เฉินหว่านสือจ้องมองเขาราวกับเห็นผี “ถ้าเธอชอบคนคนหนึ่ง เธอจะอยากให้เขาเป็นหม้ายมาสามปีเลยเหรอ? ถ้างั้นความรักของเธอนี่ช่างเป็นความรักที่แสนพิเศษจริงๆ”
ฉินเยว่จือเห็นด้วยกับสิ่งนี้ “ก็จริง แต่เขาพยายามดึงดันให้เธอกลับไปแบบนี้ เพื่ออะไรกันนะ? ยังไงหลังจากผ่านไป3เดือนเธอก็ต้องย้ายออกมาอยู่ดี เสียงแรงเปล่า ๆ”
เฉินหว่านสือไม่รู้อะไร และก็ไม่มีความสนใจอยากไปสืบหาคำตอบด้วย
มื้อดึกก็ได้ออกไปทานกันข้างนอกกัน ไปกินหม้อไฟ
เฉินหว่านสือสั่งหม้อไฟที่เผ็ดมาก ๆ เผ็ดจนเหงื่อท่วมตัว ทั้งเผ็ดทั้งฟิน
คืนนี้ เฉินหว่านสือกลัวชายคนนั้นจะคลั่งอะไรขึ้นมาอีก จึงปิดเครื่องมือถือ
วันต่อมาเธอตื่นแต่เช้า นำของวางไว้บนรถ และย้ายไปอยู่ที่ชุมชนเล็ก ๆ ที่เธอเช่า
จากนั้นก็จัดระเบียบการแต่งตัวของตัวเอง แล้วเดินทางไปที่ทำงาน
จิงหยวนสตูดิโอ
คุณสวีคือผู้จัดการที่นี่ ปีนี้อายุ60กว่าแล้ว ร่างกายไม่สูง เมื่อเห็นเฉินหว่านสือก็ตกใจ
“เธอก็คือนักบูรณะที่เสี่ยวฉินเรียกหวานหวานน่ะหรอ”
เฉินหว่านสือพยักหน้าอย่างมีมารยาท “ใช่ค่ะ”
หลายปีนี้เฉินหว่านสือไม่ได้มีเรื่องพูดถึงอะไรมาก แต่ทุกครั้งที่รับงานเป็นงานที่มีระดับยากมาก ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงมากในวงการนี้
แต่เธอไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมาย ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้ชื่อจริง นามสมมุติก็เรียบง่าย จึงเรียกชื่อว่าหวานหว่าน
ก่อนหน้านี้ คุณสวี่ไม่เคยเจอตัวจริง เห็นเพียงผลงานการบูรณะของเธอ ทักษะอันประณีต เทคนิคอันประณีต แม้แต่งานที่คนรุ่นเก่าในวงการก็ไม่มีความมั่นใจในการบูรณะ แต่หวานหว่านกลับทำออกมาได้
ดังนั้นจิตใต้สำนึกของคุณสวี่ ก็คิดว่าหวานหว่านน่าจะเป็นคนที่อายุไล่เลี่ยกับเขา แต่ไม่คิดว่าแป็นผู้หญิงที่ยังเป็นสาวอยู่เลย
“ฉันเคยเห็นผลงานการบูรณะของเธอ เธอช่างน่าอัจฉริยะจริง ๆ”
เฉินหว่านสือยิ้มเล็กน้อย “ท่านชมเกินไปแล้วค่ะ สิ่งที่ฉันต้องเรียนรู้ยังมีอีกมากเลยค่ะ”
ระหว่างที่คุยกัน คุณสวี่พาเธอไปยังที่นั่งที่ว่าง “ที่คือที่ทำงานของเธอ หลี่ไป๋”
เขาตะโกนเรียกคนคนหนึ่งมา “เธอไปเอาของมาหน่อย ให้เพื่อนร่วมงานใหม่ได้คุ้นเคย”
ในฐานะนักบูรณะวัตถุโบราณ การแยกแยะราชวงศ์และลักษณะของโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมก็เป็นพื้นฐานที่จำเป็นอย่างมาก เดิมทีหากเป็นคนที่เขาไปต้อนรับด้วยตนเอง การทดสอบครั้งนี้ก็ไม่จำเป็น แต่เฉินหว่านสือต่างกับที่เขาคิดอย่างมาก จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน
ไม่นานหลี่ไป๋ก็นำวัตถุโบราณมาหลายชิ้น วางบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง เห็นภาพนี้ คนอื่น ๆ ในห้องทำงานก็ล้อมเข้ามา กระซิบกันเบา ๆ “ว่ากันว่าวันนี้มีคนเก่งมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเป็นสาวน้อยคนนี้ล่ะ?”
“สงสัยคงเป็นของปลอม อยากมาติดผลงานของพวกเราด้วย ไม่คิดว่าจะเจอคุณสวี่ที่สุดยอดขนาดนี้มาทดสอบเธอ”
“ได้ข่าวว่าคุณสวี่มีการเดินทางอยู่หลายครั้งเพื่อเธอ ตอนนี้คงต้องผิดหวังแน่ ๆ”
ระหว่างที่คุยกัน เฉินหว่านสือแยกแยะของวัตถุเหล่านั้นที่อยู่บนโต๊ะออกมา ในด้านราชวงศ์ ต้นกำเนิดมาจากไหน แม้แต่ลายละเอียดที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พูดออกมาอย่างถูกต้อง
หลี่ไป๋ตกใจมาก “ไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
เขาคือนักเรียนของคุณสวี่ ตั้งแต่เรียนจบมหาลัยก็เข้ามาทำงาน ถึงปัจจุบันก็เกือบ10ปีแล้ว พูดตามความจริง แม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ไวขนาดนี้
คุณสวี่พยักหน้าด้วยความชื่นชม ถือว่าเป็นการยอมรับในความสามารถทางทฤษฎีของเฉินหว่านสือ แต่ด้านฝีมือ ยังคงต้องเห็นกับตา
ไม่เคยเห็นเฉินหว่านสือบูรณะวัตถุกับตา เขาไม่กล้าให้เธอนำของจริงมาทดลอง ฉันก็เลยขอให้หลี่ไป๋เอาของปลอมที่ใช้ในการทดสอบ ให้เธอบูรณะ
“เธออย่าถือสานะ นี่คือขั้นตอนของสตูดิโอพวกเรา ของพวกนั้นมีราคาสูง ล้วนเป็นของที่ไม่สามารถก๊อปปี้ได้ ดังนั้นจึงค่อนข้างระวังในการเลือกคน”
เฉินหว่านสือแสดงความเข้าใจ
งานบูรณะมีความยาวนานและน่าเบื่อ บวกกับทุกคนไม่ได้ตั้งความหวังกับเฉินหว่านสือ ยังไงผู้หญิงที่อายุน้อยแบบเธอ ประวัติก็เป็นได้แค่นักเรียน เห็นว่าไม่มีอะไรน่าดู คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไป
จนใกล้เวลาเลิกงานเห็นผลงานที่บูรณะสำเร็จแล้ว ทุกคนก็ตะลึงกันไปหมด
มีคนบ่นเสียงเบา “ตอนฉันเข้ามาทำงาน ชิ้นส่วนชิ้นนี้ฉันใช้เวลาสามวันถึงจะบูรณะสำเร็จ”
ทุกคนต่างก็ตะลึงในฝีมือความว่องไวและความยอดเยี่ยมของเฉินหว่านสือ มีแค่คุณสวี่ เขาสวมใส่แว่นตาคนชรา ในมือถือชิ้นส่วนชิ้นนั้นที่บูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เงียบไปอยู่พักใหญ่
ถ้าหากมองดูดี ๆ ไม่ยากที่จะสังเกตเห็นว่านิ้วเขากำลังสั่น เป็นการสั่นที่ห้ามได้ยาก
คุณสวี่เงยหน้ามองเฉินหว่านสือ ในดวงตามีความสับซ้อนมากมาน “เธอเป็นอะไรกับหรู่ซวนกันแน่”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น ดวงตาของเฉินหว่านสือสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่เป็นเพียงแค่ชั่วขณะ ไม่มีใครเห็นได้ชัด
หลังจากความเงียบระยะสั้น ๆ เธอตอบกลับไปว่า “เคยได้ยิน แต่ไม่รู้จักค่ะ”
หรูซวน
ครั้งหนึ่งในวงการบูรณะวัตถุโบราณเธอเคยเป็นลูกแก้วที่อลังการที่สุด เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งในการบูรณะ งานฝีมือนั้นสามารถอธิบายได้ว่า ยอดเยี่ยมและแปลกประหลาด คนที่อยู่ในวงการนี้ต่างก็เคยได้ยินชื่อของเธอ แต่ลูกแก้วดวงนี้มีชื่อเสียงได้ไม่นานก็เงียบหายไป
หลายปีมานี้ ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ไหน
คุณสวี่ก็พูดอีก “แต่ฝีมือการบูรณะของเธอ เหมือนกับของเธอคนนั้นอย่างแทบจะไม่มีความต่าง”
“ปู่ของฉันก็เป็นนักบูรณะวัตถุโบราณ ฉันเรียนกับท่านค่ะ”
คุณสวี่ฟังแล้ว สีหน้าค่อย ๆ มืดลง สุดท้ายพยักหน้าไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าผิดหวังเป็นอย่างมาก
ไม่ว่ายังไง ความสามารถของเฉินหว่านสือนั้นชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว คุณสวี่ก็ถือว่าได้นักอัจฉริยะคนหนึ่งมา “นี่คือหวานหว่าน พนักงานคนใหม่”
หลี่ไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ ตะลึงอย่างมาก “หวานหว่านงั้นเหรอ? หวานหว่านที่ผมรู้จักคนนั้นรึเปล่า? นั่นน่าจะเป็นคนที่โตกว่านี่นา? ทำไมถึงเป็น”
กลายเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แถมยังสวยขนาดนี้?
คุณสวี่จ้องเขา ส่งซิกให้เขาหุบปาก
“หวานหว่านเธออย่าถือสาเขาเลยนะ”
เฉินหว่านสือเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นคุณสวี่ก็แนะนำคนอื่น ๆ ให้เธอรู้จัก คนในสตูดิโอไม่เยอะ รวมเธอทั้งหมดก็แค่8ถึง9คน เป็นกันเองมาก คนที่ชื่นชมก็ชื่นชมจากใจจริง ไม่มีความปั้นหน้าเช้าหากันเลย เหมือนบรรยากาศในการทำงานแปลก ๆ แบบนั้นก็คือไม่มีเลย
เฉินหว่านสือชอบแบบนี้มาก ยิ่งกว่านั้นนี่คืองานที่เธอชื่นชอบ
หลังจากเลิกงาน คนในสตูดิโอพากันจะไปทานข้าว บอกว่าเป็นประเพณีของจิงหยวน ถ้ามีพนักงานเข้ามาก็ต้องไปกิน ถือเป็นงานต้อนรับ
สถานที่กินข้าวคือร้านอาหารทะเล และตรงข้ามร้านก็เป็นร้านอาหารหรู
ด้านหน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบนชั้นสองของร้านอาหาร กู้เฉินเย่ที่ยืนสูบบุหรี่ตรงข้างหน้าต่าง มองไปที่ใต้ตึกโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขายกคางขึ้นเล็กน้อย ถามป๋อจิงโจวที่อยู่ข้าง ๆ “แกดูนั่น นั่นไม่ใช่เฉินหว่านสือเหรอ?”
ป๋อจิงโจวมองขึ้นไป และมองไปยังทิศทางที่เขาชี้ จึงเห็นเฉินหว่านสือที่กำลังยิ้มและกำลังคุยเล่นกับหลาย ๆ คน