เมื่อเมเรดิธมาถึงที่ร้าน เธอเจอเจเรมี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างในทันที แม้จะเห็นแค่เพียงด้านหลัง แต่เมเรดิธก็ไม่มีทางจำเขาผิดกับใครแน่นอนแต่อย่างไรก็ตาม เมเรดิธไม่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเจเรมี่ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็นึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะไปเข้าห้องน้ำอยู่ เธอไม่เสียเวลาหยุดทักทายเจเรมี่แต่กลับตรงไปที่ห้องน้ำในทันทีมองสำรวจไปรอบ ๆ แต่เธอก็ไม่เจอผู้หญิงคนไหนใส่ชุดเดียวกับผู้หญิงที่อยู่ในภาพที่เธอได้รับมาเลยเมเรดิธได้แต่สบถในใจเธอจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองให้เข้าที่แล้วพยามฝืนยิ้มให้มากที่สุดเพื่อที่จะออกไปหาเจเรมี่ แต่เมื่อเธอเดินไปที่โต๊ะเจเรมี่ก็ได้หายไปแล้วเช่นกันเธอรีบลงลิฟต์ไปแต่ก็เจอแค่ท้ายรถสปอร์ตสีขาวของเจเรมี่ที่ขับออกไปต่อหน้าเธอ และอีกฝั่งก็มีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ในรถด้วยเมเรดิธกัดฟันด้วยความโกรธ เธอรีบกดโทรศัพท์หาเจเรมี่ในทันที แต่เขาไม่รับสายในคืนนั้น ขณะที่มาเดลีนกำลังนั่งออกแบบเครื่องประดับตัวใหม่อย่างจริงจังบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ พลันเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาเธอที่ด้านข้าง เด็กน้อยปีนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ราวกับลูกแมวน้อยที
เมเรดิธรู้สึกว่าเธอกำลังตเจอเรื่องแย่ ๆ เธอจึงแกล้งทำเป็นข้อเท้าแพลง เธอตั้งใจสร้างเรื่องใหญ่โตจากการที่เธอได้รับบาดเจ็บให้เจเรมี่ฟัง เพื่อที่จะหลอกล่อให้เขามาเยี่ยมเธอที่บ้านตระกูลมอนต์โกเมอรีห้องที่ใหญ่โตกว้างขว้างตกแต่งอย่างหรูหรา และสวยงาม แม้กระทั่งห้องน้ำก็ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสุขภัณฑ์ที่ดีและหรูหรา แน่นอนว่าเมเรดิธเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่แท้จริงแล้วควรจะเป็นของมาเดลีน เธอไม่เคยรู้สึกสำนึกผิดเลย และการตายของบริทนีย์ก็เช่นกัน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่เธอจัดการมันสำเร็จได้อย่างเด็ดขาด มีแค่ผู้หญิงที่ฉลาดและรับมือได้ในทุกสถานการณ์อย่างเธอเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับใช้ชีวิตอย่างคนชนชั้นสูงเช่นนี้มาเดลีนกับบริทนีย์ไม่คู่ควรต่อการเป็นศัตรูของเธอแต่แล้ว เธอก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ วีล่า ควินน์ ผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนั้นในขณะที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เมเรดิธก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจเรมี่ เธอรีบล้มตัวลงนอนราวกับคนป่วยที่แสนอ่อนแอ พร้อมกับทำตาน่าสงสาร “เจเรมี่ คุณมาเยี่ยมฉันแล้ว”เจเรมี่มองไปที่ขาขวาที่ถูกพันผ้าไว้ของเธอ “คุณเป็นยังไงบ้าง?”“
เมื่อเมเรดิธได้ยินเสียง ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ สามปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่มีความสุขนักกับการที่เจเรมี่ปฎิบัติกับเธออย่างเย็นชา และตอนนี้ก็มีผู้หญิงเข้ามาแย่งความสนใจของเจเรมี่ไปจากเธออีก มันยิ่งทำให้เธอร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ แต่อย่าไรก็ตาม ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เคเอฟซีเมื่อคราวก่อน เมเรดิธจึงพยายามอย่างมากในการควบคุมอารมณ์โกรธของเธอ เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เธอคงจะเป็นวีล่าผู้หญิงที่ช่วงนี้เข้ามาสนิทสนมกับคู่หมั้นของฉันสินะ” เธอพูดพร้อมกับหันหลังกลับ แต่แล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยค สายตาเธอมองขึ้นไปเจอใบหน้าที่สวยงามและยิ้มแย้มของมาเดลีนนั้นก็ทำให้เธอตัวแข็งทื่อดวงตาของเธอเบิกกว้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้า“เป็นไป ดะ ได้ยังไง มาเดลีน?!” เมเรดิธพูดไม่ออกขณะที่เธอถอยหลังไป “เป็นไปได้ยังไง…”เธอปฏิเสธที่จะเชื่อกับตัวเองในใจ‘มันจะเป็นไปได้ยังไง?!’‘ยัยผู้หญิงตาบอดแพศยานั่นกลายเป็นเถ้าถ่านไปตั้งนานแล้วนี่ แล้วทำไมเธอถึงมาโผล่ตรงหน้าฉันได้อีก!’‘มันเป็นไปไม่ได้!’มาเดลีนยิ้มในขณะที่เธอจ้องมองสีหน้าของเมเรดิธที่เปลี่ยนไปด้วยความสับสน
“คุณครอว์ฟอร์ดค่ะ คุณสามารถหุบปากได้ทุกเวลาหากคุณไม่รู้วิธีพูดที่ถูกต้อง จะไม่มีใครคิดว่าคุณเป็นใบ้ถ้าคุณไม่พูด คุณชายครอว์ฟอร์ดและฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิด แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อใจฉัน แต่คุณก็ควรเชื่อใจในคู่หมั้นของคุณเองจริงไหม?”"เธอ…"“ถ้าฉันจำไม่ผิด แม้แต่คุณครอว์ฟอร์ดก็เคยเป็นภรรยาเก็บมาก่อน คุณไม่คิดบ้างหรอว่าคำพูดที่ออกจากปากของคุณมันช่างเป็นเรื่องน่าขัน?”เมเรดิธพูดไม่ออกขณะที่ใบหน้าของเธอบูดเบี้ยว เธอเห็นว่าสายตาของคนที่มองอยู่รอบ ๆ ของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงใช้ท่าทางที่ราวกับว่าเธอเป็นคนผิด“คุณควินน์ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณได้ยินข่าวลือพวกนั้นมาจากไหน แต่ฉันคบเจเรมี่มาตลอด มาเดลีน น้องสาวที่ตกหลุมรักเขาและวางแผนที่หลอกล่อที่จะหลับนอนกับเขา และบังคับให้เจเรมี่แต่งงานกับเธอ ตอนนี้ มาเดลีนตายไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกสนุกกับการพูดเรื่องนี้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้ใครดูถูกฉันแบบนั้น!”“คุณจะไม่ยอมให้ใครดูถูกคุณ แต่ถ้าคุณดูถูกฉันต่อหน้ามันจะไม่เป็นไร’งั้นเหรอ? คุณครอว์ฟอร์ด ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นลูกสาวของตระกูลมอนต์โกเมอรี ผู้หญิงสูงศักดิ์อย่างคุณคิดว่าเธออยู่เหนือมาร
เพี้ยะ!การตบของโรสไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำอะไรมาเดลีนได้แล้วเท่านั้น แต่ในตอนนี้มาเดลีนยังจับข้อมือของเธอไว้แน่นมาเดลีนยังคงจำตอนที่เธอถูกตบและเฆี่ยนตีทั้งหมดที่เธอเคยประสบมาเมื่อก่อนได้อย่างชัดเจนในขณะที่เธอกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เธอได้สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกเธอได้อีก!“แก ปล่อยมือฉัน!” โรสตะโกนขณะที่เธอดิ้นรนด้วยความโกรธแต่อย่างไรก็ตาม มาเดลีนตอนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งของความเกลียดชังที่มอบให้เธอ เธอจึงไม่ใช่คนอ่อนแอที่ใคร ๆ จะเลือกปฎิบัติได้อีกต่อไป!“คุณนายคะ โปรดระวังน้ำเสียงของคุณ! หากคุณมาที่นี่ในฐานะลูกค้า ฉันยินดีต้อนรับคุณทุกเมื่อ แต่หากคุณมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา จงไปให้พ้นทันที!” ดวงตาของมาเดลีนมีประกายในขณะที่เธอใช้แรงในการพูดทุกคำ และบังคับในเวลาเดียวกันโรสจ้องที่ใบหน้ามาเดลีนเป็นเวลาสองสามวินาที และดูเหมือนว่าเธอจะตกตะลึงอยู่ในความเงียบด้วยท่าทางโอ่อ่าของมาเดลีนตอนนี้ จอห์นเองเริ่มโมโห เขายื่นมือเข้ามาช่วยโรสมาเดลีนไม่ให้โอกาสเขา เข้ามาประชิดตัวเธอ เธอผลักมือของโรสออกไปทันที โรสไม่สามารถทรงตัวได้และร่างกายที่อ้วนท้วน
เธอพาโรสและจอห์นกลับไปที่บ้านหรูหลังเล็ก ๆ ที่พวกเขาพักอยู่ในปัจจุบันซึ่งถูกมอบให้กับพวกเขาเพื่อขอบคุณที่เลี้ยงดูเมเรดิธมาตลอดโรสสาปแช่งและสาปส่งขณะที่เธอเล่าเหตุการณ์ให้เมเรดิธฟังอย่างละเอียดหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดอย่างเข้าใจ เมเรดิธเริ่มสงสัยหนักมาก แต่จอห์นส่ายหัว“นั่นไม่ใช่มาเดลีนอย่างแน่นอน มาเดลีนไม่เคยกล้าทำแบบนี้!”แต่เดิมโรสก็มั่นใจเช่นกัน แต่เธอก็ลังเลใจตั้งแต่ก้าวออกจากสถานี “เมเรดิธ แม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นแค่ดูเหมือนเธอเท่านั้น เธอไม่ใช่มาเดลีนอย่างแน่นอน ยัยนั่นตายไปสามปีศพของเธอคงจะเน่าเปื่อยไปแล้วในตอนนี้ เจเรมี่นำขี้เถ้าของเธอกลับมาด้วยตังเอง แล้วเธอจะกลับมามีชีวิตได้ไงกัน?!”แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เมเรดิธก็ยังคงเต็มไปด้วยข้อสงสัย “จะมีคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้บนโลกนี้จริง ๆ เหรอ?”“บางทีหล่อนอาจจะเห็นรูปของผู้หญิงคนนั้นและรู้สึกว่าเธอดูดี ดังนั้นหล่อนจึงทำศัลยกรรมให้ดูเหมือนมาเดลีน ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผู้หญิงที่ชื่อ วีล่าคนนั้นก็ไม่ใช่มาเดลีนแน่นอน! พ่อของลูกพูดถูก คนงี่เง่านั้นจะโอ่อ่าขนาดนี้ได้ยังไง?! มันเป็นไปไม่ได้! ขยะชิ้นนั้นสู้เราไม่ได้!”เมื
การได้ยินเสียงเจเรมี่เรียกเธอ ดังนั้นทำให้เกิดคลื่นอารมณ์ที่ลบล้างความรู้สึกของมาเดลีนเธอไม่คิดว่าเจเรมี่จะวิ่งเข้ามาข้าง ๆ และกอดเธอไว้แบบนั้นมาเดลีนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเจเรมี่เขาเป็นห่วงเธอหรือเปล่า?สายตาของมาเดลีนมีความสงสัยชั่วครู่ขณะที่เธอรู้สึกว่าเจเรมี่กอดเธอไว้แน่น เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอกของเขาที่ถูกส่งออกมาอย่างชัดเจนมันเป็นความอบอุ่นที่เธอเคยโหยหา แต่วันนี้ เธอไม่โหยหามันอีกต่อไป“ขอบคุณมากค่ะ คุณวิทแมน” มาเดลีนพูดอย่างใจเย็นเจเรมี่อึกอัก และปล่อยอ้อมกอดของเขาออกมาเดลีนปัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยขณะที่เธอมองเจเรมี่อย่างมีความหมาย “ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณเรียกฉันว่าแมดดี้เมื่อกี้หรือเปล่า? แต่ตามที่คู่หมั้นของคุณบอกว่า คุณเกลียดอดีตภรรยาของคุณเข้ากระดูกดำ เธอไม่เพียงแต่ตามติดคุณตลอดเวลา เธอยังสร้างกับดักและบังคับให้คุณแต่งงานกับเธออีกด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็ควรเกลียดฉันเเช่นกันไม่ใช่หรือไง? ทำไมคุณถึงช่วยฉันตอนนี้?”หลังจากนั้น มีอากาศแห่งความเงียบอยู่รอบตัวพวกเขาใช้เวลาสักครู่หนึ่งก่อนที่เจเรมี่จะเอ่ยพูดอีกครั้ง เขาส่งรอยยิ้มปลอม ๆ ให้มาเดลีนขณะที่เ
เมเรดิธเพิ่งจะโทรหาเธอเมื่อสักครู่ และน้ำเสียงของหล่อนค่อนข้างก้าวร้าว มันฟังดูเป็นไปไม่ได้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นมันดูห่างไกลไม่เหมือนคนที่คิดทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?แต่ว่า เธอเห็นว่าใบหน้าของเจเรมี่ดูเคร่งขรึม ดูเหมือนเขาจะเชื่อและตอนนี้ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของเมเรดิธ“ถ้าคุณวิทแมนไม่ว่าง สามารถให้ฉันลงรถได้ทันทีเลยนะ”เจเรมี่มองไปที่มาเดลีน ดูเหมือนลังเล เขาใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะหยุดรถมาเดลีนลงจากรถอย่างรวดเร็ว โบกมือลาให้เจเรมี่หลังจากพูดไปว่า “คุณวิทแมน แล้วเจอกันใหม่นะ”หลังจากนั้น เธอหันหลังและเดินจากไปเจเรมี่ไม่ได้ออกไปทันทีและเขามองเธอที่เดินจากไปผ่านกระจกมองหลังของเขาในขณะที่เขานึกภาพก่อนหน้านี้ถูกฉายซ้ำ ๆ ในหัวของเขาทำไมเขาไขว่ขว้าเธอเช่นนี้? คำตอบนั้นค่อนข้างชัดเจนในใจของเขาจนกระทั่งมาเดลีนได้ยินรถกำลังเคลื่อนตัวเธอจึงหยุดมองหันกลับไปเธอตัดสินใจรีบเรียกแท็กซี่ให้ตามหลังรถของเจเรมี่ทันที เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ารถจะแล่นไปถึงเอพริลฮิลล์สถานที่แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในความทรงจำที่มีความสุขที่สุดของเธอ มันเป็นสถานที่ที่เธอได้พบกับเจเรมี่ครั้งแรกเมื่อเธอ