“ไว้เรย์จะคุยให้ แต่ไม่รับปากนะคะ ว่าจะพ่อจะยอมรึเปล่า” เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่จบลงไม่สวยเท่าไหร่นัก สถานะเดียวที่เหลืออยู่ระหว่างพวกท่านถึงกลายเป็นเกมชิงดีชิงเด่นกันอยู่เสมอ และคนที่ต้องยืนอยู่กลางสมรภูมิรบที่ว่านั้น ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเธอ ที่ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อแม่ต้องการบางสิ่งจากเธอ บางสิ่งที่พ่อไม่อยากให้เธอยกให้ เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น
“ไม่ยอมก็ต้องยอม รีบจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้ฉันต้องบินไปเอาเองถึงที่!” พูดจบอีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้ง ราวกับจะตอกย้ำให้เธอได้รับรู้ ว่าเรื่องที่ท่านอยากจะพูดคุยด้วยนั้นมีเพียงเรื่องที่ดินเท่านั้น ส่วนเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงนั้น คงไม่มีใครสน!
หลายวันต่อมา
หลังจากยืนส่งลูกชายไปโรงเรียนได้ไม่นาน จิตตรีก็ต้องเปิดบ้านหลังน้อยของตนเองกับลูกเพื่อต้อนรับใครบางคนที่เดินทางมาหากันถึงบ้านด้วยเหตุผลที่มันทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากไล่
“ผมชื่อปรีชาครับ เป็นคนสนิทของคุณหญิงถวิล” แน่นอนว่านางรู้จักคนชื่อนี้ แต่ที่ไม่รู้คือท่านต้องการจากนางและลูกอีก
“แล้วไม่ทราบว่าคุณ มีธุระอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เท่าที่จำได้ ก่อนตายสามีของนางย้ำหนัก ว่าให้นางกับลูกอยู่ให้ห่างคนในครอบครัวของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะกับใครคนนั้น ซึ่งนางก็ทำตามคำสั่งเสียที่ว่านั้นมาโดยตลอด ไม่นึกไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ ว่าอยู่ๆ ทางนั้นจะส่งคนตามหากันจนพบตัวแบบนี้
“นายของผมสั่งเสียเอาไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป ว่าให้ผมตามหาพวกคุณสองคนให้เจอ…” คำกล่าวนี้เองที่มันทำให้นางตกใจจนเข่าทรุด ก่อนที่จะเชิญให้คนตรงหน้าเข้ามาสนทนากันต่อในห้องรับแขก
ซึ่งหลังจากได้พูดคุยกันพักใหญ่
เรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยขึ้น มันเริ่มต้นมาจากที่นางกับสามีพบรักกันที่กรุงเทพ ตอนที่อีกฝ่ายนั้นต้องบินไปทำธุระด่วนแทนบิดาที่ล้มป่วย คุณเดชกล้าเป็นผู้ชายที่ดีพร้อม แน่นอนว่าครอบครัวของเขาย่อมไม่พอใจอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาตัดสินใจพาเธอไปแนะนำให้ได้รู้จัก โดยเฉพาะคนใจร้ายคนนั้น…
“ถ้าแกไม่เลิกกับนังเด็กนี่ ต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ในเมื่ออวดดีนักจะพากันไปตายที่ไหนก็ไป ฉันจะถือเสียว่าลูกชายของฉันมันตายจากไปแล้ว!”นางยังคงจดจำได้ดีถึงสายตาของท่านยามเมื่อจ้องมองมา กว่าจะได้สติก็พบว่าตัวเองถูกสามีจับจูงออกมาจากห้องอาหารนั้นแล้ว และไม่ว่าจะเกลี่ยกล่อมยังไง อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานคำเดิม ว่าอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน ต่อให้จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เขาก็พร้อมที่จะทำ เพื่อแลกกับการที่มีเธอกับลูกอยู่ในชีวิต
กระทั่งวันนี้ วันที่ต้องมานั่งรับรู้เรื่องราวจากปากของคนตรงหน้า ความโกรธที่เคยมีก็ค่อยๆ บรรเทาลง หลงเหลือไว้แต่กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจที่ค่อยๆ แทรกกายเข้ามาแทนที่
“เรื่องนี้ฉันคงต้องขอปรึกษาลูกก่อน ได้ไหมคะ” คนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไป
ตกเย็น
“ย่าเหรอครับ” กล้าตะวันค่อนข้างตกใจไม่น้อยที่ได้รู้เรื่องของผู้เป็น ‘ย่า’ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน เลยว่าท่านมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วย ไหนจะทางเลือกที่ผู้เป็นแม่ถ่ายทอดมาให้ต้องตัดสินใจนั่นอีก ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจจนตั้งตัวไม่ถูก…
“จ๊ะ ก่อนสิ้นบุญคุณย่าเขาสั่งเสียให้คนตามหาเรา ท่านอยากให้เราย้ายไปอยู่ที่ไร่ของท่าน กล้าจะว่ายังไง อยากไปไหมลูก” เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับลูกชายโดยตรง เพราะถือเป็นทายาทคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของทางนั้น
เพราะแบบนี้นางถึงได้ปล่อยให้หน้าที่ตัดสินใจเป็นของเจ้าตัวเขาต่อไป และหากคำตอบของลูกคือไม่ ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น เรื่องสมบัติมากมายนั่นเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความรู้สึกลูก และไม่ว่าคำตอบของกล้าตะวันจะเป็นไปในทิศทางไหน นางก็พร้อมที่จะเคารพทุกการตัดสินใจของลูกอย่างไม่มีข้อแม้!
“ครับแม่ เราจะไป!”
กล้าตะวันใช้เวลาตัดสินใจไม่นานก็ตอบรับกลับไป อย่างน้อยไปจากที่นี่ ชีวิตเขากับแม่ก็จะไม่ต้องลำบากอีก ถ้ามันพอมีทางเป็นไปได้ ที่นับจากนี้แม่ของเขาจะได้อยู่อย่างสุขสบาย แน่นอนว่าเขายอมทำทุกอย่าง นั่นรวมไปจากที่นี่ ไปจากทุกคน!
“ไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มีวันปล่อย ไม่ว่าเธอหรือลูก ไม่มีวัน!” แต่สุดท้ายความหวังที่มีก็ต้องพังลงไม่เป็นท่า เพราะอีกคนไม่ยอมปล่อยกันตามคำขอ ไหนจะสายตาเอาเรื่องที่เขากำลังใช้มองกันอีก “ทำไมคะ!” “เพราะฉันรักเธอ!” สิ้นคำสารภาพรัก บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสงัดลงแทบจะทันที “คุณกิต…รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา!” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และหากเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมา ในส่วนของเธอแค่ตกใจเท่านั้น ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำรักที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเขามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง แล้ววันนี้จะอยู่ๆ ก็พูดออกมา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมารักเธอได้! “รู้สิ ฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ฉันรักเธอ” “แต่คู่หมั้นของคุณ…” “เรื่องของฉันกับน้องแหววจบแล้ว จากนี้ไปจะมีแค่เรื่องของเรา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะน้า ฉันสัญญาว่าจะรัก และดูแลคะน้ากับลูกให้ดีที่สุด” คนถูกถามชั่งใจอยู่นานเพราะยังคงตั้งตัวไม่ติดกับคำสารภาพรัก ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะพ
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร