มาเดลีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”เฟลิเป้มองไปที่เธอ อย่างไม่พอใจ จากนั้น เขาแยกริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหยุดตัวเองไม่ให้พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด“ไม่มีอะไร ผมแค่คิดว่ามันน่าเสียดายมาก”น่าเสียดาย?มาเดลีนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมบางคำจะพูดได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาอาจคิดว่าเธอน่ารำคาญถ้าเธอเอาแต่ถามโน่นนี่ในที่สุด เธอได้เปิดประตูและเชิญเฟลิเป้เข้ามา“ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริทนีย์ ผมเชื่อว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่ใช่คนที่โหดร้ายและเลือดเย็นขนาดนั้น”มาเดลีนรู้สึกประทับใจที่เฟลิเป้ไว้วางใจเธอเสมอมา เขาจิบชาอุ่น ๆ และมองใบหน้าซีดเซียวของมาเดลีน“ผมจะเก็บจดหมายลาออกของคุณไว้ คุณสามารถกลับไปทำงานได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและความเมตตา คุณวิทแมน แต่อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าฉันไม่มีโอกาสกลับไปอีกแล้ว” มาเดลีนยิ้มอย่างขมขื่น“คุณสามารถกลับมาได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่คุณต้องการ” คำตอบของเฟลิเป้นั้นอ่อนโยน เช่นเดียวกับรอยยิ้มอันหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาแม้ว่าเขาจะดูเย็นชาและสง่างาม แต่เมื่อเขาอ้าปากพู
มาเดลีนนิ่งเงียบและพึมพำกับตัวเองอย่างไม่ขัดขืนเธอมีเวลาเหลืออย่างน้อยหนึ่งเดือนหนึ่งเดือนเพียงพอที่เธอจะรวบรวมและเอาหลักฐานที่มีไปแจ้งตำรวจกับหลักฐานที่เมเรดิธเป็นฆาตรกรหลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล แดเนียลพาเธอนั่งรถเล่นรอบ ๆ ใจกลางเมืองอย่างไร้จุดหมาย ในตอนท้ายของการเดินทาง รถของเขาหยุดอยู่ข้างรถขายอาหารแดเนียลมองมาเดลีนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและนุ่มนวลบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา “แมดดี้คราวนี้เธอจะทานทาโก้กับซอสพริกกับผมอีกไหม?”มาเดลีนรู้สึกแปลกใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นน้ำตาที่เปล่งประกายในดวงตาของแดเนียล เธอก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนี่เขารู้แล้วหรือว่าเธอมีเวลาอยู่ไม่มากนัก?มาเดลีนไม่อยากคิดมากเกินไป เธอยิ้มและพยักหน้า “แน่นอน และไม่ใช่แค่ครั้งนี้นะ เราจะยังมีโอกาสอีกหลายครั้งในอนาคต”“จริงหรือ?” แดเนียลมองเธออย่างคาดหวัง“ใช่ จริง ๆ” มาเดลีนตอบอย่างมั่นใจมาเดลีนพร้อมกับแดเนียลขณะที่พวกเขากินทาโก้กับซอสพริกข้างรถขายอหาหารเคลื่อนที่ พวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัยแดเนียลสารภาพว่าเขาตกหลุมรักมาเดลีนตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามหาวิทยาลัย แต่แล้ว เขาก็พบว่าเธอ
มาเดลีนตกใจมากจนใบหน้าของเธอซีดเซียว เธออยากจะวิ่ง แต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้งเจเรมี่บีบแก้มและบังคับให้เธอมองเขาเธอยังคงส่ายหัวขณะที่เธอดิ้นรน “ไม่! เจเรมี่ อย่าแตะต้องฉัน! ไปให้พ้น!”“เธอดูมีความสุขมากตอนที่แดเนียลจูบเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่เต็มใจเมื่อผมสัมผัสเธองั้นหรอ?”เมื่อมองไปที่การจ้องมองที่ขัดแย้งและต่อต้านของมาเดลีน ใบหน้าของเจเรมี่ได้บูดบึ้งขณะที่ดวงตาของเขากลับเย็นชา“มาเดลีน ดูใกล้ ๆ ให้ชัด ๆ ผมเป็นสามีของเธอ” เสียงทุ้มและเย้ายวนของเขาดังขึ้นข้างหูของ มาเดลีน ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกว่าเขากัดไหล่ของเธอ“ฉันไม่ต้องการเเบบนี้ เจเรมี่!”เธอรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกับเธอ และมันทำให้เธอกลัวมากจนกระดูกของเธอสั่นอย่างไรก็ตาม มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นถูกครอบงำไร้ซึ้งสติ เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอเป็นชิ้น ๆก่อนที่จะกลืนกินเธออย่างโหดเหี้ยมมาเดลีนหลับไปอย่างสนิท เธอฝันว่าได้กลับไปสู่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ความจริงก็เหมือนฝันร้ายที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกเธอเห็นว่าเธอยังถูกขังอยู่และชายคนนั้นก็นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ มาเดลีนมองไปที่ดวงจันทร์นอก
เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหน แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น กลับเห็นเพียงเมเรดิธที่ยืนสูงอยู่เหนือเธอในขณะที่หล่อนก้มมองลงไปที่เธออย่างดูถูกเหยียดหยาม“เธอตื่นแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอตายไปแล้ว มันจะน่าเบื่อมากหากเธอตายไปจริง ๆ”เมเรดิธเยาะเย้ยขณะนั่งยองๆ จากนั้นเธอจับใบหน้าของมาเดลีนและบีบมันแน่นเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เสียโฉมแต่ยังคงสวย เมเรดิธมีความรู้สึกอิจฉาเริ่มก่อตัวขึ้นจนความอาฆาตพยาบาทเริ่มเติมเต็มในดวงตาของเธอ“มาเดลีน ฉันประเมินแกต่ำไป แม้อยู่ในสภาพนี้แต่ แกยังสามารถยั่วยวนผู้ชายได้!” เธอกดไปที่แผลของมาเดลีนที่เพิ่งเริ่มหาย “เธอหลอกล่อเจเรมี่ได้อย่างไร? กับสายตาที่น่าสมเพชของเธอเนี่ยนะ?”ในที่สุดมาเดลีนก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่เมเรดิธพูดเมเรดิธรู้เรื่องที่เขาใช้เวลาทั้งคืนกับเธอ นอกจากนี้ เมเรดิธยังจินตนาการถึงฉากที่พวกเขาพัวพันกันบนเตียงเธอเย้ยหยันและหัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างประชดประชันและในขณะเดียวกัน เธอก็หัวเราะในขณะที่รู้สึกยินดีที่หล่อนคิดเช่นนั้น “เป็นบ้าเหรอ? ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะไม่ได้รักเธอขนาดนั้น ฮะ? ถ้าเขารักเธอจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงนอนกับผ
เนื่องจากโดนผลของยากล่อมประสาทเล่นงาน มาเดลีนไม่รู้ว่าเธอหมดสติไปนานแค่ไหนแล้วเมเธอฟื้นขึ้นมาในที่สุด แต่เธอกลับรู้สึกชาที่แขน จากนั้นดวงตาของเธอเริ่มแสดงอาการปวดทันทีเธอลืมตาขึ้นช้าๆและเธอรู้สึกว่าการมองเห็นของเธอพร่ามัว มันใกล้จะมืดสนิทแล้วสินะนี่เป็นตอนกลางคืนหรือเปล่า?เมื่อเธอนึกถึงสิ่งสุดท้ายที่เมเรดิธพูดก่อนที่จะหมดสติไป มาเดลีนลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและไม่สนใจบาดแผลของเธอ มาเดลีนกวาดมือไปตามพื้นอย่างบ้าคลั้งในความมืดภาพถ่าย…รูปลูกของเธอ!มาเดลีนเริ่มค้นหามันในความมืด กระนั้น เธอไม่เห็นอะไรและไม่รู้สึกถึงอะไรเลยเธอหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาจากกระเป๋าเสื้อและกดที่หน้าจออย่างเร่งรีบ แต่ทว่า หน้าจอกลับไม่สว่างขึ้น แบตเตอรี่หมดงั้นหรือ?ในขณะที่เธอครุ่นคิดถึงสิ่งนั้น เธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ช่างคล้ายคลึงกับไพ่ด้วยปลายนิ้วสัมผัสของเธอ เธอแน่ใจว่านี่เป็นภาพถ่ายที่ถูกเมเรดิธโยนใส่ก่อนที่จะเดินออกไปมาเดลีนหยิบมันขึ้นมาอย่างมีความสุข เธอยกมันขึ้นมาในระดับสายตาแต่เธอไม่เห็นอะไรเลยเธอพยุงร่างที่สั่นเทาของเธอขณะที่เธอยืนขึ้น เธอต้องการหาแสงสว่าง แต่ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอม
หลังจากที่เธอออกจากสถานีตำรวจไป รอยยิ้มในรอบหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มาเดลีน ในที่สุดเธอก็สามารถหาหลักฐานมาลงโทษเมเรดิธในความผิดที่หล่อนทำหากพวกเขาพบเลือดของบริทนีย์ที่ต่างหู เมเรดิธเองจะไม่สามารถหาคำแก้ตัวใด ๆ ให้ตัวเองได้มาเดลีนกำลังนับวันรอข้อมูลที่คืบหน้าจากตำรวจ แต่เธอก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยหลังจากผ่านไปสองวันเธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกำลังวิ่งเข้าไปหาเมเรดิธและเจเรมี่ที่ทางเข้าสถานีมาเดลีนมองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นใครจากระยะไกล เธอถือร่มขณะยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสามารถได้ยินเพียงเสียงของเมเรดิธจากในระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น“เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนไม่ปล่อยฉันไปสักที? เธอจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันตายเท่านั้นหรือไงกัน?”หลังจากที่เมเรดิธพูดสิ่งนี้ เธอก็เห็นมาเดลีนยืนอยู่เสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ “แมดดี้?”มาเดลีนพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นเธอเห็นใบหน้าของเมเรดิธที่เข้ามาใกล้เธออย่างพร่ามัว“แมดดี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอปล่อยฉันไป? ทำไมถึงกล่าวหาว่าฉันฆ่าบริทย์? บริทย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ทำไมฉันต้องฆ่าเธอ? เป็นเรื่องปกติที่จะมีเลื
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นในขณะที่มาเดลีนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ มือของเธอคลำไปรอบ ๆ ตัวเธออย่างบ้าคลั่งรถยนต์ที่ขับผ่านเธอไปสาดน้ำใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า กระนั้น เธอก็ยังไม่พบร่มของเธอที่ตกได้เจเรมี่กำลังจะสตาร์ทรถ แต่เขาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเมเรดิธสังเกตเห็นสิ่งนี้และทำให้ความสนใจของเจเรมี่เปลี่ยนไปทันที “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราต้องพาแจ็คไปตรวจหน้า”เจเรมี่หันหน้าของเขากลับมา “ไม่ต้องกังวล ไม่มีแผลเป็นบนใบหน้าของแจ็คแน่นอน”“ฉันไม่คิดว่าแมดดี้จะเกลียดชังฉันถึงขนาดนี้ ฉันคิดไม่ถึงว่าพ่อของฉันจะขอให้คนอื่นกรีดใบหน้าของเเมดดี้เพื่อล้างแค้นให้ฉันและแจ็ค” เมเรดิธพูดอย่างไร้เดียงสา“เจเรมี่ คุณคงไม่ตำหนิพ่อของฉัน ใช่ไหม?”“เด็กโง่ ทำไมผมถึงตำหนิพวกเขากัน?” เจเรมี่ยิ้มเขามองกระจกมองหลังอีกครั้ง เขาเห็นมาเดลีนยืนขึ้นหลังจากหาร่มของเธอเจอ จากนั้น เขาเฝ้าดูเธอเดินจากไปตามเส้นทางเดินเท้า เขาเยาะเย้ยด้วยความโกรธ“ผู้หญิงคนนั้นสมควรที่จะถูกทำให้ใบหน้าเสียโฉม ใครขอให้เธอทำสิ่งที่โหดร้ายและน่ารังเกียจพวกนั้นกันล่ะ?”เมเรดิธรู้สึกยินดีเมื่อเห็นความโกรธและความไม่พอ
ใบหน้าของเจเรมี่เย็นชาขึ้น “มาเดลีน ผมขอให้เธอเซ็นเอกสาร”“ฉันจะไม่เซ็นมัน” มาเดลีนพูดออกม าในที่สุดน้ำเสียงของเธอฟังดูสงบอย่างผิดปกติเจเรมี่เห็นมาเดลีนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชาและนิ่งในขณะที่เธอจ้องมองไปทางอื่น เธอไม่ได้มองเข้าไปในตาของเขาเลยสักครั้ง เจเรมี่รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ “มาเดลีน อย่าพยายามท้าทายความอดทนของผม เธอรู้ดีถึงผลที่จะตามมา”เมื่อเธอต้องเผชิญกับการคุกคามและคำเตือนแบบขู่ของเขา มาเดลีนไม่ได้มีความกลัวใด ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้า ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มออกมา“เจเรมี่ ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่เซ็นเอกสารการหย่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณอยากแต่งงานกับเมเรดิธใจจะขาด แน่นอน คุณควรรอให้ฉันฟ้องคุณในข้อหาแต่งงานซ้ำซ้อน”“มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด!” เจเรมี่โกรธมาก “ผมจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เธอเซ็นหรือไม่เซ็น?”“ไม่!” มาเดลีนกล่าวอย่างหนักแน่นใบหน้าของเจเรมี่กลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเขาเห็นว่ามาเดลีนยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองและไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจึงเดินไปหาเธอและบังคับปากกาไว้ในมือของเธอ จากนั้น เขาจับมือขวาของเธอแน่น“เจเรมี่ จะทำอะไร? ปล่อยฉัน!” มาเดลีนเริ่มดิ้นรน“เธอปฎิเ