เช้าวันต่อมา
พรึ่บ!! ฉันลืมตาขึ้นมาหลังจากที่หลับไปทั้งคืน เมื่อคืนนี้…ฉันหลับอยู่บนเตียง…กับเขาจริงๆสินะ เฮ้อออ! หลับลงไปได้ยังไงเนี่ย? “ตื่นแล้วก็ลุกซะ! ถ้าสายฉันไม่รอหรอกนะ” เสียงที่คุ้นหูของคุณคิมหันต์ดังออกมาจากห้องน้ำ ตามมาด้วยร่างของคนตัวสูงที่กำลังเดินออกมา ขวับ!! สภาพของคุณคิมหันต์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องรีบหลบหน้าไปมองทางอื่น เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปกปิดส่วนล่างของคนตัวสูงไว้เท่านั้น และในมือของเขาก็ยังมีผ้าขนหนูอีกผืนหนึ่งไว้เช็ดผมที่เปียกปอนของตัวเอง นี่เขา…ไม่รู้จักอายเลยรึไง!? -////- “ระ…รู้แล้วค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” “เดี๋ยว!” “อะไร…คะ?” “เสื้อเธอน่ะ ฉันทิ้งไปแล้ว” เสื้อฉัน! หมายถึงเสื้อที่เปียกน้ำเมื่อคืนเหรอ? “อะไรนะ? คุณทิ้งเสื้อฉันแล้ว…ฉันจะใส่อะไรล่ะ?” “นั่นไง!” เขาใช้สายตามองต่ำลงมาบนเตียง ข้างๆฉัน ขวับ!! ฉันหันไปมองตามสายตาของเขา ก่อนจะเห็นว่ามันมีถุงเสื้อวางไว้อยู่ข้างๆฉันจริงๆด้วย “อย่าสายล่ะ!” เขาพูดแค่นั้น แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ฉันหันกลับมามองเสื้อที่วางอยู่ข้างๆอีกครั้ง เขาเตรียมเสื้อไว้ให้ฉันเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ความจริงฉันอาบน้ำเสร็จตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว แต่ฉันยังออกไปจากห้องน้ำไม่ได้สักที เพราะต้องมาเสียเวลาให้กับชุดที่คุณคิมหันต์เตรียมไว้ให้เนี่ยสิ ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะเตรียมเสื้อที่มันยุ่งยากแบบนี้ให้ฉันทำไม ไอ้ชุดเดรสแขนยาว ตัวสั้นสีฟ้าอ่อนแบบนี้ มันดูไม่เหมือนชุดที่เอาไว้ใส่กลับบ้านเลยสักนิด เหมือนเสื้อออกงานมากกว่า ฉันเสียเวลาไปเกือบสิบห้านาที ในการหาวิธีดึงซิปเสื้อที่อยู่ข้างหลังขึ้นมา แต่ทำยังไงมันก็ดึงขึ้นมาไม่ได้สักที ฉันเอื้อมไปดึงซิปไม่ถึงจริงๆ เอื้อมจากข้างล่างก็แล้ว จากข้างบนก็แล้ว แต่ก็ยังเอื้อมไม่ถึง ทำไงดีล่ะทีนี้? ทำไมเขาไม่เอาเสื้อยืดธรรมดาๆมาให้ฉันใส่ ง่ายกว่าตั้งเยอะ! เฮ้อออ! คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ ถ้าไม่ขอให้เขาช่วย ฉันก็คงออกไปจากห้องน้ำไม่ได้สักที แอ๊ดดดด!! ฉันหายใจเข้าออกเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดเปิดประตูออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทันทีที่เปิดประตูออกไป ฉันก็เจอเข้ากับร่างของคนตัวสูงที่กำลังยืนกอดอกหันหลังมองออกไปนอกกระจกห้อง ตึกตักๆๆ!! ไม่รู้ทำไมแต่วินาทีที่ฉันได้เห็นแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงตรงหน้า จู่ๆหน้าอกข้างซ้ายของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ ทำไมกันนะ…ทำไมใจมันถึงเต้นแรงได้ขนาดนี้ล่ะ? เพราะกลัวเหรอ? ขวับ!! และใจฉันมันยิ่งเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม เมื่อคนตัวสูงดันหันหน้ากลับเข้ามา ทำให้ฉันเผลอไปสบตาเข้ากับสายตาอันเรียบนิ่งของเขาเข้า “เอ่อ…คุณคิมหันต์ ฉะ…ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยน่ะค่ะ” ฉันพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัว ทั้งยังหลบตาคนตัวสูงตรงหน้าไปมา “มีอะไร?” “คือ…ฉัน…เอื้อมไปรูดซิปข้างหลังไม่ถึงน่ะค่ะ ก็เลย…” ตึก! ตึก! ตึก! ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดธุระของฉันจบเลย คนตัวสูงก็ก้าวเท้าเดินเข้ามาหาฉันอย่างว่องไวจนไม่ทันได้ตั้งตัว “หันหลังไป!” “คะ?” “ไม่หันหลังแล้วฉันจะรูดซิปให้เธอได้ยังไง?” อ่า…เขาคงเข้าใจเจตนาของฉันแล้วสินะ “เอ่อ…ค่ะ!” ฉัน…ค่อยๆหันหลังให้เขากลับช้าๆ พลางรวบผมยาวสลวยของตัวเองมาไว้ข้างหน้า ฟึ่บ! ฉันแอบสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ว่ามือของคนตัวสูงข้างหลังสัมผัสไปโดนแผ่นหลังของฉัน ตึกตักๆๆ!! ทุกๆการกระทำที่รู้สึกได้ มันทำให้ใจฉันเต้นรัวอย่างหยุดไม่อยู่ รัวจนฉันหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ราวกับคนที่กำลังขาดอากาศหายใจยังไงยังงั้นเลย “ฟู่ววว!!” “อ้ะ! คุณคิม!” ฉันร้องสะดุ้งออกมาเมื่อจู่ๆคนตัวสูงข้างหลังก็พ่นลมหายใจออกมาเป่าเข้าที่ใบหูของฉัน ทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว “อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวโดนหนีบนะ” “=///=!!” ฉันรู้สึกได้อุณหภูมิที่มันเพิ่มขึ้นบนใบหน้าตัวเอง มันร้อนผ่าวราวกับจะละลายหายไปซะให้ได้ เฮ้อออ! ทำไมเวลามันผ่านไปนานจังนะ เมื่อไรเขาจะรูดซิปเสร็จสักที “หึ! เหมาะดีนี่” คนตัวสูงพูดอะไรบางอย่างออกมาให้ฉันประหลาดใจขึ้นอีกแล้ว “ชุดทำงานวันแรกของเธอ เหมาะดีนะ!” ชุดทำงานเหรอ? “คุณ…หมายความว่ายังไง?” ฉันกำลังจะหันกลับไปถามเขาให้รู้เรื่อง แต่ก็โดนคนตัวสูงจับตัวให้อยู่นิ่งตามเดิม “อ้าว…นี่ฉันยังไม่ได้บอกเธอเหรอ?” น้ำเสียงที่ฟังดูน่าสงสัยของเขา มันหมายความว่ายังไง “…” “ต่อไปนี้…เธอต้องมาฝึกงานกับฉันนะ เกวลิน” ฝึกงาน!? ฉันไม่เคยบอกสักหน่อยว่าฉันจะฝึกงานกับเขา ฉันยังไม่ได้ส่งใบฝึกงาน…หรือว่า… ขวับ!! ฉันหันกลับไปมองคนตัวสูงตรงหน้า ถ้าไม่หันกลับมา…ฉันก็คงไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอีกแล้ว รอยยิ้มแบบนี้มัน…หายนะชัดๆ “นี่คุณทำอะไรกับใบฝึกงานของฉัน!” “หึ! ฉันก็แค่…ช่วยส่งมันให้คณะเธอแค่นั้นเอง อ้อ! แล้วก็…แอบเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ยื่นไปด้วย” เฮอะ! เขาทำแบบนี้ได้ยังไง? ฉันรู้ว่าการหลุดพ้นจากเขาและตระกูลของเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่อย่างน้อยฉันก็หวังว่าฉันจะได้เลือกทางของตัวเองบ้าง แต่…แต่สุดท้าย…มันก็สูญเปล่าอีกแล้ว “คุณ…ทำแบบนี้ทำไม?” ฟึ่บ!! คนตรงหน้ามองฉันกลับมาด้วยสายตาที่เยือกเย็นน่าขนลุก พลางยกมือขึ้นมาปัดป่ายเส้นผมที่ปรกหน้าฉันอย่างเยือกเย็น “ฉันบอกแล้วไง…ว่าเธอเป็นของฉัน! อย่าได้คิดหวัง…ในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เลย เกวลิน เธอ…ไม่มีทางหนีฉันไปไหนพ้นหรอก เข้าใจมั้ย?” “เฮอะ! คุณมัน…น่าเกลียดที่สุด!!” ใช่! ฉันเผลอลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะเลย ฉันเผลอลืมไปเลย…ว่าผู้ชายคนนี้น่าเกลียดขนาดไหน ทั้งน่าเกลียด ทั้งน่ารังเกียจ มันไม่มีทางที่ฉันจะมีความรู้สึกอื่นให้คนๆนี้ได้ นอกจากความเกลียดเท่านั้น! แค่คำว่าเกลียดจริงๆ!![คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ