คีแรนเอื้อมมือจับลูกบิดประตู บิดและเปิดเข้าไป กดสวิตช์ เปิดไฟกลางห้อง ตั้งใจว่าจะกลับมานอนพักให้สบายหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล แต่ทันทีที่แสงนีออนสว่างไสวขึ้น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าสร้างความขุ่นมัวให้เจ้าของห้อง เขาชักสีหน้า คิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตากร้าวมองหญิงสาวกลางเตียงเขม็ง
“ให้ตายสิ!...”
เขาสบถอย่างอารมณ์ไม่ปกตินักทันทีที่เห็นหญิงสาวนอนทอดกายอยู่กลางเตียงนอนของตน คีแรนเดินกระแทกเท้าเข้าไปยืนข้างเตียง ดวงตาวับวาวจ้องมองคนที่หลับลึกอยู่บนเตียงอย่างเอาเรื่อง แต่เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของหญิงสาวถนัด ความทรงจำเลือนรางกลับกระจ่างขึ้นทันที
ภาพเด็กสาวชาวเอเชียผุดพรายขึ้นกลางหัวใจ ดวงตาอ่อนโยนทอดมองใบหน้าหมดจดของเธอด้วยความรู้สึกเสียดาย เขานั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไล้ต้นแขนกลมกลึง
“ดิโอ...แม่มดน้อยของฉัน” เขาสบถกับตัวเองเมื่อเห็นหน้าเธอถนัดถนี่ “เธอช่างสวยและงดงามไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียวแม่สาวน้อย...”
เส้นผมยาวสยายสีดำขลับล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ของเธอทำให้อารมณ์กรุ่นโกรธของเขาแผ่วบางและจางหายไปหมดสิ้นในที่สุด คีแรนเผลอกวาดตามองเครื่องหน้างามอย่างพิจารณา แล้วเอื้อมมือลงไปไล้แก้มนุ่ม สะกิดปลายจมูกรั้นด้วยปลายนิ้วแล้วลากนิ้วไล้ริมฝีปากอ่อนนุ่มแผ่วเบา เลยเถิดลงไปตามแนวลำคอระหงอย่างย่ามใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด กักเก็บกลิ่นอ่อน ๆ ของแป้งเด็กที่กำจายจากเรือนร่างของหญิงสาว ราวภมรภู่ที่หลงใหลละอองเกสรดอกไม้งามที่โชยกลิ่นหยอกยั่วล่อให้ลุ่มหลง
เขาโน้มตัวลงไปหาเธออย่างเชื่องช้า ริมฝีปากเปียกชื้นแตะแผ่วบนนวลแก้มของสาวขี้เซา แล้วลากไปที่ติ่งหู ลิ้นสากไล้เลียใบหูของคนหลับลึกเล่นอย่างย่ามใจ ฝ่ามืออบอุ่นเคลื่อนลงไปตามต้นแขนเสลา ลูบไล้สัมผัสผิวกายละเอียดอย่างเพลิดเพลิน ครอบครองปทุมงามภายใต้เสื้อนอนเนื้อบางอย่างอุกอาจ
ดวงตาคมเป็นประกายระยับขณะสัมผัสความนุ่มหยุ่นในอุ้งมือ ยกยิ้มมุมปากเมื่อตระหนักถึงความอวบอิ่มที่ซ่อนใต้เสื้อนอนแบบติดดุมยาวผ่าหน้าไปจนจดชายชุด เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า พลางไล้ปลายจมูกกับริมฝีปากเก็บชิมความหวานของผิวฉ่ำเย็น ไต่จากลำคอลงไปตามแยกสาบเสื้อที่ถูกแหวกออกจากกันอย่างย่ามใจ
ริมฝีปากร้อนผ่าวครอบครองความละมุนละไมของนวลเนื้อราวกับเป็น เจ้าข้าวเจ้าของ ลิ้นชื้นหยอกเย้าเนินสล้างตามอำเภอใจแล้วเหลือบตามองหน้าเธอทันทีที่ได้ยินเสียงครวญเบารอดผ่านริมฝีปากอิ่ม ร่างกายของเธอสนองตอบสัมผัสของเขาแม้ยามเปลือกตาบางยังพริ้มหลับราวกับเจ้าหญิงนิทรา
คีแรนหรี่ตามองเธออย่างพึงพอใจพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก ดึงตัวออกห่างร่างบางเล็กน้อย สำรวจความงามราวปูนปั้นของนางอัปสรอย่างชื่นชม ทรวดทรงอกเอวเว้าโค้งได้รูปราวสรรสร้างจากฝีมือจิตกรระดับโลก ดวงตาวาวไล่เรื่อยลงต่ำ มองเนินอกสล้างอย่างกระหายหิว
ความอดทนของ คีแรนกำลังจะสิ้นสุด...
สัมผัสเว้าวอนถ่ายความปรารถนาที่รุ่มร้อนปลุกเธอให้ตื่นขึ้นจากความฝันแสนวาบหวาม เปลือกตาบางกระพริบพริ้มแล้วตื่นขึ้นอย่างงุนงง ลมหายใจร้อนผะผ่าวกับลิ้นชื้นที่ตวัดย้ายเวียนวนอยู่บนผิวเนื้อนวลในขณะนี้ทำให้หัวใจของเธอเพลิดไปกับความหวามไหวไม่คุ้นเคย
ความช่ำชองในชั้นเชิงกับประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมายาวนานถูก ขนออกมาปรนเปรอหญิงสาวอย่างเร่าร้อน จนเธอเผลอหลุดเสียงครวญกระเส่า ร่างเพรียวขยับตอบสนองสัมผัสของเขาเป็นไปโดยอัตโนมัติ สะโพกหยัดสูงตอบรับและเชื้อเชิญ เรียกร้องให้เขาปรนเปรอ
“คุณ!!...”
พินอินตะลึงมองเขาอย่างจดจำได้ คาร์ล คีแรนผู้ชายที่เธอเคยเห็นแค่ภาพถ่าย กำลังนัวเนียอยู่กับเรือนร่างเธอในระยะประชิด ทั้งที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก ความอลหม่านสับสนทำให้เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก หัวใจเต้นรัว จนรู้สึกได้ถึงความโครมครามในอก
ใจหนึ่งหวั่นเกรงแต่อีกใจใคร่รู้อยากไปให้เห็นว่าทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่จะไปจบลงที่ใด ใจเธอมันวับ ๆ หวาม ๆ หวั่นไหวอย่างประหลาด แต่จิตใต้สำนึกตักเตือนเรียกสติให้ฉุกคิดขึ้นได้ เธอรีบร้องวิงวอนขอความปราณีจากคนตรงหน้าน้ำเสียงสั่นกระเส่า
“โอ้! ไม่นะ ปล่อยฉัน...หยุด กรุณาอย่าทำแบบนี้กับฉัน ได้โปรด...”
เธอต้านทานและพยายามจะขยับตัวออกห่าง แต่ความซ่านสยิวที่ม้วนเกลียวอยู่กลางเรือนกายทำให้ไม่สามารถต่อต้านฤทธิ์ตฤษณาของเขาได้ง่ายนัก ธรรมชาติสอนให้เธอยอมรับและรู้จักเรียกร้องสัมผัสตอบเขา อย่างร้อนแรงทัดเทียมกัน
ขณะที่จิตสำนึกรู้ผิดชอบพร่ำร้องปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับต่อต้าน เป็นปรปักษ์กับจิตสำนึกอย่างรุนแรง เนื้อตัวเธอร้อนผ่าวราวกับกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองไฟ ประโยคสอนสั่งของตายายพรายผุดในความทรงจำ ก้องอยู่ในสำนึกสั่งเตือนให้เธอรักนวลสงวนตัว
“ไม่...อย่า ได้โปรดหยุดเสียที”
“เธอไม่อยากให้ฉันหยุดจริง ๆ หรอกสาวน้อย อย่าฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เลย” เขากระซิบย้ำเสียงแหบพร่าขณะไล้เรียวปากปัดแผ่วไปบนยอดอกงาม ซ้ายสลับขวาอย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของร่างกายเธอ
“ไม่จริง! ฉันต้องการให้คุณหยุด ปล่อยฉันเถิดคาร์ล” เธอปฏิเสธเสียงหลง
“ดิโอ...ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะรู้จักฉัน นี่คงไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างเป็นความตั้งใจของเธอหรอกนะ” เขาเอ่ยถามเสียงหยัน พลางเคลื่อนตัวขึ้นทับร่างเพรียวเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
“ไม่ ไม่!! ฉันไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้แน่ คุณปล่อยฉันก่อนเถอะนะ” ทั้งร้องวิงวอน มองเขาอย่างขอความเห็นใจเต็มที่
“ปล่อยเธอไปตอนนี้นะเหรอ...” คิ้วเข้มยกสูง ริมฝีปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ตาวับวาวจ้องมองเรือนร่างเปล่าเปลือยอย่างรุ่มร้อนแสดงความปรารถนา
หัวใจเธอกระตุกแรงเมื่อสบกับสายตากระหายหิวที่ทอดมองทรวงอกสล้างของเธออยู่อย่างไม่กระพริบ เนื้อตัวของพินอินแดงก่ำด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัดอย่างในวันนี้ได้เสียที
“ไม่มีทาง...ไม่ว่าเธอจะเป็นใครและเข้ามานอนในนอนของฉันได้ยังไง ก็ตามแต่ ในเมื่อเธอเข้ามาแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยเธอหลุดมือออกไปง่าย ๆ แน่”
เขายืนยันเจตนารมณ์ด้วยริมฝีปากหยักโค้งที่ทาบลงประกบจูบเรียวปากอิ่มอย่างคลั่งไคล้ ฝ่ามือหยาบคลึงเคล้นทรวงอกอวบอย่างย่ามใจ ไล้มือเรื่อยไปตามโค้งเอวคอดถึงเนินสะโพกผาย ลิ้นเปียกชื้นสอดลึกเข้าไปในโพรงปากของเธอทำการสำรวจไปทั่วอย่างยั่วเย้าและเชื้อเชิญ
“อื้ม...ปะ ปล่อยนะ ฉันไม่”
พินอินเงยหน้า กระพริบตาปริบ ๆ ใส่สามีแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ความสงสัยใคร่รู้ของพินอินทำให้คีแรนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะคำสั่งของภรรยาสาวที่สั่งให้เขาเข้าไปเรียบเคียงสืบข่าวมาจากพิมพ์พรโดยข่มขู่เขาว่าหากทำไม่สำเร็จ นำข่าวมาบอกเธอไม่ได้ คืนนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาดเจ้าบ่าวทำหน้าเซ็งนิด ๆ ที่ถูกเจ้าสาวแก้แค้นเอาคืน ใช้เขาเข้าไปสอดแนมเรื่องของเพลงพิณ เหมือนอย่างที่เขาเคยใช้เงินหว่านล้อมจ้างให้เธอทำแบบเดียวกันกับสองแม่ลูกพินอินกวาดตามองรอบบ้านที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างตื้นตัน รู้สึกปลาบปลื้มที่เธอสามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้ เธอมองกรอบรูปของแม่ที่แขวนอยู่ต่ำกว่ากรอบรูปของคุณตาซึ่งติดอยู่เหนือหิ้งสำหรับวางโกฐกระดูก กระถางธูป แจกันดอกไม้บนผนังตามอย่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ถือปฏิบัติกันถ้าแม่กับคุณตายังอยู่กับหนูที่นี่ แม่กับคุณตาก็ไม่ต้องห่วงหนูกับคุณยายอีกแล้วนะคะ วันนี้หนูมีความสุขมาก คีแรนเขาสัญญาว่าจะดูแลหนูกับคุณยายแทนคุณตากับแม่เอง เรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแล้วนะคะ พว
“ดีเลียนโตอีกหน่อย ยายแก้วเขาคงจะอุ้มไปอวดทั่วเมืองแน่ ๆ” คุณยายจิตเอ่ยกลั้วหัวเราะชอบใจ“แค่ตอนนี้ดิฉันยังอยากจะอุ้มไปอวดคุณพลเธอเสียเลยค่ะป้าจิต” หญิงกลางคนเอ่ย“ไม่ต้องค่ะ” พินอินเผลอห้ามป้าแก้วเสียงแข็ง หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อบุตรชายอาจารย์นิพนธ์เสียงขึงขังกับสีหน้าบึ้งตึงของพินอินทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างสนใจ คีแรนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของพินอิน เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ถามเธอเมื่ออยู่ด้วยกันลำพังว่าป้าแก้วพูดอะไรให้เธอขัดเคืองใจ“ขอโทษค่ะป้าแก้ว พินหวงลูกมากไปหน่อย พินคิดว่าตาหนูยังเล็กเลยยังไม่อยากจะพาแกไปไหนค่ะ”หญิงกลางคนยิ้มเจื่อนและรีบส่งทารกน้อยคืนให้กับพินอินที่ยื่นมือออกมาขอตัวลูกของเธอคืน ราวกับกลัวว่าคนสูงวัยจะพาลูกชายของเธอไปไหน“ป้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ”“พินขอตัวพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะอุ้มลูกชายเดินตรงไปที่ห้องนอนของตน โดยมีคีแรนเดินตามไม่ห่างท่ามกลางสายตางงงันของป้าแก้วกับคุณยายจิต และทันทีที่วางลูกชายลงบนที่นอนเรียบร้อย คีแรนก็ถามเธอทันที“ป้าแก้วพูดอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นรึ” เขาไม่เข้าใจบทสนทนาภาษาไทยระหว่างเธอกับป้าแก้วแต่จับน้
“ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินคาร์ล อยากรู้ว่าส่วนไหนของเธอที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ได้ยาวนานขนาดนี้ แล้วคุณไม่เคยพบกับเธออีกเลยเหรอคะ” พินอินรอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ“เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ทุกวันอยู่แล้วคารา” เขากุมหน้าของเธอไว้พลางเอ่ยเฉลยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หื้ม...” เธอกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ“เธอจำวันนั้นไม่ได้สินะ วันที่เธอช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกลางหิมะ เด็กผู้หญิงที่กำลังหิวโซแต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครนอกจากเธอพินอิน”ความทรงจำในอดีตหมุนวนตีกลับขึ้นเป็นภาพที่แสนพร่าเลือนอยู่ในหัวของพินอิน ขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชันด้วยความตื่นกระจ่าง ดวงตากลมวาวเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตะลึงทันทีที่ระลึกขึ้นได้ เด็กสาวที่เขาพูดถึงแท้จริงก็คือตัวเธอเองอย่างนั้นรึ...“โอ้...คาร์ล มันเป็นไปได้ยังไง”“มันคือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดให้เธอเกิดมาเพื่อเป็นของฉันคารา ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนที่เห็นเธอหลับอยู่บนเตียงของฉันวันที่เราได้พบกันที่เมืองไทยเป็นวันแรก” เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ไล้แก้มนุ่มด้วยปลายนิ้วและอดใจไม่ให้จูบเธอไม่ไหวจูบของคีแรนแผ่วเบาดุจขนนก พ
การเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ทำให้เขานึกอยากจะหยุดงานก็หยุดเฉยๆ เพื่อมาคอยเฝ้าอารักขาเธอยิ่งกว่าเป็นเทวดาประจำตัว ไม่ว่าพินอินจะขยับตัวไปทางไหนคีแรนต้องปรี่เข้าไปประคอง เธอจะหยิบจับทำอะไร เขาก็กุลีกุจอเข้ามาทำแทนราวกับกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับกลางอากาศไปอีก เพราะตั้งแต่คราวนั้น คีแรนก็ไม่ยอมให้เธอทำขนมอีก เขาดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินด้วยเกรงว่าหากเธอหมดสติคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราวก่อนและอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องได้ ดังนั้นแค่เธอเดินสะดุด คีแรนก็รีบเดินเข้ามาอุ้มเธอแล้วคุณยายของเธอกับแม่กาบก็พลอยเห็นดีเห็นงามให้คีแรนดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทั้งสองเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่จึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับการที่คีแรนย้ายตัวเองเข้ามานอนในห้องของพินอิน ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ทั้งที่เขากับเธอยังไม่ได้จัดการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี“เราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตก่อนดีไหมคารา ส่วนพิธีแต่งงานรอให้คุณคลอดลูกของเราเสียก่อนค่อยจัดที่โบสถ์ดีไหม” เขาปรึกษาเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะลูบไล้หน้าท้องแข็งนูนของเธอ หยอกเย้ากับลูกน้อยในครรภ์ของเธอเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลิน“คุณจะแต่งงานกั
“คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือเพราะยากได้ลูกของฉันกันแน่คะคาร์ล” คนอ่อนไหวยังหวาดระแวง“ฉันต้องการลูกแต่ฉันก็ต้องการเธอด้วยพินอิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะมองเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันรู้แล้วว่าวันเวลาที่ไม่มีเธอมันอ้างว้างและหม่นหมองแค่ไหน ฉันรักเธอพินอิน”เธอกุมใบหน้าเขาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง มองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างค้นคว้า “พิสูจน์สิคะคาร์ล ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน” เขาวางมือทับฝ่ามือของเธอและกุมมือเธอไว้ “ด้วยร่างกายและวิญญาณของฉันคารา ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันรักและภักดีต่อเธอคนเดียวพินอิน”คีแรนจูบเธออย่างดูดดื่มและเคลื่อนไหวสำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกส่วนของเธอด้วยมือ ปากและลิ้น มือกว้างเอื้อมปลดบราเซียของเธอโยนลงข้างเตียงขณะคลอเคลียริมฝีปากดื่มด่ำอยู่กับทรวงอกเต็มตึงที่ปรารถนา ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างกลมกลืนและอ่อนโยน พินอินครางเบา ๆ เมื่อเขาเคลื่อนตัวลงต่ำ จูบผ่านหน้าท้องกลมนูนเหมือนดังจะแวะทักทายชีวิตน้อย ๆ ที่ขยับตัวอย่างเกียจคร้านตอบสนองสัมผัสของเขามาจากข้างในท้องเธอ พอเขาทักทายลูกจนหนำใจแล้วก็เคลื่อนย้ายริมฝีปากลงต่ำแล้วหยุดเพื่อเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเองก่อนจะเริ่มใหม่อีกรอบเขาลูบไล
คีแรนทนดูพินอินกับยายของเธอช่วยกันทำขนมไปฝากขายที่ร้านอาหารของแม่กาบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนลำบากจึงพยายามหว่านล้อมพินอินขอเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับ คุณยาย แต่ไม่ว่าคีแรนจะพยายามอย่างไร พินอินก็ไม่ยอมรับเงินของเขา ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกในครรภ์เธอ พินอินก็ไม่ยอมแตะเงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียวพินอินทำให้คีแรนหัวเสียกับความดื้อรั้นของเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่าความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวของพินอินเป็นอีกหนึ่งความมีเสน่ห์ของเธอที่ผูกมัดหัวใจของเขาไว้ที่เธอคีแรนหอบข้าวของออกจากหลังรถพะรุงพะรัง เมื่อพินอินปฏิเสธไม่ยอมรับเงินของเขา คีแรนเลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นคนจัดการดูแลซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอกับคุณยายให้แทน เขากำลังใช้หลังดันประตูบ้านเพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ขนซื้อมาเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องครัวเขารู้ว่าพินอินอยู่บ้านตามลำพัง พอได้ยินเสียงแก้วแตกเขาจึงตกใจและคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหญิงสาว เขาทิ้งข้าวของในมือเกลื่อนกระจัดกระจายเพราะเป็นห่วงพินอินและรีบวิ่งเข้