LOGINโชคชะตาเล่นตลกกับเธอหรือไร แค่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับถูกลักพาตัว เธอตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยมิหนำซ้ำยังมารู้ความจริงอีกว่า ชายรูปหล่อที่ตนตบหน้าในคืนนั้น ดันเป็นกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย ความซวยยังไม่หมด เมื่อฝ่าบาททรงยืนยันต้องการให้เธอเป็นสนม แต่มีหรือคนอย่างนิลลนาจะยินยอม ต่อให้ใหญ่มาจากไหน เธอไม่เคยเกรง แต่แล้วทำไมจากพระพักตร์บึ้งตึง ดันกลับกลายมาเป็นอ่อนโยน เวลายิ่งผันผานหัวใจยิ่งแปรเปลี่ยน
View Moreเสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจ
นิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว
“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”
นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน
“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”
คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน
“นิล!”เสียงตะโกนเรียกพร้อมสาวร่างสูงโปร่งในสภาพสวมชุดครุยวิ่งเข้ามา
“ยัยดาอย่าวิ่งน่าเกลียด!”นิลลนารีบปราม
เพื่อนสาวตรงเข้าสวมกอด “เป็นไงเหนื่อยไหมนิล ยินดีด้วยวะแก”
“แกก็เหมือนกันแหละยัยดา ยินดีด้วยนะ!”
สองสาวกอดกันอีกครั้ง แล้วคลายอ้อมแขนออก ดาริการู้สึกตัวรีบยกมือกระพุ่มไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วยิ้มแห้งๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษด้วยนะคะที่ดาไม่ได้ทักทายก่อนพอดีดีใจมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก”นิราพรบอก
“มาทำไมล่ะแก ไม่ไปถ่ายรูปกับญาติๆ เหรอ”นิลลนาเอ่ยถาม
“พอดีกำลังจะกลับเลยมาทักทายก่อน หาตัวกันยากชะมัดเลย ดีนะที่เห็น”ดาริกาบ่นอุบ
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่จ้ะ แม่กับพ่อจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารน่ะ”
นิลลนาหันมองบิดามารดา เห็นพูดคุยกับญาติๆ อยู่ ทางนี้คิดว่าคงไปเลี้ยงฉลองเหมือนกัน ร่างบางสาวเท้าหาผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“พ่อกับแม่คะ เดี๋ยวนิลไปไหว้พ่อแม่ดาก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”
“จ้ะลูก”วิชยุทธตอบ
สองสาวจูงมือกันไปอีกทางหนึ่ง นิลลนามาถึงกลุ่มญาติของเพื่อน
“พ่อคะแม่คะนี่นิลค่ะ เพื่อนดาเอง”
คนถูกแนะนำยกมือไหว้ท่าทีนอบน้อม มารดาและบิดาเพื่อนยกมือรับแล้วยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเอง นิลลนาลากเพื่อนสาวไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่เยื้องออกไป
“พี่นัท นี่เพื่อนดาชื่อนิล”เธอแนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”นิลลนายกมือไหว้อีกครั้ง
เขารับไหว้แล้วจ้องมองใบหน้าสวยหวานไม่วางตา ดาริกามองพี่ชายแล้วใช้มือแตะเบาๆ ที่ท่อนแขน
“พี่นัท!”
“ว่าไงดา”
“เป็นอะไร ยืนนิ่งเชียว”
“เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร”ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ตรงเพื่อนของน้อง
ดาริกาหันมาทางเพื่อน ความจริงหากพี่ชายเธอกับนิลรู้จักกันมากกว่านี้คงดีไม่น้อย แต่เพราะพี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก่อนเธอรับปริญญาไม่กี่วัน ไม่อยากนั้นอาจสนิทสนมคบหากันก็ได้ พี่ชายไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เลย
นิลลนาตกประหม่าเพราะรับรู้ถึงสายตาของพี่ชายเพื่อน ปกติมักพบสายตาเช่นนี้มาตลอด แต่กับชายคนนี้ค่อนข้างเกรงใจไม่กล้าเดินหนี กลัวเพื่อนเสียความรู้สึกเลยทำแค่ยืนต่อหน้าแล้วเมินมองทางอื่นเหมือนไม่รับรู้
“แหม... ไม่ได้เป็นอะไรแต่จ้องเพื่อนดาตาไม่กระพริบเลยนะ”ดาริกาแซวพี่ชายทันที นัทพลรีบหลุบตามองพื้นด้วย
“ก็... เพื่อนดาสวย”เขาอ้อมแอ้มตอบ
ดาริกาหัวเราะแล้วโอบไหล่เพื่อนสาว
“นิลว่าไง พี่ชายบอกว่านิลสวย”
นิลลนาหันมองเพื่อน แล้วช้อนสายตามองชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่พูดจริงนะครับ”ชายหนุ่มรีบแก้ตัวเพราะคิดว่าคนถูกชมอาจเข้าใจว่าตนโกหก
“นิลไม่ได้คิดมากกับคำชมหรอกค่ะ”เธอตอบแล้วหันมองเพื่อน “ดาเดี๋ยวนิลไปก่อนนะ พ่อกับแม่รอนานแล้ว”
ดาริการะบายลมหายใจ แบบนี้หมดสนุกเลย อุตส่าห์เชียร์พี่ชายแต่สุดท้ายเพื่อนก็ไม่ยอม ขนาดพี่นัทออกจะหล่อยังไม่ชายตาแล ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงไม่สนใจหนุ่มไหนเลย
“โอเคนิล ไว้เจอกันนะแก”
“ไว้เจอกันดา”
เธอปลีกตัวออกมาจากวงศาคณาญาติและหลีกเลี่ยงสายตาพี่ชายเพื่อนยามมองมาเหมือนต้องตาต้องใจ มาถึงกลุ่มของตนเองบิดารีบโอบไหล่บุตรสาวพากันขึ้นรถเดินทางไปยังร้านอาหารไทยชื่อดัง อดีตเอกอัคราชทูตประจำประเทศเดนมาร์กมายังโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มีเก้าอี้ไม้บุนวมสีครีม ตรงกลางวางแจกันดอกกุหลาบขาว สามจุด ผ้าปูลูกไม้สีขาว ทุกคนนั่งประจำที่โดยมีวิชยุทธอยู่หัวโต๊ะ
ไม่นานอาหารถูกลำเลียงมาเสริฟ์เพราะทางลูกค้าทำการสั่งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย อาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอาหารไทยหน้าตาน่าทานจนทุกคนน้ำลายสอ นิลลนามองบิดาแล้วยิ้มกว้างคิดไม่ออกว่าควรตักจานไหนทานก่อนดีเพราะมันล้วนแล้วแต่เรียกน้ำย่อยให้ทำงาน
“น่าทานมากเลยค่ะพ่อ”นิลลนาชมเปราะ ก่อนตักยำสามกรอบใส่ปาก
“น่าทานก็ทานมากๆ นะลูก วันนี้เป็นวันของนิลเลย”คนเป็นพ่อบอก
หญิงสาวไม่รอช้ารีบตักอาหารโปรดของตนใส่จานเพิ่ม ญาติพี่น้องเลยจัดการตาม ในวงมีการพูดคุยกันตามประสาจนเลยไปถึงการหางานหลังจบการศึกษาของนิลลนาด้วย คนถูกเอ่ยถึงนั่งเงียบกริบช่วงเวลาสำหรับการเล่าเรียนมันยาวนานมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำคือท่องเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน
จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พักของตนเอง นิลลนายกมือกระพุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อนหาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน
“กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพรเอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน
ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อนเข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ามีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวางอย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวาเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว
ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหกห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่างประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้วยกยิ้ม
“พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย”
“ไปสิลูก”
คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ”
“ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรอีกมาก”
ฟังคำแม่แล้วทำเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อคงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง
เสียงประตูห้องเปิดออก พระสนมผู้ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา พยุงกายลุกนั่ง เห็นชายร่างท้วมก้าวเข้าใกล้น้ำตาเธอไหลรินอาบแก้ม อารีมารีบโผเข้าอ้อมกอดบิดาด้วยความเจ็บปวด หลายวันผ่านมา ได้ทราบข่าวว่านิลลนากลับมายังวังหลวงแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการช่วยเหลือของอัสลัน องครักษ์คนสนิทของฝ่าบาทเพียงเท่านี้มันทำให้ได้รู้แล้วว่า ฝ่าบาททรงคิดเช่นไรกับนิลลนากันแน่ ทั้ง ๆ ที่เธออยากให้นังผู้หญิงคนนั้นห่างหายจากสายตา ตายไปเสียได้ยิ่งดี แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างหวัง“ท่านพ่อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ลูกปวดใจเหลือเกิน ลูกทนไม่ไหวที่ต้องได้ยินข่าวว่า นังนิลลนามันมีความสุขกับฝ่าบาท ลูกเกลียดมัน เกลียด! เกลียด! ได้ยินไหมท่านพ่อ!”“ใจเย็นเก่อนอารีมาเจ้าอย่าเป็นแบบนี้ พ่อของเจ้าเจ็บเสียยิ่งกว่าที่เห็นเจ้าต้องทรมาน พ่อไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ พ่อพลาดเอง แต่พ่อยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอกนะ พ่อจะทำให้พระสนมนิลลนาต้องระเห็จออกจากประเทศนี้ให้ได้ หรือไม่ก็ถูกแผ่นดินกลบหน้าเสียเพื่อไม่ให้รกหูรกตาลูก”อารีมาสะอื้นสบหน้ากับแผงอกบิดา เธอไม่เหลือผู้ใดแล้วนอกจากพ่อ“ท่านพ่อ ข้าอยากออกไปจากตำหนัก อยากเป็นอิสระดั
“ข้าไม่ไปเอาเรื่องท่านพี่ก็ได้ แต่เจ้าตอบข้ามาตามตรงได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”“หม่อมฉันตอบฝ่าบาทได้เพคะ แต่...” เธอกำลังจะทูลแต่ร่างกายกลับไม่อาจยืนหยัดได้อีก มันทรุดฮวบลงในทันใด“นิลลนา!” ทรงร้องเรียกชื่อ แล้วรับร่างบางไว้ในอ้อมพระกร “มาช่วยพระสนมหน่อยเร็วเข้า!”เจ้าหน้าที่แพทย์รีบรุดเข้ามาช่วยเหลือ นำร่างคนไม่ได้สติวางบนเตียง พยาบาลเข็นเข้าสู่ห้องตรวจทันที กษัตริย์ทรงร้อนพระทัยยิ่งนัก เหตุใดเรื่องร้ายๆ ถึงเกิดในคราวเดียวกัน ร่องรอยรอบคอนิลลนา หากเดาไม่ผิด คงเกิดจากน้ำมือนางเองซึ่งต้องการปลิดชีวิตให้พ้นจากเชษฐาพระองค์ แม้ในพระทัยชุ่นเคืองเพียงใด แต่พระองค์จำต้องเก็บงำไว้ เพื่อไม่ให้ประชาชน และทหารต้องล้มตายทรงประทับบนเก้าอี้ ซึ่งทางหน่วยแพทย์จัดเตรียมให้ เพราะพระองค์เสด็จมาที่นี่ หลังจากทราบข่าวเกี่ยวกับอัสลัน ไม่นานเท่าใด นางกำนัลนาเดียปรากฏ เธอเร่งรีบก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นพระองค์ เลยตรงมาคุกเข่าเบื้องหน้าแล้วหมอบกราบ“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”“ลุกขึ้นเถอะนาเดีย”เธอลุกตามรับสั่ง ขอบตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ สายตากวาดมองรอบๆ หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำ หวาดกลัวกับเรื่องราวที่ไ
ระหว่างเส้นทางทหารพาเธอหลบหลีกมีการปะทะเล็กน้อย แต่ทหารส่วนมากกลับหายไปไม่ได้เฝ้าเส้นทางเหมือนเช่นทุกวัน ยี่สิบนาทีต่อมาจึงพบว่าตนเองอยู่บริเวณประตูด้านหลังวังเรียบร้อยแล้ว สายตาเธอจดจ้องไปยังราชองครักษ์คนสนิทของฝ่าบาทซึ่งยืนมองเธอไม่วางตา เธออยากพูดอะไรบางอยางกับเขาแต่ดูเหมือนอัสลันไม่ต้องการ ท่าทางเขาเร่งรีบเหงื่อกาฬแตกตามหน้าผาก สีหน้าซีดเผือดราวกับคนจับไข้ก็ไม่ปาน วันนี้อัสลันแปลกกว่าทุกที“รีบออกไปก่อน พวกมันคงแห่กันมาแล้ว” อัสลันเตือนลูกน้องทหารยามหน้าประตูนับสิบถูกจัดการเรียบร้อย อัสลันรู้ดีจะให้พระสนมปืนกำแพงก็ใช่ที่นางเป็นแค่สตรี เขาจำต้องจัดการทหารยามทั้งหมดเพื่อเปิดประตูเล็ก ทั้งหมดจึงออกสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ ทีมอัสลันพากันเดินเท้าเพื่อไปยังยานพาหนะต่อตุบ!เสียงล้มลงทำให้ทุกคนตระหนก แต่ไม่เท่ากับหัวหน้าทีมนอนนิ่งไม่ไหวติ่งบนผืนทราย ซันส์รีบปรี่เข้าไปเช็คตามร่างกาย แผ่นหลังมีรอยเลือดซึมออกมา“ท่านอัสลันถูกยิง!” ซันส์ตะโกนนิลลนาหน้าซีดปากสั่น มันเกิดขึ้นได้ยังไงตอนเดินมาเขายังปกติดีอยู่“ไคล์นาสเจ้าไม่รู้เลยหรือไง!” คนในทีมถามเสียงแข็ง“ข้าไม่รู้เลยท่านอัสลันไม่แสดงอาการอ
ยามราตรีกาลมาเยือน อากาศเริ่มหนาวความมืดปกคลุมทั่วบริเวณ อัสลันพาลูกน้องแฝงตัวผ่านความมืด ทั้งหกหยุดยืนอยู่ด้านนอกวัง ทรายถูกโปรยเพื่อดูทิศทางลม กำแพงสูงใหญ่ตระหง่านไม่ได้ทำให้พรั่นพรึงแม้แต่น้อย“ข้ามกำแพงไปเป็นตำหนักมเหสีรีจายาใช่ไหมซันส์” อัสลันถามเพื่อให้ลูกน้องตรวจสอบตำแหน่ง“ใช่ครับ”ตะขอผูกเชือกถูกเหวี่ยงด้วยความชำนาญ ทุกคนไต่ขึ้นไปบนกำแพง อัสลันถึงก่อนแต่กลับพบทหารเฝ้า เขารีบคว้าขอแล้วใช้สั่นมือทุบลงบนต้นคอจนทหารยามสลบกองกับพื้น ส่วนทหารยามคนอื่นก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน“ทางนี้ครับ” ซันส์นำทางเส้นทางในวังไม่ได้ซับซ้อนมากนักแต่ค่อนข้างต้องหลับเลี่ยงพวกทหารยาม อัสลันแน่ใจว่าพระสนมนิลลนาต้องอยู่ตำหนักส่วนพระองค์ของเจ้าชายแน่นอน สายข่าวรายงานเขามาเรียบร้อยเพียงแต่จะหาทางเข้าได้หรือเปล่า แว่วว่าทหารคุ้นกันแน่นหนา ยิ่งตอนนี้มีพระสนมอยู่ด้วยแล้วยิ่งลำบากหกนายยืนมองทหารยามเดินสวนกันไปมา หากเขาบุกคงจัดการได้ไม่ยาก แต่เกรงจะเสี่ยงหากทหารส่งสัญญาณมีผู้บุรุกเมื่อไหร่คงกลายเป็นเรื่องใหญ่“ทำยังไงต่อดีครับ” ไคล์นาสเอ่ยถาม“ใช้โดรน” อัสลันตอบสั้นๆเครื่องบินสอดแนมขนาดเล็กเคลื่อนจากรถจิ๊บบินเ





