ธีร์ไม่ได้ปล่อยมือเธอ แม้ข้าวหอมจะพยายามขยับข้อมือหนี เขาก็ยังจับไว้แน่น ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอเป็นของเขา ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นก็ตาม
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสายตาของนักศึกษาหนุ่มที่เหลือบมองข้าวหอมด้วยความสนใจแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ใจหนึ่งก็หงุดหงิด อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะหวง ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์หวงเธอในแบบนั้น
ธีร์เดินมาส่งข้าวหอมจนถึงหน้าคณะศิลปศาสตร์ มือของเขายังคงกอบกุมมือของเธอไว้ตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงจุดที่ต้องแยกกัน เขาถึงได้คลายมือออกช้าๆ ทิ้งไว้เพียงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิว
แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่รับรู้ถึงสัมผัสนั้น รอบตัวเต็มไปด้วยสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่หันมามองกันเป็นแถว บ้างแอบมองผ่านหางตา บ้างกระซิบกระซาบกันเบาๆ ข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันทันที
“พี่ธีร์…” เธอเงยหน้ามองเขา คล้ายจะถามว่า ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะ?! แต่ธีร์กลับแค่ยิ้มขำๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย
“ส่งถึงที่แล้วนะตัวเล็ก” เขาพูดพลางล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเธออย่างใจเย็น ผิดกับข้าวหอมที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของทั้งคณะ
“พี่ธีร์พูดเบาๆ ก็ได้ คนมองหมดแล้ว” เธอขยับเข้าไปกระซิบ สีหน้ากระอักกระอ่วนสุดๆ
ธีร์เลิกคิ้วมองไปรอบๆ ก่อนพยักหน้าเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นสายตาพวกนั้น “ก็แค่ส่งน้องสาวข้างบ้านมาเรียนเอง ทำไมต้องตกใจ?”
‘น้องสาวข้างบ้าน’ ข้าวหอมขมวดคิ้วกับคำพูดของเขาอย่างหงุดหงิด ก็แค่น้องสาวข้างบ้านสินะ
“กลางวันเดี๋ยวพี่มารับไปกินข้าว” ธีร์เอ่ยหลังจากเห็นเธอเงียบไป
ข้าวหอมทำหน้าตกใจก่อนจะพูด “ไม่ต้องหรอก พี่ธีร์ไปกินกับเพื่อนพี่เถอะ ข้าวหอมจะหาเพื่อนกินด้วย ขืนอยู่กับพี่ธีร์ เดี๋ยวก็ไม่มีเพื่อนพอดี”
คำพูดนั้นทำให้ธีร์ชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้ามาในอกโดยไม่ทันตั้งตัว เธอพูดเหมือนต้องการตีตัวออกห่าง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ติดเขาแจ เด็กผู้หญิงที่เคยวิ่งตามเขาไปทุกที่ ตอนนี้กลับปฏิเสธการอยู่ด้วยกันแบบง่ายดายขนาดนี้
ธีร์ขบกรามแน่นและฝืนยิ้มออกมา พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออกมากเกินไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งแหย่กึ่งน้อยใจ “กลัวไม่มีเพื่อน หรือกลัวว่าไม่มีคนเข้ามาจีบกันแน่?”
ข้าวหอมหันขวับไปมองเขาทันที “อะไรนะ!?”
ธีร์ยักไหล่ สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง แต่แววตากลับเหมือนกำลังจับผิด “ก็ตอนนี้พี่อยู่ด้วย เธอเลยไม่มีใครกล้าเข้าหาไง”
ข้าวหอมสะดุ้ง เธอไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น แต่พอเขาพูดขึ้นมากลับรู้สึกเหมือนมันเป็นความจริง
“บ้าเหรอ! นี่เพิ่งจะมาเรียนวันแรกเองนะพี่ธีร์ คิดอะไรของพี่เนี่ย” เธอโบกมือปฏิเสธพัลวัน
“อืม... ก็ไม่แน่” ธีร์พูดพึมพำเสียงต่ำ จงใจลากเสียงเหมือนครุ่นคิด
ข้าวหอมขมวดคิ้ว มองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “อะไรของพี่ธีร์อีกล่ะ?”
“พี่แค่สงสัย...” ธีร์โน้มตัวเข้ามาใกล้เธอจนระยะห่างแทบไม่มี “ถ้ากลัวไม่มีคนมาจีบจริงๆ แล้วทำไมต้องห้ามไม่ให้พี่มาหา?”
ข้าวหอมชะงักไปทันที เธอถึงกับพูดไม่ออกกับความคิดของเขา หน้าเของเธอริ่มเห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ก็... ก็ข้าวหอมอยากอยู่กับเพื่อนบ้างไง!”
ธีร์กระตุกยิ้มมุมปาก เห็นท่าทางลนลานของเธอแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพอใจ
“งั้นพี่ก็ต้องปล่อยให้เธอได้ลองดูสินะ ว่าถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว จะมีใครเข้ามาหาเธอไหม...”
ข้าวหอมรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตฉายแววตกใจปนไม่พอใจ “หมายความว่าไง!?”
ธีร์ไม่ได้ตอบอะไร แค่ยิ้มบางๆ แล้วเอื้อมมือมายีหัวเธอเหมือนเด็กๆ
“ไว้ตอนเย็นพี่จะมารับ”
ข้าวหอมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ธีร์ก็เดินจากไป ทิ้งให้เธอยืนมองตามหลังเขาอย่างหงุดหงิด
“พี่ธีร์บ้า...” เธอพูดบ่นออกมาเบาๆ แต่ในใจก็กลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...
ข้าวหอมมองตามแผ่นหลังกว้างของธีร์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดใจหมุนตัวเดินเข้าไปในตึกคณะ
ธีร์ที่เดินไปแล้ว เขากันกลับมามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นจนกระทั่งเธอเดินลับเข้าไปในอาคาร ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่อีกครู่หนึ่งราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากสายตา
เขารู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด...
ข้าวหอมจะได้เจอใครบ้างนะ? จะมีใคร หรือผู้ชายหน้าไหนเข้ามาทักเธอหรือเปล่า?
แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว...
ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาในอก มันหนักอึ้งจนเขาแทบหายใจไม่ออก ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็รู้ตัวดีว่า ‘หวง’ ข้าวหอม... แต่ไม่คิดเลยว่าความรู้สึกนี้จะรุนแรงขนาดนี้
เขาไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ยัยตัวเล็ก ไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น ไม่อยากให้ใครเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอยิ้ม... นอกจากเขา
ให้ตายสิ... แค่เธอยังไม่ทันเดินพ้นสายตา เขายังรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ แล้วระหว่างวันล่ะ? ถ้ามีใครเข้ามาหาเธอ ถ้าเธอเผลอไปยิ้มให้ใครเข้า เขาจะทำยังไง?
ธีร์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด พยายามระงับความคิดที่เริ่มฟุ้งซ่าน
เอาเถอะ... ตอนเย็นเขาก็มารับอยู่ดี
พอคิดแบบนั้นแล้วค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยสุดท้ายแล้ว ข้าวหอมก็ต้องกลับมากับเขาอยู่ดี...
ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์
ธีร์เดินเข้ามาในโถงอาคารคณะ สีหน้าของเขาดูนิ่งสงบเหมือนทุกครั้ง แต่ในใจกลับยังนึกถึงรอยยิ้มและแก้มพองลมของข้าวหอมเมื่อครู่ จู่ๆ เสียงทักของกลุ่มเพื่อนก็แทรกขึ้นมา
“ไอ้ธีร์! เมื่อเช้าใครวะ? โคตรน่ารักเลย” ไอ้บอล เพื่อนสนิทตัวดีของธีร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียนจนธีร์ต้องชะงัก
“เออว่ะ กูนั่งอยู่แถวลานจอด เห็นมึงเดินจูงมือกันผ่านหน้าคณะ ยังนึกว่าแฟน” อีกเสียงคือไอ้เบส เพื่อนอีกคนที่ยืนกอดอกยิ้มกริ่ม สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ธีร์ถอนหายใจ รู้ดีว่าถ้าตอบอะไรผิดไปจะโดนลากไปแซวจนหมดวัน “อย่าเพ้อกันไปไกล น้องสาวข้างบ้านกูเอง”
“น้องสาวข้างบ้าน? แล้วจูงมือกันทำไมวะ?” บอลถามพลางทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ดูยังไงก็ไม่เหมือนพี่ชายน้องสาวธรรมดาเลยนะมึง”
“เออว่ะ” เบสพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะขยับเข้าไปกระแทกไหล่ธีร์หยอกๆ “แนะนำให้กูรู้จักหน่อยดิ” เขาว่าพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “น่ารักขนาดนั้น พี่ชายนี่ขี้หวงหรือเปล่า?”
“หรือที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้าหา เพราะมึงล็อกไว้เอง?” บอลเสริมขึ้นมาอีกเสียง แววตาเต็มไปด้วยความอยากแซว เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
พวกมันสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกที่โยนมาใส่เขา แต่ธีร์กลับไม่ขำด้วยเลยสักนิดรอยยิ้มที่เคยมีกระตุกไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้าอย่างช้าๆบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเงียบลงไปชั่วขณะโดยปกติแล้ว ธีร์เป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และมักเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ต่อให้ถูกเพื่อนแซวแรงแค่ไหน เขาก็มักจะรับมือได้ด้วยมุกกวนๆ หรือรอยยิ้มสบายๆ แต่ครั้งนี้... เขาไม่ได้ตั้งใจเล่นไปตามมุกของพวกมันเลยธีร์ชะงักไปชั่ววินาที ดวงตาคมจัดตวัดมองเพื่อนสนิทช้าๆ ไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ไม่มีคำพูดเถียงกลับ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างประหลาดเขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคย"น้องสาวกู ห้ามยุ่ง จำไว้เลย"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังขึ้น แต่กลับกดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย คำพูดของเขาฟังดูเรียบนิ่ง ไม่มีคำหยาบคาย ไม่มีโทนเสียงแข็งกร้าว มีเพียงแววตาเย็นเฉียบที่ส่งผ่านความหมายบางอย่างให้พวกมันรับรู้บอลกับเบสที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกันสนุกสนานเผลอหยุดไปชั่วขณะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างรู้ตัวว่าเผลอเล่นผิดเรื่องแล้ว"เอ้า ใจเย็นดิวะ กูแค่แซวเล่น" บอลรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ พยายามทำใ
ธีร์ไม่ได้ปล่อยมือเธอ แม้ข้าวหอมจะพยายามขยับข้อมือหนี เขาก็ยังจับไว้แน่น ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอเป็นของเขา ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นก็ตามเขากวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสายตาของนักศึกษาหนุ่มที่เหลือบมองข้าวหอมด้วยความสนใจแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ใจหนึ่งก็หงุดหงิด อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะหวง ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์หวงเธอในแบบนั้นธีร์เดินมาส่งข้าวหอมจนถึงหน้าคณะศิลปศาสตร์ มือของเขายังคงกอบกุมมือของเธอไว้ตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงจุดที่ต้องแยกกัน เขาถึงได้คลายมือออกช้าๆ ทิ้งไว้เพียงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิวแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่รับรู้ถึงสัมผัสนั้น รอบตัวเต็มไปด้วยสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่หันมามองกันเป็นแถว บ้างแอบมองผ่านหางตา บ้างกระซิบกระซาบกันเบาๆ ข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันทันที“พี่ธีร์…” เธอเงยหน้ามองเขา คล้ายจะถามว่า ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะ?! แต่ธีร์กลับแค่ยิ้มขำๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย“ส่งถึงที่แล้วนะตัวเล็ก” เขาพูดพลางล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเธออย่างใจเย็น ผิดกับข้าวหอมที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าส
ธีร์ไม่ได้ตอบรับ เพียงแค่ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะพูด“ไม่ดีกว่า พี่ไม่สะดวกน่ะ”คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ นักศึกษาสาวกลุ่มนั้นแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาชัดเจน แต่ยังไม่วายพยายามต่อ“เอ๊ะ... แล้วนั่นใครเหรอคะ?” หนึ่งในนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ข้าวหอม สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น“น้องสาวเหรอ?”ข้าวหอมชะงัก รู้สึกเหมือนถูกเพ่งเล็งขึ้นมาทันที เธอกำลังจะอ้าปากตอบอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันได้พูด ธีร์ก็เอื้อมมือมาคว้ามือเธอมากุมไว้แน่น นิ้วสอดประสานกันอย่างแนบสนิทข้าวหอมตกตะลึง หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามสักห้ารอบ เธอพยายามดึงมือออกตามสัญชาตญาณ แต่ธีร์กลับบีบไว้แน่นขึ้นไม่ยอมปล่อย“ก็น่าจะ...ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างคลุมเครือ กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันทีกลุ่มนักศึกษาสาวที่มองธีร์ด้วยสายตาชื่นชอบถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ บางคนขมวดคิ้ว บางคนเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ และบางคนถึงกับถอนหายใจแรงราวกับพยายามระงับอารมณ์ สายตาหลายคู่ตวัดมามองข้าวหอมอย่างเห็นได้ชัด เต็มไปด้วยความอิจฉาปนสงสัยข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาเห
ความไม่แน่ใจทำให้ข้าวหอมขยับตัวเล็กน้อย เธอยกแขนขึ้นกอดอกแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่มาหวั่นไหวกับคำพูดเล่นๆ ของเขาแบบนี้…เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เธอต้องเลิกใส่ใจคำพูดของเขาให้ได้!ดวงตาคมเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ที่ยังนั่งกอดอก หน้าบูดเหมือนกำลังข่มความว้าวุ่นใจไว้เต็มที่ ความเงียบระหว่างพวกเขาไม่ได้อึดอัด… แต่มันกลับทำให้ธีร์ต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในอก…บางทีเขาน่าจะแค่เงียบไปตั้งแต่แรก ไม่ควรเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลยจริงๆรอยยิ้มของเขาก็จางลงเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวแล้วถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาล่ะ?ถ้าเธอแค่เขินเพราะคำพูดกำกวม ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเขา…ธีร์กำมือที่จับพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว คำพูดเมื่อครู่มันหลุดออกไปตามสัญชาตญาณ เหมือนทุกครั้งที่เขามักแหย่เธอให้หน้าแดงเล่น แต่คราวนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมบางที…เขาอาจจะพูดอะไรเกินไปจริงๆถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองเผลอแสดงอะไรออกไปมากกว่านี้ล่ะ?ถ้าเธอจับได้… แล้วถอยห่างออกไปล่ะ?คิดได้ดังนั้น เขาก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเลือกที่จะเงียบไป เหมือนไม่ได้ตั้
ธีร์นั่งลงที่เบาะคนขับ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยอย่างหลวมๆ แต่มั่นคง มืออีกข้างเสียบกุญแจแล้วบิดสตาร์ทรถ ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลกจากทุกเช้า ยกเว้นแค่หัวใจของเขาที่ดันเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่ไปมหา’ ลัยพร้อมข้าวหอมแค่นั้นเองเขาขับรถออกไปอย่างไม่เร่งรีบในขณะที่เสียงบ่นอุบอิบดังมาจากที่นั่งข้างๆ“พี่ธีร์! มายุ่งอะไรกับผมข้าวเนี่ย” ข้าวหอมบ่นออกมาอย่างหัวเสียพลางใช้มือจัดทรงผมตัวเองขณะมองกระจกหน้ารถ สภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ผมฟูยุ่งเหยิงไปหมดเพราะฝีมือของคนข้างๆธีร์ที่กำลังขับรถเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขำออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา “พี่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ไง”ข้าวหอมหันขวับไปมองเขาตาขวาง “ใครขอให้พี่ช่วย!”ธีร์ไม่ได้ตอบในทันที เขายกมือขึ้นปรับกระจกมองหลังอย่างใจเย็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ก็เห็นทำหน้างอแล้วมันสนุกดี เลยอยากแกล้ง”ข้าวหอมจ้องเขาอย่างไม่ไว้ใจ ท่าทางสบายๆ ของธีร์นั่นทำให้เธออดรู้สึกหมั่นไส้เขาไม่ได้“พี่นี่มัน... ว่างเกินไปใช่ไหม หือ?”“อืม... ก็อาจ
“ก็ช่วยให้ธีร์มันขยับสักทีไง” หมวยถอนหายใจ “พ่อไม่เห็นเหรอว่าลูกเราน่ะเป็นเอามาก แอบชอบข้าวหอมขนาดนั้น ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย เดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปหรอก”แมนเลิกคิ้ว ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด“อืม... จริงแฮะ มัวแต่เก็บไว้แบบนี้ เดี๋ยวก็อดแน่ๆ ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าลูกชายคนนี้ ต้องให้พ่อแม่ช่วยอีกแน่ะ”หมวยหัวเราะออกมากับท่าทีนั้น เธอเองก็รู้ดีว่าธีร์รู้สึกยังไงกับข้าวหอม แต่อีกฝ่ายก็เก็บอาการเก่งเกินไป“เด็กเฟรชชี่แบบข้าวหอมเนี่ยนะ นิสัยก็ดี หน้าตาก็น่ารัก แม่ว่าไม่เกินเดือน เดี๋ยวมีคนมาจีบแน่นอน”แมนแค่หัวเราะขำให้กับความเป็นห่วงลูกของหมวย“ปล่อยเด็กๆ ไปเถอะ อย่างเรายังจัดการกันได้เลย จริงไหม?”ว่าแล้วเขาก็โอบเมียเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ให้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ“แมน! จะทำอะไร... ว้าย!!” หมวยร้องลั่นเมื่อโดนสามีอุ้มขึ้นกลางอากาศดื้อๆ“อย่าดิ้นสิเมียจ๋า เดี๋ยวตก” แมนว่าอย่างอารมณ์ดี เดินดุ่มๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สนเสียงประท้วงของเธอ“แมน! เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่ออุ่นให้ใหม่~”ประตูห้องปิดลง พร้อมกับเสียงเอ็ดของหมวยที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก แต่ไม่นานนัก... เสีย
ใครจะไปคิดว่าการรับ-ส่งเด็กข้างบ้าน จะกลายเป็นภารกิจที่ทำให้หัวใจของธีร์วุ่นวายที่สุดในชีวิตธีร์ไม่ใช่คนตื่นเต้นง่าย โดยเฉพาะเรื่องไปมหาวิทยาลัย... ทั้งที่แค่จะไปมหา’ ลัย... ก็แค่เปิดเทอมวันแรกปีสุดท้ายของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เช้านี้มันต่างออกไปเพราะเขาจะได้เจอ ‘ข้าวหอม’ ทุกวัน...และนั่นมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิดแม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ โตมาด้วยกันในซอยแคบๆที่เด็กวิ่งไล่จับกันแทบทุกเย็น แต่ตอนนี้ ‘เด็กข้างบ้าน’ คนนั้นไม่ใช่เด็กอีกแล้วเธอใส่ชุดนักศึกษา...และเธอก็น่ารักจนใจเขาโคตรจะไม่ปลอดภัยเขารีบคว้ากระเป๋าแล้วพุ่งตัวลงบันไดด้วยความเร็ว ใจมันรีบไปหาคนที่อยู่บ้านข้างๆ แต่เท้าเกือบสะดุดขั้นบันไดเพราะเสียงบางอย่าง เสียงที่ดังมาจากครัวเสียงพูด เสียงหัวเราะ... ที่หวานจนชวนเลี่ยนธีร์ชะงักฝีเท้าเบาลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาจะหันไปเห็นภาพประจำบ้านที่ไม่มีวันชินแมนกับหมวย พ่อกับแม่ของเขา ตัวต้นแบบของคู่แต่งงานที่โลกไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่อยังคงรัดเอวแม่ไว้แน่นจากด้านหลังในขณะที่แม่กำลังทอดไข่เจียวอยู่หน้ากระทะ กลิ่นไข่เจียวอาจจะหอม... ถ้าไม่ติดว่ามันมากับกลิ่