“พร้อมจะเริ่มงานรึยังหืม?” น้ำเสียงและแววตาเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกมาจากคนตัวสูงตรงหน้า มันน่าขนลุกที่สุดเลย โดยเฉพาะริมฝีปากที่ยกยิ้มมุมปากขึ้นมานั่นน่ะ …น่าเกลียดที่สุด!!
“ถ้าฉันไม่ทำ…” “ทุนการศึกษาของเธอ…ก็คงจะถูกตัดไปตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตของเธอ…ก็คงจะลำบากมากเลยล่ะ เกวลิน!” “เผด็จการ!!” “ไม่เอาน่าเกวลิน มันเป็นสิ่งที่เธอต้องทำอยู่แล้วนี่ พ่อฉันอุตส่าห์ให้ค่าเลี้ยงดู ให้ที่ซุกหัวนอน ให้การศึกษาที่ดี เธอก็ต้องตอบแทนตระกูลฉัน…มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?” คำพูดเยือกเย็นที่เปล่งออกมา มันเหมือนมีดที่แทงใจฉันเข้าไปลึกสุดขั้ว เพราะสิ่งที่คนตรงหน้าพูด…มันคือความจริงทุกอย่าง ชีวิตของฉัน…มันอยู่ในกำมือของตระกูลอัศวนันทร์มาตั้งแต่แรกแล้ว ฉัน…ไม่มีทางจะหลุดพ้นจากตระกูลนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว “ฉัน…ต้องทำยังไง?” “อะไรนะ?” “ฉันต้องทำยังไง…ถึงจะหลุดพ้นจากพวกคุณได้สักที?” เพราะความโกรธที่มันมากเกินควบคุม ทำให้ฉันโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ “หึ!” หมับ!! คนตัวสูงยกยิ้มมุมปากที่น่าขนลุกขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือตัวเองเข้ามาโอบเอวฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเขาอย่างไว “คุณคิม! ปล่อยฉันนะ!!” ฉันร้องตะโกน ดีดดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากแขนแกร่งที่โอบเอวฉันเอาไว้แน่น “เกวลิน…เธอเป็นคนเดินเข้ามาในตระกูลฉันเองนะ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเสียใจทีหลังแบบนี้ เธอก็ไม่ควรก้าวเท้าเข้ามาในตระกูลฉันตั้งแต่แรกสิ” น้ำเสียงเยือกเย็นที่ดังอยู่ข้างหูมันน่าขนลุกที่สุด “…” ฉันไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของคนตรงหน้าได้เลย เขาพูดถูกทุกอย่าง วันนั้น…ถ้าฉันไม่ตอบรับความช่วยเหลือจากท่านประธาน ฉันก็คงไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนี้หรอก แต่ฉันเป็นคนเลือกตอบรับความช่วยเหลือจากท่านประธานเอง เพราะงั้น…มันก็ถูกแล้วที่ฉันต้องตอบแทนตระกูลอัศวนันทร์ “อย่าเสียใจไปเลยเกวลิน ในอนาคตมันยังมีอีกหลายเรื่อง…ที่เธอจะต้องเสียใจมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น…เตรียมตัวรับมือกับมันให้ได้ล่ะ” พลั่ก!! ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักคนตรงหน้าให้ออกไปจากตัวได้สำเร็จ ฉัน…ไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยสักนิด เสียใจเหรอ? สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดในชีวิตฉัน ก็คือการได้มาเจอคนใจร้ายแบบคุณเนี่ยแหละ คุณคิมหันต์!! “ไม่มีอะไรน่าเสียใจไปกว่าการที่ต้องมาลงเอยกับคนใจร้ายแบบคุณอีกแล้วล่ะ!!” “หึ! เธอมันโง่ไม่เปลี่ยนเลยนะเกวลิน!” ก๊อกๆๆ!! เสียงประตูดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอึดอัดระหว่างฉันกับคนตัวสูง “เลิกโวยวายแล้วเตรียมตัวไปทำงานได้ล่ะ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหันหลังตรงไปยังประตูห้อง เหอะ! บ้าที่สุดที่เลย! ไอ้คนเฮงซวยเอ้ย!! “สวัสดีครับคุณคิมหันต์! ได้เวลาเข้าร่วมประชุมแล้วครับ” ร่างของชายใส่แว่นคนหนึ่งปรากฏขึ้นทันทีที่คนตัวสูงเปิดประตูห้องออกมา “ได้ยินแล้วใช่มั้ย? เกวลิน!” เฮอะ! ยังจะมีหน้ามาตอกย้ำฉันอีก คุณมันบ้าไปแล้วจริงๆ!! ห้องประชุม “ตอนนี้พนักงานทุกคนของโรงแรมรออยู่ข้างในแล้วครับ” แม้จะไม่อยากตามมา แต่สุดท้ายก็ต้องเดินต้อยๆตามคนเผด็จการนี่ออกมาถึงห้องประชุมจนได้ แอ๊ดดด!! ผู้ชายใส่แว่นคนเดียวกับที่เคาะประตูหน้าห้องเมื่อกี้พูดขึ้นมา ก่อนจะหันกลับไปเปิดประตูห้องประชุมให้คนตัวสูง จอแจๆ!! วินาทีที่เปิดประตูออกมาฉันได้ยินเสียงคนในห้องประชุมคุยซุบซิบกันดังกึกก้องทั่วห้อง กริบ!! แต่ทันทีที่เราทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางผู้คนนับสิบที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เสียงซุบซิบนินทาที่เคยดังกลับเงียบลงในทันที ราวกับกดสวิตซ์หยุดไว้ได้งั้นแหละ พอก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้ว สายตาของพนักงานโรงแรมนับสิบชีวิตจ้องมองมาที่เราสามคนกันเป็นตาเดียว สายตาที่ดูเลิ่กลั่กของแต่ละคนเวลาสบเข้ากับตาของฉัน ทำให้ฉันพอจะเดาออกว่าหัวข้อหลักของเสียงซุบซิบนินทาที่ดังขึ้นมาก่อนหน้านี้ ต้องมีฉันกับคนตัวสูงรวมอยู่ด้วยแน่ๆ พากันจ้องขนาดนี้…น่าอึดอัดชะมัด!! “ไปนั่งรอตรงนู้นไป!” คนตัวสูงพูดพลางส่งสายตาไปยังเก้าอี้ที่วางอยู่ริมผนังห้องประชุม ที่ตรงนั้นน่าจะช่วยให้อึดอัดน้อยลงได้นะ เพราะดูเป็นที่ที่รอดพ้นสายตาของทุกคนได้มากที่สุดแล้ว “ค่ะ!” ฉันตอบกลับไปก่อนจะเดินดุ่มๆไปนั่งบนเก้าอี้ริมประตู “ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ นี่คุณคิมหันต์ อัศวนันทร์ ท่านประธานคนใหม่ของโรงแรมเอ.เอส.เอ็นกรุ๊ปครับ!” ยังนั่งไม่ทันติดเก้าอี้ ก็ต้องตกใจกับคำพูดของผู้ชายใส่แว่นอีกแล้ว และดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ตกใจ พนักงานทุกคนที่นั่งอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ต่างก็ดูตกใจไม่แพ้กันเลย คุณคิมหันต์กลายมาเป็นประธานของเอ.เอส.เอ็นกรุ๊ปได้ยังไงกัน? ถึงฉันจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของอัศวนันทร์กรุ๊ป แต่เพราะเรียนบริหารเลยได้ศึกษาตัวอย่างการบริหารธุรกิจของอัศวนันทร์กรุ๊ปที่มหาลัยบ่อยๆ จากข้อมูลที่รู้มาโรงแรมแห่งนี้มีผู้รักษาการณ์ตำแหน่งประธานโรงแรมอยู่ก่อนแล้วนี่ ถึงจะยังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ แต่ทั้งคนนอกและคนในต่างก็มั่นใจ ว่าคนที่จะได้รับตำแหน่งประธานคือคุณเหมันต์ อัศวนันทร์ ฉันเองก็ไม่เคยเจอกับคุณเหมันต์หรอก แต่รู้แค่ว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของท่านประธาน และเป็นพี่ชายต่างแม่ของคุณคิมหันต์ แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นคุณคิมหันต์ที่มารับตำแหน่งประธานโรงแรมแทนได้ล่ะ?[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ