หลังจากถ่ายละครเสร็จ วันนี้เลิกกองถ่านค่อนข้างดึก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว นินิวเลยบอกคนขับรถตู้ของพี่แจงที่มารับเธอให้แวะร้านข้าวต้มเจ้าประจำข้างทาง เพราะถ่ายละครลากยาวตลอดช่วงบ่าย ทำให้เธอรู้สึกหิวมากกว่าทุกวัน "เอาเหมือนเดิมนะคะเฮีย” เฮียเจ้าของร้านพยักหน้าเข้าใจ แต่ทว่ายังคงจ้องหน้าเธอไม่หยุด เหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับเธอ “มีอะไรหรือเปล่าคะ เห็นเฮียมองหน้าหนูแปลก ๆ" เฮียเจ้าของร้านทำสีหน้าหนักใจ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรถามออกไปหรือเปล่า แต่เพราะไม่อยากให้ลูกค้าประจำที่เขาเอ็นดูเหมือนลูกหลานอย่างนินิวต้องถูกอีกฝ่ายหลอกเลยตัดสินถามออกไป “ผู้ชายที่มากับเราครั้งก่อน เขาเป็นแฟนเราหรือเปล่า” “เฮียถามทำไมคะ มีอะไรบอกหนูได้เลยค่ะ หรือว่าเขามาค้างค่าอาหารเฮีย เดี๋ยวหนูจ่ายให้เองค่ะ”นินิวรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสะพาย เพราะคิดว่าออสตินมาทานข้าวแล้วไม่มีเงินสดจ่ายเฮียเจ้าของร้าน “ไม่ใช่หนู วันก่อนเขามาทานข้าวที่นี่ดึกแล้ว น่าจะเกือบห้าทุ่ม เขามากับผู้หญิงท่าทางดูดี แต่นิสัยน่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่” นินิวชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ“เป็นเพื่อนร่วมงานกันค่ะ” “อ๋อเห
“นี่พี่ได้ยินที่ฉันคุยกับพยาบาลเหรอ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย” “ถึงฉันไม่แอบฟัง เธอพูดดังขนาดนั้น ใครเดินผ่านไปมาก็ได้ยินทั้งนั้นแหละ” อัญชันเม้มปากแน่น สายตาโฟกัสไปตรงสวนของโรงพยาบาล ที่ตอนนี้มีผู้ป่วยหลายคนกำลังนั่งรับลมยามเย็น เธอรู้สึกอายที่ขุนเขาต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ของเธอ “พี่ห้ามบอกนิวเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องที่แม่ฉันกำลังรักษาตัวอยู่ที่นี่หรือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ของฉัน ตอนนี้นิวเองมันก็เพิ่งได้กลับเข้าวงการมา ฉันไม่อยากเอาความทุกข์ของฉันไปใส่หัวมันอีก” “เธอคิดว่าเพื่อนเธอเห็นเรื่องของเธอเป็นความทุกข์ใจเหรอ เธอประเมินเพื่อนเธอต่ำไปหรือเปล่าอัญชัน” “เพราะฉันรู้ว่านิวมันคงไม่นิ่งเฉย มันต้องช่วยฉันแน่นอนถ้ารู้ ยิ่งเป็นแบบนั้น ฉันยิ่งไม่อยากให้เพื่อนรู้" ขุนเขาหันไปมองเสี้ยวหน้าของอัญชันตอนนี้ ทั้งน้ำเสียงและแววตาเธอดูเศร้าเหมือนคนทุกข์ใจอย่างหนัก แสดงว่าที่ผ่านมาทำเป็นเข้มแข็งเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเอง "แล้วเธอจะหาเงินจากที่ไหน" "ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ตอนนี้ก็ทำทุกทางแล้วเหมือนกัน แต่ดาราตัวประกอบอย่างฉัน นอกจากเล่นละคร งานอื่นก็ไม่มีเข้ามาหรอกค่ะ" "เท่าไหร่?"
เสร็จสิ้นการถ่ายทำที่โรงพยาบาล พรุ่งนี้กองถ่ายจะยกกองไปถ่ายที่บ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านของพระเอกของเรื่องอย่างขุนเขา หลังจากเลิกกอง ระหว่างที่ขุนเขากำลังเดินไปขึ้นรถตู้ของผู้จัดการส่วนตัว สายตาคมของเขาเหลือบไปเห็นอัญชันเดินแกมวิ่งเข้าไปยังตึกผู้ป่วยในของโรงพยาบาล หัวคิ้วขมวดกันด้วยความสงสัย การแต่งตัวของเธอบ่งบอกว่าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขายิ่งสงสัยว่าเธอเดินเข้าไปในตึกผู้ป่วยในทำไมเวลานี้ ในเมื่อตอนนี้ทีมงานทุกคนต่างแยกย้ายและเคลียร์สถานที่กันแล้ว จะว่าไปสองสามวันที่ผ่านมาเขาก็เห็นเธอเดินไปทางตึกผู้ป่วยในหลายครั้ง บางครั้งก็เป็นในระหว่างถ่ายทำ แต่ทว่าตอนนั้นเขาไม่สนใจ เพราะเป็นช่วงที่ยังมีการถ่ายทำที่นี่อยู่ แต่ทำไมวันนี้เขาเกิดอยากจะรู้ขึ้นมาว่าเธอเข้าไปในตึกนั้นทำไมทั้งที่เลิกกองไปแล้ว “เดี๋ยวผมกลับเองครับ” “จะไปไหนขุน?” “ผมเห็นเพื่อนนะครับ ขอไปหาหน่อยนะ“เขาบอกผู้จัดการก่อนจะหยิบหมวกแก๊ป ผ้าปิดจมูกใส่และเดินลงจากรถทันที ขาเรียวยาวรีบวิ่งให้ทันร่างเล็กของอัญชันที่เขาเห็นหลังเธอไว ๆ เดินเข้าไปลิฟท์ แต่ทว่าเขาไม่ทันขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับเธอ เลยหยุดรอดูเลขชั้นที่เธอขึ้
“ฉันจำไม่ได้หรอก มันนานมากแล้วนะ” “โกหก เธอยังจำได้เลยว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่กลับบอกว่าจำความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ที่จริงเธอจำได้แต่ไม่กล้าพูดออกมามากกว่า”ชายหนุ่มทำสีหน้าน้อยใจ หันหน้าหนีไปมองอีกทาง ทำตัวงอนเหมือนเด็กสามขวบก็ไม่ผิด ไม่รู้ว่าเรื่องแค่นี้เขาจะเล่นใหญ่อะไรขนาดนี้ไปเพื่ออะไร “นายต้องการให้ฉันตอบว่าอะไรติน ถ้านายอยากรู้จริงนายก็ต้องรับคำตอบให้ได้นะ” “แน่สิ เธอไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาอยู่แล้วนี่ ตอนนี้ฉันก็ยังงงอยู่นะ ว่าไปทำอิท่าไหนให้เธอยอมคบกับฉันได้ หรือเพราะว่าเธอไม่อยากให้ฉันไปยุ่งกับโมนา ถึงได้ยอมฉันขนาดนี้” “ก็แค่ส่วนหนึ่ง” ออสตินหันขวับมามองหน้าเธอทันที ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ ขนาดนี้ แต่ทว่าหญิงสาวกลับระบายยิ้มขบขันท่าทางของเขาออกมา “โมนาเป็นแค่ตัวเร่งปฏิกริยาของฉันเท่านั้นแหละ คนอย่างฉันถ้าไม่รู้สึกอะไรจริง ฉันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้หรือเข้ามายุ่งพื้นที่ส่วนตัวของฉันขนาดนี้หรอก นายก็น่าจะรู้” เมื่อได้คำตอบที่พอใจ ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอด จูบขมับเบา ๆ อย่างแสนรัก“ผู้หญิงคนนั้นตอนมอห้าที่ฉันขอคบด้วย ไม่ใช่เพราะฉั
นินิวกลับถึงคอนโด ก็รีบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำทันที ถึงแม้ตาแทบจะปิดแต่ผู้หญิงรักความสะอาดแบบเธอ ก็ต้องฝืนตัวเองไปอาบน้ำก่อนนอนให้ได้ อีกทั้งเครื่องสำอางที่แน่นหน้าตอนนี้ เธอก็ต้องล้างออกให้หมด เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร ตอนที่เปิดประตูออกจากห้องน้ำ สายตาก็เหลือบไปเห็นออสตินนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงด้วยท่าทีสบาย ๆ เขาทำราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาไม่ใช่ของเธอ "ฉันหิวแล้วอ่ะ สั่งข้าวมากินกันดีกว่า" "ฉันกินสลัดของพี่แจงบนรถตู้มาแล้ว" เธอตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ เดินตรงเข้าไปในห้องแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนลายการ์ตูนแบบที่เธอชอบมาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวมานั่งที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาครีมบำรุง "แต่ฉันหิว" "หิวนายก็สั่งข้าวมากินสิ" ออสตินขยับตัวลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียง จ้องมองหญิงสาวที่กำลังหยิบครีมต่าง ๆ มาประโคมบนหน้าของเธอ"ทำไมเธอไม่อ่านข้อความฉัน" "แล้วทำไมนายต้องส่งมา นายกับฉันยืนห่างกันไม่ถึงสามเมตรเลยนะ เดินมาไม่ง่านกว่าเหรอ" "ก็ตอนนั้นฉันกำลังคุยเรื่องงานกับทีมงานอยู่ เธอก็เห็น" "ก็รอให้คุยเสร็จก่อนสิ แล้วค่อยเดินมาคุย" ชายหน
11.00 น. นินิวมาถึงกองถ่ายด้วยความอ่อนเพลีย พี่แจงผู้จัดการถึงกับถามไถ่อาการของเธออย่างเป็นห่วง "ไหวหรือเปล่า?" "ไหวค่ะ แค่ง่วงนอน" "ปกติเธอเป็นเด็กอนามัยนะนิว พักนี้ทำไมขอบตาดำขนาดนี้ อย่าบอกนะว่า..." นินิวเม้มปากแน่นรอฟังประโยคคำถามที่พี่แจงจะเอ่ยถามเธอ มันคงไม่ใช่แบบที่เธอคิดหรอกนะ เธอยังไม่พร้อมให้พี่แจงรู้เรื่องออสตินตอนนี้ "เธอติดซีรีย์" พอได้ยินคำถามก็ถอนหายใจออกมาทันทีอย่างโล่งอก ได้แต่แอบหวังว่าพี่แจงคงยังไม่รู้เรื่องตราบเท่าที่เธอไม่อยากให้รู้ "ก็นิดหน่อยค่ะ แต่ช่วงนี้กลางวันแดดร้อนด้วยแหละ เวลาเข้าฉากเลยสูบพลังฉันเยอะไปหน่อย" "เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่เข้ามานะ ช่วงเช้าขอไปเคลียร์งานในออฟฟิตก่อน" เธอพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในกองถ่าย บรรยากาศวันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เธอเห็นกลุ่มช่างแต่งหน้ากับทีมงานกำลังนั่งรวมกลุ่มเม้าท์มอยอะไรกันสักอย่างท่าทางน่าสนุก “อีนิว” อัญชันรีบเดินเข้ามาขวางหน้าเธอ ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงตรงนั้น ด้วยท่าทางแปลกไป เพื่อนทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะบอกเธอสักอย่าง แต่ก็ลังเลเหมือนไม่อยากพูดออกมา “อะไรของมึง?" "....." "จะพูดอะไรหรือเปล่าว่ะ กูจะสายแล้ว