Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-02-07 12:02:50

เมื่อเห็นทุกคนเงียบไป มินจึงเงยหน้ามองไปที่คุณป้า ก็เห็นว่าคุณป้ามองหน้าลูกค้าอีกสองคนอยู่สีหน้าตกใจ ปนหวาดผวา

“เป็นอะไรกันค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” มินถามออกมา

“เอ่อ ไม่มีอะไรจ๊ะ ว่าแต่หนูมินหาของเจอหรือยัง ป้าเดินเข้าไปเอามาให้แล้วกันนะ” ว่าแล้วป้าอุษาก็เดินเข้าไปข้างในร้าน มินจึงหันไปยิ้มกับลูกค้าชายหญิงอีกสองคน ซึ่งทั้งสองคนก็ยิ้มตอบด้วยสีหน้าฝืนๆ

สักพัก ป้าอุษาจึงเดินออกมาพร้อมกับน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำหลายยี่ห้อแล้วยื่นให้มิน

“ป้ามีประมาณนี้ ใช้ได้มั้ยจ๊ะ”

มินดูและหยิบขึ้นมาหลายชิ้น เพราะเธอกะว่าจะเอาไปใช้กับห้องน้ำชั้นบนด้วย เมื่อเลือกได้แล้ว มินก็ทำการจ่ายเงินและกำลังจะเดินออกจากร้านไป

“หนูมินจ๊ะ หนูทำสัญญาเช่าบ้านนี้มากี่ปีจ๊ะ” ป้าอุษาถามออกมาก่อนที่มินจะเดินจากร้านไป

“จริงๆ ทำไว้ที่หกเดือนเองค่ะ เพราะตอนแรกตั้งใจจะซื้อบ้านใหม่ พอดีบ้านหลังเก่าขายได้ จึงมาเช่าอยู่ชั่วคราว แต่อยู่ ๆ ไป ก็ค่อนชอบบ้านหลังนี้เหมือนกันค่ะ กำลังคิดจะถามราคาซื้อจากเจ้าของบ้านอยู่ค่ะ”

“หา จะซื้อเลยเหรอลูก ป้าว่าลูกลองอยู่ไปอีกสักพักก่อนดีมั้ยจ๊ะ เผื่อ” พูดแล้วก็หยุดไว้แค่นี้

“เผื่ออะไรเหรอค่ะ คุณป้า” มินก็งง เพราะรออยู่หลายนาที คุณป้าก็ไม่ยอมพูดต่อ

“เผื่อเราจะไปถูกใจหลังใหม่กว่านี้ไงจ๊ะ ยังไงนี่ก็เป็นบ้านเก่าแล้ว ยังไม่รู้ว่าต้องซ่อมอีกเท่าไหร่ จะคุ้มหรือเปล่า ป้าแค่เป็นห่วงจ๊ะ เห็นเราอยู่คนเดียว ไม่อยากให้สิ้นเปลือง”

มินพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผู้สูงวัย ถึงแม้ตอนนี้เธอพอจะมีเงินก้อนจากการฟ้องหย่าและขายบ้าน แต่เก็บเงินไว้ก็อาจจะดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงยกมือไหว้ลาคุณป้าแล้วเดินออกจากร้านไป ไม่วายหันมาทักทายกับลูกค้าอีกสองคนในร้านก่อนออกไปเช่นกัน

“ป้าๆ นี่ใช่คนที่ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนั้นหรือเปล่า” เสียงหญิงสาวหนึ่งในลูกค้าดังขึ้น

“อืม ใช่ น่าสงสารจัง มาอยู่คนเดียวด้วย ไม่รู้จะอยู่เลยวันนั้นได้หรือเปล่า”

“นี่ก็เพิ่งสิ้นเดือนเองนะป้า อีกตั้งหลายวันกว่าจะถึงวันนั้น เราพอจะช่วยอะไรเธอได้มั้ย”

“เฮ้อ ป้าก็อยากช่วย แต่ใครที่เข้าไปที่ของมันแล้ว ไม่เคยมีรอดออกมาได้สักราย อีกอย่างหนูคนนี้ทำสัญญาไปแล้วด้วย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสามคนได้แต่ถอนหายใจออกมาดังๆ

มินเดินกลับเข้ามาในบ้านก็รีบนำน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำเข้าไปใส่ในห้องนั้นชั้นล่างทันที พร้อมทั้งพยายามเปิดหน้าต่างในห้องน้ำออกให้กว้างให้มากที่สุดเพื่อที่จะระบายกลิ่น

เมื่อทำความสะอาดบ้านชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว มินกำลังสองจิตสองใจว่าระหว่างเก็บของในห้องเก็บของเลย หรือว่าจะขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบนก่อนดี

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไร เสียงกดออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น

อ๊อด อ๊อด อ๊อด

มินไปชะโงกหน้าดูจากหน้าต่าง เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน มินจำได้ทันทีว่าเป็นเจ้าของบ้าน จึงรีบเดินออกไปหา และทำท่าจะเปิดประตูเพื่อเชิญให้อีกฝ่ายเข้าบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเปิดหรอก คุณมิน พอดีผมผ่านมาแถวนี้ จึงแวะมาเยี่ยมครับ เดี๋ยวผมต้องไปทำธุระต่ออีกครับ ว่าแต่คุณมินอยู่มาครบอาทิตย์แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะครับ”

“อ๋อ ก็ดีค่ะ”

“แล้ววันนี้คุณมินไม่ออกไปไหนเหรอครับ”

“ไม่หล่ะค่ะ วันนี้ตั้งใจทำงานบ้านค่ะ มีเวลาอยู่บ้านแค่เสาร์ อาทิตย์ ยังเก็บของไม่เสร็จด้วยค่ะ”

“อ้อ งั้นผมไม่รบกวนแล้วกันนะครับ หากมีปัญหาอะไรโทรหา หรือส่งข้อความหาผมได้ตลอดนะครับ”

หลังจากเจ้าของบ้านขับรถออกไป มินก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ลูกบิดประตูห้องเก็บของเสีย

“อันนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าของบ้านเช่าหรือเปล่านะ แต่ช่างเถอะ แค่นี้เอง เราซื้อเองก็ได้เนอะ”

เมื่อคิดได้แล้ว ก็หันกลับเข้าบ้าน แต่เธอก็เหลือบเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นสองมองลงมายังเธอ

มินยืนตะลึงอยู่กับที่ สักพักก็รีบขยี้ตาตัวเอง เมื่อลืมตาขึ้นมาหลังจากขยี้ตาเสร็จ ก็เห็นว่าตรงนั้นเป็นแค่เสาไม้แขวนผ้าอยู่ตรงหน้าต่างตรงนั้น

มินถอนหายใจออกมาทันที

“เฮ้อ กลางวันแสกๆ สงสัยเราจะเพลียแดด หรือจะพักสักหน่อย เอาอย่างนี้ดีกว่า ขึ้นไปแค่กวาดเช็ดถูตรงพื้นห้องก็พอ ส่วนห้องเก็บของค่อยเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน”

วันนั้นมินจึงแค่ทำความสะอาดบ้านข้างบนข้างล่าง แต่ยังไม่ได้เข้าไปในห้องเก็บของสักที ส่วนห้องนอนอีกสองห้องนั้น มินก็ทำแค่กวาดถูเท่านั้น ยังไม่ได้เปิดดูข้างในตู้เสื้อผ้าแม้แต่น้อย

สองห้องนอนที่เล็กกว่าห้องของมินนั้น มีทั้งเตียงและตู้เสื้อผ้า พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะหนังสือ ค่อนข้างครบครัน จริงๆ ยกเว้นห้องของมินเท่านั้นที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ เลย นั่นจึงทำให้มินตัดสินใจเลือกห้องนอนใหญ่ เพราะมินได้ขนเตียงจากบ้านเดิมมาด้วย

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว เนื่องจากซอยนี้คนอยู่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ จะมีก็แค่บริเวณหน้าปากซอยเท่านั้น ซึ่งที่เธอรู้เพราะได้ยินเสียงคนคุยกันจอแจ เสียงเด็กเล่นดังมาจากหน้าปากซอยไกลๆ

มินเริ่มรู้สึกหิว แต่ก็ไม่อยากทำอะไรมากมาย จึงทำแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินไปดูหนังไปด้วย ชีวิตนี้เธอมีความสุขจริงๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอในระหว่างนั้น

เมื่อเก็บล้างเรียบร้อย หญิงสาวที่เหนื่อยมาทั้งวันกับการทำความสะอาดบ้านก็รีบขึ้นไปจัดการอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเธอทำอะไรเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้น หญิงสาวได้รับข้อความจากไลน์กลุ่มของแผนกของเธอ

“เฮ้อ หัวหน้าทุกที่นี่เหมือนกันหมดเลยเนอะ วันทำงานไม่เคยเป็นวันทำงานเลยจริงๆ งานด่วนอีกแล้ว”

ถึงจะบ่นไปก็ต้องทำอยู่ดี จึงทำการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อนั่งทำงานด่วนที่ต้องส่งให้เจ้านายดู

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว หญิงสาวยังนั่งง่วนกับรายงานที่ต้องทำส่งเจ้านายผู้แสนดีอยู่ คืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอเลยเวลาเที่ยงคืนแล้วเธอยังไม่นอน หญิงนั่งทำงานไป ง่วงนอนไป

ตึก ตึก ตึก

เสียงเดินย่ำฝีเท้าอยู่นอกห้องทำให้หญิงสาวที่อยู่ในภวังค์ของงานรู้สึกตัวขึ้นมา หันหน้าไปทางประตูห้อง เมื่อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ มินรีบปิดเสียงโทรทัศน์ที่เธอเปิดทิ้งไว้ทันที เมื่อทุกอย่างในห้องเงียบหมด มินก็ได้ยินเสียงข้างนอกห้องชัดเจนขึ้น

แอ๊ด

เสียงเปิดประตูของห้องนอนห้องข้างๆ กันดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงซุบซิบเบาๆ ตามมา

“แก....ทำอะไรอยู่” เสียงหญิงสาวดังขึ้นมา แต่เสียงนั้นมีความแผ่วเบา

“ปล่อยผมไปได้มั้ยครับ” ตามมาด้วยเสียงเด็กชายที่น่าจะอายุประมาณเจ็ดถึงแปดขวบ และมีความแผ่วเบาเช่นเดียวกัน

“ปล่อยหรือ แกแอบขโมยกินอีกแล้วใช่มั้ย ไอ้เด็กบ้า ทำไมสอนไม่จำ หา!”

ตามมาด้วยเสียงไม้ตี

เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ

“โอ้ย โอ้ย โอ้ย ผมผิดไปแล้วครับ ผมผิดไปแล้ว อย่าตีผมเลยครับ”

จากตอนแรกที่เสียงพูดคุยนั้นออกจะแผ่วเบา แต่ตอนนี้เสียงกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ มินที่นั่งทำงานอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคนถูกตี และร้องไห้ แถมเสียงนั้นกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีตกใจ แต่ยังปลอบใจตัวเองว่าเสียงเหล่านั้นไม่ได้ดังมาจากบ้านของตัวเอง

“ใครกันมาตีเด็กแถวนี้ เสียงดังเหมือนอยู่ในบ้าน แต่ไม่น่าใช่สิ ในบ้านเราไม่มีคนนี่น่า หรือจะเป็นหน้าบ้านกัน”

คิดได้ดังนั้นก็รีบเดินไปเปิดระเบียงบ้านเพื่อไปดูตรงหน้าบ้านว่ามีใครมาตีเด็กอยู่แถวนี้หรือเปล่า

วันนี้เป็นคืนเดือนมืด และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไฟถนนตรงหน้าบ้านกลับมีอาการติดๆ ดับๆ ทำให้มินมองเห็นไม่ค่อยชัด เมื่อเพ่งนานๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติแม้แต่น้อย

“ไม่มีอะไรนี่นา จะบอกว่าบ้านข้างๆ เหรอ”

มองไปทางบ้านข้างๆ ทั้งสองหลัง ทุกหลังก็ยังปิดไฟมืดไปหมด ก็เลยเดินกลับไปนั่งทำงานต่อ

“หรือเราหูฝาดไป ตอนนี้ก็ไม่มีเสียงแล้วนี่นา ช่างเถอะ ทำงานต่อดีกว่า”

คืนนั้น มินทำงานต่อจนถึงตีสาม ซึ่งช่วงเวลานั้น ไม่มีเสียงร้องไห้ หรือเสียงพูดคุยอีก แต่มีเสียงเอี๊ยด อ๊าด และตึงตังแทน ด้วยความที่มินเป็นคนไม่กลัวสิ่งลี้ลับ ประกอบกับความง่วงและอยากปั่นงานเร็วๆ จึงไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้น

วันนี้มินตื่นสายเป็นพิเศษ ยังอาบน้ำไม่ทันเสร็จดี ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

“ใครกันโทรมาเวลานี้” บ่นพึมพำในใจแล้วรีบพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องทันที แต่เมื่อเห็นหน้าจอดโทรศัพท์ว่าเป็นพี่อู๊ดก็อารมณ์ดีขึ้นมา

“ว่าไงค่ะ คุณพี่ โทรมาจะพาน้องไปเลี้ยงข้าวที่ไหนอีกหรือค่ะ” มินกล่าวหยอกออกไปอย่างอารมณ์ดี

“เฮ้ย รู้ได้ไงเนี่ยว่าจะพาไปกินข้าว” อู๊ดตอบกลับมาด้วยเสียงใสเช่นกัน

“อืม ผีบ้านผีเรือนบอกนะ” มินตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร

“พูดอะไรอย่างนั้นวะ เจอแล้วเหรอ” น้ำเสียงอู๊ดดูจริงจังขึ้นมา

“เฮ้ย พี่เป็นอะไรล้อเล่นน่า พี่เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” มินเมื่อเห็นน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีของอู๊ดก็เลยถามออกมา ไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายคนนี้จะเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย

“เรื่องพวกนี้ล้อเล่นไม่ได้นะมิน อีกอย่างบ้านที่มินอยู่ก็ไม่ใช่บ้านใหม่เสียหน่อย แถมมีประวัติด้วย”

“อ๋อ ประวัตินั้นนะเหรอ เจ้าของบ้านบอกแล้วหล่ะ แต่เขาสองคนเสียที่นอกบ้านนี่ ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาเสียหน่อย แต่พูดก็พูดนะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ค่าเช่าถูกมากเลย ไม่รู้ทำไมคนก่อนๆ ถึงย้ายออกเนอะพี่”

อู๊ดนิ่งไปสักพัก ดูเหมือนว่าน้องที่ทำงานคนนี้ของเขายังไม่รู้เรื่องจริงสินะ

“เอาหล่ะ แต่งตัวเสร็จหรือยัง พี่จะถึงบ้านเราแล้ว”

“โอเค มาเลยจะเสร็จแล้วค่ะ”

อู๊ดวางหูจากมิน แต่ในใจเริ่มคิดไม่ตก ทำยังไงดี เขาควรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังหรือเปล่านะ

จังหวะที่คิดอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่อู๊ดจะเลี้ยวเพื่อกลับรถพอดี

เอี๊ยดดดดดดด โครมมมม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 3

    “ฉันเลือก....”คำพูดของภูมิขาดหายไปเมื่อเขาตระหนักว่าการเลือกไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ ถ้าหากเขาเลือกเป็นตัวตายตัวแทนของซัน คนอื่นก็อาจจะรอดไปได้ แต่เขาเองจะติดอยู่ในวงจรอาถรรพ์นี้ต่อไป และหากเขาเลือกจะเป็นเพื่อนซัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคำสาปนี้จะจบลงมีทางเลือกอื่นไหม? ทางที่จะทำลายคำสาปนี้ให้หมดสิ้นไปซันหายไปแล้วราวกับว่าต้องการให้ภูมิได้มีเวลาคิดถึงทางเลือกของตัวเองภูมินิ่งคิดสักพักใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องนอนเพื่อค้นเอกสารเก่าที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ หากคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง มันต้องมีร่องรอยหรือวิธีแก้ไขอยู่ในบันทึกเหล่านั้นพลิกกระดาษเก่า ๆ ไปทีละหน้า เขาสะดุดตากับข้อความหนึ่งในรายงานของตำรวจที่ระบุถึง “วัตถุปริศนา” ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของของบ้าน เป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายที่ดูคล้ายกับซันอย่างไม่น่าเชื่อ และมีข่าวลือว่ามันเคยถูกทำลาย แต่กลับฟื้นคืนมาในสภาพเดิมอย่างไม่มีร่องรอยความเสียหาย‘หลวงพี่โต้งเคยพูดถึงรูปปั้นนี้... มีคนเคยทำลายมัน แต่เพราะทำลายผิดวิธี มันจึงกลับมาได้’ห

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 2

    ภูมิถอนหายใจยาวหลังจากวางสายกับแฟนของประภาพิมพ์ ดูเหมือนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเลขที่ 13 จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ายังมีบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้แต่คำถามสำคัญคือ... ทำไม?คืนนั้น เขากลับมาที่บ้านเลขที่ 13 อีกครั้งด้วยความรู้สึกกดดันแปลก ๆ คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างที่ยังคงคลุมเครืออยู่ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำ เขาสังเกตเห็นป้าอุษาแอบมองจากหน้าต่างร้านของตัวเอง แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเขาใช้กุญแจไขประตูเข้าไปข้างใน บรรยากาศในบ้านเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของตัวเขาเองที่สะท้อนในความว่างเปล่าเขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คราวนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องสุดท้ายของบ้านภายในห้องนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ วอลเปเปอร์บนกำแพงเริ่มลอกออก โต๊ะเขียนหนังสือเก่าถูกตั้งไว้ริมหน้าต่าง มีรูปถ่ายที่ซีดจางวางอยู่บนโต๊ะมือของภูมิเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปของครอบครัวหนึ่ง—พ่อ แม่ และเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายในรูป... หน้าตาเหมือนเ

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 1

    เสียงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมครูดกับพื้นซีเมนต์ดังลั่นเมื่อภูมิเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านเลขที่ 13 บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนผิดปกติ มีเพียงเสียงลมพัดไหวผ่านต้นไม้แห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วเท่านั้นเขาหยิบกุญแจที่ป้าอุษาให้มา แล้วไขประตูเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีเพียงแสงจากดวงไฟถนนด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีม่านขาดรุ่งริ่ง ภูมิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม“เริ่มงานเลยดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตกับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า เขาวางข้าวของไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกแล้วเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ บ้านภูมิได้รับหน้าที่ทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับบ้านร้างที่มีอาถรรพ์มากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านหลังนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบด้วย ภูมิจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือฝุ่นที่เกาะหนาเตอะตามเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เป็นไปได้ว่าบ้านหลังนี้อาจไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่ที่แปลกคือไม่มีร่องรอยของสัตว์รบกวน เช่นหนูหรือแมลงสาบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีบางอย่างทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาภูมิก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ปร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 22 (ตอนจบ)

    มินยืนตัวแข็งทื่อ ร่างของเธอราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น ความกลัวพุ่งเข้าจู่โจมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาของเด็กชายที่ชื่อซันนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างกาย"พี่มิน... จะทำยังไงหรือฮะ?" เสียงเย็นเยียบของเด็กชายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาดที่เริ่มฉีกกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ควรจะทำได้มินพยายามถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับตามที่ต้องการ หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซัน... เธอเป็นใครกันแน่!" มินตะโกนออกไปสุดเสียง ความหวังที่ว่าเด็กชายตรงหน้าจะตอบคำถามเธอด้วยความเมตตานั้นไม่มีอยู่จริงซันหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในห้องเก็บของแคบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้"พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฮะ... แค่รู้ไว้ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่... อยู่กับผม... ตลอดไป!"ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง แรงมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าโถมใส่มิน ร่างของเธอลอยหวือกระแทกกับผนังด้านหลังจนรู้สึกได้ถึงแรงกระแท

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 21

    มินจ้องมองที่กำแพงด้วยความหวาดกลัว ชื่อของเธอกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัวอักษร เหมือนมีมือล่องหนกำลังเขียนมันลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกวินาที ความกลัวที่เคยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของเธอ ตอนนี้ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง“ไม่... นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง...” มินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธได้เธอรีบคว้าจดหมายฉบับอื่นๆ ในกล่องขึ้นมาอ่าน ทุกฉบับล้วนแต่เป็นจดหมายที่เขียนโดยผู้เช่าบ้านคนก่อนๆ ที่ต่างก็พยายามยกเลิกสัญญาเช่า แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ จดหมายแต่ละฉบับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง บางฉบับถึงกับเขียนถึงการพบเจอสิ่งลึกลับในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกับที่เธอกำลังประสบอยู่มินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในความลึกลับที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เธอต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ซัน... ซันช่วยพี่หน่อย...” มินร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบ

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 20

    “หา เด็กผู้ชาย ใช่ ซันหรือเปล่า” มินพึมพำกับตัวเอง รีบเปิดวันต่อไปเพื่ออ่านต่อเมื่อคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ หญิงสาวก็เริ่มมีความหวาดหวั่น เหมือนทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอเดินตามรอยของหญิงสาวคนนี้ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเผชิญกับความลึกลับที่เธอกำลังประสบอยู่ เธอพลิกหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อ“วันที่ 11 วันนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในบ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนกลางคืน ทั้งที่ฉันอยู่คนเดียว เสียงนั่นเหมือนกับเด็กวิ่งไปมาบนพื้นไม้ แต่เมื่อฉันเปิดไฟดู ก็ไม่มีอะไร ฉันพยายามบอกตัวเองว่ามันอาจเป็นแค่เสียงบ้านเก่าแต่ใจฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วันที่ 12 ฉันเห็นเขาแล้ว... เด็กชายคนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมห้อง มองมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฉันพยายามตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็หายไปในความมืด ฉันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจวันที่ 13 ฉันพบรอยขีดเขียนบนกำแพงห้องเก็บของ มันเป็นรายชื่อของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านนี้ พร้อมกับวันที่เสียชีวิต ฉันเห็นชื่อของตัวเองถูกเขียน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status