พวกมันสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกที่โยนมาใส่เขา แต่ธีร์กลับไม่ขำด้วยเลยสักนิด
รอยยิ้มที่เคยมีกระตุกไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้าอย่างช้าๆ
บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเงียบลงไปชั่วขณะ
โดยปกติแล้ว ธีร์เป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และมักเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ต่อให้ถูกเพื่อนแซวแรงแค่ไหน เขาก็มักจะรับมือได้ด้วยมุกกวนๆ หรือรอยยิ้มสบายๆ แต่ครั้งนี้... เขาไม่ได้ตั้งใจเล่นไปตามมุกของพวกมันเลย
ธีร์ชะงักไปชั่ววินาที ดวงตาคมจัดตวัดมองเพื่อนสนิทช้าๆ ไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ไม่มีคำพูดเถียงกลับ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างประหลาด
เขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคย
"น้องสาวกู ห้ามยุ่ง จำไว้เลย"
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังขึ้น แต่กลับกดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย คำพูดของเขาฟังดูเรียบนิ่ง ไม่มีคำหยาบคาย ไม่มีโทนเสียงแข็งกร้าว มีเพียงแววตาเย็นเฉียบที่ส่งผ่านความหมายบางอย่างให้พวกมันรับรู้
บอลกับเบสที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกันสนุกสนานเผลอหยุดไปชั่วขณะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างรู้ตัวว่าเผลอเล่นผิดเรื่องแล้ว
"เอ้า ใจเย็นดิวะ กูแค่แซวเล่น" บอลรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ พยายามทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยังคงหลงเหลืออยู่
เบสหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูดแทบจะทันที ส่วนธีร์เพียงแค่สบตามันนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาเหมือนไม่ได้สนใจอะไรอีก
แต่ในใจของเขากลับเดือดพล่านจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่...
"เออๆ ไม่ยุ่งก็ได้" เบสหัวเราะกลบเกลื่อน แต่เสียงหัวเราะนั้นแห้งแล้งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด "กูนึกว่ามึงจะไม่หงุดหงิดเรื่องแบบนี้ซะอีก นี่แสดงว่าหวงจริงใช่ไหมเนี่ย?"
ธีร์คลี่ยิ้มอีกครั้ง แต่แววตาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
"แค่บอกไว้ก่อน เผื่อพวกมึงคิดจะเล่นตลกอะไร"
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับทำให้ทั้งสองคนไม่กล้าพูดเล่นอะไรเกี่ยวกับข้าวหอมต่ออีก
บอลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ในขณะที่เบสหันไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเงียบๆ
ธีร์พยายามควบคุมอารมณ์ที่ยังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เขาไม่ใช่คนที่จะหัวเสียกับทุกเรื่อง แต่ถ้ามีใครคิดจะยุ่งกับยัยตัวเล็กของเขาล่ะก็...
อย่าหาว่าเขาไม่เตือนก็แล้วกัน
เมื่อเห็นท่าทางของธีร์ที่ดูจริงจังขึ้นมา เจ้าเพื่อนสองคนก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เออๆ ไม่แซวแล้ว ไปแดกข้าวกันดีกว่า กูหิว!” บอลพูดก่อนจะเดินนำไปที่ศูนย์อาหารของมหา'ลัย
ธีร์มองตามเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ในใจยังคงตะคอกย้ำกับตัวเอง อย่าคิดจะยุ่งกับยัยตัวเล็กของกูเด็ดขาด พวกมึงไม่มีทางได้เข้าใกล้แน่นอน
วันแรกของการเปิดเทอมในรั้วมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นักศึกษาปีหนึ่งเดินกันขวักไขว่ บางคนยังงุนงงกับตารางเรียน ในขณะที่บางคนก็เริ่มทำความรู้จักกันแล้ว เสียงพูดคุย หัวเราะ และความตื่นเต้นของเด็กใหม่ปะปนกันไปทั่วบริเวณ
ด้วยนิสัยที่เฟรนด์ลี่และร่าเริง ข้าวหอมใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็หาเพื่อนใหม่ได้เป็นสิบ บางคนเป็นสาวน้อยอารมณ์ดีที่คุยเก่งไม่แพ้เธอ บางคนเป็นหนุ่มขี้เล่นที่แอบส่งสายตาให้เธอบ่อยๆ ราวกับอยากเริ่มทำความรู้จักให้มากขึ้น ข้าวหอมไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เธอแค่รู้สึกดีที่มีคนคุยด้วย และปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ได้เร็วกว่าที่คาด
และนั่นแหละ... วันแรกของชีวิตมหาวิทยาลัยของข้าวหอม
ในขณะที่ข้าวหอมสนุกอยู่กับกิจกรรมวันแรก ธีร์ที่อยู่ในห้องประชุมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาในฐานะหนึ่งในตัวแทนรุ่นพี่ถูกมอบหมายให้ร่วมวางแผนกิจกรรมรับน้องของคณะ
การประชุมเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางคนเสนอเกม บางคนเสนอกิจกรรมแนะแนว แต่ธีร์นั่งเงียบ ฟังคนอื่นพูดไปเรื่อยๆ แม้เขาจะพยายามโฟกัสกับงานตรงหน้า แต่ในหัวกลับคิดถึงยัยจิ๋วที่ตอนนี้คงจะหัวเราะเฮฮากับเพื่อนใหม่
ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอผสมปนเปกันไปหมด ระหว่างความเป็นห่วง กับความพยายามที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตใหม่ของเธอ เขาอยากชวนเธอกินข้าวกลางวัน อยากเห็นหน้าเธอเวลาตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ แต่สุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป เพราะเธอเองบอกเขาแล้วว่าจะหาเพื่อนกินข้าวด้วยเอง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ธีร์กำลังเก็บของหลังจากประชุมเสร็จ เขาเหลือบมองชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ก่อนริมฝีปากจะยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วกดรับสาย
“เลิกเรียนหรือยัง ตัวเล็ก?” น้ำเสียงของธีร์ฟังดูปกติ แต่จริงๆ ก็แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเสียงของเธอ
“ข้าวกำลังเก็บของ ใกล้เสร็จแล้ว พี่ธีร์ถึงไหนแล้วล่ะ?”
“ให้พี่รอที่ลานจอดรถ หรือจะให้ไปรับหน้าคณะ?” เขาถามไปอย่างนั้น แต่ในใจลึกๆ ก็แอบคาดหวัง
“พี่ธีร์รอที่รถเถอะ เดี๋ยวข้าวหอมเดินไปเอง”
น้ำเสียงสดใสของเธอทำให้ธีร์อดนึกภาพตามไม่ได้ เขาเผลอกลั้นใจไปวูบหนึ่ง เสียดายนิดหน่อยที่เธอไม่ได้ให้เขาไปรับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากแสร้งพูดกลั้วหัวเราะ
“แน่ใจนะว่าทางกลับลานจอดรถไม่ไกลเกินไป? หรือว่าคิดจะเดินวนเล่นให้ใครบางคนมาส่งแทน?”
“พี่ธีร์พูดอะไรเนี่ย! ข้าวหอมไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย” เธอรีบเถียงทันที เสียงเจือขำปนความหมั่นไส้
“โอเค งั้นพี่รอที่รถ แต่ถ้าช้าเกินห้านาที พี่จะขับกลับบ้านแล้วนะ”
“กล้าขับหนีก็ลองดูสิ ข้าวหอมจะฟ้องพ่อแม่เลย!”
ธีร์หัวเราะขำในลำคอ “รีบมาแล้วกันตัวเล็ก อย่าช้าจนพี่เผลอหลับล่ะ”
“จ้าๆ รู้แล้ว พี่ธีร์ก็อย่าหลับในรถก่อนล่ะ”
ปลายสายตัดไปแล้ว แต่ธีร์ยังถือโทรศัพท์ค้างไว้สักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอยอมให้เขาไปรับก็คงดี อย่างน้อยเขาจะได้ใช้สิทธิ์ ‘พี่ชาย’ กันพวกผู้ชายที่เริ่มสนใจเธอไปเงียบๆ ...แต่เธอกลับบอกว่าไม่ต้องการให้เขาเดินไปรับแล้ว เธอโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว
ธีร์รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนจะส่ายหัวให้กับความคิดตัวเองแล้วจะไปยังลานจอดรถ รอเธออยู่ตรงนั้นอย่างที่เธอต้องการ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเป็นคนพาเธอออกจากตรงนั้นเองมากกว่าก็ตาม
พวกมันสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกที่โยนมาใส่เขา แต่ธีร์กลับไม่ขำด้วยเลยสักนิดรอยยิ้มที่เคยมีกระตุกไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้าอย่างช้าๆบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเงียบลงไปชั่วขณะโดยปกติแล้ว ธีร์เป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และมักเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ต่อให้ถูกเพื่อนแซวแรงแค่ไหน เขาก็มักจะรับมือได้ด้วยมุกกวนๆ หรือรอยยิ้มสบายๆ แต่ครั้งนี้... เขาไม่ได้ตั้งใจเล่นไปตามมุกของพวกมันเลยธีร์ชะงักไปชั่ววินาที ดวงตาคมจัดตวัดมองเพื่อนสนิทช้าๆ ไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ไม่มีคำพูดเถียงกลับ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างประหลาดเขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคย"น้องสาวกู ห้ามยุ่ง จำไว้เลย"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังขึ้น แต่กลับกดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย คำพูดของเขาฟังดูเรียบนิ่ง ไม่มีคำหยาบคาย ไม่มีโทนเสียงแข็งกร้าว มีเพียงแววตาเย็นเฉียบที่ส่งผ่านความหมายบางอย่างให้พวกมันรับรู้บอลกับเบสที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกันสนุกสนานเผลอหยุดไปชั่วขณะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างรู้ตัวว่าเผลอเล่นผิดเรื่องแล้ว"เอ้า ใจเย็นดิวะ กูแค่แซวเล่น" บอลรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ พยายามทำใ
ธีร์ไม่ได้ปล่อยมือเธอ แม้ข้าวหอมจะพยายามขยับข้อมือหนี เขาก็ยังจับไว้แน่น ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอเป็นของเขา ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นก็ตามเขากวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสายตาของนักศึกษาหนุ่มที่เหลือบมองข้าวหอมด้วยความสนใจแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ใจหนึ่งก็หงุดหงิด อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะหวง ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์หวงเธอในแบบนั้นธีร์เดินมาส่งข้าวหอมจนถึงหน้าคณะศิลปศาสตร์ มือของเขายังคงกอบกุมมือของเธอไว้ตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงจุดที่ต้องแยกกัน เขาถึงได้คลายมือออกช้าๆ ทิ้งไว้เพียงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิวแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่รับรู้ถึงสัมผัสนั้น รอบตัวเต็มไปด้วยสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่หันมามองกันเป็นแถว บ้างแอบมองผ่านหางตา บ้างกระซิบกระซาบกันเบาๆ ข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันทันที“พี่ธีร์…” เธอเงยหน้ามองเขา คล้ายจะถามว่า ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะ?! แต่ธีร์กลับแค่ยิ้มขำๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย“ส่งถึงที่แล้วนะตัวเล็ก” เขาพูดพลางล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเธออย่างใจเย็น ผิดกับข้าวหอมที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าส
ธีร์ไม่ได้ตอบรับ เพียงแค่ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะพูด“ไม่ดีกว่า พี่ไม่สะดวกน่ะ”คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ นักศึกษาสาวกลุ่มนั้นแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาชัดเจน แต่ยังไม่วายพยายามต่อ“เอ๊ะ... แล้วนั่นใครเหรอคะ?” หนึ่งในนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ข้าวหอม สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น“น้องสาวเหรอ?”ข้าวหอมชะงัก รู้สึกเหมือนถูกเพ่งเล็งขึ้นมาทันที เธอกำลังจะอ้าปากตอบอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันได้พูด ธีร์ก็เอื้อมมือมาคว้ามือเธอมากุมไว้แน่น นิ้วสอดประสานกันอย่างแนบสนิทข้าวหอมตกตะลึง หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามสักห้ารอบ เธอพยายามดึงมือออกตามสัญชาตญาณ แต่ธีร์กลับบีบไว้แน่นขึ้นไม่ยอมปล่อย“ก็น่าจะ...ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างคลุมเครือ กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันทีกลุ่มนักศึกษาสาวที่มองธีร์ด้วยสายตาชื่นชอบถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ บางคนขมวดคิ้ว บางคนเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ และบางคนถึงกับถอนหายใจแรงราวกับพยายามระงับอารมณ์ สายตาหลายคู่ตวัดมามองข้าวหอมอย่างเห็นได้ชัด เต็มไปด้วยความอิจฉาปนสงสัยข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาเห
ความไม่แน่ใจทำให้ข้าวหอมขยับตัวเล็กน้อย เธอยกแขนขึ้นกอดอกแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่มาหวั่นไหวกับคำพูดเล่นๆ ของเขาแบบนี้…เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เธอต้องเลิกใส่ใจคำพูดของเขาให้ได้!ดวงตาคมเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ที่ยังนั่งกอดอก หน้าบูดเหมือนกำลังข่มความว้าวุ่นใจไว้เต็มที่ ความเงียบระหว่างพวกเขาไม่ได้อึดอัด… แต่มันกลับทำให้ธีร์ต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในอก…บางทีเขาน่าจะแค่เงียบไปตั้งแต่แรก ไม่ควรเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลยจริงๆรอยยิ้มของเขาก็จางลงเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวแล้วถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาล่ะ?ถ้าเธอแค่เขินเพราะคำพูดกำกวม ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเขา…ธีร์กำมือที่จับพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว คำพูดเมื่อครู่มันหลุดออกไปตามสัญชาตญาณ เหมือนทุกครั้งที่เขามักแหย่เธอให้หน้าแดงเล่น แต่คราวนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมบางที…เขาอาจจะพูดอะไรเกินไปจริงๆถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองเผลอแสดงอะไรออกไปมากกว่านี้ล่ะ?ถ้าเธอจับได้… แล้วถอยห่างออกไปล่ะ?คิดได้ดังนั้น เขาก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเลือกที่จะเงียบไป เหมือนไม่ได้ตั้
ธีร์นั่งลงที่เบาะคนขับ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยอย่างหลวมๆ แต่มั่นคง มืออีกข้างเสียบกุญแจแล้วบิดสตาร์ทรถ ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลกจากทุกเช้า ยกเว้นแค่หัวใจของเขาที่ดันเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่ไปมหา’ ลัยพร้อมข้าวหอมแค่นั้นเองเขาขับรถออกไปอย่างไม่เร่งรีบในขณะที่เสียงบ่นอุบอิบดังมาจากที่นั่งข้างๆ“พี่ธีร์! มายุ่งอะไรกับผมข้าวเนี่ย” ข้าวหอมบ่นออกมาอย่างหัวเสียพลางใช้มือจัดทรงผมตัวเองขณะมองกระจกหน้ารถ สภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ผมฟูยุ่งเหยิงไปหมดเพราะฝีมือของคนข้างๆธีร์ที่กำลังขับรถเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขำออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา “พี่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ไง”ข้าวหอมหันขวับไปมองเขาตาขวาง “ใครขอให้พี่ช่วย!”ธีร์ไม่ได้ตอบในทันที เขายกมือขึ้นปรับกระจกมองหลังอย่างใจเย็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ก็เห็นทำหน้างอแล้วมันสนุกดี เลยอยากแกล้ง”ข้าวหอมจ้องเขาอย่างไม่ไว้ใจ ท่าทางสบายๆ ของธีร์นั่นทำให้เธออดรู้สึกหมั่นไส้เขาไม่ได้“พี่นี่มัน... ว่างเกินไปใช่ไหม หือ?”“อืม... ก็อาจ
“ก็ช่วยให้ธีร์มันขยับสักทีไง” หมวยถอนหายใจ “พ่อไม่เห็นเหรอว่าลูกเราน่ะเป็นเอามาก แอบชอบข้าวหอมขนาดนั้น ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย เดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปหรอก”แมนเลิกคิ้ว ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด“อืม... จริงแฮะ มัวแต่เก็บไว้แบบนี้ เดี๋ยวก็อดแน่ๆ ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าลูกชายคนนี้ ต้องให้พ่อแม่ช่วยอีกแน่ะ”หมวยหัวเราะออกมากับท่าทีนั้น เธอเองก็รู้ดีว่าธีร์รู้สึกยังไงกับข้าวหอม แต่อีกฝ่ายก็เก็บอาการเก่งเกินไป“เด็กเฟรชชี่แบบข้าวหอมเนี่ยนะ นิสัยก็ดี หน้าตาก็น่ารัก แม่ว่าไม่เกินเดือน เดี๋ยวมีคนมาจีบแน่นอน”แมนแค่หัวเราะขำให้กับความเป็นห่วงลูกของหมวย“ปล่อยเด็กๆ ไปเถอะ อย่างเรายังจัดการกันได้เลย จริงไหม?”ว่าแล้วเขาก็โอบเมียเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ให้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ“แมน! จะทำอะไร... ว้าย!!” หมวยร้องลั่นเมื่อโดนสามีอุ้มขึ้นกลางอากาศดื้อๆ“อย่าดิ้นสิเมียจ๋า เดี๋ยวตก” แมนว่าอย่างอารมณ์ดี เดินดุ่มๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สนเสียงประท้วงของเธอ“แมน! เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่ออุ่นให้ใหม่~”ประตูห้องปิดลง พร้อมกับเสียงเอ็ดของหมวยที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก แต่ไม่นานนัก... เสีย
ใครจะไปคิดว่าการรับ-ส่งเด็กข้างบ้าน จะกลายเป็นภารกิจที่ทำให้หัวใจของธีร์วุ่นวายที่สุดในชีวิตธีร์ไม่ใช่คนตื่นเต้นง่าย โดยเฉพาะเรื่องไปมหาวิทยาลัย... ทั้งที่แค่จะไปมหา’ ลัย... ก็แค่เปิดเทอมวันแรกปีสุดท้ายของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เช้านี้มันต่างออกไปเพราะเขาจะได้เจอ ‘ข้าวหอม’ ทุกวัน...และนั่นมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิดแม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ โตมาด้วยกันในซอยแคบๆที่เด็กวิ่งไล่จับกันแทบทุกเย็น แต่ตอนนี้ ‘เด็กข้างบ้าน’ คนนั้นไม่ใช่เด็กอีกแล้วเธอใส่ชุดนักศึกษา...และเธอก็น่ารักจนใจเขาโคตรจะไม่ปลอดภัยเขารีบคว้ากระเป๋าแล้วพุ่งตัวลงบันไดด้วยความเร็ว ใจมันรีบไปหาคนที่อยู่บ้านข้างๆ แต่เท้าเกือบสะดุดขั้นบันไดเพราะเสียงบางอย่าง เสียงที่ดังมาจากครัวเสียงพูด เสียงหัวเราะ... ที่หวานจนชวนเลี่ยนธีร์ชะงักฝีเท้าเบาลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาจะหันไปเห็นภาพประจำบ้านที่ไม่มีวันชินแมนกับหมวย พ่อกับแม่ของเขา ตัวต้นแบบของคู่แต่งงานที่โลกไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่อยังคงรัดเอวแม่ไว้แน่นจากด้านหลังในขณะที่แม่กำลังทอดไข่เจียวอยู่หน้ากระทะ กลิ่นไข่เจียวอาจจะหอม... ถ้าไม่ติดว่ามันมากับกลิ่