พวกมันสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกที่โยนมาใส่เขา แต่ธีร์กลับไม่ขำด้วยเลยสักนิด
รอยยิ้มที่เคยมีกระตุกไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้าอย่างช้าๆ
บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเงียบลงไปชั่วขณะ
โดยปกติแล้ว ธีร์เป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และมักเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ต่อให้ถูกเพื่อนแซวแรงแค่ไหน เขาก็มักจะรับมือได้ด้วยมุกกวนๆ หรือรอยยิ้มสบายๆ แต่ครั้งนี้... เขาไม่ได้ตั้งใจเล่นไปตามมุกของพวกมันเลย
ธีร์ชะงักไปชั่ววินาที ดวงตาคมจัดตวัดมองเพื่อนสนิทช้าๆ ไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ไม่มีคำพูดเถียงกลับ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างประหลาด
เขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคย
"น้องสาวกู ห้ามยุ่ง จำไว้เลย"
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังขึ้น แต่กลับกดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย คำพูดของเขาฟังดูเรียบนิ่ง ไม่มีคำหยาบคาย ไม่มีโทนเสียงแข็งกร้าว มีเพียงแววตาเย็นเฉียบที่ส่งผ่านความหมายบางอย่างให้พวกมันรับรู้
บอลกับเบสที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกันสนุกสนานเผลอหยุดไปชั่วขณะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างรู้ตัวว่าเผลอเล่นผิดเรื่องแล้ว
"เอ้า ใจเย็นดิวะ กูแค่แซวเล่น" บอลรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ พยายามทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยังคงหลงเหลืออยู่
เบสหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูดแทบจะทันที ส่วนธีร์เพียงแค่สบตามันนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาเหมือนไม่ได้สนใจอะไรอีก
แต่ในใจของเขากลับเดือดพล่านจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่...
"เออๆ ไม่ยุ่งก็ได้" เบสหัวเราะกลบเกลื่อน แต่เสียงหัวเราะนั้นแห้งแล้งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด "กูนึกว่ามึงจะไม่หงุดหงิดเรื่องแบบนี้ซะอีก นี่แสดงว่าหวงจริงใช่ไหมเนี่ย?"
ธีร์คลี่ยิ้มอีกครั้ง แต่แววตาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
"แค่บอกไว้ก่อน เผื่อพวกมึงคิดจะเล่นตลกอะไร"
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับทำให้ทั้งสองคนไม่กล้าพูดเล่นอะไรเกี่ยวกับข้าวหอมต่ออีก
บอลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ในขณะที่เบสหันไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเงียบๆ
ธีร์พยายามควบคุมอารมณ์ที่ยังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เขาไม่ใช่คนที่จะหัวเสียกับทุกเรื่อง แต่ถ้ามีใครคิดจะยุ่งกับยัยตัวเล็กของเขาล่ะก็...
อย่าหาว่าเขาไม่เตือนก็แล้วกัน
เมื่อเห็นท่าทางของธีร์ที่ดูจริงจังขึ้นมา เจ้าเพื่อนสองคนก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เออๆ ไม่แซวแล้ว ไปแดกข้าวกันดีกว่า กูหิว!” บอลพูดก่อนจะเดินนำไปที่ศูนย์อาหารของมหา'ลัย
ธีร์มองตามเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ในใจยังคงตะคอกย้ำกับตัวเอง อย่าคิดจะยุ่งกับยัยตัวเล็กของกูเด็ดขาด พวกมึงไม่มีทางได้เข้าใกล้แน่นอน
วันแรกของการเปิดเทอมในรั้วมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นักศึกษาปีหนึ่งเดินกันขวักไขว่ บางคนยังงุนงงกับตารางเรียน ในขณะที่บางคนก็เริ่มทำความรู้จักกันแล้ว เสียงพูดคุย หัวเราะ และความตื่นเต้นของเด็กใหม่ปะปนกันไปทั่วบริเวณ
ด้วยนิสัยที่เฟรนด์ลี่และร่าเริง ข้าวหอมใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็หาเพื่อนใหม่ได้เป็นสิบ บางคนเป็นสาวน้อยอารมณ์ดีที่คุยเก่งไม่แพ้เธอ บางคนเป็นหนุ่มขี้เล่นที่แอบส่งสายตาให้เธอบ่อยๆ ราวกับอยากเริ่มทำความรู้จักให้มากขึ้น ข้าวหอมไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เธอแค่รู้สึกดีที่มีคนคุยด้วย และปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ได้เร็วกว่าที่คาด
และนั่นแหละ... วันแรกของชีวิตมหาวิทยาลัยของข้าวหอม
ในขณะที่ข้าวหอมสนุกอยู่กับกิจกรรมวันแรก ธีร์ที่อยู่ในห้องประชุมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาในฐานะหนึ่งในตัวแทนรุ่นพี่ถูกมอบหมายให้ร่วมวางแผนกิจกรรมรับน้องของคณะ
การประชุมเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางคนเสนอเกม บางคนเสนอกิจกรรมแนะแนว แต่ธีร์นั่งเงียบ ฟังคนอื่นพูดไปเรื่อยๆ แม้เขาจะพยายามโฟกัสกับงานตรงหน้า แต่ในหัวกลับคิดถึงยัยจิ๋วที่ตอนนี้คงจะหัวเราะเฮฮากับเพื่อนใหม่
ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอผสมปนเปกันไปหมด ระหว่างความเป็นห่วง กับความพยายามที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตใหม่ของเธอ เขาอยากชวนเธอกินข้าวกลางวัน อยากเห็นหน้าเธอเวลาตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ แต่สุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป เพราะเธอเองบอกเขาแล้วว่าจะหาเพื่อนกินข้าวด้วยเอง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ธีร์กำลังเก็บของหลังจากประชุมเสร็จ เขาเหลือบมองชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ก่อนริมฝีปากจะยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วกดรับสาย
“เลิกเรียนหรือยัง ตัวเล็ก?” น้ำเสียงของธีร์ฟังดูปกติ แต่จริงๆ ก็แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเสียงของเธอ
“ข้าวกำลังเก็บของ ใกล้เสร็จแล้ว พี่ธีร์ถึงไหนแล้วล่ะ?”
“ให้พี่รอที่ลานจอดรถ หรือจะให้ไปรับหน้าคณะ?” เขาถามไปอย่างนั้น แต่ในใจลึกๆ ก็แอบคาดหวัง
“พี่ธีร์รอที่รถเถอะ เดี๋ยวข้าวหอมเดินไปเอง”
น้ำเสียงสดใสของเธอทำให้ธีร์อดนึกภาพตามไม่ได้ เขาเผลอกลั้นใจไปวูบหนึ่ง เสียดายนิดหน่อยที่เธอไม่ได้ให้เขาไปรับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากแสร้งพูดกลั้วหัวเราะ
“แน่ใจนะว่าทางกลับลานจอดรถไม่ไกลเกินไป? หรือว่าคิดจะเดินวนเล่นให้ใครบางคนมาส่งแทน?”
“พี่ธีร์พูดอะไรเนี่ย! ข้าวหอมไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย” เธอรีบเถียงทันที เสียงเจือขำปนความหมั่นไส้
“โอเค งั้นพี่รอที่รถ แต่ถ้าช้าเกินห้านาที พี่จะขับกลับบ้านแล้วนะ”
“กล้าขับหนีก็ลองดูสิ ข้าวหอมจะฟ้องพ่อแม่เลย!”
ธีร์หัวเราะขำในลำคอ “รีบมาแล้วกันตัวเล็ก อย่าช้าจนพี่เผลอหลับล่ะ”
“จ้าๆ รู้แล้ว พี่ธีร์ก็อย่าหลับในรถก่อนล่ะ”
ปลายสายตัดไปแล้ว แต่ธีร์ยังถือโทรศัพท์ค้างไว้สักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอยอมให้เขาไปรับก็คงดี อย่างน้อยเขาจะได้ใช้สิทธิ์ ‘พี่ชาย’ กันพวกผู้ชายที่เริ่มสนใจเธอไปเงียบๆ ...แต่เธอกลับบอกว่าไม่ต้องการให้เขาเดินไปรับแล้ว เธอโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว
ธีร์รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนจะส่ายหัวให้กับความคิดตัวเองแล้วจะไปยังลานจอดรถ รอเธออยู่ตรงนั้นอย่างที่เธอต้องการ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเป็นคนพาเธอออกจากตรงนั้นเองมากกว่าก็ตาม
กล้ามเนื้อใบหน้าเขาเกร็ง ความร้อนแล่นขึ้นมาถึงท้ายทอย แต่เขายังไม่หยุดเสียงหวานครางสั่นของเธอช่างยั่วยุเกินต้านธีร์รู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะพยายามอดกลั้นแค่ไหน ร่างกายกลับเป็นฝ่ายทรยศ เขายิ่งกดสะโพกเข้าหาเธอด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจหักห้ามช่องทางนุ่มภายในร่องนั้นตอดรัดเขาแทบบ้า ตอดรัดเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป ตอดจนเขารู้สึกว่า…เขาไม่มีทางหนีจากเธอได้อีกแล้วและข้าวหอม…เธอก็รู้ เธอรู้ว่ากำลังถูกเติมเต็มอย่างถึงที่สุดหัวใจเธอเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดเจนในหู ความอนที่แล่นพล่านจากจุดเชื่อมต่อกลางกายแผ่ซ่านขึ้นไปจนมือสั่น ขาอ่อน ร่างกายเธอไม่มีแรงจะต้านหรือห้าม เธอมีเพียงแค่แรงขอ แรงอ้อนวอนที่เปล่งผ่านเสียงหวานพร่า“พี่ธีร์… อื้อ… ลึกอีก… ตรงนั้น… ข้าวจะไม่ไหวแล้ว…”คำขอของเธอเหมือนยิ่งปลดเปลื้องพันธนาการของเขา ธีร์เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งเน้น ทั้งหนัก ลึกเข้าไปในจุดที่ทำให้เธอสะดุ้งทุกครั้งที่สัมผัสธีร์ก้มลงมองใบหน้าของเธอที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะความหฤหรรษ์ ริมฝีปากสีอ่อนเผยอคราง เส้นผมเปียกชื้นแนบแก้ม ร่างกายเล็กสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน แต่เธอกลับยิ่งยกสะโพกขึ้นหาเขา เหมือนท้าทาย เ
"อื้อออ...พี่ธีร์...อย่าแกล้ง..." ข้าวหอมร้องเสียงหลงพลางหอบหายใจถี่จัด น้ำตาคลอด้วยความเสียวซ่านที่เกินจะทน"ข้าว...ข้าวอยากได้...อยากได้พี่ธีร์..."ธีร์หัวเราะในลำคอ ราวกับชอบใจนักที่ได้เห็นเธอคร่ำครวญสารภาพออกมาเอง"อยากได้อะไร ตัวเล็ก...บอกพี่ชัดๆสิ" เขายังไม่ยอมให้เธอพ้นจากความทรมาน กลับลากแท่งแข็งขืนถูวนตรงติ่งเสียวเนิ่นนาน จงใจให้เธอสั่นระริกใต้ร่างเขาเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังดิ้นกระสับกระส่าย"อยากได้...อยากได้…ของพี่ธีร์...อื้อออ...ข้าวทนไม่ไหวแล้ว..." น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเบาแต่ชัดเจน เจือความอายแต่แน่นไปด้วยความต้องการจริงๆดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตา เธอหลบตาเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ มือเล็กคว้าท่อนแขนของเขาไว้แน่น อ้อนขอสิ่งที่เธอต้องการอย่างน่าสงสารธีร์ขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน รู้ตัวอีกทีก็หลุดเสียงครางต่ำในลำคอออกมาอย่างอดกลั้นเขาแทบจะเสียหลักในวินาทีนั้น เพราะเธออ้อน เพราะเธอวิงวอนขอเขาด้วยเสียงหวานๆที่แทบจะขาดใจเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วกระซิบกลับเสียงกระเส่า"รู้ไหม...เวลาที่ตัวเล็กขอแบบนี้ มันทำให้พี่แทบบ้า..."เสียงของเขาหอบ แผ่วต่ำราวกับเสียงคำรามจากคนที่กำลังจะขาดสติ
ข้าวหอมหลับตาแน่น พยายามหนีความรู้สึกวูบไหวด้วยการซ่อนหน้าไว้ในความอบอุ่นของอกเขา แต่ก็เหมือนเดิม เธอไม่เคยหนีพ้นสายตาคมที่ไล่ตะครุบอารมณ์ของเธอได้ทันเลยและแล้ว...มือใหญ่ของเขาก็เลื่อนแทรกเข้ามาใต้ชายเสื้อยืดตัวหลวมของเธอนิ้วมือร้อนผ่าวลากไล้บนผิวเนื้อเปลือยเปล่า เคลื่อนจากเอวบางขึ้นไปถึงทรวงอกนุ่มนิ่ม แล้วจงใจสะกิดวนตรงยอดอกที่กำลังแข็งตัวนิดๆด้วยสัมผัสที่ยั่วเย้า“อ้ะ!!...พี่ธีร์...” เสียงของเธอสั่นพร่า ทั้งอายทั้งวูบวาบไปทั้งตัวยังไม่ทันตั้งหลัก มือที่เคยวนเวียนอยู่ข้างบนกลับขยับต่ำลง ลากผ่านหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยๆล้วงแทรกผ่านชั้นในชิ้นบางเบาที่แทบจะไม่ได้ปกปิดอะไรปลายนิ้วหยาบกร้านแตะต้องกลีบเนื้อที่เริ่มฉ่ำชื้นเพียงเพราะแค่ถ้อยคำกระซิบไม่กี่คำเมื่อครู่ ข้าวหอมสั่นสะท้าน ร่างกายโอนอ่อนราวกับไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปความอายพุ่งทะยานจนเธออยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ร่างกายกลับเปิดทางให้เขาเข้าสัมผัสอย่างง่ายดายเสียจนธีร์หลุดหัวเราะต่ำๆ ออกมาอีกครั้ง“หึ...ตัวเล็ก” เขากระซิบเสียงต่ำในขณะที่ไล้นิ้วไปมาในช่องทางที่ชื้นแฉะนั้นอย่างกลั่นแกล้ง “แล้วตอนอยู่บ้านล่ะ...ช่วยตัวเองบ้างไหม?
ข้าวหอมชะงัก ปลายผ้าขนหนูหยุดค้างที่ข้างแก้มของเขา“หือ?”“พี่ไม่ได้กินบ่อยหรอก” ธีร์พูดต่อ “รู้ว่ากินเหล้ามันไม่ดี มันทำให้สุขภาพแย่… แล้วข้าวหอมก็ไม่ได้ชอบคนกินเหล้าใช่ไหมล่ะ”คำพูดเรียบๆนั้นทำให้ข้าวหอมรู้สึกเหมือนถูกสะกิดบางอย่างเธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ทำไมมันฟังดูเหมือนเขากำลังพูดให้เธอฟัง… หรือพูดให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้กินเหล้าเพราะเธอ?เธอเม้มปากแน่น วันนี้เขาทำให้เธอใจเต้นไม่หยุดหย่อน เขาดูแปลกไปจากทุกทีมากเลย พี่ธีร์...รู้หรือเปล่านะว่าตัวเองทำให้คนเขาใจเต้นแค่ไหน“ก็… จริงแหละ” ข้าวหอมพึมพำตอบ ก่อนจะรีบเบี่ยงหน้าหนี ยกผ้าขึ้นเช็ดแก้มเขาอีกรอบเพื่อกลบเกลื่อนความคิดของตัวเองพี่ธีร์กำลังเมา…แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?ข้าวหอมมองคนตัวโตที่เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างทิ้งตัว เปลือกตาของเขาดูหนักอึ้งกว่าปกติจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสี้ยวหน้าคมที่เธอคุ้นเคยดูผ่อนคลายลงจนเธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขานานกว่าปกติเธอไม่ค่อยได้เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้บ่อยนักนึกสนุก…ข้าวหอมยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเขาเบาๆ “พี่ธีร์ เมาจริงปะเนี่ย?”ธีร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยเสียงเนิบๆ “เปล
ในช่วงของคืนของเย็นวันศุกร์คืนหนึ่ง ข้าวหอมกำลังจะปิดไฟเข้านอน ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืนที่ชวนให้นึกถึงเรื่องเก่าๆจู่ๆ เสียงโหวกเหวกหน้าบ้านก็ดังขึ้น เรียกให้เธอชะงักข้าวหอมหันไปมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้เลขสิบเอ็ด เข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสองเธอขมวดคิ้ว ก้าวออกจากเตียงแล้วเดินไปชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างห้องนอนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นเธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นมีรถจอดและคนสองคนยืนเซไปมาอยู่หน้าบ้านของพี่ธีร์ เธอรีบใส่เสื้อคลุมแล้วเดินลงมาชั้นล่าง เปิดประตูบ้านออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแสงไฟจากหน้ารถสาดให้เห็นร่างของพี่บอลกำลังประคองใครบางคนอยู่ และทันทีที่ข้าวก้าวออกไป เธอก็จำได้ทันทีว่าคนที่เซๆ อยู่ในอ้อมแขนนั้นคือพี่ธีร์...ในสภาพตาเยิ้มๆหน้าแดงๆ“ขะ...ข้าว?”เสียงของคนเมาเรียกชื่อเธอ ก่อนจะเอนตัวมาเล็กน้อยเหมือนจะโบกมือแต่ก็เกือบล้มลงไป“เฮ้ยพี่ธีร์! เดี๋ยวล้ม!”ข้าวรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองอีกแรง ขณะที่บอลถอนหายใจแรงแล้วหันมาพูดกับเธอ“พี่ฝากหน่อยนะน้องข้าวหอม ธีร์มันไม่ไหวละวันนี้... โดนเพื่อนกรอกเหล้าไปหลายแก้ว”ข้าวพยักหน้ารับเล็กน้อย แม้จะตกใจนิดๆที่เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้ แต่ก็ไม่โทษ
เสียงงึมงำเบาๆดังขึ้นใต้ผ้าห่ม“อื้อ...บ่ายแล้ว...”ข้าวหอมบ่นเหมือนจะลุก แต่แค่ขยับก็ถูกกอดแน่นกว่าเดิมธีร์กระชับอ้อมแขนแน่นยิ่งขึ้น เหมือนกลัวว่าแค่กระพริบตาเธอก็จะหายไปไหนข้าวหอมถอนหายใจเพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเธอก้มหน้าซุกอกเขาแน่นขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก เหมือนหัวใจอยากบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด...เขามีวิธีทำให้เธอใจเต้นแรงได้เสมอ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยธีร์กดหน้าลงกับผมนุ่มยุ่งของเธอ เสียงหายใจของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยเสียงครางต่ำๆอย่างขี้เกียจเขายังไม่อยากตื่น ไม่อยากลุก ไม่อยากปล่อยเธอไปจากอ้อมแขนเลยเมื่อคืนเขาเป็นฝ่ายได้เธอ...แต่เช้านี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกลืนลงไปทั้งใจ"ยังไม่อยากลุกเลยตัวเล็ก...อยากกอดแบบนี้ทั้งวัน"น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความงอแงแบบผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจสุดขีดข้าวหอมหลุดหัวเราะในลำคอ พลางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างง่วงงุน เปลือกตายังหนักอึ้ง แต่รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏบนริมฝีปากเล็กนั่นกลับทำให้ธีร์รู้สึกเหมือนโดนแทงเข้ากลางใจอีกครั้งโคตรน่ารัก...น่ารักจนอยากจับขังไว้ในอ้อมกอดทั้งชีวิตเสียงของเขานุ่ม แต่หนักแน่นอย่างที่ข้าวหอมไม่เคยได้ยิน