เมื่อนางร้ายในละคร ถูกเพื่อนสนิทในชีวิตจริงหักหลัง แย่งผู้ชายที่เธอรักไป อีกทั้งเพื่อนคนนั้นยังมาเป็นนางเอกละครเรื่องเดียวกับเธอ นินิว>>หลังจากที่แพ้จนหมดรูปและหายตัวไปจากวงการนาน 5 เดือน เธอก็กลับมาเล่นละครอีกครั้ง และได้เล่นละครเรื่องเดียวกับเพื่อนสนิทคนดี คนเดิมที่หักหลังเธอ ออสติน>>คาสโนว่าตัวพ่อ ตัวแปรสำคัญของเกมส์แก้แค้นนี้ เขาคืออดีตเพื่อนสมัยมัธยมที่โดนคนเป็นพ่อดัดนิสัย ส่งไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลาย โมนา>>เธอคือนางเอกในละคร แต่เป็นนางร้ายในชีวิตจริง พอได้เจอหน้ากับออสตินและรู้ว่าเขาคือสปอนเซอร์รายใหญ่ของละครเรื่องใหม่ที่เธอเล่น เลยอยากสานต่อความสัมพันธ์เพื่อเป็นบันไดให้เธอขึ้นไปยืนจุดสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
view moreแชะ! แชะ! แชะ!
แสงแฟลชวิบวับของนักข่าวสายบันเทิงที่มากันเนืองแน่นห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมชื่อดัง ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเรื่องใหม่ ที่ได้สองพระนางชื่อดังแห่งยุคคือขุนเขาและโมนามาเป็นแสดงนำทั้งคู่ ร่วมด้วยนางร้ายหน้าสวยอย่างนินิวที่มีข่าวฉาวรายวันและหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงพักใหญ่กลับมารับงานแสดงโปรเจ็กต์ใหญ่เรื่องนี้ด้วย หลังจากงานแถลงข่าวจบลง ทุกคนก็เดินเข้าไปยังห้องรับรองของโรงแรมที่ทีมงานจัดไว้สำหรับแต่งหน้าทำผม นินิวที่เดินหน้าบูดหน้าบึ้งเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้นพร้อมกับโมนานางเอกของเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เธอได้กลับมาแสดงอีกครั้ง” นินิวเบะปากพร้อมกับเหลือบมองไปยังคนพูด ผู้หญิงคนนี้เก่งมากที่คีพลุคเป็นนางเอกได้ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่จริงนิสัยตัวเองต่างกันกับบทบาทที่ได้รับราวฟ้ากับเหว “สาบานว่าเธอดีใจที่ฉันกลับมา ตอนนี้ไม่มีกล้องไม่ต้องแอ๊บทำเป็นนางเอกหรอกนะ” “ทำไมเธอพูดแบบนั้นล่ะนิว เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอุตส่าห์บอกให้พี่ใหญ่ผู้กำกับ ให้โทรเรียกเธอมาเล่นเรื่องนี้ด้วยกัน เพื่อให้เธอมีพื้นที่ข่าวหน้าแรกอีกครั้ง” แปะ! แปะ! “เป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ งานนี้เธออยากได้อะไรเป็นการตอบแทนล่ะ อุตส่าห์ช่วยฉันขนาดนี้”นินิวยกมือขึ้นปรบเสียงดังต่อหน้าอดีตเพื่อนสนิทของเธออย่างโมนา “เธอหมายความว่าไง นี่เธอยังไม่ลืมเรื่องในอดีตของเราเหรอ มันผ่านมาตั้งนานแล้วนะนิว ฉันไม่ติดใจเอาความอะไรเธอแล้ว เธอเองก็ควรเลิกโทษตัวเองได้แล้วนะ” “ฉันไม่ได้โทษตัวเอง แต่ฉันโทษเธอ นังเพื่อนทรยศ” “ฉันนะเหรอทรยศเธอนิว พูดให้ดี ๆ นะ”พอโดนตอกหน้าตรง ๆ แบบนี้ ลุคนางเอกใส่ซื่อต่อหน้านักข่าวก็โดนลอกคราบออกไป“ฉันกับเรย์เราคบกันมาก่อนเธอนะ เธอต่างหากที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเราสองคน” ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี โมนาก็จะพูดแบบนี้กับเธอ คำพูดของอดีตเพื่อนสนิทคนนี้จะทำให้เธอขาดสติและเผลอใช้กำลังจนเป็นข่าวฉาวเมื่อห้าเดือนก่อน ว่าเธอตบหน้านางเอกชื่อดัง จนเธอกลายเป็นนางร้ายทั้งในจอและนอกจอของแฟนละครเกือบทุกคน มีน้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นคนยังไงและยังอยู่เคียงข้างเธอ ก็คือกลุ่มแฟนคลับที่รักและเข้าใจเธอจริง ๆ มันเป็นเพราะพวกเขาที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตมาได้ จนสามารถกลับมารับละครได้อีกครั้ง เรื่องที่โมนาบอกว่าเป็นคนบอกพี่ใหญ่ผู้กำกับให้โทรหาเธอนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะพี่แจงผู้จัดการส่วนตัวเธอเป็นคนบอกเองว่าโปรเจ็กต์ละครเรื่องนี้ ทางผู้สนับสนุนเป็นคนรีเควสมาเองว่าต้องเป็นเธอเท่านั้นที่เล่นเป็นนางร้ายของเรื่องนี้ เธอเองก็อยากเจอหน้าและขอบคุณอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้บริษัทผู้สนับสนุนได้ส่งทีมงานมาแทน ตัวผู้บริหารไม่ได้มาด้วย ทำให้เธอยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเขาคนนั้น “ฉันกลับมาคราวนี้ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะเธอ อีกอย่างต่อให้เธอจะยั่วให้ฉันโกรธเกลียดเธอมากขนาดไหน มันคงไม่มากไปกว่าที่ฉันเกลียดเธอตอนนี้หรอกโมนา ฉันจะรอวันที่ทุกคนตาสว่างว่าเธอคือผู้หญิงที่สกปรก โสโครกแค่ไหน ที่ได้มาเป็นนางเอกจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะเธอต้องไปนอนแบระหว่างทางจนช่วงล่างพลุนไปหมดแล้ว” “กรี๊ดดดด!!! อีนิว มึงด่ากูเหรอ” โมนายกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าอดีตเพื่อนสนิท ที่เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ได้กลับมาเฉิดฉายในเส้นทางบันเทิงได้อีก แต่ก็ต้องแปลกใจที่นินิวยังกลับมารับงานละครได้ แถมยังเป็นโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่อีกด้วย ทั้งที่เธอยอมเอาหน้าสวย ๆ ให้ตบจนเลือดกลบปาก แล้วนักข่าวก็มาเห็นพอดี ตอนงานเลี้ยงปิดกล้องละครเมื่อห้าเดือนที่แล้ว “เอาสิ กรี๊ดให้นักข่าวเข้ามาในห้องนี้เลย กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้านักข่าวได้เห็นนางเอกแสนใสซื่อ กำลังกรีดร้องเสียงดัง เหมือนชะนีที่กำลังร้องหาผัวจะเป็นยังไง” “กูไม่โง่เหมือนมึงหรอก ถ้ากูโง่ กูคงไม่แย่งเรย์มาจากมึงได้หรอกอีนิว” “มึงยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นคนยั่วเรย์จนได้ไปสมสู่กัน”นินิวยิ้มเยาะออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเจ็บแค้นเรื่องในอดีตมากกว่าตอนนี้และลงมือทำร้ายอดีตเพื่อนสนิทตรงหน้าจนเป็นข่าวอีก แต่ตอนนี้เธอไม่มีวันทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว เธอจะไม่เอาหน้าที่การงานและอาชีพที่เธอรักไปแลกกับเรื่องในอดีตของตัวเองอีกแล้ว “กูสวยไง ไม่ต้องพยายามอะไรมาก ผู้ชายก็อยากสมสู่กับกู ไม่เหมือนมึงใช้ความพยายามแทบตาย ผู้ชายก็ไม่อยากสมสู่ด้วย พอโดนกูปาดหน้าเข้าหน่อยก็รับไม่ได้ ตีอกชกตัวว่าตัวเองมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับมึงตั้งแต่แรก” “แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้มึงเองก็โดนเขาทิ้งไปเหมือนกันนิ มันเพราะอะไรนะ เขาถึงได้หนีไปแต่งงานกับคนอื่น แต่ถ้าให้กูเดา คงจะเป็นเพราะเขาจับได้ว่ามึงร่านนอนกับผู้ชายไปทั่ว” “อีนิว!!” “มีอะไรกัน”เสียงพี่แจงผู้จัดการส่วนตัวของเธอเข้ามาขัดจังหวะมือเล็กของโมนาที่ยกขึ้นหมายจะตบหน้าเธอ ที่พูดแทงใจดำได้เจ็บปวดที่สุด ทำให้อีกฝ่ายเอามือลงและกำมือเข้าหากันแน่นเพราะความคับแค้นใจ ที่โดนอีกฝ่ายด่าทอขนาดนี้ “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วนิว รถตู้รออยู่”แจงรีบผลักเด็กในสังกัดตัวเองให้เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่ลืมส่งสายตาไม่พอใจใส่โมนาไปด้วย เธอเองก็เป็นอีกคนที่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของนางเอกชื่อดังคนนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นนางเอกที่ฝีมือดีและกระแสแรงไม่มีตก“เธอเองก็ควรรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะโมนา ก่อนที่นักข่าวจะแห่กันมาเพราะคิดว่านางเอกกับนางร้ายตบตีกันอีก” “พี่ดูคนของพี่ให้ดี ๆ นะคะ อย่าปล่อยให้เห่าไปทั่วแบบนี้” “หึ นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่เห่าอันธพาลนิวมันก่อน” “นี่พี่ด่าว่าฉันเป็นหมาเหรอ” “ฉันไม่กล้าหรอก ถ้าเธอไม่ใช้คำว่าเห่าก่อน ใช้คำแบบไหนกับใคร พอเขาใช้กลับเราก็ต้องรับให้ได้ด้วยนะ สมองนะต้องฉลาดกว่านี้ อย่าฉลาดแต่ใช้ช่วงล่างอย่างเดียว” พูดจบแจงก็เดินไปรอนินิวหน้าห้องแต่งตัว ทิ้งให้โมนายืนสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนั้นคนเดียว วันนี้เธอแพ้ แต่ยังไงวันหน้าก็ต้องมี เพราะเธอยังต้องถ่ายละครกับอดีตเพื่อนรักอีกหลายเดือน คราวนี้เธอจะทำให้นินิวไม่สามารถยืนอยู่ในวงการนี้ได้อีกเลย คอยดูก็แล้วกัน “ฉันอยากให้เธอใจเย็นกว่านี้นะนิว อย่าไปตามเกมส์ของโมนาอีก”เมื่อขึ้นมาบนรถตู้ แจงก็บ่นนินิวชุดใหญ่ “ฉันกำลังพยายามอยู่พี่ก็เห็น” “ฉันเห็นและรู้ทุกอย่าง แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่มีหลักฐานให้เราแฉโมนาได้หรอก มันก็เหมือนเรากล่าวหาเขาลอย ๆ เธอก็รู้ว่าแฟนคลับโมนามากขนาดไหน เกิดอะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มกับสายอาชีพนี้ เธอก็รู้” “ฉันรู้ค่ะ”นินิวหลับตาลง ทิ้งศรีษะลงบนพนักพิง แค่กลับมาเจอกันวันแรก ก็ทำให้เธอปวดหัวอีกแล้ว นี่ยังต้องถ่ายละครด้วยกันอีกหลายเดือน เธอไม่เส้นเลือดในสมองแตกไปก่อนหรอกเหรอช่วงเวลาของความตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของนินิวมาถึงแล้ว ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ในรถหรูของออสติน ที่กำลังมุ่งหน้าไปบ้านของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว เธอสังเกตุว่าออสตินเองก็เงียบไปเหมือนกันตั้งแต่ขับรถออกมาจากคอนโด เขาเองก็คงจะเครียดไปไม่น้อยกว่าเธอ แต่คงกำลังเก็บอาการเอาไว้ข้างใน “แน่ใจเหรอว่าพ่อตินอยู่ที่บ้าน” “อืม ตินให้อธิเช็คดูแล้ว”อธิคืออดีตเลขาส่วนตัวของเขา ที่เป็นคนที่เขาให้ตามดูความเคลื่อนไหวของพ่อมาตั้งแต่เขาตัดสินใจออกจากบ้าน “ตินพร้อมแล้วใช่ไหม” “ทำไมถามแบบนั้น มาถึงขนาดนี้แล้ว ตินไม่คิดจะถอยหรอก”เขาเอ่ยออกมาให้เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะปกป้องเธอให้ถึงที่สุด บอกแล้วว่ามาวันนี้ผลลัพธ์ของเขาก็มีแค่อย่างเดียว คือไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันเลิกกับเธอเด็ดขาด รถหรูเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่สีขาว โดยเป็นคนในบ้านที่มาเปิดประตูรั้วให้ออสติน บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า แต่ทว่ากลับเงียบเหงาจนนินิวสัมผัสได้ บริเวณบ้านนอกจากมีต้นไม้นานาชนิด ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่เลย กระทั่งคนในบ้านก็ไม่ให้เห็น ออสตินเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน ก่อนจะหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา“หน้าซีดมากเลย ไหวหรือเปล่า” “ไหว
“ไม่จริงอัญ ตัวมึงเองก็มีความสุขได้ ทำไมมึงไม่คิดในแง่ดีว่ะ ว่าเขาคือตัวแทนของความรักของมึง ยังไงมึงก็ต้องเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดได้ ไม่จำเป็นต้องรวยหรือทำตามคนอื่น เอาแค่ที่มึงมีให้ลูกและตัวมึงมีความสุข แค่นี้มันก็พอแล้วหรือเปล่าว่ะ” (ฮึก กูขอบใจมึงมากนะ กูมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย) “แต่กูคิดว่ามึงควรบอกพี่ขุนนะ ยังไงเขาก็เป็นพ่อเด็ก ถึงมึงกับเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนึงมันสำคัญมากนะอัญ” (ไม่ได้หรอก เขาเป็นคนบอกกูเองว่าให้กูกินยาคุมให้ดี แต่กูดันพลาดเอง จะไปเรียกร้องให้เขารับผิดชอบได้ยังไง เขาไม่ได้อยากมี กูจะเลี้ยงด้วยตัวเองนี่แหละ ไม่อยากรบกวนใครทั้งนั้น) “เห้อออ ถ้ามึงคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว กูก็จะเคารพการตัดสินใจของมึง แต่มีอะไรอยากให้กูช่วยมึงต้องบอกกูนะ ยังไงเด็กในท้องมึงก็คือหลานของกูเหมือนกัน” (ขอบใจมึงมากนะ ดีใจว่ะ ที่ลูกเราสองคนอายุเท่ากันเลยอ่ะ) “เห็นไหม อย่างน้อยในความโชคร้าย มึงก็ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่นะ” (กูก็หวังให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน) “มึงอย่าคิดอะไรมากนะอัญ พรุ่งนี้มึงมาเจอกับกูหน่อยได้ไหมว่ะ หลังจากกูกลับจากบ้านพ่อของออสติน” (มึงไปพรุ่งนี้
นินิวกลับจากบ้านมาถึงคอนโดตั้งแต่เมื่อวาน เธอได้ใช้ชีวิตกับพ่อแม่และน้องสาวอย่างเต็มที่ตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ก่อนจะกลับมาเผชิญหน้ากับความเครียดเรื่องพ่อของออสตินอีกครั้ง พรุ่งนี้เธอจะเข้าไปหาพ่อของเขาตามที่ได้ตกลงกับเขาเอาไว้แล้ว ช่วงนี้ออสตินทำงานหนักเพราะอยู่ในช่วงเปิดบริษัทใหม่ เธอเองก็เพิ่งรู้ว่าเขาแอบไปเปิดบริษัทเอาไว้ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ ทุกอย่างที่เขาทำคือการคิดทุกอย่างมาดีแล้ว เขาวางแผนเรื่องเธอทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะกลับมาที่นี่ เธอได้อ่านทุกอย่างในไดอารี่ที่เขาเขียนหมดทุกประโยค ตอนที่อ่านจบความรู้สึกของเธอคือขอบคุณทุกอย่างบนโลกใบนี้ ที่ทำให้เธอเจอผู้ชายคนหนึ่งที่รักเธอมากขนาดนี้ รักโดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอจะได้เป็นของเขาหรือเปล่า หรือจะตอบรับความรู้สึกเขาไหม ตลอดเวลาที่เขาอยู่ต่างประเทศ เขาส่งคนเฝ้าตามสอดส่องชีวิตเธอมาโดยตลอด ทุกอย่างถูกเขียนเอาไว้ในไดอารี่เล่มนั้น ที่เธอร้องไห้กับมันเป็นอาทิตย์หลังจากอ่านจบ ขณะกำลังลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากห้องไปดื่มน้ำ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม จนต้องหาที่พยุงยึดเกาะเอาไว้ ก็คือโต๊ะตรงหัวเตียงนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนตามเดิ
อัญชันนอนร้องไห้อยู่บนที่นอน เธอไม่ได้เสียใจที่กำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตเกิดมา เธอแค่เสียใจที่ลูกเกิดมาด้วยความไม่พร้อม เธอไม่มีกำลังที่จะเลี้ยงลูกให้เกิดมามีชีวิตที่ดีได้ ลำพังตัวเธอที่ยังต้องทำงานวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้างาน แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ร่างกายก็อ่อนล้า พอกับหัวใจที่แตกสลาย มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองเบา ๆ ตอนนี้เธอคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว มีทางเดียวคือเธอต้องทำใจ แต่ทว่าก็เกิดปัญหาขึ้นมาอีกว่า เธอยังมีงานต่อเนื่องกันอีกหลายวัน หากต้องการยกเลิกเธอต้องจ่ายค่าปรับ ซึ่งเธอไม่มีเงินส่วนนั้นมาจ่ายแน่นอน สิ่งที่ทำได้คือเธอคงต้องตัดสินใจบอกพี่ณินเกี่ยวกับเรื่องนี้ Rrrrrr Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นพี่ณินที่โทรมาหาเธอพอดี เธอเลยกดรับสายอีกฝ่ายทันที“ค่ะ” (ยัยณิน เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า) น้ำเสียงห่วงใยของพี่ณินที่ส่งมาทำให้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ นึกน้อยใจในโชคชะตา ชีวิตเธอทำไมถึงมีแต่เรื่องเข้ามาไม่จบไม่สิ้นเสียที (ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น) “ฮึก ฮึก ฉันไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมดแล้ว” (แกเป็นยังไง ไหนเล่าให้ฉันฟังสิ ทำไมถึ
หนึ่งเดือนผ่านไป วันนี้อัญชันมาถ่ายโปสเตอร์โฆษณาให้กับอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่ง พักนี้งานส่วนใหญ่ที่เธอทำ เป็นงานที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอหามาให้ เธอเป็นคนเสนอไปเองว่าทำได้ทุกงาน ไม่ว่าอะไรติดต่อมาเธอพร้อมทำทุกอย่าง ทำให้ตอนนี้เธอมีงานทำทุกวัน วันละหลายงาน แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน จนร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย “เป็นอะไร ทำไมแกดูง่วงนอน” ญาณินผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอ่ยถาม ขณะกำลังบรีฟงานของวันนี้ "เมื่อคืนก็นอนแล้วนะ พักนี้ฉันอาจจะโหมงานหนักไปหน่อย เลยรู้สึกเพลีย ๆ" "แล้วแกจะไหวเหรอ เดี๋ยวมีไปไลฟ์สดต่ออีก หรือจะยกเลิกไหม” อัญชันส่ายหน้าทันที เธออยากเก็บเงินไว้ให้มากที่สุด เพื่อจะเอาไปคืนขุนเขา ถึงแม้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายของแม่เธอที่โรงพยาบาล จะยังเป็นเงินที่ขุนเขาโอนจ่ายเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจบความสัมพันธ์กัน เธอเพิ่งรู้มาจากฝ่ายการเงินเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเขาโอนเงินมาจ่ายค่าโรงพยาบาลล่วงหน้าเอาไว้ รวมถึงค่าจ้างพยาบาลพิเศษด้วย ซึ่งทันทีที่เธอรู้ เธอก็โทรไปหาเขาทันที แต่ทว่าเขาน่าจะบล็อกเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อของเธอไปแล้ว เพราะเธอไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เขาไม่อยากเจอเธอถึงขนาดเธอหน้าด้านไปหาเ
แม่ของออสตินเดินเข้าห้องนอนไปทันที ทำให้นินิวยกมือขึ้นทุบแขนแกร่งของคนเจ้าเล่ห์แบบเขาอย่างแรง "โอ้ยยยย" "ไม่ต้องมาสำออยเลยนะ คิดเหรอว่าถ้าฉันนอนที่นี่จะได้นอนแบบสบาย" "รู้ก็ดี?" "นายมันคนเจ้าเล่ห์ไอ้บ้าติน" "ก็ไหนว่าจะถวายตัวให้ฉันทุกคืน ไม่เอาแล้วเหรอเงินที่จะเอาไปช่วยเพื่อนเธอน่ะ" สุดท้ายเธอก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องเก็บความหมั่นไส้เขาเอาไว้ในใจ รอพรุ่งนี้กลับบ้านเธอจะเอาคืนเขาบ้าง ด้านอัญชันหลังจากนินิวกับออสตินกลับไปแล้ว เธอก็นั่งคุยกับคนเป็นแม่ไม่นาน ก่อนจะขอตัวไปนอน ซึ่งห้องของคนเฝ้าผู้ป่วยจะแยกออกจากห้องพักฟื้น ปกติหากเธอไม่มานอน ห้องนี้ก็ว่างเปล่าไม่มีใครนอน เพราะพยาบาลพิเศษจะนอนที่โซฟาข้างกับเตียงแม่ของเธอ ดวงตากลมโตนอนลืมตาโพลงในความมืดมิด ความเงียบและความเหงาในช่วงดึกแบบนี้ ทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ในหัวเอาแต่คิดเรื่องของเธอกับขุนเขา ที่ไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะจบลงในวันนี้ เธอคิดมาตลอดว่ามันคงจะนานกว่านี้ที่เธอจะต้องเป็นนางบำเรอของเขา ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะเบื่อเธอเร็วขนาดนี้ แล้วในจังหวะชีวิตตอนนี้ของเธอ ก็ไม่รู้จะไปหางานหาเงินที่ไหน เพราะตอนนี้ละครก็อยู่ในช่วงพัก ยังไม
Mga Comments