Masukร่างบางถูกแบกออกมาจากเรือนกลางน้ำ เวลานี้เธอไม่รู้สึกตัวไม่รับรู้ถึงอันตรายกำลังคืบคลานเข้าหา สองนางกำนัลวางร่างบนเตียงกว้างพลางหอบโยนด้วยความเหนื่อย อารีมากอดอกมองสภาพศัตรูแล้วยิ้มเยาะ“ถอดเสื้อผ้านางซะ!”“แน่ใจหรือเพคะพระสนม ฝ่าบาทอาจทรงกริ้วหากทราบความจริง!” ยารีค้านขึ้นมาทันที“นี่แกกล้าขัดคำสั่งข้าเหรอ!” อารีมาชี้นิ้วแววตาแข็งกร้าว ความโกรธแล่นเป็นริ้วๆ เมื่อนางกำนัลในตำหนักกล้าขัดใจ“เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่คิดว่าไม่เหมาะสม หากฝ่าบาททรงทราบเราทั้งหมดอาจต้องโทษหนักเพคะ”“แล้วพวกเจ้าจะปากโป้งหรืออย่างไร เก็บมันเป็นความลับให้ได้เสียสิ หรือข้าจะต้องให้พวกเจ้าหายไปเงียบๆ ถึงจะไม่เปิดปาก”ยารีหน้าซึดเผือด อันจาเลยลากมือเพื่อนให้จัดการทำตามคำสั่งพระสนมเสียหากยังรักชีวิตตน สองคนเลยจัดการถอดเสื้อผ้า อารีมาเห็นสภาพศัครูแล้วอดอิจฉาไม่ได้ ผิวพรรณผุดผ่อง แถมรูปร่างยังคงเต่งตึงราวกับกุหลาบแรกแย้มไม่มีสิ่งใดดอมดม นี่สินะฝ่าบาทถึงได้หลงนักหนา“พวกเจ้าเฝ้านางไว้ดีๆ” เธอสั่งแล้วก้าวออกมานอกห้องเพื่อจัดการกับเป้าหมายต่อไปเสียงซุบซิบในห้อง ทำให้นาเดียชะงักจ้องมองด้วยสีหน้าอยากรู้ ใบหน้านางกำนัลเหล่าน
หญิงสาวขึ้นเกี้ยวเดินทางตามคำขอ เมื่อถึงหน้าตำหนักเห็นคนเชิญยืนรอพร้อมรอยยิ้ม นิลลนาตระหนกตรงที่เธอถูกจูงข้อมือลากเข้าด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ตั้งตัวพูดคุยซักถามอะไรกันสักคำ นาเดียวิ่งตามแทบไม่ทัน“ข้าจัดที่สวยๆ ให้เจ้าได้ชมความงามเพียงคนเดียว รู้หรือเปล่านิลลนา” อารีมาสาธยายเพื่อให้อีกฝ่ายไว้ใจ“ขอบใจท่านมาก” เธอตอบรีบเสียงแผ่วครู่หนึ่งร่างบางมาถึงห้องกลางน้ำ สถานที่นั้นถูกตั้งอยู่กลางสระน้ำมีปลาหลากหลายชนิดแหวกว่ายมันสงบและเย็นสบายซึ่งถูกจริตเธอทีเดียว เพราะปกติไม่ชอบสังสรรค์คนหมู่มากอยู่แล้ว“ข้าจะให้นางกำนัลยกสำรับมาให้ ส่วนนาเดียข้าขอยืมตัวนางไปช่วยงานเสียหน่อยเจ้าคงไม่ว่าอะไร” อารีมาดักทางทันทีนิลลนาเหลือบมองข้ารับใช้เป็นเหมือนเพื่อนสนิท เห็นนางแสดงสีหน้าหนักใจ แต่เธอไว้ใจในตัวอารีมาและคาดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรอีก“ได้สิ” เธอยิ้ม แล้วหันไปบอกนาเดีย “นาเดียไปช่วยงานที่นี่ก่อนนะ”“เพคะพระสนม” นาเดียตอบรับเสียงเบาอารีมาหันมองอันจาส่งสายตาเพื่อบอกความนัย นางกำนัลเลยรีบรั้งข้อมือนาเดียให้ก้าวตามเพื่อหลีกให้พ้นทางนายตน“เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าขอตัวไปรับแขกสักครู่แล้วจะมา
ทหารยามยืนหน้าประตู นาเดียเดินออกมาเพื่อสอบถามในทันใด เมื่อรู้ข้อความจึงกลับเข้าด้านในเพื่อรายงานแก่พระสนม“ทหารมาทำไมเหรอนาเดีย” เธอถามสีหน้าสงสัย“มีนางกำนัลจากตำหนักพระสนมอารีมามาขอเข้าเฝ้าค่ะ” นาเดียรายงาน“มาทำไมกันแปลก พระสนมอารีมาไม่ยิ่งไม่ชอบฉันอยู่”“คงมีเรื่องสำคัญน่ะสิคะ คนไม่ชอบกันปกติไม่มายุ่งกันหรอกค่ะ” นาเดียบอกความคิดตนเอง“แล้วจะให้เข้าเฝ้าดีหรือเปล่า”“แล้วแต่คุณค่ะ” เธอไม่กล้าออกความคิดเห็นในเรื่องนี้สักเท่าไหร่นักนิลลนาครุ่นคิด ถึงแม้ถูกข่มขู่แต่พระสนมอารีมายังไม่เคยลงมือจริงๆ นางกำนัลตำหนักนั้นคงมาเพราะมีเรื่อง“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เข้ามาเถอะ ฉันไม่อยากถูกกล่าวหาว่าหยิ่ง”“ได้ค่ะ”นาเดียออกมาด้านนอกเห็นนางกำนัลรูปร่างอวบรออยู่ท่าทางร้อนรน เธอก้าวหยุดยืนตรงหน้านาง อันจาคลี่ยิ้ม“ข้านำสาสน์ของพระสนมอารีมามาถวายแก่พระสนม” อันจาอธิบาย“พระสนมให้เจ้าเข้าเฝ้าได้ เข้ามาสิ” นาเดียเดินนำเข้ามาด้านในอันจาก้าวตาม กวาดตามองรอบๆ นึกกังวลครามครัน พระสนมองค์ใหม่ในฝ่าบาทใจดีจริงหรือเปล่า หากเกิดขัดพระทัยคงไม่โดนลงอาญาดั่งเช่นพระสนมอารีมาใช่ไหมมาถึงห้องพักผ่อนนางกำนัลตำหนักพระสนมอา
เมื่อรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างสองพระองค์อาจมีการกล่าวถึงตัวเธอ นิลลนาเลยหาทางหลีกเลี่ยง เธอไม่ชอบถูกมองเป็นสิ่งของ“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัวเพคะ” นิลลนาก้มศีรษะแล้วก้าวเลี่ยงออกมา โดยมีนาเดียติดตามอารีมาหันมองตาม ในใจร้อนระอุราวกับมีไฟเผา เหตุใดนางถึงได้รับความสนใจจากฝ่าบาทและเจ้าชายเซบา นับวันนิลลนายิ่งมีอิทธิพลต่อพระทัยฝ่าบาทมากขึ้น คงปล่อยไว้ไม่ได้เสียแล้วไม่เช่นนั้นเธอคงสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งตำแหน่งมเหสีสองร่างก้าวมาถึงสวนหย่อมภายในวัง นาเดียยกมือทาบอกราวกับตนเองเจอเรื่องนากลัว แต่นิลลนากับวางสีหน้าเรียบเฉย“น่ากลัวมากเลยเพคะ หม่อมฉันนึกว่าจะเกิดเรื่องเสียแล้ว” นาเดียทูล อยู่ด้านนอกเธอจำเป็นต้องใช้คำราชาศัพท์เพื่อไม่ให้พระสนมถูกมองไม่ดี“เกิดเรื่องอะไรเหรอนาเดีย”“เจ้าชายเซบาสทรงพอพระทัยพระสนมน่ะสิเพคะ โชคดีที่ฝ่าบาทแก้ต่างให้ ไม่เช่นนั้นคงถูกทาบทามให้ถวายงานเจ้าชายคืนนี้แน่นอน”“ไม่มีทางหรอก ต่อให้ฉันไม่ได้เป็นพระสนมก็ตาม คนนะไม่ใช่สิ่งของจะถูกหิ้วไปไหนก็ได้” คนตัวเล็กยกมือกอดอกไม่สบอารมณ์“อย่าทรงตรัสเช่นนี้สิเพคะเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า” นาเดียเตือนสีหน้าตระหนก“ฉัน
“อย่านะเพคะ อย่าทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันเลย หม่อมฉันไม่มีอะไรจะทูลฝ่าบาทจริงๆ” นิลลนาร้อง พยายามดันตนเองออกห่างพระวรกาย“ในเมื่อเจ้าไม่ให้คำตอบเรา เราจะหามันเอง”นิลลนาอ้าปากเพื่อค้านแต่ริมฝี่ปากกลับถูกปิด ปลายนิ้วเรียวจิกพระปฤษฎางค์เพื่อลดทอนความหวาดหวั่นในอก รสสัมผัสแนบแน่โหยหาเช่นนี้มันทำให้เธอรู้สึกล่องลอย ร่างกายโปร่งเบาลมหายใจแผ่วหนักสลับกัน เรียวลิ้นน้อยกระหวัดตามการนำของพระองค์ ร่างกายเบียดแน่นกับพระวรกายอย่างโหยหา ใช่แล้ว... นิลลนารู้ตัวเองดี เธอกำลังตกหลุมรักฝ่าบาทเข้าเสียแล้วทรงถอนพระโอษฐ์พยุงร่างบางไว้เพื่อไม่ให้เสียหลักล้มลง นิลลนาหอบสะท้านราวกับคนออกกำลังกายหนักมา เห็นฝ่าบาทแย้มสรวล อยากลงโทษพระองค์เสียเหลือเกินหากไม่ติดว่าเธออาจต้องอาญา“เหตุใดฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เล่าเพคะ” นิลลนาตัดพ้อ“เพราะเราต้องการรู้ว่าเจ้าคิดเช่นไรกันแน่นิลลนา หลายวันมานี้เราคิดเรื่องเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนี้เราได้รู้ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเรายังยืนยันเช่นเดิม เราต้องการเจ้าทั้งหัวใจและร่างกายนิลลนา”คนฟังหน้าแดงซ่าน ทรงตรัสเช่นนี้ได้อย่างไร“ฝ่าบาททรงเอาแต่พระทัยเกินไปแล้วเพคะ ไม่ถ
ร่างบางยืนทอดอาลัย จนถึงบัดนี้ฝ่าบาทยังไม่เสด็จมาหายังตำหนัก ลมหายใจแผ่วเบาถูกทอดถอน ออกมาหลายต่อหลายครั้ง นิลลนามองเงาสะท้อนของตนเอง เธอ... หลงลืมบางสิ่งไป ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะแสดงความเป็นเจ้าของพระองค์ได้ และที่สำคัญ ควรตระหนักถึงสถานะตนเอง ฝ่าบาทอยู่สูงเกินเอื้อม ณ เวลานี้ ควรหาทางติดต่อครอบครัวเพื่อให้ทุกอย่างมันจบลงเสียทีนาเดียยืนมองเจ้านายตนแล้วหนักใจ ไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อน หลังจากวันที่ฝ่าบาทเสด็จมาตำหนัก อาการพระองค์ทรุดลง พระสนมเองใจแข็งเหลือเกิน ไม่ยอมเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยม ยังคงอยู่ตำหนักไม่ยอมออกไปไหน แววตาเศร้าหมอง เธอรู้ดีว่าเพราะอะไร แต่หากนางได้รับรู้ว่า โดยปกติแล้วฝ่าบาทไม่เคยปฏิบัติเยี่ยงนี้กับใคร นางจะคิดเช่นไรบ้าง“เป็นห่วงฝ่าบาทเหรอคะ” เธอเอ่ยถาม เพราะอยากหาเรื่องพูดคุย และนี้คือคำถามตรงประเด็นที่สุด นิลลนาหันมองแววตาหม่นเศร้า“นิดหน่อยน่ะนาเดีย แต่ฝ่าบาทมีคนเป็นห่วงมากมายอยู่แล้ว ข้าคงเป็นแค่... ส่วนหนึ่งกระมัง”“หากฝ่าบาททรงทราบว่า คุณเป็นห่วงเช่นนี้คงดีพระทัย ถ้าหากฝ่าบาทไม่ปรารถนาต่อคุณแล้ว คงไม่เสด็จมา คุณรู้หรือเปล่าว่า ฝ่าบาทไม่เคยทำเช่นนี้กับพระสนมอ







