2
คืนวิวาห์
มหัศจรรย์พันลึกมากสำหรับงานแต่งที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ ก่อนหน้าที่จะมีวันนี้วิเนตย์ไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปหาเธอที่บ้านของยายนวลน้อยเลยแม้แต่วันเดียว วธุกานับหนึ่งถึงสิบทุกครั้งที่อยากจะขอยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ พอมาคิดถึงเรื่องสินสอดที่ยายนวลน้อยรับมาแล้วก็ทำไม่ลงเลยจริงๆ ภายในงานเป็นไปอย่างเรียบง่ายแขกเหรื่อก็มีเพียงแค่ญาติสนิทของคู่บ่าวสาวฝั่งละไม่กี่สิบคนครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวแบบถนัดตาก็ในวันแต่งงานของตัวเองนี่แหละ อดยอมรับไม่ได้ว่าวิเนตย์เป็นชายไทยแท้ผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม แววตาดุดันจนบางครั้งก็น่ากลัวจนเกินไป ตลอดเวลาที่อยู่ภายในงานเขาไม่ชวนเธอพูดสักคำเดียว แม้แต่รอยยิ้มนิดๆ ก็ยังไม่มี นี่มันงานแต่งประเภทไหนกันอยากรู้นัก แต่วธุกาก็มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะรักษาหน้าของทุกคนเอาไว้ ด้วยการนิ่งและเงียบจนกว่าจะได้ฤกษ์เข้าหอ และอยู่ด้วยกันสองต่อสองภายในห้องนอน
“คุณเข้าใจกฎเหล็กสามข้อของผมดีหรือยัง” นี่คือคำพูดแรกของเจ้าบ่าวภายในห้องหอ เจ้าสาวคนงามถึงกับถอนหายใจเบาๆ ที่ได้ยิน
“เข้าใจค่ะ” อาจจะเพราะเหนื่อยหรือล้าก็เป็นได้ทำให้วธุกาไม่มีแรงแม้จะโต้ตอบเขาได้มากกว่านี้
“ก็ดี งั้นผมจะย้ำอีกทีนะคุณวาท ก่อนที่คุณจะเป็นเมียผมอย่างเต็มตัวในคืนนี้” คราวนี้เจ้าสาวแสนสวยถึงกับหันขวับไปมองคนพูด ‘เย็นไว้วาทๆ’ ในใจก็พร่ำบอกตัวเองแบบนี้
“ผมแต่งงานเพราะอยากได้เมีย” มันผิดปกติตรงไหน ผู้หญิงคนไหนแต่งงานก็ต้องเป็นเมียกันทั้งนั้น
“แต่ผมไม่ต้องการแม่ของลูก หรือเพื่อนคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า” อันนี้ชักไม่ปกติเสียแล้ว วธุกาคิ้วขมวดแน่นเพราะไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
“ผมต้องการแค่เรื่องบนเตียง...ผมถึงเลือกคุณ” ตายอนาถกับความจริงข้อนี้ วธุกาเซหลุนๆ ไปด้านหลังแล้วนั่งลงบนเตียงนอนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแสนสวยเอาไว้ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไว้ยังดูออกว่าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ป้าคุณไม่ได้บอกหรือยังไง ผมให้คนบอกเรื่องนี้ไปตั้งแต่วันที่ไปขอคุณแล้วนะคุณวาท” วิเนตย์พูดคล้ายตำหนิเจ้าสาวของตนเอง วธุกาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขา แววตาไหวระริกอย่างเจ็บปวดในคำพูดของเจ้าบ่าวตัวเอง
“คุณวิเนตย์คุณมันบ้าที่สุด ใครเขาไปขอผู้หญิงเพียงเพราะเรื่องบนเตียงกันบ้าง”
“ผมถึงเลือกคุณยังไงล่ะ”
“หา! เลือกฉันทำไมคะ ฉันมันมีอะไรที่ไปเตะตาต้องใจคุณเข้า” ถามแล้วก็หายใจหอบแรงเข้าอย่างโมโห
“คุณอายุสามสิบห้าปีไม่เคยมีคนรัก ผมคิดว่าคุณน่าจะต้องการสิ่งเดียวกับผม”
“คุณคิดว่าฉันอดอยากปากแห้งมากจนต้องมาแต่งงานกับคุณเพื่อเรื่องบนเตียงนี่เหรอ คุณเอาอะไรมาคิด จะบอกให้นะถ้าฉันรู้ก่อนหน้าว่าที่คุณอยากแต่งงานด้วยเพราะเรื่องนี้ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่แต่งหรอก!” หญิงสาวตะโกนใส่เขาจนเจ็บคอ ยกมือขึ้นกุมขมับที่เริ่มจะปวดจี๊ดๆ ขึ้นมา
“แสดงว่าป้าคุณไม่ได้บอก” ฝ่ายเจ้าบ่าวกลับใจเย็นได้อย่างน่าประหลาดใจ ซ้ำยังเลิกคิ้วถามอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คุณป้าบอกแต่ไม่หมด” หญิงสาวสะบัดเสียงใส่เขาอย่างโกรธๆ
“งั้นก็ช่วยไม่ได้”
“อะไรนะ! นี่คุณ” วธุกานึกว่าตัวเองฟังผิดไป แต่เจ้าบ่าวของเธอกลับยืนยันด้วยคำพูดประโยคถัดมา
“ผมจ่ายค่าสินสอดไปแล้ว คุณก็ต้องทำหน้าที่ของคุณ งานนี้รับรองใครเบี้ยวผมเอาตายแน่” มีขู่พร้อม
“คุณหมายความว่าไง นี่อย่าบอกนะว่าคุณ...” ท่าทางของเจ้าบ่าวเธอชักเริ่มไม่ดีเสียแล้ว เขากำลังรูดเนกไทออกจากลำคอพร้อมปลดกระดุมออกหมดทุกเม็ด
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละคุณวาท เพราะว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว งานแต่งจัดไปแล้วทุกคนรับรู้หมดแล้วว่าคุณคือเมียของผม คุณก็ต้องทำหน้าที่ของคุณ”
“โอ๊ะ!” ข้อมือเรียวถูกเจ้าบ่าวดึงให้ลุกขึ้นยืน วิเนตย์กระชากผ้าปูที่นอนออกจากเตียงสุดแรง กลีบกุหลาบหล่นเกลื่อนเต็มพื้นห้อง โดยที่บทสนทนาเมื่อครู่นี้ยังไม่ได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด
“ยืนทำบื้ออะไรอยู่ ไปหยิบผ้าปูมาเปลี่ยนสิในตู้” คนพูดชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้า วธุกายังปรับตัวและหัวใจไม่ทัน แต่ก็ยอมที่จะเดินตัวตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่ออกมาแบบงงๆ
“ไม่รู้จะโรยอะไรกันนักหนาเสียเวลาชะมัด” พูดไปก็ใช้เท้าเขี่ยกลีบกุหลาบให้พ้นทางเดินไปด้วย วธุกามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ดูเขาเร่งรีบแบบแปลกๆ ชอบกล
“เปลี่ยนทำไมคะ” ไม่อยากจะใสซื่อแต่อยากรู้จริงๆ
“นอนทับกลีบกุหลาบนี่เข้าไปก็คันแย่ เร็วเข้าคุณวาท มาช่วยผมปูที่นอนด้วย” เขาสั่งพร้อมกับสะบัดผ้าปูไปให้หญิงสาวที่ยืนอยู่อีกฝั่ง วธุกายืนงงแค่ครู่เดียว ครั้นเจอสายตาจ้องดุใส่ก็จำต้องช่วยเขาปูผ้าปูที่นอนแบบเลี่ยงไม่ได้ จนทุกอย่างเรียบร้อยเจ้าสาวแสนสวยก็กลับมายืนมองเจ้าบ่าวที่กำลังสลัดเสื้อสีขาวออกอย่างหวั่นๆ
“แก้ผ้าสิคุณวาท รออะไรอยู่” วิเนตย์บอกขณะที่มือก็แกะกระดุมกางเกงเจ้าบ่าวออก
“แก้ผ้า!” วธุกาสะดุ้งจนกลัวหันมองไปรอบๆ ก็รู้สึกหวาดระแวงแบบแปลกๆ
“ใช่มันแปลกตรงไหน วันนี้ผมเหนื่อยมามากพอแล้วรีบๆ เถอะเสร็จแล้วจะได้นอน” หญิงสาวได้ยินแล้วหนังตากระตุกถี่ๆ เคยได้ยินว่าเขาเป็นคนขวานผ่าซากคิดยังไงก็พูดยังงั้น เพิ่มเข้าไปอีกนิดว่า ห่าม ดิบ และ เถื่อนมาก! สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จะผิดไหมหากเธอจะปฏิเสธเขาในคืนนี้
“เอ่อ คือว่าฉัน”
“อย่ามาบอกว่าเหนื่อยขอนอนก่อน เพราะผมคงจะเหนื่อยยิ่งกว่าคุณตอนทำ”
“อ๊าย! คุณมันบ้าที่สุด ช่วยพูดอะไรให้มันรู้สึกดีๆ หน่อยจะได้ไหม แค่นี้ฉันก็รู้สึกแย่เกินจะทนไหวแล้ว” วธุกาอยากร้องไห้เหลือเกินในตอนนี้ ฟังเขาพูดสิมันน่านัก น่าเอาไม้หน้าสามมาฟาดหัวสักสองสามที เผื่อสมองของเขาจะเข้าที่เข้าทางเป็นคนปกติขึ้นมาบ้าง
ตอนที่ : 61 แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ (จบ)23แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ แวมสกาวสาวน้อยในวัยสี่ขวบกลายเป็นขวัญใจของทุกคน เด็กน้อยโตขึ้นมากับการเลี้ยงดูที่ดีจนเกินเหตุ หรือว่าเป็นที่ตัวเด็กเองที่ชอบการรับประทานอาหารเป็นที่สุดก็ไม่รู้ จึงทำให้กลายเป็นเด็กตัวอ้วนปุ๊กลุกเกินกว่าปกติ วธุกาเองก็ตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าวาทตามความต้องการของสามี ในขณะเดียวกันก็เรียกเขาสั้นๆ ว่าคุณเนตย์เหมือนกัน วันนี้วธุกาได้พาลูกสาวไปเยี่ยมเยียนนนท์นทีตั้งแต่ช่วงสายแล้ว เที่ยงนี้วิเนตย์จึงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จเขาก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก เพื่อที่จะเอนหลังตรงโซฟา แต่แล้วสายตาของชายหนุ่มก็มองไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องร
ตอนที่ : 60 ปล่อยวาง 3 วธุกาเปลี่ยนชุดเป็นบิกินีสีแดงเพลิง เป็นชุดเดียวกับที่เคยใส่ตอนฮันนีมูนครั้งแรก ส่วนสามีของเธอก็เดินไปปิดม่านตรงหน้าบ้านพักไม่ให้คนข้างนอกมองผ่านเข้ามาได้ ปิดไฟตรงหน้าบ้านให้เหลือเพียงโคมสลัวๆ แสงนวลตา ในบ้านหากลูกร้องก็สามารถได้ยินเสียงได้เช่นเดียวกัน เมื่อพร้อมเสร็จสรรพทุกสิ่งอย่าง ภรรยาคนงามก็เดินลงไปแช่ตัวอยู่ในสระว่ายน้ำขนาดเล็ก มีน้ำผลไม้วางไว้บนขอบสระพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มของสามี มองเห็นเขาเดินเข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วแล้วหัวใจของภรรยาอย่างเธอก็เต้นแรง “กินเบียร์ก่อนไหมคุณวิเนตย์ มีของว่างด้วยนะคะ” พยายามเบี่ยงความสนใจไปที่เครื่องดื่มและของว่าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย เพราะเขาเดินลงสระว่ายน้ำและตรงดิ่งมาหาเธอในทันที
ตอนที่ : 59 ปล่อยวาง 2 “อยากไหม จูบน่ะ” เจอคำถามจี้ใจดำกับสายตาประกายหยาดเยิ้ม วธุกาเลยต้องก้มหน้าลงต่ำจนปากนุ่มแตะกับริมฝีปากหนาของสามี เพียงเท่านั้นท้ายทอยของเธอก็ถูกเขารั้งเอาไว้แน่น แล้วแทรกชิวหาอุ่นซ่านเข้าหาอย่างรวดเร็ว จูบของเขาช่างหอมหวานละมุนละไม อ่อนนุ่มนาบเนิบตามความปรารถนา เนิ่นนานพอสมควรก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากกัน ริมฝีปากของวธุกามันวับจนเขาต้องยกมือขึ้นเช็ดป้ายให้“หวานมากคุณวาท”“ปากคนนะคะไม่ใช่น้ำตาล” “เอางี้ดีไหมคุณวาท ครั้งนี้ถือว่าเรามาฮันนีมูนกันรอบสองดีไหม บรรยากาศให้ด้วยดูสิท้องฟ้าสีสวย ทะเลก็แสนงาม มีหาดทรายสีขาวนวลพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้นึกถึงวันที่เราฮันนีมูนกันคุณว่าไหม” “จะดีเหรอคะ” 
ตอนที่ : 58 ปล่อยวาง22ปล่อยวาง สองเดือนหลังจากนั้นวธุกาก็ได้รับข่าวร้าย บิดาของเธอได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งอาการป่วยของท่านมาก่อนหน้านี้ แต่มีโทรศัพท์มาที่บ้านยายนวลน้อยในวันที่ท่านเสียไปแล้ว นางอารตีบ่นแล้วบ่นอีกเพราะบิดาของวธุกาไม่เคยติดต่อมาถามไถ่ข่าวคราวลูกสาวเลย แต่พอเสียชีวิตลงฝ่ายภรรยาใหม่ก็โทรศัพท์มาบอกเสียอย่างนั้น “ไม่ตายก็ไม่โทรมานะคะคุณแม่ นึกว่าลืมเบอร์โทรไปแล้วที่ไหนได้... แสดงว่าตั้งใจทอดทิ้งยัยวาทชัดๆ” “เขาเป็นพ่อลูกกัน แกก็จะอะไรนักหนายัยตี”&
ตอนที่ : 57 ผลผลิตจากการขโมย 2 “มิน่าล่ะ ผมก็สงสัยทำไมคืนนั้นเมียผมถึงได้เร่าร้อนนักนะ รุกผมทั้งคืนเลย ที่ไหนได้ก็มีแผนอันพิลึกพิลั่นแบบนี้นี่เอง” เขาโคลงตัวไปมาเบาๆ พร้อมกับขำในเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต “ก็ต้องโทษคุณนั่นแหละที่ไม่ยอมมีลูกกับฉันเอง ก็เลยต้องใช้เล่ห์กลอุบายกันบ้าง มีเท่าไหร่ก็งัดใส่ทั้งหมด ดูซิ เคยอ่อยใครที่ไหนล่ะ แล้วยังจะทำเรื่องแบบนั้นอีก ไม่ด้านพอทำไม่ได้นะนั่น” หญิงสาวประชดประชันตัวเองไปพร้อม ดันตัวออกห่างเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะได้มองสบสายตากับเขาได้ถนัด “ผมขอเดานะว่าความคิดนี้คุณนนท์นทีต้องมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหม ลำพังคุณคงไม่คิดได้ประหลาดขนาดนี้” “ก็พูดไปนั่น ความจริงฉันตั้งใจจะไปขออสุจิที่โรงพยาบาล แต่นนท์เขาแนะ
ตอนที่ : 56 ผลผลิตจากการขโมย21ผลผลิตจากการขโมย เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของคนที่อยู่หลังโต๊ะตรงจุดบริการ ทำให้วธุกาต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองด้วยความสงสัย พบประชาสัมพันธ์สาวสวยของวิเนตย์ธารารีสอร์ตกำกระดาษทิชชูเพื่อซับคราบน้ำตาอยู่ ท่าทางเหมือนคนกำลังเสียอกเสียใจอย่างรุนแรง “ดาเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” วธุการีบเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักศิรดามาหญิงสาวก็ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ “ฮะ...ฮึก ฮือ คุณวาท ฮือๆ” คนร้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วสะอื้นฮักๆ อย่างน่าสงสาร ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่อีกคน “แล้วกัน ยิ่งร้องใหญ่เ