“ฉันจะมีแผนอะไร ฉันก็แค่ดีใจที่จะเห็นหลานสาวได้คนดีๆมาดูแล”
“แล้วก็ได้อยู่ใกล้ๆด้วยใช่ไหมจ๊ะ” นางสมใจต่อให้แล้วหัวเราะคิกคัก
“รู้ดีนะแม่สมใจ”
“กับข้าวถูกปากไหมจ๊ะหนูพิมพ์” นางนภาเอ่ยขึ้นหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว และมานั่งรวมตัวกันที่ชุดโต๊ะเก้าอี้รับแขกไม้สักบริเวณระเบียงหลังบ้าน บ้านกำนันเสือเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ใต้ถุนโล่ง คล้ายกับบ้านของย่าพร บริเวณบ้านมีไม้ยืนต้นปลูกให้ร่มเงา ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่รู้สึกเย็นสบาย
“อร่อยมากค่ะป้านภา” พิมพ์รพีพรตอบพร้อมกับยิ้มหวาน “อุ๊ย! ต่อไปต้องเรียกแม่นะจ๊ะ หนูพิมพ์จะได้มาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้แล้ว ต้องเรียกว่าพ่อกับแม่นะจ๊ะ”
“เอ่อ...ค่ะ แม่นภา พ่อเสือ” กำนันเสือยิ้มกว้างถูกใจลูกสะใภ้คนนี้นัก
“ตาเมฆพาน้องไปดูห้องหอสิ จะจัดกันยังไง จะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า เดี๋ยวแม่จะเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ให้ จะเอาแบบไหนก็บอกพี่เขาเลยนะลูกไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวหนูพิมพ์ก็จะได้มาอยู่ที่นี่แล้ว บ้านหลังนี้คงน่าอยู่ขึ้นเยอะ ปกติแล้วตาเมฆไม่ค่อยกลับบ้านหรอก นานๆจะโผล่มาให้พ่อกับแม่เห็นที นี่ถ้ามีเมียมาอย
“หยุด! ห้ามพูด ก็ไหนบอกว่าให้ฉันเลือกเปลี่ยนได้ตามใจไง เอาตามนี้แหละ ฉันจะกลับแล้ว” พิมพ์รพีพรขยับร่างเล็กของตัวเองลงจากเตียงกว้างอย่างระมัดระวัง ปลัดเมฆาถอนหายใจอย่างยากเย็น ทำไมเขาถึงอยากจับคนตัวเล็กๆมาฟัดนักนะ ห้ามล่วงเกินเหรอ จะทำได้ไหมนั่น“เอ่อ...รอยนั่นจางลงบ้างหรือยัง” พิมพ์รพีพรที่ลงมายืนอยู่ข้างเตียงใช้มือจับที่คอเสื้ออัตโนมัติ สบตาแวววาวแล้วค้อนขวับวงใหญ่“ทะลึ่ง!”“คนเป็นห่วงก็ว่าทะลึ่ง” ปลัดเมฆาพูดยิ้มๆ พร้อมกับสาวเท้ายาวเข้าประชิดตัวหญิงสาว พิมพ์รพีพรถอยหลังจนชิดผนังห้อง“คุณว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน” พิมพ์รพีพรหัวใจกระตุกวูบกับคำถามของชายหนุ่ม“ฉันไม่รู้! คุณทนฉันได้แค่ไหนก็อยู่ได้นานแค่นั้นแหละ” ปลัดเมฆาจ้องมองดวงหน้านวล ที่คอยก่อกวนจิตใจเขาตลอดมานับตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อนในงานแต่งงานของเพื่อนตนเอง เขาขโมยจูบแรกของเธอมา แต่ดูเหมือนเธอจะขโมยอะไรบางอย่างจากเขาไปด้วย เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่มีความรู้สึกอยากจะจูบใครอีกเลย“เราออกจากห้องกันเถอะปลัดเมฆ ป่านนี้แม่นภากับพ่อเสือคงรอคุยกับฉัน
“อ้าว! ก็เห็นก้มหน้าพูด นึกว่ากลัวผมซะอีก” เสียงหัวเราะเบาๆทำให้พิมพ์รพีพรขัดใจยิ่งนัก“คุณเลิกตีรวนหาเรื่องฉันแล้วไปนั่งอยู่เฉยๆได้ไหมปลัดเมฆ”“ผมเป็นคนพลังงานเยอะ นั่งเฉยๆไม่ได้หรอกคุณ ผมร้อน ขอถอดเสื้อหน่อยนะ” ปลัดเมฆา ถอดเสื้อออกจากร่างทันทีที่พูดจบ“ปลัดเมฆ ทำอะไรน่าเกลียด พิมพ์นั่งหัวโด่อยู่ไม่เห็นหรือไง”“คุณต้องฝึกไว้ให้ชิน อีกหน่อยมาอยู่ร่วมห้องกันคุณจะเห็นมากกว่านี้อีก นี่จะบอกอะไรให้นะ ปกติแล้วผมไม่ใส่อะไรนอนด้วยนะ” พิมพ์รพีพรตาโตอ้าปากค้าง“คุณก็หัดทำตัวซะใหม่ เห็นใจคนอื่นเขาบ้าง พิมพ์ไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”“นี่คุณพิมพ์...ถ้าจะมีใครสักคนเป็นตากุ้งยิงนะ ผมว่าผมเป็นไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หึๆ” พิมพ์รพีพรเข้าใจความหมายในสิ่งที่ปลัดเมฆาพูดดี“คุณมันจอมฉวยโอกาส” พิมพ์รพีพรรำพึงเบาๆ ไม่อยากจะเถียงเขาแล้ว มันเข้าเนื้อตัวเองตลอด“ผมอยากให้คุณฉวยโอกาสกับผมบ้างจัง” แล้วคนที่อยากฉวยโอกาสก็นั่งข้างๆคนที่ไม่อยากฉวยโอกาสสักนิด พิมพ์รพีพรลุกขึ้นแล้วกระโดดไปยืนชิดประตูทางออก“เอ่อ...พิมพ์ว่าเราไปนั่งข้างนอกดีไหมคะ ข้างในมันอึดอ
“ง่วงไหม” บทจะเปลี่ยนเรื่อง เขาก็ไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัวเลย“ไม่” คำตอบห้วนๆทำให้คนตัวโตยิ้มในความมืด“แต่ผมง่วง นอนกันเถอะ” ร่างของคนตัวเล็กถูกคนตัวโตรั้งให้นอนบนเตียงนุ่มด้วยกัน หลังนุ่มแนบชิดไปกับอกแกร่ง ปลัดเมฆาตวัดผ้าห่มขึ้นคลุม แล้วกอดกระชับคนในอ้อมแขนแน่น“โอ๊ย! พี่เมฆจะมากไปแล้วนะ พิมพ์หมดความอดทนแล้วนะ” พิมพ์รพีพรเบี่ยงหน้าหันกลับมายังท่อนแขนแกร่ง ปากเล็กๆอ้ากว้างแล้วงับลงบนท่อนแขนของคนชวนนอน“โอ๊ย!” ปลัดเมฆาร้องเสียงหลง แต่ไม่ยอมคลายอ้อมแขน“พิมพ์...ปล่อย” พิมพ์รพีพรยิ่งออกแรงกัดเพิ่มมากขึ้น“อยากเล่นเกมกัดจูบใช่ไหม...จัดให้” ปลัดเมฆาใช้มืออีกข้างที่ช้อนอยู่ใต้ศีรษะทุยไต่ลงไปตามลำคอระหง จนถึงคอเสื้อเชิ้ตที่หญิงสาวสวมอยู่ มือใหญ่ไต่หายเข้าไปกอบกุมทรวงอกเต่งตึงเอาดื้อๆ พิมพ์รพีพรอ้าปากออกจากแขนแกร่ง เงยหน้าประท้วงทันที“หยุดนะ...อื้อๆ” หมดสิทธิ์ประท้วงแล้วทุกกรณี เมื่อริมฝีปากหนาฉกวูบลงมาดูดซับทุกเสียงจากริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม คนตัวโตตวัดลิ้นสากอย่างช่ำชองหลอกล่อลิ้นเล็ก ที่พยายามหลบหนี ก่อนคนที่ชำนาญการกว่าจะฉุดดึงทุกการรับรู้ของ
ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ความเงียบเข้าปกคลุมทุกตารางนิ้วในห้องนอนกว้าง พิมพ์รพีพรขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง แล้วเลื่อนผ้าห่มลงเล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่ประตูและมองไปรอบห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว นอกจากคนตัวโตที่มองสบตาเธออยู่บนเตียงเดียวกัน สายตาของปลัดเมฆาดูสำนึกผิด ราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยขนมกิน หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที และไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายท่อนบนไว้ แววตาของพิมพ์รพีพรราวกับนางพญาเสือที่พร้อมจะกัดเหยื่อให้จมเขี้ยว“พี่เมฆ...” น้ำเสียงลอดไรฟันของพิมพ์รพีพรเล่นเอาปลัดเมฆาเสียวสันหลังวาบ“ทำไมถึงชอบเอาเปรียบ ทำไมถึงชอบฉวยโอกาสนัก” กำปั้นเล็กเสยเข้าที่ปลายคาง ปลัดเมฆารู้สึกมึนน้อยๆไปครู่หนึ่ง เจ้าของกำปั้นไม่สาแก่ใจ โถมร่างบางของตัวเองขึ้นคร่อมบนร่างคนตัวใหญ่กว่า มือเล็กๆบีบคอหนาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ปลัดเมฆาตาถลนอ้าปากค้าง ไม่ใช่เพราะหายใจไม่ออก แต่เพราะหน้าอกอวบดีดเด้งอยู่ใกล้แค่คืบ ตุ่มไตเม็ดเล็กๆสีหวานน่ากินชะมัด มือใหญ่จับหมับเข้าที่สะโพกงอนบีบแน่น โดยคนที่ห่วงแต่จะทำร้ายคนอื่นไม่ได้ระวังตัว“แค้กๆ” เสียงไอแบบสมจริงของค
“เพื่อความสบายใจของพิมพ์ พี่นอนตรงนี้ก็ได้” นิ้วเรียวใหญ่ที่ลงที่พื้นห้อง พิมพ์รพีพรมองตาม แล้วหน้านวลก็เห่อแดงขึ้นมา เมื่อพบว่าเขาและเธอมองไปจุดเดียวกัน คือตรงที่เสื้อชั้นในเธอกองรวมกันอยู่กับเสื้อเชิ้ตสีหวานของตัวเอง“พิมพ์ไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้สบายตัว เดี๋ยวพี่จะหาชุดให้ยืมใส่นอน” ตัดไฟเสียแต่ต้นลมก่อน เดี๋ยวจะโดนขย้ำคอซ้ำ“ไปเอาผ้าเช็ดตัวมาสิ” พิมพ์รพีพรสะบัดหน้าหนีจากพื้นห้อง แล้วหันมาตวาดแหวคนตัวโต กลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่กำลังก่อตัวขึ้นปลัดเมฆาดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ค้นในตู้ใบใหญ่เลือกหาชุดที่คนตัวเล็กน่าจะพอสวมนอนได้ ก่อนจะเอามายื่นให้ แล้วทำเป็นหมุนตัวกลับหลับตา แสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาทันไหมหนอ พ่อปลัดเมฆาสุดยอดสุภาพบุรุษ พิมพ์รพีพรใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่พันร่างตัวเอง แล้วหย่อนขาลงจากเตียง ไม่ลืมที่จะก้มหยิบชิ้นส่วนที่กองอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องน้ำด้วย เสียงประตูห้องน้ำปิดลงทำให้ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมา พร้อมด้วยรอยยิ้มที่บานอยู่เต็มใบหน้าพิมพ์รพีพรอยู่ในชุดกางเกงวอร์มตัวใหญ่กับเสื้อยื
“เดี๋ยวเล็ก แป๊บหนึ่ง” เมธาวีลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมไปด้านหลังพีรพล ลำแขนกลมกลึงทั้งสองข้างวางลงบนบ่าแกร่ง หญิงสาวแนบหน้าเนียนที่ถูกแต่งไว้อย่างดีทุกรายละเอียด ไปกับใบหน้าของพีรพล ชายหนุ่มผงะเล็กน้อย แต่ไม่สามารถเบี่ยงตัวออกได้ทัน เพราะดูจะเป็นการเสียมารยาท เมธาวีจงใจเบียดหน้าอกอวบอิ่มไปกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม พีรพลได้แต่ปั้นหน้ายิ้มไปตามมารยาท“ขอบใจมากจ้าเล็ก” เจ้าของร้านเดินไปบริการแขกโต๊ะอื่นแล้ว เมธาวียิ้มและหัวเราะคิกคัก เมื่อตรวจสอบรูปหลายรูปบนหน้าจอมือถือของตน“เดี๋ยวเมส่งรูปให้พีเก็บไว้ในมือถือนะคะ จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก”“ครับ ขอบคุณครับ”อาหารมื้อค่ำเกือบดึกของพีรพลมือนี้ช่างยาวนานนัก เขาแอบถอนหายใจหลายครั้ง คืนนี้อุตส่าห์ว่าจะโทรหาลูกหาเมีย กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงดึกมาก ป่านนี้ลูกเมียคงหลับไปแล้ว“ขอบคุณนะคะพี สำหรับอาหารมื้อนี้ แล้วก็ขอบคุณที่มาส่งเม” เมธาวีขยับตัวเร็วจูบที่ปลายคางสาก เป็นอีกครั้งที่พีรพลต้องตกใจ“แทนคำขอบคุณอีกครั้งนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะ” เมธาวียิ้มหวานให้ชายหนุ่มก่อนจะก้าวลงจากรถ หญิงสาวยืนรอจนรถของพี
“อืม” นิชาผู้หญิงนิ่งๆที่เขายอมสยบให้ก็ยังคงเป็นนิชาเหมือนเดิม เธอไม่เคยก้าวก่ายในสิ่งที่สามีไม่บอก“ไม่ถามอะไรต่อหน่อยเหรอ” น้ำเสียงคนตัวโตชักจะงอนที่ภรรยาไม่หวง เพราะนิชาก็รู้อยู่ว่าเมธาวีเป็นใคร“ก็ถ้าพีเล่าให้ฟังแค่นี้ ก็แปลว่าไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว จะให้หนุงหนิงถามอะไรล่ะ” นิชาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ให้หัวใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้“หึๆ...โครงการคอนโดใหม่ของบริษัทเม เขาให้บริษัทเราเป็นผู้ออกแบบตกแต่งให้ เมเขาบอกว่า เขาเป็นคนขอร้องให้พ่อเลือกบริษัทของเรา แล้วเมเขาก็ขอให้พีเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน ต่อไปนี้พีกับเมอาจจะต้องเจอบ่อยขึ้นนะ” พีรพลวางคางสากบนศีรษะภรรยา แล้วบอกเล่าทุกอย่างให้ภรรยาฟังเพื่อความสบายใจ“หนุงหนิงเชื่อใจพีเสมอค่ะ ถ้าวันนั้นพีเลือกเมเราก็คงไม่มีวันนี้ และในเมื่อวันนั้นพีเลือกหนุงหนิง วันนี้พีก็ไม่มีสิทธิ์ไปเลือกคนอื่นได้แล้ว จริงไหมคะ” น้ำเสียงข่มขู่ในตอนท้ายทำให้พีรพลยิ้มกว้าง อ้อมแขนแกร่งกระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น นี่ไงล่ะแม่เสือซ่อนเล็บของเขา“เช้าแล้วนะพี เดี๋ยวเด็กๆขึ้นมาเห็น ไม่เอาค่ะ ปล่อยเถอะ” นิชาเอ็ดเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามือไม
“นอนสักพักนะ ค่อยลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวพีจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เอง” นิชาพยักหน้ายิ้มให้สามี ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย พีรพลเหมือนซาตานที่สูบพลังชีวิตเธอแทบไม่เหลือ ในทุกครั้งที่มีการบอกรักทางร่างกาย แต่เธอก็ยินยอมและเต็มใจทุกครั้งด้วยสิ“ตาเมฆ หนูพิมพ์ ตื่นหรือยังลูก” เสียงนางนภาเรียกปลุกลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ในตอนเช้าตรู่ คนตัวโตขยับร่างอย่างเมื่อยขบจากการนอนบนพื้นไม้แข็ง เขางัวเงียลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“ครับแม่ ตื่นแล้วครับ” ปลัดเมฆายื่นหน้าออกมาจากห้อง นางนภายิ้มให้ลูกชายแล้วพยายามชะเง้อคอมองข้ามลูกชายเข้าไปให้ห้อง“แล้วหนูพิมพ์ล่ะ คงเหนื่อยใช่ไหมลูก เดี๋ยวแม่จะเตรียมหาของบำรุงกำลังให้ดีกว่า หลังแต่งงานคงจะต้องโหมงานหนักกัน” ปลัดเมฆาขมวดคิ้ว“เอาน่า...แม่เข้าใจ เหมือนพ่อกำนันตอนได้กับแม่ใหม่ๆแหละ” ปลัดเมฆาอ้าปากเหวอ“ไปๆ ปลุกหนูพิมพ์นะลูก เมื่อคืนตอนที่แม่โทรบอกย่าพรว่าหนูพิมพ์จะนอนที่นี่ แกกำชับว่าให้เมฆกับหนูพิมพ์ไปกินข้าวเช้าด้วยนะลูก” นางนภาพูดจบก็หันหลังให้บุตรชาย ปลัดเมฆาส่ายหน้ายิ้มๆ“พิมพ์จ๋า”
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน