“จะทำอะไร ปล่อยนะ” พิมพ์รพีพรโวยวายประท้วงเมื่อข้อมือบางถูกคว้าหมับและจับไว้แน่น
“รู้ไหมว่าผู้ชายไม่ชอบให้ใครมาตราหน้าว่า ไอ้ตุ๊ด”
“เหรอ ไอ้ตุ๊ด ๆๆ อุ๊บ!” เสียงของพิมพ์รพีพรถูกกลืนหายเข้าไปในปากของปลัดเมฆา ริมฝีปากหนาบดเคล้าจนพิมพ์รพีพรรู้สึกเจ็บ จนต้องเปิดปากตัวเองรับลิ้นร้อนร้ายกาจของชายหนุ่มอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ร่างบางพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ตอนแรกเธอเองคิดว่าอ้อนแอ้นราวกับผู้หญิง แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดทำให้หญิงสาวรู้ว่า มันแข็งแกร่งเหลือเกิน พิมพ์รพีพรพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเธอยิ่งติดกับดัก ที่
ถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม
“อ้าว! ยายพิมพ์หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกันเลย” น่านน้ำที่กลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักจึงเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่ได้เอะใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังถูกลงโทษอยู่อีกด้านของพุ่มดอกแก้ว
เมื่อได้ชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่ช่างค่อนขอด ปลัดเมฆาเองกลับเคลิ้มจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก แต่เมื่อต้องตัดใจถอนริมฝีปาก ชายหนุ่มยังไม่วายกระซิบชิดอยู่ริมฝีปากบาง
“นี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอย่า
“บ้าน่าแก มันเป็นเรื่องขำๆ ฉันไม่เชื่อหรอก” พิมพ์รพีพรกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก“เหลือดอกไม้ของพี่แนน เผื่อฉันจะได้บ้าง อย่าเพิ่งไปไหนนะแก” น่านน้ำดึงแขนเพื่อนไว้ ขณะที่สาวๆยังยืนเต็มบริเวณหน้าเวที“จะโยนมาแล้วแก” น่านน้ำปรี่วิ่งเข้าไปหน้าเวทีท่ามกลางสาวๆ เธออาจจะสนใจแต่ช่อดอกไม้จนลืมระวังตัว ความเร็วของฝีเท้าบวกกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้เธอหกล้มหัวคะมำอยู่ในท่าคลานเข่า หัวเข่าถลอกปอกเปิก หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างเบี่ยงตัวหลบ เพราะกลัวถูกน่านน้ำดึงให้ล้มลงไปด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆตกอยู่ตรงหน้า น่านน้ำกลอกตามองซ้ายขวา เอาวะหน้าแตกทั้งที่ก็ให้มันคุ้มหน่อย เธอตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความยากเย็น หญิงสาวเดินกะเผลกตรงไปหาเพื่อน พิมพ์รพีพรทำหน้าตาเหยเกกับท่าทางของเพื่อน เธอไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารเพื่อนดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น่านน้ำก็ดึงแขนเพื่อนสาวก้าวฉับๆเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะทันที อายก็อายแต่มันแก้ไขสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินออกจากบริเวณหน้าเวทีเงียบๆ พร้อมกับกำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่นสองสาวเดินยังไม่ถึง
“ป๊าเชื่อว่าได้ฝากลูกสาวไว้กับคนที่สามารถดูแลลูกสาวป๊าได้ ขอบใจธีร์มากนะที่ไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง” ไอรักและธีร์ภาณุก้มศีรษะลงไหว้ท่านทั้งสอง เสี่ยอินตบบ่าลูกเขยเบาๆคำอวยพรต่างๆนานาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในการส่งตัวเข้าห้องหอ มันช่างยืดยาวนักในความคิดของธีร์ภาณุ และเมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ภรรยาของตนเอง หากแต่ไอรักมัวแต่เหยียดขาออกเพราะเมื่อยขบเต็มที่ ธีร์ภาณุจึงลุกขึ้นยืนก่อนพร้อมกับยื่นมือให้ไอรัก“เมื่อยละสิ” ไอรักพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือให้ธีร์ภาณุช่วยประคองตนเองให้ลุกขึ้น“หนูไออาบน้ำก่อนเลยนะครับ ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน” ไอรักทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเดินไปค้นชุดในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ อย่างรวดเร็ว จนธีร์ภาณุอดขำกับอาการของไอรักไม่ได้ด้านไทธรณ์และรสิตา พร้อมกับญาติผู้ใหญ่เดินทางกลับคฤหาสน์เจ้าสัวปรีชา หลังจากส่งตัวคู่น้องเข้าห้องหอไปแล้ว เพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว ที่นั่งอยู่บนพื้นภายในห้องหอที่ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีชมพู เนิ่นนานจนรสิตา แทบจะสัปหงก“พ
“พี่รักหนูไอนะครับ” พูดจบก็ประคองหน้านวลไว้ในอุ้งมือแผ่วเบา ไอรักสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา หญิงสาวหลับตาพริ้ม ธีร์ภาณุจึงประทับรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน แล้วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูของไอรัก“รอพี่สักครู่นะครับ อันนี้มัดจำไว้ก่อน” ไอรักยิ้มเขินธีร์ภาณุในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่กลับไม่พบเจ้าสาวหมาดๆของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มสะดุดตากับประตูกระจกบานใหญ่ริมระเบียงที่ปิดไม่สนิทไอรักยืนกอดอกอยู่ริมระเบียง หญิงสาวทอดสายตาไกลออกไป สายลมหนาวพัดเบา ทำให้ผมยาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระปลิวไสวตามแรงลม“อุ๊ย!” เมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังหญิงสาวจึงอุทานด้วยความตกใจ“อากาศเย็นมากนะครับ มายืนตากลมคนเดียวระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหญิงสาว ไอรักเอนศีรษะพิงกับแผงอกกว้าง และวางมือบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดตัวเธอไว้“คืนนี้ดาวสวยนะคะ เต็มท้องฟ้าเลย”“ทุกคืนต่อจากนี้ไปจะเป็นค่ำคืนที่สวยงามสำหรับพี่เสมอ” ไอรักพลิกตัวกลับมามองชายหนุ่ม
เธอนอนทับมันไว้ตอนนี้มันแข็งแกร่งดุนดันอยู่ที่ต้นขาของเธอ หญิงสาวสบสายตาสามีของตนเองที่นอนยิ้มกริ่ม ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เปล่งเสียงออกมา ท่อนขาเรียวของเธอถูกขาแข็งแรงของเขาแยกออกจากกัน มือหนาจับต้นขาทั้งสองของเธอยกขึ้น แล้วกดลงเบาๆให้ร่องดอกไม้ชุ่มฉ่ำได้ครอบครองกลางความเป็นชายของตนเอง ธีร์ภาณุขบกรามแน่นเมื่อถูกความร้อนชื้นครอบครองตัวตนของเขาไว้จนมิด ไอรักจิกเล็บลงที่บ่าแกร่ง ธีร์ภาณุเลื่อนฝ่ามือกดสะโพกเต่งตึงเพื่อให้ทั้งสองแนบชิดกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นเนิ่นนานโดยไม่ยอมทำอะไรต่อ ไอรักส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอ เพราะตอนนี้เธอรอคอยเขา รอคอยให้ธีร์ภาณุจับจูงไปยังวิมานแสงดาว เป็นการรอคอยที่ทรมานมาก จนเธอไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้ไอรักเริ่มขยับสะโพกของตนเอง ร่างบางสั่นไหวกับความซาบซ่านที่ค้นพบว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรอคอยจากธีร์ภาณุก็ได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างสมใจ เมื่อไอรักยันกายลุกขึ้นนั่งบนตัวตนของเขา สองมือหนาเลื่อนขึ้นป่ายปัดแผ่วเบาผ่านยอดอก และบีบเคล้นอกอวบสลับไปมา สายตาคมวาวจับจ้องหน้านวลที่แหงนเงยขณะกำลังขยับเข้าออกอยู่บนกายของเขาธีร์ภาณุไม่ปล่อยให้ไอรักคุมเกมฝ่าย
“อื้ม...ฮันนีมูนนี้พี่คงจะตายคาอกแน่ๆ” ไทธรณ์พูดริมชิดกลีบปากบาง“ก็พอแค่นี้สิคะ” เสียงหวานนั้นสั่นพร่าชัดเจน“ถ้าหยุด...คงสิ้นใจตายลงตรงนี้แหละ” ไทธรณ์ประกบปากบางอีกครั้งจูบดูดดื่มราวกับกระหายนักหนา เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อริมฝีปากนี้เลย นับวันยิ่งหลงจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้วรสิตาผลักร่างหนาถอยหลังจนชิดผนังระเบียง ตะวันลับแสงไปแล้ว ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา บริเวณบ้านพักนี้เป็นชายหาดส่วนตัว จึงไม่มีใครมาเดินเพ่นพ่าน มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง และเสียงลมหายใจของสองร่างที่กอดตระกองจูบกันอย่างดูดดื่มไทธรณ์พลิกร่างของรสิตาให้หลังพิงผนังห้องริมระเบียงแทนตน มือหนาเลื่อนลงถลกชายกระโปรงชุดเดรสผ้าบางพลิ้วลายดอกไม้เล็กๆยาวกรอมเท้าขึ้น นิ้วเรียวใหญ่ถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรัก น้ำหวานจากอารมณ์ปรารถนาลื่นเยิ้มจนไทธรณ์หัวใจเต้นถี่เมื่อได้สัมผัส ซับในตัวบางถูกรูดรั้งลง ขาเรียวขยับยกขึ้นลงจนมันไปกองอยู่ปลายเท้าและหลุดไปในที่สุด มือน้อยของรสิตากำลังปลดปล่อยแกะตะขอ และรูดซิปกางเกงขาสั้นของชายหนุ่ม ชั้นในสีขาวถูกมือเล็กๆบังอาจรูดทิ้งไปกองกับพื้น และไทธรณ์ก็กำ
“จะอายอะไรล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ” ไทธรณ์ลุกขึ้นนั่งซ้อนข้างหลังรสิตา ลำแขนแข็งแกร่งคว้าหมับที่เอวบาง ดึงรั้งให้รสิตามานั่งเกยอยู่บนตักตัวเอง หลังเนียนแนบชิดไปกับอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของไทธรณ์ สะโพกเปลือยทำให้รสิตารู้สึกได้ ถึงสิ่งที่เธอนั่งนับอยู่ว่ากำลังเริ่มขยับขยายความแข็งแกร่งอีกครั้ง มือหนาอีกข้างสอดหายไปด้านหน้าของหญิงสาว ก่อนจะคลึงเบาๆที่ที่อกอวบทั้งสองข้างสลับไปมา อารมณ์รักเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกรอบไทธรณ์สะบัดผ้าห่มออกจากร่างบาง แต่ทว่าอวบอิ่มนุ่มนิ่มไปทั้งร่าง รสิตาหันขวับกลับมาตั้งใจจะต่อว่าคนตัวโต แต่กลับถูกไทธรณ์ปิดปากด้วยปากของเขาเอง จูบที่ทั้งเอาใจและเรียกร้องจนรสิตาไม่อาจจะต้านทานต่อความเร่าร้อนที่ถูกไทธรณ์จุดขึ้นได้ ร่างบางถูกผลักเบาๆให้นอนราบลงกับเตียง ไทธรณ์มองสำรวจไปทั่วทั้งร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“พี่ไทอย่ามองแนนสิ” ไทธรณ์หัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนที่จะใช้ลิ้นร้อนร้ายกาจดูดดื่มริมฝีปากบาง เขาตีตราไปทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวเนียน หยุดดูดดึงไล้วนยังจุดสำคัญที่กระตุ้นความเสียวซ่านของหญิงสาว มือหนาไล้ลูบแผ่วเบาไปตามต้นขาเรียว แล้ววกกลับด้
“ดื่มกาแฟก่อน แล้วพี่จะปล่อย” รสิตาถอนหายใจเบาๆ หน้างอง้ำ“ก็ได้ค่ะ เอาแก้วมาสิคะ”“พี่ป้อน” ไทธรณ์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วอมไว้ในปากตน มือหนารั้งท้ายทอยหญิงสาวให้แหงนเงย แล้วประกบปากของตนเข้ากับกลีบปากบางสีชมพู รสิตาเพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่าป้อนของเขาตอนนี้แหละ หญิงสาวอ่อนใจจริงๆ จึงจำยอมต้องเผยอปากรับกาแฟจากปากหยักได้รูปนั้น กาแฟอุ่นๆกรุ่นกลิ่นหอมถูกส่งเข้าปากเล็กและกลืนลงคอ หากแต่คนป้อนกลับไม่ยอมถอนริมฝีปากออก ลิ้นสากเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กๆ กวาดไปตามโพรงปากอุ่นชื้น รสขมของกาแฟกับความหวานซาบซ่านของรสจูบกระชากวิญญาณจากชายหนุ่ม ทำเอารสิตาถึงกับสั่นสะท้านจมดิ่งลงในวังวนเสน่หาอีกครั้งมือร้อนอีกข้างกอบกุมทรวงอกอวบ ไทธรณ์ขยำเบาๆและใช้นิ้วสะกิดคีบยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไต คลึงเคล้นทั้งสองข้างจนรสิตาครางอู้อี้ในลำคอ“พี่ไท...เช้าแล้วนะคะ” หญิงสาวประท้วงเมื่อปากบางถูกปล่อยเป็นอิสระ คนที่ถูกห้ามไม่ได้ฟังสักนิด เขายังใช้จมูกดอมดมไปทั่วต้นคอระหง ปากก็ขบเม้มไปทั่วบ่าเนียน สร้างความปั่นป่วนให้คนในอ้อมกอดจนสับสนรสิตาจับข้อมือหนาที่ป่ายปัดอยู่บนอกอวบของตน หว
ฮันนีมูนคราวนี้ เธอจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างไหมหนอ?ขณะที่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยวเลย เพราะฮันนีมูนคราวนี้ เขามีจุดประสงค์เพื่อทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่านั้น และเมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดลง ความหวานละมุนแสนเร่าร้อนก่อตัวขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งน้ำผึ้งพระจันทร์ช่างหวานหอมเกินห้ามใจ ทำให้ไทธรณ์รู้สึกราวกับว่าตนเองต้องคำสาปแห่งรัก จนไม่อาจจะถอนกายห่างจากภรรยาได้เลย“หนูไอขับรถเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” ธีร์ภาณุเอ่ยแซวภรรยาของตน ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถจี๊ปสำรวจไร่แสงตะวัน ด้วยข้ออ้างของไอรักที่ว่า ในเมื่อตนเองเป็นนายหญิงของไร่แล้ว ก็จำเป็นที่เธอต้องรู้ทุกซอกทุกมุมของไร่ เพื่อจะได้ดูแลไร่ช่วยสามีได้อย่างเต็มที่“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ธีร์ขับได้หนูไอก็ต้องขับได้” ไอรักตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ“นี่ใจคอ จะไม่ยอมพี่สักอย่างเลยหรือไง”“ทุกวันนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกันค่ะ ความสามารถของผู้หญิงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายนะคะ”“อืม...ท่าจะใช่ ความสามารถของหนูไอไม่ได้ด้อยไปกว่
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน