แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: หน่วยพลังงาน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 12:01:38

วันนี้เหมือนเป็นวันที่ดีของมินจริงๆ ตั้งแต่เช้าออกจากบ้าน รถไม่ติดเลยสักนิด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำงาน

ที่ทำงานใหม่ ตำแหน่งงานใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่นั้น ทำให้มินเหมือนเป็นคนใหม่

มินมีความสุขมาก ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานล้วนดีกับเธอ ทำให้การเรียนรู้งานไปได้เร็วพอสมควร มีที่ประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ เธอเพิ่งรู้ว่า พี่อู๊ด หัวหน้างานเก่าที่เธอสนิทนั้น ก็มาทำงานที่นี้ด้วย แม้อยู่คนละแผนกแต่ก็ทำให้เธออุ่นใจที่มีคนรู้จักอยู่ที่นี้ด้วย

ตกเย็นก่อนเลิกงาน

“มิน มิน” เสียงห้าวเรียกขานขึ้นมา ระหว่างที่มินกำลังจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองเพื่อกลับบ้าน ทำให้หญิงสาวหันไปมองหาที่มาของเสียงเรียก ทว่า กลับไม่พบใครเลยสักคน

แต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่อู๊ดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“อุ๊ย ตกใจหมดเลยพี่ ทำไมเดินมาเร็วจัง เมื่อกี้เสียงพี่ยังอยู่ข้างหลังมินอยู่เลย” หญิงสาวบ่นพี่ชายคนสนิทตรงหน้าพร้อมกับเอามือทาบอกไปในตัว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษ พี่กลัวมาตามเราไม่ทัน ก็เลยรีบวิ่งมา เห็นเรียกแล้วไม่หยุดเดินสักที รีบไปไหนหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ พี่อู๊ดมีอะไรกับมินหรือเปล่าค่ะ”

“อ้อ เห็นวันนี้เรามาทำงานวันแรกเลยว่าจะเลี้ยงต้อนรับสักหน่อย สนใจมั้ย”

“แหม พี่ก็มาทำงานก่อนมินไม่กี่เดือนเอง แต่ก็ได้ค่ะ ที่บ้านยังไม่ได้ซื้อของสดเข้าเหมือนกัน ไม่งั้นกลับไปก็ไม่พ้นมาม่า หรือสั่งแกร็บมาส่ง”

“จริง ๆ ร้านอาหารที่จะพาไปก็อยู่ใกล้บ้านมิน เอาอย่างนี้มั้ย เราขับนำพี่ไปที่บ้านแล้วเราจอดรถทิ้งไว้ ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่กลับไปส่งเราที่บ้านอีกที”

“อืม ก็ได้ค่ะ แต่เดี๋ยวขากลับมินนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ เกรงใจพี่ จะได้ไม่ต้องเข้ามาส่ง” มินคิดอยู่สักพักจึงตอบตกลง

“เฮ้ย เกรงใจอะไร ยังไงก็เป็นทางผ่าน อีกอย่างตั้งแต่ที่พี่แนะนำเราให้ไปเช่าบ้านหลังนี้ ยังไม่ได้เห็นของจริงเลย จะได้ไปช่วยดูให้ด้วยว่าน่ากลัวหรือเปล่า เห็นอย่างนี้ พี่เป็นคนมีเซ้นท์นะ เป็นพี่อู๊ดจิตสัมผัส”

“ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องมาหลอกเสียให้ยากหรอกค่ะ มินไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ และถ้าพี่อู๊ดจิตสัมผัส รู้ล่วงหน้ามั้ยค่ะ ว่าหลังจากช่วยน้องวันนั้นแล้ว ตัวพี่จะต้องตกงานเหมือนกันอย่างนี้”

“ยัยตัวดี มาแซะเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่น่าช่วยเลยจริงๆ” ว่าแล้วก็เขกหัวคนตรงหน้าไปหนึ่งที

“โอ๋ โอ๋ ไม่โกรธนะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง เอาหละ รีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวที่ร้านอาหารคนเยอะ ไม่อยากรอนาน เริ่มหิวแล้วค่า”

“งั้นก็นำทางไปสะ” ว่าแล้วก็ขยี้หัวน้องสาวคนสนิทข้างหน้าหนึ่งที ก่อนที่เดินไปที่รถของตัวเองเพื่อรอขับตามรถหญิงสาวไป

ตกดึก มินกลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่มด้วยอาการกรึ่ม ๆ เล็กน้อย

ในขณะที่มินกำลังควานหาสวิชไฟในความมืด ที่มีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟข้างทางตรงบริเวณหน้าบ้านช่วยเธอเท่านั้น

ทันใดนั้น

ตึง เสียงคล้ายของบางอย่างตกอยู่กลางพื้นห้องนั่งเล่น

หญิงสาวหันกลับไปมองเห็นเป็นเงาร่างของเด็กยืนอยู่ที่นั่น ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอคลำหาสวิชไฟเจอพอดี ร่างบางรีบหันไปกดเปิดไฟทั้งหมด และเมื่อหันกลับมาที่กลางห้องนั่งเล่นอีกครั้ง กลับไม่พบอะไรเลย

“เฮ้อ สงสัยเราคงจะดื่มมากไป หรือไม่ก็เงาสะท้อนเล่นตลกกับตาของเราใช่มั้ยเนี่ย”

พูดจบก็เดินไปที่ห้องครัวโดยไม่ลืมที่จะวางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะทานข้าว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องครัว

ปึก มินจัดการเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำให้ตัวเองรู้สึกสดชื่นขึ้น

จากนั้นทำการปิดไฟที่ห้องครัว ห้องนั่งเล่นแล้วเดินจะมาเอากระเป๋าบนโต๊ะทานข้าว แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา

“เอ๊ะ ทำไมกระเป๋ามันมาแขวนอยู่บนพนักเก้าอี้แทนหล่ะ เมื่อกี้จำได้ว่าเราวางไว้บนโต๊ะไม่ใช่เหรอ”

พยายามคิดอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็คิดไม่ออก เลยตัดสินใจหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินไปขึ้นบันไดทันที

มินจัดการอาบน้ำ แต่งตัว ระหว่างที่กำลังเป่าผมอยู่นั้น ก็กำลังจะเปิดโทรทัศน์ในห้องนอนไว้ด้วย จะได้ไม่เหงา แต่เอ๊ะ ลืมไปเลยว่ายังไม่ติดตั้งอินเตอร์เน็ตเลย ทำให้สมาร์ททีวี ไม่สามารถใช้งานได้ และแน่นอนบ้านหลังนี้ไม่มีเสาอากาศ

“เฮ้อ ลืมไปเลยว่ามีตั้งหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ เห็นแก่กินจริงๆ ยัยมินเอ้ย พรุ่งนี้ต้องไม่ลืมที่ต้องแวะห้างก่อนเข้าบ้านเพื่อติดต่อเรื่องอินเตอร์เน็ต แล้วสงสัยต้องขอกล่องสัญญาณทีวีมาด้วยแล้ว งั้นตอนนี้เอายังไงดี บ้านเงียบเกินไปแล้ว เปิดยูทูบไปก่อนแล้วกัน”

ระหว่างพยายามค้นหาช่องที่อยากฟังเพื่อรอผมที่ยังไม่แห้งนั้น

“เอ ทำไมมีแต่ช่องเล่าเรื่องผีเนี่ย เราอยากดู อยากฟังอย่างอื่นมากกว่า เอาสปอยด์ซีรีส์แล้วกัน อ้าว อะไรกันนี่ ทำไมมีแต่ซีรีย์ผี เฮ้อ เอาเหอะ งั้นเอาเรื่องเล่าสักเรื่องแล้วกันนะ”

มินเลื่อนไปเรื่อย ๆ และเปิดออกมาหนึ่งเรื่อง หลังจากเปิดแล้วก็นำโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ ที่หัวนอน และตัวเองก็ไปทำการเช็ดผมไปด้วย

“สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านเช่าแถวชานเมืองหลังหนึ่งมาให้ฟังนะครับ .........”

มินเช็ดผมไป พร้อมกับเตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่วันพรุ่งนี้ไปด้วย เธอจึงฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ที่เปิดเพื่อจะได้มีเสียงอะไรมาอยู่เป็นเพื่อนก็เท่านั้น ระหว่างที่เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อซักชุดชั้นในอยู่นั้น

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงหญิงสาวก็ดังขึ้นมา เสียงเหมือนอยู่ในบ้าน มินรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำเพื่อออกมาดู ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงกรี๊ดในโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากหนังผีที่เปิดต่อเรื่องเล่าที่ได้จบลงไป

มินรีบเดินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปิดทันที

“เฮ้อ ตกใจหมดเลย ปิดเลยแล้วกัน”

เมื่อปิดเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิมแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำการซักผ้าให้เสร็จจะได้นอนสักที

คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย มินเปิดผ้าม่านหนาออก เหลือเพียงผ้าม่านบางไว้เท่านั้น ทำให้มองเห็นตรงระเบียงเพราะมีทั้งแสงจากดวงจันทร์และแสงจากไฟส่องถนนหน้าบ้านเข้ามา

ขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น มินก็เห็นเหมือนเงาลางๆ ของเด็กคนนึง น่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่มีผมสั้นซอย ยืนอยู่ตรงระเบียงมองเข้ามาในบ้าน แต่มินกลับคิดว่านี่เป็นแค่แสงตกกระทบเหมือนตอนที่เปิดประตูเข้าบ้านมาจึงไม่สนใจ และหลับต่อไปจนถึงเช้าของอีกวัน

วันต่อมา มินไปทำงานตามปกติ และไม่ลืมที่จะแวะห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านระหว่างขากลับบ้านเพื่อทำเรื่องขออินเตอร์เน็ตและกล่องทีวี

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ นอกจากวันจันทร์ที่มินเจอเงาของเด็กผู้ชาย วันอื่นๆ ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ยกเว้นแค่ทุกเช้า เมื่อมินเดินลงบันไดมา จะต้องเจอประตูห้องเก็บของที่เปิดออก

“สงสัย ตัวล็อคจะเสีย เดี๋ยวเสาร์ อาทิตย์นี้คงต้องดูสักหน่อยแล้ว”

เมื่อคิดได้แล้วก็เดินไปปิด แล้วเดินออกจากบ้านไปทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน

ระหว่างเดินไปทำงานก็คิดในใจ

“ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้ามา มินยังไม่ได้เข้าไปในห้องเก็บของกับห้องนอนอีกสองห้องข้างบนเลย สงสัยเสาร์ อาทิตย์นี้ต้องสะสางสักหน่อยแล้ว อ้อ แล้วยังไม่ได้ทักทายเพื่อนบ้านด้วย เฮ้อ สุดสัปดาห์นี้ งานเยอะอีกแล้วสิ”

และแล้วสุดสัปดาห์แรกของการอยู่บ้านหลังนี้ก็มาถึง มินตื่นแต่เช้าจัดการอาบน้ำล้างหน้า และลงมาทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้กับตัวเอง และเหมือนเดิม ประตูห้องเก็บของเปิดค้างไว้เหมือนเดิม ซึ่งมันกลายเป็นความเคยชินของหญิงสาวไปเสียแล้ว

มินเดินไปปิดประตูอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยังไงวันนี้ก็ต้องเข้าไปสำรวจในห้องอย่างแน่นอน แล้วก็เดินไปทำอาหารเช้าทานไปด้วย วันนี้ขอทำตามใจตัวเอง เอาข้าวเช้าไปกินในห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้กินไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วยเสียเลย

จากนั้นก็จัดการเก็บล้างจานให้เรียบร้อย ทำความสะอาดห้องครัว ห้องนั่งเล่น บริเวณโต๊ะอาหารและไปที่ห้องน้ำข้างล่างซึ่งอยู่ติดกับห้องเก็บของ

“อุ๊บ ทำไมห้องน้ำเหม็นอย่างนี้นะ เราไม่เคยใช้เลยนี่นา เอ หรือว่าพนักงานขนของแอบมาใช้นะ ฮึ่ม มาใช้แล้วทำไมไม่ช่วยกันรักษาความสะอาดนะ สงสัยต้องหาน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำมาใช้เสียแล้ว แต่ขี้เกียจไปที่ห้างจังเลย ใช่สิ ไปที่ร้านป้าดีกว่า”

มินจึงหยิบกุญแจบ้าน กระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์เดินไปที่ร้านค้าของป้าอุษาเพื่อหาซื้อน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำ และอาจจะดูของอย่างอื่นด้วยเลย

ระหว่างทางเดินก็คอยสังเกตบ้านรอบข้างไปด้วยเห็นว่ามีประกาศขายอยู่หลายหลังเลย นับๆ ได้ ในซอยนี้มี ทั้งหมด 13 หลัง แต่มีคนอยู่จริงๆ แค่หกหลังเท่านั้น และส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ที่ต้นๆ ซอยบ้าน

“นี่ถ้าขับรถคงไม่ได้สังเกตนะเนี่ย บ้านก็ยังอยู่ในสภาพดีอยู่นะ ทำไมประกาศขายกันเยอะเชียว”

มินเดินไปแบบไม่รีบร้อนมากนัก เพื่อดูสภาพบ้านแต่ละหลังไปด้วย จนมาถึงร้านของอุษา

“สวัสดีค่ะ คุณป้า” มินยกมือไหว้ป้าอุษา พร้อมกับยิ้มให้ ในร้านตอนนี้มีหญิงชายคู่หนึ่งยืนเลือกซื้อของอยู่ เมื่อเห็นมินเดินเข้ามา ก็หันไปมองที่ป้า จากนั้นป้าก็พยักหน้าเล็กน้อย ทั้งสองคนก็หันไปสนใจซื้อของต่อทันที

“สวัสดีจ๊ะ หนูมิน เป็นไงบ้าง อยู่ครบอาทิตย์แล้ว ทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่หรือยัง”

“ก็เริ่มคุ้นแล้วค่ะ แต่บ้านหลังใหญ่นี่ก็เปลืองแรงดูแลจริงๆ ค่ะ เนี่ยห้องน้ำไม่ได้ใช้เลย แต่ก็ยังมีกลิ่นไม่ดี ไม่รู้ว่าร้านคุณป้ามีน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำบ้างหรือเปล่าค่ะ”

“หะ ห้องน้ำไหนเหรอที่กลิ่นไม่ดี มันตันหรือมันซึมหรือเปล่า ให้ช่างไปดูดีกว่ามั้ย”

“ห้องน้ำข้างล่างค่ะ คุณป้า มินตรวจดูแล้วนะคะ ไม่มีน้ำซึมออกมาค่ะ และก็ไม่ได้ตันด้วยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าวันนั้นที่มินทำความสะอาดเสร็จแล้วพนักงานขนของแอบมาใช้แล้วทำสกปรกไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ กลิ่นแรงก็เลยว่าจะหาอะไรไปดับกลิ่นค่ะ”

“หะ หะ ห้องน้ำข้างล่างเหรอ เอ่อ ที่ติดกับห้องเก็บของใช่มั้ย” ป้าอุษาถามด้วยความตกใจเล็กน้อย

“ใช่ค่ะ บ้านคุณป้าก็เป็นแบบบ้านเดียวกันเหรอค่ะ” มินไม่ได้สังเกตอาการของเจ้าร้านแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ยืนมองหาของที่ตัวเองต้องการอยู่ เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ ทั้งสามคนที่อยู่ในร้านได้หันไปมองหน้ากันด้วยหน้าตาที่ซีดเผือดไปเรียบร้อยแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 3

    “ฉันเลือก....”คำพูดของภูมิขาดหายไปเมื่อเขาตระหนักว่าการเลือกไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ ถ้าหากเขาเลือกเป็นตัวตายตัวแทนของซัน คนอื่นก็อาจจะรอดไปได้ แต่เขาเองจะติดอยู่ในวงจรอาถรรพ์นี้ต่อไป และหากเขาเลือกจะเป็นเพื่อนซัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคำสาปนี้จะจบลงมีทางเลือกอื่นไหม? ทางที่จะทำลายคำสาปนี้ให้หมดสิ้นไปซันหายไปแล้วราวกับว่าต้องการให้ภูมิได้มีเวลาคิดถึงทางเลือกของตัวเองภูมินิ่งคิดสักพักใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องนอนเพื่อค้นเอกสารเก่าที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ หากคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง มันต้องมีร่องรอยหรือวิธีแก้ไขอยู่ในบันทึกเหล่านั้นพลิกกระดาษเก่า ๆ ไปทีละหน้า เขาสะดุดตากับข้อความหนึ่งในรายงานของตำรวจที่ระบุถึง “วัตถุปริศนา” ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของของบ้าน เป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายที่ดูคล้ายกับซันอย่างไม่น่าเชื่อ และมีข่าวลือว่ามันเคยถูกทำลาย แต่กลับฟื้นคืนมาในสภาพเดิมอย่างไม่มีร่องรอยความเสียหาย‘หลวงพี่โต้งเคยพูดถึงรูปปั้นนี้... มีคนเคยทำลายมัน แต่เพราะทำลายผิดวิธี มันจึงกลับมาได้’ห

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 2

    ภูมิถอนหายใจยาวหลังจากวางสายกับแฟนของประภาพิมพ์ ดูเหมือนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเลขที่ 13 จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ายังมีบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้แต่คำถามสำคัญคือ... ทำไม?คืนนั้น เขากลับมาที่บ้านเลขที่ 13 อีกครั้งด้วยความรู้สึกกดดันแปลก ๆ คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างที่ยังคงคลุมเครืออยู่ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำ เขาสังเกตเห็นป้าอุษาแอบมองจากหน้าต่างร้านของตัวเอง แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเขาใช้กุญแจไขประตูเข้าไปข้างใน บรรยากาศในบ้านเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของตัวเขาเองที่สะท้อนในความว่างเปล่าเขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คราวนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องสุดท้ายของบ้านภายในห้องนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ วอลเปเปอร์บนกำแพงเริ่มลอกออก โต๊ะเขียนหนังสือเก่าถูกตั้งไว้ริมหน้าต่าง มีรูปถ่ายที่ซีดจางวางอยู่บนโต๊ะมือของภูมิเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปของครอบครัวหนึ่ง—พ่อ แม่ และเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายในรูป... หน้าตาเหมือนเ

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 1

    เสียงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมครูดกับพื้นซีเมนต์ดังลั่นเมื่อภูมิเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านเลขที่ 13 บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนผิดปกติ มีเพียงเสียงลมพัดไหวผ่านต้นไม้แห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วเท่านั้นเขาหยิบกุญแจที่ป้าอุษาให้มา แล้วไขประตูเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีเพียงแสงจากดวงไฟถนนด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีม่านขาดรุ่งริ่ง ภูมิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม“เริ่มงานเลยดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตกับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า เขาวางข้าวของไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกแล้วเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ บ้านภูมิได้รับหน้าที่ทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับบ้านร้างที่มีอาถรรพ์มากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านหลังนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบด้วย ภูมิจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือฝุ่นที่เกาะหนาเตอะตามเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เป็นไปได้ว่าบ้านหลังนี้อาจไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่ที่แปลกคือไม่มีร่องรอยของสัตว์รบกวน เช่นหนูหรือแมลงสาบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีบางอย่างทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาภูมิก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ปร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 22 (ตอนจบ)

    มินยืนตัวแข็งทื่อ ร่างของเธอราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น ความกลัวพุ่งเข้าจู่โจมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาของเด็กชายที่ชื่อซันนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างกาย"พี่มิน... จะทำยังไงหรือฮะ?" เสียงเย็นเยียบของเด็กชายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาดที่เริ่มฉีกกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ควรจะทำได้มินพยายามถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับตามที่ต้องการ หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซัน... เธอเป็นใครกันแน่!" มินตะโกนออกไปสุดเสียง ความหวังที่ว่าเด็กชายตรงหน้าจะตอบคำถามเธอด้วยความเมตตานั้นไม่มีอยู่จริงซันหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในห้องเก็บของแคบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้"พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฮะ... แค่รู้ไว้ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่... อยู่กับผม... ตลอดไป!"ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง แรงมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าโถมใส่มิน ร่างของเธอลอยหวือกระแทกกับผนังด้านหลังจนรู้สึกได้ถึงแรงกระแท

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 21

    มินจ้องมองที่กำแพงด้วยความหวาดกลัว ชื่อของเธอกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัวอักษร เหมือนมีมือล่องหนกำลังเขียนมันลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกวินาที ความกลัวที่เคยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของเธอ ตอนนี้ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง“ไม่... นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง...” มินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธได้เธอรีบคว้าจดหมายฉบับอื่นๆ ในกล่องขึ้นมาอ่าน ทุกฉบับล้วนแต่เป็นจดหมายที่เขียนโดยผู้เช่าบ้านคนก่อนๆ ที่ต่างก็พยายามยกเลิกสัญญาเช่า แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ จดหมายแต่ละฉบับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง บางฉบับถึงกับเขียนถึงการพบเจอสิ่งลึกลับในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกับที่เธอกำลังประสบอยู่มินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในความลึกลับที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เธอต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ซัน... ซันช่วยพี่หน่อย...” มินร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบ

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 20

    “หา เด็กผู้ชาย ใช่ ซันหรือเปล่า” มินพึมพำกับตัวเอง รีบเปิดวันต่อไปเพื่ออ่านต่อเมื่อคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ หญิงสาวก็เริ่มมีความหวาดหวั่น เหมือนทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอเดินตามรอยของหญิงสาวคนนี้ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเผชิญกับความลึกลับที่เธอกำลังประสบอยู่ เธอพลิกหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อ“วันที่ 11 วันนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในบ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนกลางคืน ทั้งที่ฉันอยู่คนเดียว เสียงนั่นเหมือนกับเด็กวิ่งไปมาบนพื้นไม้ แต่เมื่อฉันเปิดไฟดู ก็ไม่มีอะไร ฉันพยายามบอกตัวเองว่ามันอาจเป็นแค่เสียงบ้านเก่าแต่ใจฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วันที่ 12 ฉันเห็นเขาแล้ว... เด็กชายคนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมห้อง มองมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฉันพยายามตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็หายไปในความมืด ฉันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจวันที่ 13 ฉันพบรอยขีดเขียนบนกำแพงห้องเก็บของ มันเป็นรายชื่อของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านนี้ พร้อมกับวันที่เสียชีวิต ฉันเห็นชื่อของตัวเองถูกเขียน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status