แม้แต่ตอนงอแงตบตีกับตัวเองก็ยังน่ารัก นภัทรเลียริมฝีปากตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติไม่แสดงพิรุธอะไรได้ทัน ก่อนที่ปริมจะเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาไม่ได้อยากเป็นคนเจ้าเล่ห์แต่จะให้โฉมงามเบื้องหน้าที่เขาต้องอยู่ด้วยไปอีก 5 เดือนรู้เรื่องที่เขาแอบชอบอีกฝ่ายมานานหลายปีตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ ถ้าเกิดว่าปีย์วรารู้ว่าเขาแอบชอบนั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ประตูหัวใจของหญิงสาวเลยแม้แต่ก้าวเดียว เพราะงั้นเก็บซ่อนไว้แบบนี้จนถึงเวลานั่นแหละถูกแล้ว... “ภัทร...น้าเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหม?” เสียงเรียกชื่อเล่นที่บิดามารดาชอบเรียกดังขึ้นปลุกนภัทรให้ตื่นจากภวังค์ “ครับ ได้ครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้เซ้นส์เรื่องชื่อของหญิงสาวพลางโบกสะบัดถุงขยะพลาสติกเนื้อหนาในมือเบา ๆ เพื่อให้มันคลายตัวออกก่อนจะก้มตัวลงหยิบขวดน้ำอัดลมที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาใส่ถุง “ก่อนอื่นเลยน้าขอโทษที่สงสัยเธอ และ...ขอโทษที่ให้รอนาน อ่า...เมื่อกี้รอนานมากไหม?” “ไม่ครับ แค่...15 นาที” นภัทรเอ่ยตอบไปตามความสัตย์จริง แม้เมื่อครู่จะหวาดหวั่นอยู่บ้างจนเผลอตัวกดอินเตอร์คอมไปรัว ๆ แต่ทันทีที่ได้สบตาปริมเขาก็ดีขึ้น แน่นอนว่าเรื่องที่เกือบจะแพนิคขึ้นนี่ปริมไม่จำเป็นต้องรู้... “อ่า...นานอยู่นะนั่น ขอโทษจริง ๆ นะ” “ครับ ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าน้างานยุ่ง” ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะค่อย ๆ ไล่เดินเก็บขวดน้ำอัดลมและขยะพลาสติกชิ้นใหญ่ใส่ถุงขยะที่ละชิ้นที่ละชิ้นจนเต็มถุงโดยไม่สนใจสีหน้าละอายของเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาพอรู้ว่าปริมละอายใจที่ต้องให้เขามาดูแล แต่เรื่องเพียงเท่านี้หากหญิงสาวไม่อยากทำหรือไม่มีเวลาทำเขาก็จะทำให้ เพราะมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรมากมายขนาดนั้น ดีเสียอีกเขาจะดูแลเรื่องความสะอาดเองจะได้ถูกใจดีกว่าให้คุณน้าคนสวยทำแล้วมันไม่สะอาดจนเขาหงุดหงิดแล้วเกิดเป็นปัญหายิบย่อยที่อาจจะทำให้เรื่องที่เขาวาดหวังไว้ไปไม่รอด แทนที่จะให้มันเป็นแบบนั้นสู้เขาทำเองยังจะดีเสียกว่า... ทางด้านปริมที่ยืนมองนภัทรเก็บขยะและทำความสะอาดห้องเธอไปทีละส่วนทีละส่วนอย่างใจเย็นก็ละอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็เลือกที่จะให้ชายหนุ่มทำไปตามแต่ใจต้องการเพราะพอจะอ่านออกว่าอีกฝ่ายรักความสะอาดและเจ้าระเบียบมากแค่ไหน แทนนจะเข้าไปยุ่งตอนนี้ สู้เธออยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ทำตามใจไปยังจะดีเสียกว่า อีกอย่างคือเธอไม่มีเวลาทำจริง ๆ เพราะทุกวินาทีคือการปั่นต้นฉบับส่งให้ทันก่อนเดดไลน์ที่ถูกกำหนดไว้ แล้วพอนึกถึงเดดไลน์ทีไรก็พาลไม่อยากทำอย่างอื่นนอกจากการเขียนไปโดยปริยาย นักเขียนนิยายอย่างเธอไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ถ้ามีเวลาก็ต้องปั่นต้นฉบับ แน่นอนว่าทุกวินาทีสำหรับเธอนันมีค่า เพราะนั่นหมายถึงเรื่องราวและตัวอักษรหลายสิบตัวที่จะถูกร้อยเรียงออกมาเป็นนิยายหนึ่งตอน การเก็บกวาดสำหรับเธอเลยเป็นเรื่องที่หนึ่งสัปดาห์จะทำสักครั้งเท่านั้น ยกเว้นไว้ก็แค่ห้องทำงานของเธอที่สะอาดอยู่ตลอด เพราะถ้ามันรกจนมีแมลงหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์รับรองได้เลยว่าเขียนงานไม่ออกแน่ “ขยะนี้เอาไว้ไหนครับ” “เอาไว้ที่ห้องทิ้ง-” “ห้องทิ้งเต็มแล้วครับ” “อ่า...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เข้มขึ้นหนึ่งระดับทำเอาปริมหุบปากฉับไม่กล้าพูดอะไรต่อทันควัน เธอไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้โกรธหรือไม่พอใจหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ แค่น้ำเสียงติดดุเธอก็ใจสั่นแล้ว... ความรู้สึกหวาดกลัวปะทุขึ้นในจิตใจ เธอไม่รู้ว่านิสัยใจคอของนภัทรเป็นยังไง แต่ดูท่าจากน้ำเสียงเมื่อครู่ไม่ว่าตั้งใจหรือ เธอก็กลัว เธอกลัวลูกชายของเพื่อนคนนี้... กลัวจนอดกังวลไม่ได้เลยว่าตัวเองจะทานทนจนครบกำหนด 5 เดือน ไหวไหม... “ผมไม่ได้ดุนะครับ เมื่อกี้คอแห้งเสียงเลยแข็งไปหน่อย ถ้าทำให้น้าตกใจ ผมขอโทษ แต่ห้องทิ้งเต็มแล้วถ้าเอาไปยัดอีกกลัวว่าที่ยัดไว้ก่อนหน้าจะโค่นลงมาหมด” ร่างบอบบางโอบกอดตัวเองด้วยมือสั่นเทา เธอไม่รู้ว่านภัทรจ้องเธอนานแค่ไหน แต่จากน้ำเสียงร้อนรนแล้วเรื่องเมื่อครู่คงไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ดั่งที่เธอคาด “อืม...รู้แล้ว น้าแค่...ไม่ค่อยชิน ปกติก็ไม่ค่อยชอบคนเสียงดุอยู่แล้วด้วย...แต่เราไม่รู้นี่ ไม่เป็นไร ๆ ส่วนขยะเอาไว้หน้าประตูก็ได้เดี๋ยวเอาลงไปทิ้งเอง” “โอเคครับ” ชายหนุ่มที่น้ำเสียงตอนนี้ติดไปทางเข้มดุเอ่ยตอบรับพร้อมเดินเอาถุงขยะไปวางไว้หน้าห้องแล้วเดินกลับมาทำความสะอาดต่ออย่างแข็งขัน เห็นดังนั้นปริมก็อยากทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดีบ้าง อย่างการเอาน้ำมารับแขก ร่างเพรียวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ยังไม่ได้รับการทำความสะอาดพลางเดินย่องหลบคราบที่เธอทำไว้อย่างชำนาญเพื่อไปยังตู้เย็นที่เก็บน้ำแร่เย็น ๆ เอาไว้จนเต็ม “มีแต่น้ำแร่แฮะ น่าจะทานได้ละมั่ง” เจ้าของห้องคนสวยพินิจมองน้ำแร่ยี่ห้อโปรดก่อนจะหยิบออกมาถือไว้แล้วเดินกลับไปหานภัทรที่ห้องนั่งเล่น เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงที่ต้องการเข้ามาหาเธอในห้องครัวพอดี ตุบ! “อ๊ะ!!” ด้วยจุดอับตรงมุมทางโค้งระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นทำให้ปริมชนกับนภัทรเข้าอย่างจัง ร่างเพรียวบางเอนไหวตามแรงชนด้วยขนาดที่ต่างกันมากทำให้ฝ่ายผละออกเป็นเธอแทนร่างสูง แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัวว่าจะเดินชนใครทำให้ศูนย์ถ่วงที่เคยมีเลือนหายไปโดยปริยายพาลเอาเจ้าของห้องคนสวยเกือบหงายหลังล้มถ้าไม่ได้วงแขนแกร่งโอบรั้งตัวเธอเอาไว้ก่อน กลิ่นโคโลญจน์และความอุ่นร้อนจากแขนแกร่งเรียกเอารอยริ้วสีแดงวิ่งขึ้นพาดบนพวงแก้มนิ่มอย่างห้ามไม่ได้ ปริมไม่คิดเลยว่าซีนเดินชนกันในนิยายที่เธอเขียนลงบ่อย ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิตแบบนี้ และยิ่งมาเกิดกับลูกชายเพื่อนด้วยแล้วตัวเธอยิ่งไม่เคยคิดเข้าไปใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไหวระริกด้วยหัวใจไม่รักที่เต้นระส่ำไม่หยุดพักกับเรื่องเมื่อครู่ก่อนจะรีบดันตัวเองออกมายืนห่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่หัวใจก็ยังเต้นระส่ำไม่หยุด ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างพวกเขาก่อนที่นภัทรเป็นคนเอ่ยปากก่อน “น้าเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ไหนเหรอครับ” “อ่อ ตรงห้องเก็บของข้างห้องน้ำน่ะ มีเครื่องดูดฝุ่นอยู่นะ จะทำอะไรเหรอ?” “ผมจะทำความสะอาดให้ครับ เห็นน้างานยุ่งก็เลยไม่อยากกวน เพราะจริง ๆ มันเป็นเรื่องของผมเอง” “อ่า...” “ผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นพวกรักสะอาด ถึงห้องของน้าไม่รกมากแต่มันไม่สะอาดจนผมพอใจ ผมก็ขอทำให้ใหม่อยู่ดี เพราะงั้น...” “อื้อ ๆ น้าอนุญาตอยากทำให้สะอาดแค่ไหนก็แล้วแต่เลย และไม่ต้องมาปลอบใจกัน น้ารู้ตัวหรอกว่าห้องมันรกขนาดไหน” ปริมเอ่ยพลางมุ่ยหน้าให้กับคำปลอบโยนของชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าเอ่ยปลอบใจเธอหรือแซะเธอกันแน่ “ครับ ๆ ขอโทษครับ ฮึ ๆ” คำขอโทษพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเรียกให้ใบหน้างดงามมุ่ยลงไปอีกระดับก่อนปริมจะเอ่ยฝากห้องนั่งเล่นที่เละเทะราวกับผ่านมรสุมมาของเธอให้กับอีกฝ่ายจัดการทำความสะอาดมันตามที่ต้องการโดยไม่ลืมยัดน้ำแร่ที่เธอตั้งใจหยิบมาให้ร่างสูงใส่มือแกร่งที่โอบกอดเธอเมื่อครู่ด้วย “งั้น...น้าขอไปทำงานต่อก่อนนะ อ่อ ห้องเราอยู่ริมทางซ้ายนะ กุญแจอยู่บนโต๊ะทำงาน ถ้าไม่ชอบใช้กุญแจจะสแกนนิ้วเอาก็ได้น้าอนุญาต เดี๋ยวน้าแอดลายนิ้วมือเราเพิ่มให้” “ครับ” “ถ้าทำเสร็จแล้วไปเรียกน้านะ เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรทานกัน ว่าแต่อยู่ได้ใช่ไหม...” “ครับผม อยู่ได้ครับ” คำตอบรับพร้อมรอยยิ้มทำให้ปริมวางใจก่อนที่ร่างเพรียวหมุนกายกลับเข้าห้อง เรียวขายาวก้าวผ่านกระจกแบบเต็มตัวที่ตั้งอยู่ก่อนถึงโต๊ะทำงานก็ต้องตกใจกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตนเองสวมใส่ออกไปรับชายหนุ่มอยู่นานสองนาน “เชี้ยไรวะเนี้ยย โอ๊ยยยยัยปริมม ยัยคนเบ๊อะบ๊ะ” มือบางยกขึ้นขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความหงุดหงิดที่เธอรีบร้อนจนเผลอใส่ชุดนอนออกไปรับโดยไม่เปลี่ยนก่อน ความหวั่นวิตกถูกปลุกขึ้นในใจด้วยถ้าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่หลานชายเธอแต่เป็นโรคจิตจริง ๆ เรื่องราวคงจบไม่สวยแน่ “ฮึก จะไม่ใส่ชุดนี้ออกจากห้องทำงานอีกแล้ว บ้าเอ๊ย!!” นักเขียนสาวกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาเบดพลางหงายโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปช็อปปิงแล้วเลือกกดชุดนอนแบบเดรสตัวยาวเนื้อนิ่มมานับสิบตัวพลางกดสั่งอย่างไม่ลังเล เพราะต่อให้ไม่มีนภัทรอยู่ร่วมห้องแล้วเธอก็ยังได้ใช้งานมันอยู่ดีไม่ได้เสียหายอะไร เมื่อเลือกซื้อจนพอใจปริมก็หันไปทำงานต่อจากที่ทำค้างไว้เผื่อว่ามันจะเสร็จตามเป้าก่อนที่นภัทรจะทำความสะอาดเสร็จ พวกเธอจะได้ไปหาอะไรทานข้างนอกตามที่เธอเอ่ยชวนไปเมื่อครู่ ก่อนที่หญิงสาวจะฉุกคิดได้ว่าทำไมไม่เอ่ยชวนโทรสั่งมาทานแทนเพราะเธอไม่ชอบอากาศร้อน ๆ ช่วงเที่ยงเท่าไรนัก มือเรียวขยี้หัวตัวเอง อีกครั้งเพราะสะเพร่าเอ่ยชวนไปหาอะไรทานด้วยความเคยชินก่อนจะปล่อยเลยตามเลยเพราะออกไปตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อีกอย่าง...รอยยิ้มตอนที่เธอชวนไปทานข้าวเมื่อครู่ก็น่ารักไม่หยอก... เพราะงั้นปล่อยไปแบบนี้นั้นละดีแล้ว... ยังไงใบหน้าตอนยิ้มแย้มของนภัทรก็ดีกว่าดวงตาคมดุและน้ำเสียงน่ากลัวเมื่อครู่ตั้งเยอะ...ครอบครัวรุ่งเช้าที่นภัทรต้องนอนที่โซฟาปลายเตียงของปริมทั้งคืน เมื่อคืนหลังทำงานเสร็จและเอาปกป้องเข้านอนแล้วหญิงสาวก็พยายามไล่นภัทรกลับแล้วแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมกลับ แถมสโนว์ยังดันหลังเอาชุดเก่าของตินมาให้นภัทรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกตัวนภัทรก็ไม่รีรอรีบคว้าเสื้อผ้าในมือพี่สะใภ้ของเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที แล้วกลับมานอนเฝ้าเธอที่โซฟาปลายเตียงปริมมองคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟานั่งเล่นของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัว เพื่อปลุกเขาให้ตื่น“ภัทร ภัทรคะ ตื่นเถอะ กลับบ้านได้แล้ว เช้าแล้วนะ”หญิงสาวเขย่าตัวให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น แล้วเดินเลยไปอุ้มปกป้องมาโอ๋นภัทรลุกขึ้นนั่งมองปริมกล่อมลูกชายด้วยแววตาเจ็บปวด เมื่อคืนนี้ทั้งคืนเขาแทบไม่ได้นอนเพราะไม่สามารถหยุดตัวเองให้คิดเรื่องที่หญิงสาวพูดเมื่อวานได้“ผม...นอนไม่หลับ...”“...โซฟาปริมเล็กไปแหละ...ภัทรขึ้นไปนอนบนเตียงริมเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวเฮียตินนะ เฮียขึ้นไปดูไร่ที่กาญตั้งแต่เมื่อวานเย็นยังไม่ลงมา นอนไปก่อน แล้วค่อยกลับบ้านนะ”“แล้วลูก...”“ปริมดูได้ วันนี้งานเบา ๆ เอาลูกไปนั่งด้วยไม่เป็นไรหรอก”หญิงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม เธอยอมรับว่า
ปฏิเสธหลังปีย์วรากลับไปได้ไม่นาน นภัทรก็ได้สติจากพิษไข้ ร่างสูงนั่งเรียบเรียงความคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินไปเองว่าตัวเขาคงแค่ฝันไป เพราะปีย์วราตัวจริงคงไม่มีทางมาที่นี้ได้ชายหนุ่มหอนายใจกับตัวเองพลางส่ายหน้าเบา ๆ กับความฝันที่คงเป็นผลพวงมาจากความคิดถึงของเขา เนตรคมกวาดมองไปทั่วห้องเพื่อปรับโฟกัสและตั้งสมาธิจากอาการมึนเบลอ ทว่าเขาก็เหลือบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ในห้องของเขาได้เข้าอย่างจังยา..กับชามข้าวต้ม?อ่า ไม่หรอก...คงเป็นแม่...ไม่สิ สาวใช้ในบ้านละมั่งชายยิ้มบาง ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะยันกายลุกขึ้นแล้วเก็บกวาดเอาจานชามและยาที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงมาไว้ในมือเพื่อเอาลงไปเก็บ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ก่อนที่นภัทรจะตระหนักได้ว่าตัวเขาสั่งห้ามไม่ให้สาวใช้ในบ้านเข้ามาในห้อง คนที่เข้ามาได้จะมีแค่แม่และพ่อของเขาสองคนเท่านั้นต่อให้ป่วยยังไงแพรไหมก็ไม่น่ายอมให้สาวใช้แหกกฎได้ แม้คนคนนั้นจะเป็นคนสนิทแค่ไหนก็ตาม...งั้นใครกันละที่ดูแลเขาเมื่อคืน...?ร่างสูงโปร่งวิ่งลงจากบันไดลงไปหาแม่บ้านคนสนิทของมารดาสอบถามเรื่องคนที่ดูแลเขาเมื่อคืนด้วยท่าทีร้อนรน“หนูเล็ก ป้าหนูเล็กครับ!”
ฝันหรือไม่ฝัน NCเพราะยืนตากฝนอยู่นานพอขึ้นรถมาเจอแอร์เย็น ๆ เป่าตัวก็เป็นไข้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ตามปกติแพรไหมจะดูแลเอง แต่ตอนนี้เธอมีงานต้องไปตรวจที่ต่างจังหวัดกับธนิน อีกทั้งงานนี้เธอปฏิเสธไม่ได้แพรไหมเดินไปมาด้วยความกังวล...เธอพยายามหาคนที่พอจะมาดูแลนภัทรได้ แต่นึกให้ตายอย่างไรก็นึกไม่ออก ไอ้ครั้นจะโทรหาปริมเธอก็เกรงใจเพราะลูกชายเธอทำหญิงสาวไว้หนักหนาเหลือเกิน...“แพร...”“คิดจนปวดหัวก็ไม่มีคนใกล้ ๆ เลยค่ะ เหลือแค่ปริมคนเดียวแล้วพี่ธนิน...”แพรไหมเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจ เธอห่วงลูกแต่ก็ห่วงสภาพจิตใจเพื่อนจนไม่รู้จะเลือกทางไหนดี เอาวะ ให้โชคชะตานำทางละกัน!!แพรไหมตัดสินใจเสี่ยงดวงหากโทรแล้วปีย์วรารับ เธอจะพยายามอ้อนวอนให้หญิงสาวมาดูแลนภัทรสักวันสองวัน แต่ถ้าโทรแล้วไม่รับเธอคงต้องให้เป็นคนดูแลลูกเองมือเรียวกดออกที่เบอร์ของเพื่อสนิท พลางยกหูขึ้นรอสายอย่างลุ้นระทึก ในใจภาวนาให้หญิงสาวรับสายเธอซ้ำ ๆ จนเสียงรอสายหายไปนานกว่า 5 วินาที[....]“ปริม ปริมจ๊ะ คือ...แพรรู้นะว่าแพรรบกวนปริมไว้มากแล้วแต่ ช่วยแพรอีกครั้งได้ไหม...มาดูแลนภัทรที เจ้าตัวดีของฉันไม่รู้ไปตากฝนที่ไหนมา ป่วยจ
ความจริงร่างสูงโปร่งของชายวัย 43 ปี พุ่งตัวออกมาจากรถซีดานคันงามที่ขับมา เขาตรงไปยังERอย่างรีบร้อนเมื่อมาถึงก็ถามหาเคสฉุกเฉินที่ต้องบริจาคเลือดทันทีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ญาติคุณปิ่นฤทัยนะคะ รบกวนตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”เปรมเดินตามนางพยาบาลสาวไปยังห้องบริจาคเลือดที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษ เลือดหนึ่งลอดถูกเจาะออกไปจากแขนเขาก่อนที่พยามจะกลับมาเจาะแขนเขาและเอาไปเพิ่มอีก กว่าจะรู้สึกตัวเวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขานั้นเสียเลือดไปเท่าไร แต่สิ่งที่เขาจำได้ไม่ลืมคือตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับปิ่นชายหนุ่มชันตัวขึ้นนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน จากการเสียเลือดจำนวนมากและความเจ็บปวดในใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ตั้งใจตามหาหญิงสาวมากกว่านี้ ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเพียงเท่านี้มันเล็กน้อยกว่าสิ่งที่คนรักของเขาต้องเจอหลังพักฟื้นจากการให้เลือดจนดีขึ้นแล้วเปรมก็รีบเดินไปยังห้องรับรองญาติที่มีคนคนหนึ่งรอเขาอยู่บานประตูแบบเลื่อนถูกเปิดออกทำให้ชายสองคนที่มานั่งรอผู้หญิงคนเดียวกันได้พบหน้ากันเสียที“สวัสดีครับ ลุงเปรม”“สวัสดี นภัทร ไม่ได้เจอกันนาน...มีลูกแล้วเหรอ”เปร
ตอนที่ คนโง่ที่เพิ่งฉลาดเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั้งโถงของแผนกสูตินารีเวช พร้อมชายหนุ่มที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียดในห้องคลอดที่เปิดไฟสว่างถึงสองห้อง หนึ่งในสองห้องมีดวงใจของตินกำลังทรมานอยู่ในนั่น อาการกระวนกระวายของชายหนุ่มที่มีมากล้นเพราะความเป็นห่วง แตกต่างจากอีกคนที่เพิ่งโดนความจริงตีแสกหน้าจนนั่งช็อกไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนนภัทรมองประตูห้องคลอดที่เขาจำได้ว่าเห็นปริมถูกเข็นเข้าไปด้วยแววตาเหม่อลอยกับความจริง...ว่าเขาโง่งมอย่างที่ตินด่าไว้จริง ๆหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นภัทรพาปิ่นที่กรีดร้องลั่นบ้านเพราะเจ็บท้องมาโรงพยาบาล พอมาถึงหน้าห้องคลอดก็เจอตินและหญิงสาวหน้าตาไม่คุ้นนั่งประสานมือภาวนาอยู่ด้วยกัน แค่เห็นหญิงสาวที่มาด้วยก็ว่าแปลกใจแล้ว แต่ที่หนักกว่าคือคำเรียกและบทสนทนาที่น่ากังวลใจกว่า“เฮีย น้องเข้าไปชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่เสร็จอีก”“เฮียก็ไม่รู้ ตอนนี้เฮีย...เฮียกลัวไปหมดแล้ว...”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายออกไปทางดุดันค่อย ๆ ซบหน้าลงกับไหล่เล็กอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดใจลุกออกไปที่ไหนสักทีตามเสียงกระซิบของหญิงสาวที่เขาไม
บังเอิญเจอกว่าห้าเดือนแล้วที่นภัทรหาปริมไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะลองไปหาที่ไหนก็ไม่เจอเลยแม้แต่เงาของหญิงสาว ครั้นเอ่ยปากถามรัตตะ คนที่ไปส่งหญิงสาววันนั้นก็ไม่มีใครบอกข้อมูลเข้าได้เลยแม้แต่คนเดียวรถซีดานคันงามขับแล่นเข้ามาจอดในโรงจอด ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคุณชายเพียงคนเดียวของบ้านจเดนิลงมาจากรถ“คุณนภัทร มีอะไรให้ขิมช่วยถือไหมคะ”ร่างเพรียวของขิมสาวใช้ที่ดูแลนภัทรมาตลอดที่อยู่ที่บ้านออกมาต้อนรับ มือขาวรับเอากระเป๋าทำงานของชายหนุ่มไปถือไว้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเมื่อนภัทรแจ้งแกเธอว่าไม่มีอะไรให้เธอต้องเอาเข้าไปเก็บนภัทรเดินเข้าบ้านจัดแจ้งชำระกายให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องของปิ่นเพื่อคุยกับเธอเป็นปกติ“ภัทรคะ พรุ่งนี้รบกวนพาปิ่นกับลูกไปหาหมอหน่อยนะ”ยังไม่ทันได้เอ่ยทักหญิงสาวในความดูแลของเขาก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน ร่างสูงเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตียง พลางปรายตามองอดีตแฟนสาวที่กำลังท้องด้วยสายตาเย็นชาแม้จะดูแลเธอมาได้ห้าเดือน แต่ความรักก็ไม่ได้ก่อเกิดขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว หัวใจเขายังคงเป็นของปีย์วราไม่เสื่อมคลาย หนักกว่านั้นไม่ว่ายามใดที่มองใบหน้าของปิ่นเขาก็อดโกรธที่หญิงสาวทำกับเขาแบบน