“พี่กล้าไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” คนแรกที่ทราบข่าวรีบมาหากันถึงบ้าน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำถามที่มันทำให้คนฟังรู้สึกลำบากใจ
“ไม่ได้จริงๆ ครับคุณแหวน” ไม่ว่ายังไง สิ่งนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่เขากับแม่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะแค่ว่าเขาต้องการให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น อย่างน้อยๆ จากนี้ต่อไปท่านจะได้ไม่ต้องก้มหัวให้ใครอีก นั่นต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการให้มันเกิดขึ้น แม่เหนื่อยมามากแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่ท่านจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายเสียที
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าต่อไปแหวนก็จะไม่ได้เจอพี่กล้าอีกแล้วเหรอคะ แล้วใครจะคอยปกป้องแหวนจากนัง...เอ่อ จากเรย์ละคะ!”
“คุณแหวนยังมีคุณท่านทั้งสองนะครับ และผมเชื่อว่าพวกท่านจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณแหวนได้อย่างแน่นอน” ชื่อของใครบางคนที่ได้ยินนั้นทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามา คนที่คงไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ แน่
“จริงเหรอคะ ที่เขาว่าน้าตรีกำลังจะไปจากที่นี่! เรื่องจริงเหรอคะ!” ก่อนที่ทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างที่คิด เมื่อร่างบอบบางของใครบางคนวิ่งเข้ามาในบ้าน พร้อมๆ กับคำถามหนึ่งที่ดังขึ้น แน่นอนว่าคำถามที่มาพร้อมน้ำตาของคนตรงหน้านั้น ทำเอาจิตรีถึงกลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้เห็นสุดท้ายนางก็ได้แต่คว้าคุณหนูผู้น่าสงสารเข้ามากอด พร้อมกับค่อยๆ เล่าความจริงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ด้วยตัวเอง
“น้าตรีให้เรย์ไปด้วยนะคะ! ให้เรย์ไปด้วยนะ!” จนเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อินทุอรก็ไม่รีรอเลยที่จะขอติดตามอีกฝ่ายไปด้วย เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว นับวันบ้านที่เธออยู่ก็ยิ่งร้อนราวกับไฟสุมความสุขที่เคยมีมาตลอดก็ค่อยๆ ลดน้อยถดถอยลงไปเรื่อยๆ
หากคนตรงหน้ามาทิ้งเธอไปอีกคน ชีวิตที่เหลือของเธอก็คงไร้ซึ่งความสุขอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
“คุณเรย์!”
“ถ้าน้าตรีไม่อยู่ แล้วใครจะคอยปลอบเรย์ละคะ ไม่เอานะ! ยังไงเรย์ไม่ให้น้าตรีไป!” เธอรักคนตรงหน้าไม่ต่างจากแม่แท้ๆ หากท่านทิ้งเธอไปตอนนี้ ชีวิตเธอจะเหลืออะไรไว้เป็นที่พึ่งทางใจได้อีก
มีแม่...ก็รักแต่พี่ชาย
มีพ่อก็เอาแต่หลงเมียใหม่กับลูกคนเล็กที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว หากคนตรงหน้านี้ทิ้งเธอไปอีก ชีวิตของเธอนับจากนี้ คงไม่หลงเหลือความสุขให้ได้สัมผัสอีก
“หยุดเอาแต่ใจตัวเองสักที!” เป็นกล้าตะวันที่ตวาดขึ้นก่อนจะหันไปบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป…
”แม่เข้าไปเก็บของต่อเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” จิตรีมีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ยอมหมุนตัวจากไป การกระทำนั้นเองที่มันทำให้อีกคนทนไม่ไหว
“ไม่เอา! เรย์ไม่ให้น้าตรีไป ถ้าน้าตรีไปเรย์จะโกรธ! จะไม่รักน้าตรีแล้ว” คำกล่าวนั้นทำให้ใจคนฟังใจแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อกล้าตะวันตัดสินใจไปแล้วว่าจะไปจากที่นี่ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีใครเปลี่ยนใจลูกชายนางได้ สุดท้ายนางก็ได้แต่หวังว่าคุณหนูตัวน้อยจะเข้าใจในสักวัน ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมนางกับลูกจำเป็นต้องไปจากเธอไปจากที่นี่!
“คุณกลับไปได้แล้ว!”
เสียงเข้มของกล้าตะวันตวาดขึ้นอีกหน ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีทันทีที่คนปากร้ายตวัดสายตามาจ้องมองกันอย่างคาดโทษ
“น้าตรีใจร้าย เรย์จะไม่รักน้าตรีอีกแล้ว! ไม่รักแล้ว!” สิ้นเสียงร่างเล็กก็พาตัวเองวิ่งออกไป
โดยหารู้ไม่ว่าภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของสองแม่ลูกตลอดเวลา โดยเฉพาะจิตรี ที่ทั้งรักและห่วงอีกฝ่ายมาก มากชนิดที่ว่านางนึกภาพไม่ออกเลยว่าอินทุอรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรนับจากนี้ ทั้งหมดนี้เองที่มันกำลังทำให้นางรู้สึกเป็นห่วง
“แม่ใจไม่ดีเลยกล้า...” ความเป็นกังวลนี้เองที่มันทำให้นางต้องหันไปสบตาลูกชายอีกครั้ง เผื่อว่าอีกฝ่ายนั้นจะเกิดเปลี่ยนใจ
“เขาต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปให้ได้ครับแม่ เราอยู่กับเขาไปทั้งชีวิตไม่ได้ แม่อย่าคิดมากเลยนะครับ” ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นางก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี ถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่ลูก แต่นางก็เลี้ยงมาเองกับมือ รักเสียยิ่งกว่าลูก อยู่ๆ จะให้ทิ้งไปแบบนี้ใครบ้างจะไม่ใจหาย
จิตรีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า แม่สามีที่ล่วงลับไปแล้วนั้นจะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือถึงขนาดนี้
จนกระทั่งเมื่อรถตู้คันหรูที่นั่งมาจอดสนิทลงที่บ้านไม้สักหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในกลาง ‘ไร่ชวนชม’ ไร่ชาขนาดใหญ่ที่นับจากนี้ไป มันจะตกเป็นของกล้าตะวันลูกชายนาง ตามที่พินัยกรรมได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน
ซึ่งเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งจะรู้จากคำบอกเล่าของคนสนิทของท่าน ว่าคุณย่าของกล้าตะวันนั้นไม่ได้นิ่งดูดายต่อการมีอยู่ของครอบครัวนางเลยสักนิด ท่านสั่งให้คนติดตามดูนางกับครอบครัวอย่างลับๆ แม้แต่งานศพของสามี ก็ยังให้คนขับรถพาไปร่ำลาเขาด้วยตัวเอง แม้จะทำได้เพียงยืนร่ำไห้อยู่ห่างๆ เท่านั้น
“ผมจัดการเรื่องโรงเรียนใหม่ให้แล้วครับ ส่วนเรื่องภายในไร่ ถ้าคุณกล้ายังไม่พร้อม…”
“พร้อมครับ ถึงผมจะไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน แต่ก็จะพยายามให้เต็มที่”
คำตอบนั้นทำให้ปรีชาถึงกลับลอบยิ้มภายในใจ ดูได้จากสายตาแน่วแน่ของคนตรงหน้าแล้ว เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ากล้าตะวันคนนี้นี่แหละ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งภายในไร่ให้ดีขึ้น แม้ตัวจะเป็นเด็ก แต่ความคิดความอ่านนั้นเอาเรื่องมากทีเดียว
“ถ้างั้นวันนี้เริ่มจากการเที่ยวชมไร่ก่อนก็แล้วกันนะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะปล่อยให้ปรีชาเดินนำไปที่รถคันใหญ่ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันหายเข้าไปในไร่ตลอดทั้งวันจนผู้เป็นแม่เริ่มเป็นห่วง กระทั่งเมื่อเห็นอีกฝ่าย กลับมาอย่างปลอดภัยในช่วงหัวค่ำถึงค่อยโล่งอก
“เป็นยังไงบ้างลูก” ถามไปแล้วก็อดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ ด้วยรู้ดีทีเดียวว่างานไร่งานสวนไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายๆ สิ่งที่กล้าตะวันกำลังจะได้รับต่อจากนี้นั้น ก็น่าจะถือเป็นงานหนักสำหรับลูกชายของนางมากทีเดียว
“สนุกดีครับแม่ ทุกๆ คนก็ดีกับผมมากด้วย” คิดมาถึงตรงนี้ ใจเจ้ากรรมก็อดที่จะเปรียบเทียบกับอีกสถานที่ขึ้นมาไม่ได้ แม้เจ้าของที่นั่นจะเมตตาเขากับแม่อยู่มาก แต่ผู้คนรอบข้างนั้นกลับเป็นอีกแบบ และเพราะเหตุผลนี้เองมันเลยทำให้เขาตัดสินใจพาแม่มาที่นี่ มาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในสถานที่ที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง!
เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่านับจากนี้จะมีเรื่องยากๆ สักกี่เรื่องให้จัดการ แต่ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ผู้เป็นย่าที่จากไปจะได้ไม่ผิดหวัง…
ที่ตัดสินใจยกทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา เป็นคนสานต่อแบบนี้
“ไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มีวันปล่อย ไม่ว่าเธอหรือลูก ไม่มีวัน!” แต่สุดท้ายความหวังที่มีก็ต้องพังลงไม่เป็นท่า เพราะอีกคนไม่ยอมปล่อยกันตามคำขอ ไหนจะสายตาเอาเรื่องที่เขากำลังใช้มองกันอีก “ทำไมคะ!” “เพราะฉันรักเธอ!” สิ้นคำสารภาพรัก บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสงัดลงแทบจะทันที “คุณกิต…รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา!” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และหากเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมา ในส่วนของเธอแค่ตกใจเท่านั้น ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำรักที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเขามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง แล้ววันนี้จะอยู่ๆ ก็พูดออกมา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมารักเธอได้! “รู้สิ ฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ฉันรักเธอ” “แต่คู่หมั้นของคุณ…” “เรื่องของฉันกับน้องแหววจบแล้ว จากนี้ไปจะมีแค่เรื่องของเรา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะน้า ฉันสัญญาว่าจะรัก และดูแลคะน้ากับลูกให้ดีที่สุด” คนถูกถามชั่งใจอยู่นานเพราะยังคงตั้งตัวไม่ติดกับคำสารภาพรัก ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะพ
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร